ผมจินตนาการขึ้นมา ไม่ใช้ข้อมูลที่มีการพิสูจน์แต่อย่างได
ภาพจุดแดงของดาวพฤหัส
แผนภาพแสดงความเร็วของพายุหมุนในจุดแดงใหญ่ของดาวพฤหัสบดี นักดาราศาสตร์พบว่าลมพายุนี้เพิ่มความเร็วขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ภายใน 11 ปีที่ผ่านมา (จาก NASA.)
เครดิตภาพตาพายุ วิกิพีเดีย
การที่พายุที่รัศมีใหญ่กว่าดาวโลก อยู่คงนานแบบนั้น มันอาจมีอะไรทำให้มันอยู่แบบนั้น จากข้อมูลที่มีอยู่คือ
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าโลกถึง 11 เท่า และมีมวลมากกว่าโลกถึง 318 เท่า
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์แก๊ส ไม่มีพื้นผิวแข็งให้เหยียบ บรรยากาศของดาวพฤหัสบดีประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นส่วนใหญ่ มีแอมโมเนียและมีเทนเล็กน้อย
พายุหมุนวนที่มีขนาดประมาณ 2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางโลก
จุดแดงใหญ่มีอายุอย่างน้อย 300 ปี และอาจมีอายุมากกว่า 1,000 ปี
ดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนบางๆ ประกอบด้วยฝุ่นและเศษหิน(มีหิน ทำไมถึงบอกว่าไม่มีพื้นแข็งให้เหยียบ แล้วหินมันไม่ตกลงไปรึ)
ดาวพฤหัสบดีมีดาวบริวาร 80 ดวง ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดคือไอโอ ยูโรปา แกนิมีด และคัลลิสโต
(ล่าสุดเหมือนว่าจะพบเพิ่มเป็น92ดวงแล้ว)
จุดแดงใหญ่มีความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 430 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (270 ไมล์ต่อชั่วโมง)
จุดแดงใหญ่มีแนวโน้มที่จะหดตัวและขยายตัว
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของจุดแดงใหญ่ *
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนมาก อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยอยู่ที่ -148 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่ชั้นบรรยากาศชั้นนอกสุดอยู่ที่ประมาณ -238 องศาเซลเซียส
-------------------------------
สิ่งที่ทำให้ผมคิดถือ ถ้ามวลของดาวมันสูงมากพอ มันก็จะมีพลังพอให้ดึงเศษดาวและแกสต่างๆเอาไว้ที่ตัวมัน เพราะงั้นพื้นชั้นในสุดของดาวอาจเป็ฯของแข็งมากกว่าของเหลว แล้วดูดเอาแกสต่างๆอัดแน่นไว้ โดยชั้นกลางจะเป็นกาศบริสุทธิ์ความหนาแน่นสูง แต่ชั้นนอกสุดเป็นเป็นชั้นที่มีการเจือบนและผสมกันของแก๊สและก๊าซหลายชนิด จึงทำปฏิกิริยาบางอย่างต่อกันจึงเกิดเป็นสีต่างๆ สีขาวอาจเกิดจากกาซที่ควบแน่นจนเป็นของเหลว หลังจากนั้นได้ผสมเข้ากับก๊าซบางชนิดที่ไม่สามารถหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้จึงเกิดเป็นสี ส่วนสีอื่นๆก็เกิดจากแร่ธาติของเศษดาวที่ถูกดูดเข้าไปภายใน หรือโดนพุ่งชนจากดาวเคราะห์บริวาร
แท้ที่จริงแล้ว จุดแดงบนดาวพฤหัสฯ อาจมีอายุมาหลายพันปีแล้ว มันค่อยๆโดนกระแสเจ๊ตสตรีมกัดเซาะจนเหลือเพียงแค่จุดเล็กๆ ส่วนจุดขาวๆเป็นเพียงการระบายออกของแก๊สที่เกิดความร้อนสะสมของแก๊สของเหลวเหมือนน้ำที่ถูกต้มจนเดือด
.
ภาพการแสดงอากาศพลศาสตร์ เมื่อกระแสลมถูกกีดขวาง มีลักษณะคล้ายกับภาพที่ปรากฏบนดาวพฤหัส

ภาพเมฆยอดเขา ที่ไม่ใช่ยาน ufo แต่อย่างได

------------------------------
หาถุงกาวแป๊บ
หรือว่า ภายในดาวพฤหัสจะมีซากดาวบริวารอยู่
ภาพจุดแดงของดาวพฤหัส
แผนภาพแสดงความเร็วของพายุหมุนในจุดแดงใหญ่ของดาวพฤหัสบดี นักดาราศาสตร์พบว่าลมพายุนี้เพิ่มความเร็วขึ้น 8 เปอร์เซ็นต์ภายใน 11 ปีที่ผ่านมา (จาก NASA.)
