เที่ยวลำพูนครึ่งวัน ไหว้พระขอพร เรียนรู้ประวัติศาสตร์ แบบไม่มีรถส่วนตัว
(เที่ยวครึ่งวัน แต่เดินทางอะวันครึ่ง)
สวัสดีทุกคนค่ะ นี่เป็นกระทู้ที่ ๓ ของเรา ต่อจากกระทู้
๑. รีวิว [วิธีนั่งรถไฟจากไทย ไปสิงคโปร์]
https://pantip.com/topic/42191855?sc=8GV9y7L
๒. [เที่ยวคนเดียว] นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี นอนเต้นท์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 2 วัน 1 คืน (ตุลาคม 2566)
https://pantip.com/topic/42268661?sc=dE9vWCS
ทริปนี้จะบอกว่าเป็นทริปกะทันหันก็คงได้ วันที่ ๑๒ ต.ค.๖๖ เข้าแอพ D-ticket กดเล่นไปๆ มาๆ ได้ตั๋วรถไฟด่วน ชั้น ๓ กรุงเทพฯ - ลำพูน มา ๑ ใบ ราคา ๒๖๗ บาท เดินทาง ๒๒.๓๐ ของวันที่กดซื้อตั๋วนี่เลย (กะทันหันไหมล่ะ?)
ทำไมถึงไปลำพูน?? เคยอ่านมาจากไหนเมื่อสมัยเด็ก ว่าพระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุประจำปีระกา ก็เลยคิดว่าต้องไปให้ได้ซักครั้ง แค่นั้นแหละ
ส่วนลำพูนที่เรารู้จักคือ… พระธาตุหริภุญชัย พระนางจามเทวี ลำไย กับนั่งรถเลยไปอีกนิดเดียวก็เชียงใหม่แล้ว
ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง คิดไปคิดมาอยู่ ๒ ชั่วโมงถ้วน ทริปนี้จะไปแค่ลำพูน แล้วก็กลับเลย วางแผนเที่ยวด้วยการเปิดกูเกิลแมพ ปักที่ๆ จะไปไว้ ๓ ที่ ๑. อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ๒. วัดพระธาตุหริภุญชัย ๓.วัดสันป่ายางหลวง คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวหาวินมอไซค์จากสถานีรถไฟไปส่งที่อนุสาวรีย์ฯ แล้วก็เดินย้อนมาอีก ๒ ที่ เดินกลับสถานีรถไฟเพื่อกลับกรุงเทพเที่ยว ๑๗.๒๐ น. สบ๊ายย
(แต่ได้ไปเยอะกว่านั้นนะ ทำยังไงไปติดตามกันโลดดด)
เย็นวันที่ ๑๒ เลิกงาน รีบกลับที่พัก เช็คแบตสำรอง แบตกล้อง ชาร์จอุปกรณ์ทุกอย่าง เตรียมอาบน้ำ ไปขึ้นรถไฟ ครั้งนี้ไปกับรถด่วน ขบวน ๕๑ รถออกเวลา ๒๒.๓๐ น. กำหนดถึงลำพูน ๑๑.๔๘ น. ของวันที่ ๑๓
ไม่รู้ว่าเพราะเป็นวันหยุด ๓ วัน หรือปกติคนเยอะอยู่แล้ว คนเต็มทุกที่นั่ง แถมด้วยตั๋วยืน ระหว่างทางมีพ่อค้าแม่ค้าขึ้นมาขายของเรื่อยๆ ไม่ต้องห่วงเรื่องหิว (ห่วงเรื่องห้องน้ำดีกว่า ฮ่าๆๆ)
เป็นครั้งแรกที่นั่งรถไฟสายเหนือไปไกลกว่าลพบุรี ตื่นเต้นมาก จะได้นั่งรถผ่านอุโมงค์รถไฟขุนตานที่เคยอ่านในหนังสือเรียนสมัยประถมแล้ววว ตอนรถไฟวิ่งผ่านอุโมงค์น่าจะใช้เวลาเกือบๆ ๓ นาที แล้วรถไฟก็จะหยุดที่สถานีขุนตาน
