
มีประโยคยอดนิยมด้านสุขภาพที่กล่าวว่า“You are what you eat” “คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน
ถ้าประโยคนี้เป็นจริงกฏแห่งกรรมฆ่าสัตว์ก็จะอยู่ในคนที่กินด้วย สิ่งที่ผมคิดหลังจากเห็นเนื้อที่ถูกฆ่าว่าคนกินจะต้องรับกรรมไปด้วยไม่ได้ผิดเพี้ยนเลย
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์:
สัตว์จะถูกฆ่า พวกมันจะมีสารพิษในร่างกายเกิดขึ้นในทันทีด้วยการการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) และกรดยูริค (Uric Acid)ซึ่งขับออกมาด้วยความหวาดกลัวหรือได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งภาวะความเป็นพิษจะกระจายไปทั่วร่างของสัตว์และตกค้างอยู่ตามเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ และเมื่อย่อยสลายแล้วจะมีความเป็นกรดสูงในร่างกายมนุษย์
อย่างไรก็ตามยังมีข้อแนะนำจาก www.thaihealth.or.th ว่า การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ น่าจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีขอสรุปบางส่วนว่า เนื้อสัตว์ในปัจจุบันมีการเติมสารเคมีนานาชนิด เพื่อให้เนื้อนุ่มอร่อยและเก็บได้นาน ผลก็คือ พิษร้ายที่เรากินเข้าไปจะมีการสะสมมากขึ้น เพราะปกติร่างกายต้องใช้เวลา 3-5 วัน กว่าที่เนื้อสัตว์จะถูกขับถ่ายออกมา และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ฯลฯ
นอกจากนี้การบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป ก็ทำให้อ้วน เนื่องจากไขมันที่มีมากในเนื้อ โดยความอ้วนเกิดจากโปรตีนที่มากมายที่ร่างกายไม่ได้ใช้ จึงเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้ในร่างกาย
โทษของไขมันสัตว์ที่มีมากเกินไป มีส่วนทำให้เส้นเลือดอุดตัน เส้นเลือดแข็งกระด้าง ตามมาด้วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมไปถึงข้อเสื่อม
เนื่องจากเนื้อสัตว์มีฟอสฟอรัสมาก จึงไปกระตุ้นต่อมพาราธัยรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมา ฮอร์โมนนี้จะละลายแคลเซียมออกจากกระดูกทั่วร่างกายมาอยู่ในกระแสเลือด แล้วไปจับตัวในที่ที่มีการเคลื่อนไหว ทำให้ให้เกิดสึกหรอ ตามข้อต่างๆ เกิดภาวะข้อกระดูกเสื่อม
ที่มา:
https://www.bangkokbiznews.com/health/931203

อันนี้มาจากลังกาวตารสูตรพุทธศาสนานิกายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ เหตุผลมีหลายข้อนี้คืออย่างนึง
โอ. มหาบัณฑิต เนื้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภค...เพราะว่า พุทธศาสนิกชนซึ่งเป็นผู้ที่ปรารถนาจะมีสาธุคุณ ในทางจิตทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น...
คนกินเนื้อย่อมเป็นเหยื่อแห่งโรคหลายชนิด เช่น โรคพยาธิ โรคไส้เดือน(โรคติดเชื้อจากพยาธิ) โรคเรื้อน โรคเจ็บในท้อง...ฯลฯ
ที่มา:
http://www.96rangjai.com/langka/
คำเตือนมีเนื้อหารุนแรง:เนื้อที่ไม่เห็นได้ได้ยินไม่มีส่วนร่วมในการฆ่า กินได้แต่ถ้าเผลอไปเห็นละ...
มีประโยคยอดนิยมด้านสุขภาพที่กล่าวว่า“You are what you eat” “คุณเป็นสิ่งที่คุณกิน
ถ้าประโยคนี้เป็นจริงกฏแห่งกรรมฆ่าสัตว์ก็จะอยู่ในคนที่กินด้วย สิ่งที่ผมคิดหลังจากเห็นเนื้อที่ถูกฆ่าว่าคนกินจะต้องรับกรรมไปด้วยไม่ได้ผิดเพี้ยนเลย
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์:
สัตว์จะถูกฆ่า พวกมันจะมีสารพิษในร่างกายเกิดขึ้นในทันทีด้วยการการหลั่งฮอร์โมนอะดรีนาลีน (Adrenaline) และกรดยูริค (Uric Acid)ซึ่งขับออกมาด้วยความหวาดกลัวหรือได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ซึ่งภาวะความเป็นพิษจะกระจายไปทั่วร่างของสัตว์และตกค้างอยู่ตามเส้นเลือดและเนื้อเยื่อ และเมื่อย่อยสลายแล้วจะมีความเป็นกรดสูงในร่างกายมนุษย์
อย่างไรก็ตามยังมีข้อแนะนำจาก www.thaihealth.or.th ว่า การลดการบริโภคเนื้อสัตว์ น่าจะดีต่อสุขภาพ ซึ่งมีขอสรุปบางส่วนว่า เนื้อสัตว์ในปัจจุบันมีการเติมสารเคมีนานาชนิด เพื่อให้เนื้อนุ่มอร่อยและเก็บได้นาน ผลก็คือ พิษร้ายที่เรากินเข้าไปจะมีการสะสมมากขึ้น เพราะปกติร่างกายต้องใช้เวลา 3-5 วัน กว่าที่เนื้อสัตว์จะถูกขับถ่ายออกมา และด้วยเหตุนี้ จึงเป็นสาเหตุของโรคร้ายต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเส้นเลือดหัวใจตีบตัน ฯลฯ
นอกจากนี้การบริโภคเนื้อสัตว์มากเกินไป ก็ทำให้อ้วน เนื่องจากไขมันที่มีมากในเนื้อ โดยความอ้วนเกิดจากโปรตีนที่มากมายที่ร่างกายไม่ได้ใช้ จึงเปลี่ยนเป็นไขมันเก็บไว้ในร่างกาย
โทษของไขมันสัตว์ที่มีมากเกินไป มีส่วนทำให้เส้นเลือดอุดตัน เส้นเลือดแข็งกระด้าง ตามมาด้วยโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ รวมไปถึงข้อเสื่อม
เนื่องจากเนื้อสัตว์มีฟอสฟอรัสมาก จึงไปกระตุ้นต่อมพาราธัยรอยด์ให้หลั่งฮอร์โมนออกมา ฮอร์โมนนี้จะละลายแคลเซียมออกจากกระดูกทั่วร่างกายมาอยู่ในกระแสเลือด แล้วไปจับตัวในที่ที่มีการเคลื่อนไหว ทำให้ให้เกิดสึกหรอ ตามข้อต่างๆ เกิดภาวะข้อกระดูกเสื่อม
ที่มา:https://www.bangkokbiznews.com/health/931203
อันนี้มาจากลังกาวตารสูตรพุทธศาสนานิกายมหายานไม่กินเนื้อสัตว์ เหตุผลมีหลายข้อนี้คืออย่างนึง
โอ. มหาบัณฑิต เนื้อนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรบริโภค...เพราะว่า พุทธศาสนิกชนซึ่งเป็นผู้ที่ปรารถนาจะมีสาธุคุณ ในทางจิตทั้งเพื่อตนเองและผู้อื่น...
คนกินเนื้อย่อมเป็นเหยื่อแห่งโรคหลายชนิด เช่น โรคพยาธิ โรคไส้เดือน(โรคติดเชื้อจากพยาธิ) โรคเรื้อน โรคเจ็บในท้อง...ฯลฯ
ที่มา:http://www.96rangjai.com/langka/