เครดิตภาพตาพายุ วิกิพีเดีย
การที่พายุที่รัศมีใหญ่กว่าดาวโลก อยู่คงนานแบบนั้น มันอาจมีอะไรทำให้มันอยู่แบบนั้น จากข้อมูลที่มีอยู่คือ
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะ มีขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางมากกว่าโลกถึง 11 เท่า และมีมวลมากกว่าโลกถึง 318 เท่า
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์แก๊ส ไม่มีพื้นผิวแข็งให้เหยียบ บรรยากาศของดาวพฤหัสบดีประกอบด้วยไฮโดรเจนและฮีเลียมเป็นส่วนใหญ่ มีแอมโมเนียและมีเทนเล็กน้อย
พายุหมุนวนที่มีขนาดประมาณ 2 เท่าของเส้นผ่านศูนย์กลางโลก
จุดแดงใหญ่มีอายุอย่างน้อย 300 ปี และอาจมีอายุมากกว่า 1,000 ปี
ดาวพฤหัสบดีมีวงแหวนบางๆ ประกอบด้วยฝุ่นและเศษหิน(มีหิน ทำไมถึงบอกว่าไม่มีพื้นแข็งให้เหยียบ แล้วหินมันไม่ตกลงไปรึ)
ดาวพฤหัสบดีมีดาวบริวาร 80 ดวง ดาวบริวารที่ใหญ่ที่สุดคือไอโอ ยูโรปา แกนิมีด และคัลลิสโต (ล่าสุดเหมือนว่าจะพบเพิ่มเป็น92ดวงแล้ว)
จุดแดงใหญ่มีความเร็วลมเฉลี่ยประมาณ 430 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (270 ไมล์ต่อชั่วโมง)
จุดแดงใหญ่มีแนวโน้มที่จะหดตัวและขยายตัว
นักวิทยาศาสตร์ยังไม่แน่ใจว่าอะไรเป็นสาเหตุของจุดแดงใหญ่ *
ดาวพฤหัสบดีเป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนมาก อุณหภูมิพื้นผิวเฉลี่ยอยู่ที่ -148 องศาเซลเซียส อุณหภูมิที่ชั้นบรรยากาศชั้นนอกสุดอยู่ที่ประมาณ -238 องศาเซลเซียส
-------------------------------
สิ่งที่ทำให้ผมคิดถือ ถ้ามวลของดาวมันสูงมากพอ มันก็จะมีพลังพอให้ดึงเศษดาวและแกสต่างๆเอาไว้ที่ตัวมัน เพราะงั้นพื้นชั้นในสุดของดาวอาจเป็ฯของแข็งมากกว่าของเหลว แล้วดูดเอาแกสต่างๆอัดแน่นไว้ โดยชั้นกลางจะเป็นกาศบริสุทธิ์ความหนาแน่นสูง แต่ชั้นนอกสุดเป็นเป็นชั้นที่มีการเจือบนและผสมกันของแก๊สและก๊าซหลายชนิด จึงทำปฏิกิริยาบางอย่างต่อกันจึงเกิดเป็นสีต่างๆ สีขาวอาจเกิดจากกาซที่ควบแน่นจนเป็นของเหลว หลังจากนั้นได้ผสมเข้ากับก๊าซบางชนิดที่ไม่สามารถหลอมรวมเป็นเนื้อเดียวกันได้จึงเกิดเป็นสี ส่วนสีอื่นๆก็เกิดจากแร่ธาติของเศษดาวที่ถูกดูดเข้าไปภายใน หรือโดนพุ่งชนจากดาวเคราะห์บริวาร
แท้ที่จริงแล้ว จุดแดงบนดาวพฤหัสฯ อาจมีอายุมาหลายพันปีแล้ว มันค่อยๆโดนกระแสเจ๊ตสตรีมกัดเซาะจนเหลือเพียงแค่จุดเล็กๆ ส่วนจุดขาวๆเป็นเพียงการระบายออกของแก๊สที่เกิดความร้อนสะสมของแก๊สของเหลวเหมือนน้ำที่ถูกต้มจนเดือด
.
ภาพการแสดงอากาศพลศาสตร์ เมื่อกระแสลมถูกกีดขวาง มีลักษณะคล้ายกับภาพที่ปรากฏบนดาวพฤหัส
ภาพเมฆยอดเขา ที่ไม่ใช่ยาน ufo แต่อย่างได
------------------------------
หาถุงกาวแป๊บ