ประมาณเที่ยง รถไฟของเราก็มาถึงลำพูน (เลทนิดหน่อย ไม่ถึง ๒๐ นาที) รีบไปเข้าห้องน้ำ ล้างหน้าแปรงฟัน ที่สถานีรถไฟจะมีคนที่ขับรถรับจ้างอยู่ ถ้าใครไปแล้วไม่เจอ ลองถามเจ้าหน้าที่ดู มีรถไปส่งแน่ๆ
เราบอกพี่เขาให้ไปส่งที่วัดพระธาตุหริภุญชัย ระหว่างทางพี่แกชวนคุย พอเราบอกว่าจะกลับรถไฟเที่ยว ๑๗.๒๐ น. เขาก็เลยแนะนำว่า ลำพูนมีรถรางนำเที่ยวนะ พาไปเที่ยวจุดสำคัญๆ ในเขตเทศบาลเมือง ราคาแค่ ๕๐ บาท เที่ยวจบ เดินถนนคนเดินหน้าวัดพระธาตุฯ แล้วค่อยกลับมาขึ้นรถไฟยังทัน
อันนี้เพิ่งรู้จริงๆ ว่ามีรถรางนำเที่ยวรอบเมือง (ไม่ได้หาข้อมูลอะไรนอกจากที่บอกไปข้างบนว่าจะไปแค่ ๓ ที่) จุดซื้อตั๋วรถนำเที่ยวจะอยู่ตรง “เฮือนศิลปิน” ตรงข้ามวัดพระธาตุหริภุญชัย มีรถวันละ ๒ รอบ คือ ๐๙.๓๐ น. กับ ๑๓.๓๐ น.
ซื้อตั๋วรถในราคาผู้ใหญ่ ๕๐ บาท (เด็ก ๒๐ ต่างชาติ ๑๐๐) เหลือเวลา ๑ ชม. ก่อนรถจะออก
เดินไปกินข้าวซอยเจ้าเก่า ที่อยู่ข้างวัด (พี่ที่ขับรถมาส่งแนะนำมา) อร่อยกว่าที่คิด (ปกติเราไม่กินข้าวซอย ชอบขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่แถววัดไม่มีเลย T^T)
จากนั้นก็ไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย ตอนนี้อยู่ในช่วง “เทศกาล โคมแสนดวง ที่เมืองลำพูน” จัดระหว่าง ๔ ต.ค. - ๒๗ พ.ย.๖๖ (น่าจะจัดทุกช่วงลอยกระทงไหมนะ?) จะมีให้บูชาโคม แล้วแขวนไว้บริเวณวัด ถ้าถ่ายรูปตอนแขวนโคม เอาไปให้บูธที่อยู่หน้าเฮือนศิลปินดู จะได้กระเป๋าผ้า ๑ ใบ ฟรี (สำหรับนักท่องเที่ยวที่มาจากต่างจังหวัด)
ข้างๆ กันจะมีขัวมุงท่าสิงห์ เป็นสะพานข้ามแม่น้ำกวง แม่น้ำสายหลักของลำพูน เขาจะมีหลังคามุง แล้วก็มีร้านขายของที่ระลึกอยู่บนสะพาน มีขายทั้งของกินและเสื้อผ้า
๑๓.๓๐ น. ได้เวลารถรางนำเที่ยวออก รอบนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด ๕ คน รวมเราด้วย พี่เจ้าหน้าที่ขับรถจะบรรยายเรื่องสถานที่กับประวัติความเป็นมาของที่ต่างๆ ให้ฟังไปด้วย (อู้คำเมือง) ฟังได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง เพราะรถก็เสียงดังอยู่ ฮ่าๆๆ
รถจะพาเราวนไปตามจุดต่างๆ ในเมือง มีเวลาให้ลงไปไหว้พระ ถ่ายรูป ประมาณที่ละ ๑๐ นาที ใครสายไหว้พระ แขวนโคม ก็จัดไปเลย เต็มอิ่มแน่นอน
รถรางนำเที่ยวพาเราไปที่ไหนบ้าง?
๐. วัดพระธาตุหริภุญชัย ขอนับเป็น ๐ เพราะแวะไหว้พระได้ ก่อนหรือหลังขึ้นรถราง เคยคิดไว้นานมากๆ แล้ว ว่าอยากไปไหว้พระธาตุหริภุญชัย ที่เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของปีระกา(ปีเกิดเราด้วย) ตามความเชื่อล้านนา เราไม่ใช่คนเหนือ แต่สามารถรวมทุกความเชื่อเข้าด้วยกันนั่นแหละ…คือไทยแท้!!
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วัดพระธาตุหริภุญชัย เติมทีเป็นพระราชวังของพระเจ้าอาทิตยราช กษัตริย์ผู้ครองนครหริกุญชัยองค์ที่ 33 ต่อจากพระนางจามเทวี ต่อมาภายหลังพระเจ้าอาทิตยราชได้ถวายพระราชวังของพระองค์ให้เป็นสังฆารามไว้กับทางพระพุทธศาสนา จึงได้รื้อกำแพงชั้นนอกออกแล้วปั้นสิงห์คู่หนึ่งไว้ที่ซุ้มประตูด้านทิศตะวันออก เป็นสิงห์ขนาดใหญ่ประดับเครื่องทรงยืนอ้าปากประดิษฐานไว้แทน ตามคติโบราณทางเหนือซึ่งนิยมสร้างสิงห์เฝ้าวัดและเป็นพระธาตุประจำปีเกิดระกา (ไก่)
(ข้อมูลจากเอกสารแผ่นพับของงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองลำพูน)
๑. พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง เดิมเป็นคุ้มเจ้าราชสัมพันธวงษ์ แต่ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์จัดแสดงเรื่องราว ปะวัติศาสตร์ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของคนลำพูนในอดีต
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน เดิมเป็นคุ้มเจ้าราชสัมพันธวงษ์ สร้างขึ้นในปี พ.ศ.๒๔๕๕ สมัยเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ลักษณะอาคารเป็นทรงล้านนาป้นหยา ตกแต่งหลังคาหน้าจั่วด้วยสระไน
(ลักษณะเด่นของบ้าน/คุ้มเจ้าในจังหวัดลำพูน) ปัจจุบัน เทศบาลเมืองลำพูนจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ จัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ ประเพณี วิถีชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนชาวลำพูนในอดีต ให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมได้ศึกษา โดยเปิดให้บริการเข้าชมทุกวัน (หยุดทุกวันจันทร์) ตั้งแต่เวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าบัตรผ่านสถานที่ พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่เลขที่ ๑๐ ถนนวังซ้าย ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดลำพูน หรืออยู่ด้านหลังของพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติหริภุญไชยจังหวัดลำพูน (ข้อมูลจากเอกสารแผ่นพับของงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองลำพูน)
๒. อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี องค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย ที่นี่จะมีให้แขวนโคมเหมือนกับที่วัดพระธาตุฯ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้พระนางจามเทวี เป็นองค์ปฐมกษัตริย์แห่งนครหริภุญชัย พระนางทรงเป็นปราชญ์ที่มีความกล้าหาญทางคุณธรรม มีพระสิริโฉมงดงาม พระนางได้นำพุทธศาสนา ศิลปวัฒนธรรมมาเผยแพร่ในดินแดนนครหริภุญไชยและล้านนาไทย ซึ่งทำให้พุทธศาสนารุ่งเรืองมาจนถึงทุกวันนี้ อนุสาวรีย์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๒๕ อันเป็นปีที่ฉลองครบรอบ ๒๐๐ ปี แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (ข้อมูลจากเอกสารแผ่นพับของงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองลำพูน)
๓. คุ้มเจ้ายอดเรือน เรือนของเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน ตรงนี้เข้าไปดูไม่ได้ เพราะทายาทของท่านเป็นเจ้าของ และจะกลับมาบ้างเป็นบางครั้ง จอดรถให้ถ่ายรูปหน้าบ้านแป๊บนึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้คุ้มเจ้ายอดเรือน เรือนสระไนของเจ้ายอดเรือน ณ ลำพูน ชายาเจ้าจักรคำขจรศักดิ์ ณ ลำพูน เจ้าผู้ครองนครลำพูนองค์สุดท้าย คุ้มแห่งนี้ได้สร้างขึ้นให้แก่เจ้ายอดเรือน เมื่อปี พ.ศ.๒๔๗๐ คุ้มแห่งนี้นับเป็นเรือนพักอาศัยในระดับเจ้าผู้ครองนครที่มีสภาพดีมาก มีความเก่าแก่และรักษาสภาพเดิมที่ค่อนข้างสมบูรณ์เป็นสถาปัตยกรรมพื้นถิ่น จนเรียกได้ว่าเป็นเอกลักษณ์ของเรือนไม้ที่ได้รับอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาอย่างแพร่หลายในดินแดนล้านนา ช่วงสมัยปลายรัชกาลที่ ๕-๖ ที่เรียกว่า "เฮือนสมัยกลาง" (ข้อมูลจากเอกสารแผ่นพับของงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองลำพูน)
๔. วัดจามเทวี มีเจดีย์กู่กุด บรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี แล้วก็มีกู่บรรจุอัฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัยอยู่ในวัดด้วย (รูปที่ถ่ายมาไม่โอเคเลย เหลือแค่ ๒ รูปนี้แหละT-T
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้วัดแห่งนี้สร้างเมื่อประมาณ พ.ศ.๑๒๙๘ (ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๓) เป็นฝีมือการสร้างของช่างขอม ลักษณะเจดีย์เป็นสี่เหลี่ยมซ้อนชั้นแบบพุทธคยาในประเทศอินเดีย มีพระพุทธรูปปางประทานพรยืนอยู่ในซุ้ม ทั้งหมดมี ๖๐ องค์ ภายในบรรจุอัฐิของพระนางจามเทวี ต่อมายอดพระเจดีย์ได้หักหายไป ชาวบ้านจึงเรียกว่า "กู่กุด" หรือชื่ออย่างเป็นทางการเรียกว่า "สุวรรณจังโกฏิเจดีย์" และรัตนเจดีย์ ซึ่งตั้งอยู่ทางขวาของวิหาร เป็นเจดีย์ทรงแปดเหลี่ยม หมายถึง มรรคมีองค์ ๘ ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นเจดีย์ที่ใช้บรรจุข้าวของเครื่องใช้ของพระนางจามเทวี นอกจากนั้นยังมีคู่บรรจุอัฐิของครูบาเจ้าศรีวิชัยที่ตั้งอยู่ด้านหน้าพระอุโบสถภายในวัดจามเทวีแห่งนี้อีกด้วย (ข้อมูลจากเอกสารแผ่นพับของงานพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยว เทศบาลเมืองลำพูน)
ต่อที่ คห. ถัดไปค่า
[CR] เที่ยวลำพูนครึ่งวัน ไหว้พระขอพร เรียนรู้ประวัติศาสตร์ แบบไม่มีรถส่วนตัว
๑. รีวิว [วิธีนั่งรถไฟจากไทย ไปสิงคโปร์]
https://pantip.com/topic/42191855?sc=8GV9y7L
๒. [เที่ยวคนเดียว] นั่งรถไฟไปกาญจนบุรี นอนเต้นท์อุทยานแห่งชาติเอราวัณ 2 วัน 1 คืน (ตุลาคม 2566)
https://pantip.com/topic/42268661?sc=dE9vWCS
ทริปนี้จะบอกว่าเป็นทริปกะทันหันก็คงได้ วันที่ ๑๒ ต.ค.๖๖ เข้าแอพ D-ticket กดเล่นไปๆ มาๆ ได้ตั๋วรถไฟด่วน ชั้น ๓ กรุงเทพฯ - ลำพูน มา ๑ ใบ ราคา ๒๖๗ บาท เดินทาง ๒๒.๓๐ ของวันที่กดซื้อตั๋วนี่เลย (กะทันหันไหมล่ะ?)
ทำไมถึงไปลำพูน?? เคยอ่านมาจากไหนเมื่อสมัยเด็ก ว่าพระธาตุหริภุญชัยเป็นพระธาตุประจำปีระกา ก็เลยคิดว่าต้องไปให้ได้ซักครั้ง แค่นั้นแหละ
ส่วนลำพูนที่เรารู้จักคือ… พระธาตุหริภุญชัย พระนางจามเทวี ลำไย กับนั่งรถเลยไปอีกนิดเดียวก็เชียงใหม่แล้ว
ด้วยอะไรหลายๆ อย่าง คิดไปคิดมาอยู่ ๒ ชั่วโมงถ้วน ทริปนี้จะไปแค่ลำพูน แล้วก็กลับเลย วางแผนเที่ยวด้วยการเปิดกูเกิลแมพ ปักที่ๆ จะไปไว้ ๓ ที่ ๑. อนุสาวรีย์พระนางจามเทวี ๒. วัดพระธาตุหริภุญชัย ๓.วัดสันป่ายางหลวง คิดเอาไว้ว่าเดี๋ยวหาวินมอไซค์จากสถานีรถไฟไปส่งที่อนุสาวรีย์ฯ แล้วก็เดินย้อนมาอีก ๒ ที่ เดินกลับสถานีรถไฟเพื่อกลับกรุงเทพเที่ยว ๑๗.๒๐ น. สบ๊ายย (แต่ได้ไปเยอะกว่านั้นนะ ทำยังไงไปติดตามกันโลดดด)
เย็นวันที่ ๑๒ เลิกงาน รีบกลับที่พัก เช็คแบตสำรอง แบตกล้อง ชาร์จอุปกรณ์ทุกอย่าง เตรียมอาบน้ำ ไปขึ้นรถไฟ ครั้งนี้ไปกับรถด่วน ขบวน ๕๑ รถออกเวลา ๒๒.๓๐ น. กำหนดถึงลำพูน ๑๑.๔๘ น. ของวันที่ ๑๓
เป็นครั้งแรกที่นั่งรถไฟสายเหนือไปไกลกว่าลพบุรี ตื่นเต้นมาก จะได้นั่งรถผ่านอุโมงค์รถไฟขุนตานที่เคยอ่านในหนังสือเรียนสมัยประถมแล้ววว ตอนรถไฟวิ่งผ่านอุโมงค์น่าจะใช้เวลาเกือบๆ ๓ นาที แล้วรถไฟก็จะหยุดที่สถานีขุนตาน
อันนี้เพิ่งรู้จริงๆ ว่ามีรถรางนำเที่ยวรอบเมือง (ไม่ได้หาข้อมูลอะไรนอกจากที่บอกไปข้างบนว่าจะไปแค่ ๓ ที่) จุดซื้อตั๋วรถนำเที่ยวจะอยู่ตรง “เฮือนศิลปิน” ตรงข้ามวัดพระธาตุหริภุญชัย มีรถวันละ ๒ รอบ คือ ๐๙.๓๐ น. กับ ๑๓.๓๐ น.
เดินไปกินข้าวซอยเจ้าเก่า ที่อยู่ข้างวัด (พี่ที่ขับรถมาส่งแนะนำมา) อร่อยกว่าที่คิด (ปกติเราไม่กินข้าวซอย ชอบขนมจีนน้ำเงี้ยว แต่แถววัดไม่มีเลย T^T)
๑๓.๓๐ น. ได้เวลารถรางนำเที่ยวออก รอบนี้มีนักท่องเที่ยวทั้งหมด ๕ คน รวมเราด้วย พี่เจ้าหน้าที่ขับรถจะบรรยายเรื่องสถานที่กับประวัติความเป็นมาของที่ต่างๆ ให้ฟังไปด้วย (อู้คำเมือง) ฟังได้ยินบ้าง ไม่ได้ยินบ้าง เพราะรถก็เสียงดังอยู่ ฮ่าๆๆ
รถจะพาเราวนไปตามจุดต่างๆ ในเมือง มีเวลาให้ลงไปไหว้พระ ถ่ายรูป ประมาณที่ละ ๑๐ นาที ใครสายไหว้พระ แขวนโคม ก็จัดไปเลย เต็มอิ่มแน่นอน
รถรางนำเที่ยวพาเราไปที่ไหนบ้าง?
ต่อที่ คห. ถัดไปค่า
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้