เปิดชื่อ 35 อรหันต์ ศึกษาแก้รธน. ชุดเศรษฐาแต่งตั้ง รอ ‘ก้าวไกล’ คอนเฟิร์ม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4211829
 
 
เปิด 35 อรหันต์ ศึกษาแก้รธน. ชุดเศรษฐาแต่งตั้ง รอ ‘ก้าวไกล’ คอนเฟิร์ม
 
เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม ผู้สื่อข่าวรายงานจาก ทำเนียบรัฐบาล ว่า สำหรับรายชื่อคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติและแนวทางร่างรัฐธรรมนูญ ที่นายกรัฐมนตรีแต่งตั้งทั้ง 35 คน มีดังนี้
 
1. นายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการศึกษาแนวทางการทำประชามติและแนวทางร่างรัฐธรรมนูญ 
2. นายชูศักดิ์ ศิรินิล เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 1 
3. นายกิตติพงษ์ กิตยารักษ์ เป็นรองประธานกรรมการคนที่ 2 
4. นายนิกร จำนง เป็นกรรมการและโฆษกคณะ
 
ส่วนกรรมการ
5. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม 
6. นายพิชิต ชื่นบาน เป็นตัวแทนที่ปรึกษานายกฯ 
7. พล.อ.ชัชวาล ขำเกษม 
8. ล.ต.อ.สุเทพ เดชรักษา 
9. พล.ต.อ.วินัย ทองสอง 
10. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ 
11. นายวิรัตน์ วรศสิริน 
12. นายศุภชัย ใจสมุทร 
13. นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท 
14. นายวิเชียร ชุบไธสง 
15. นายวัฒนา เตียงกุล
16. นายยุทธพร อิสรชัย 
17. นายไพบูลย์ นิติตะวัน 
18. นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา 
19. นายพรสันต์ เลี้ยงบุญเลิศชัย 
20. นายประวิช รัตนเพียร 
21. นายนพดล ปัทมะ 
22. นายธนกร วังบุญคงชนะ 
23. นายธงชัย ไวยบุญญา
24. นายเทวัญ ลิปตพัลลภ 
25. นายเดชอิศม์ ขาวทอง 
26. นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ 
27. นายชาติพงษ์ จีระพันธุ 
28. นายชนะโรจน์ เทียนธนะวัฒน์ 
29. นางสิริพรรณ นกสวน สวัสดี 
30. น.ส.ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ 
31. นางประทีป อึ้งทรงธรรม ฮาตะ 
32. ผู้แทนพรรคก้าวไกล 
33. นายธีระพงษ์ วงศ์ศิวะวิลาส ปลัดสำนักนายกฯ เป็นกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการ 
34. นายนพดล เภรีฤกษ์ รองเลขาธิการกฤษฎีกา 
35. นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกฯ เป็นกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ

---

เตือน 30 ชุมชนเมืองนนท์ เสี่ยงน้ำท่วม หลังน้ำเหนือทะลัก สั่งหน่วยงานเฝ้าระวัง
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7897114

เตือน 30 ชุมชนเมืองนนท์ ริมเจ้าพระยา ที่อยู่พื้นที่ลุ่มต่ำนอกแนวป้องกัน เสี่ยงน้ำท่วม หลังน้ำเหนือทะลัก ตั้งแต่ 2 ต.ค.66 เป็นต้นไป สั่งหน่วยงานเฝ้าระวัง
 
เมื่อวันที่ 3 ต.ค.66 นายวิชัย บรรดาศักดิ์ นายกเทศมนตรีนครปากเกร็ด จ.นนทบุรี เปิดเผยหลังเป็นประธานประชุมเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมขังภายในเทศบาลนครปากเกร็ด ร่วมกับคณะผู้บริหารเทศบาลนครปากเกร็ด และเจ้าหน้าที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เนื่องจากกรมชลประทาน แจ้งว่า อิทธิพลของร่องมรสุม ทำให้เกิดฝนตกหนักสะสมบริเวณภาคเหนือ ส่งผลให้น้ำในลำน้ำเพิ่มมากขึ้นและมีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำปริมาณมาก

และในช่วงวันที่ 3-6 ต.ค.66 จะมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ จึงมีความจำเป็นต้องระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนเจ้าพระยา ในอัตราระหว่าง 1,000-1,400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที โดยจะส่งผลให้มีระดับน้ำเพิ่มสูงขึ้น จากปัจจุบันอีกประมาณ 1.00-1.50 เมตร อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ชุมชนริมน้ำในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 2 ต.ค.66 เป็นต้นไป
 
นายวิชัย กล่าวว่า สั่งการมอบหมายเจ้าหน้าที่สำนักช่าง สำนักปลัดเทศบาล ฝ่ายป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และเจ้าหน้าที่ทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ตรวจสอบเฝ้าระวังพื้นที่บริเวณริมน้ำเจ้าพระยาที่เป็นจุดเสี่ยงในเขตเทศบาล อาทิ วัดบางพูดนอก วัดโพธิ์บ้านอ้อย วัดหงส์ทอง วัดบางพัง วัดสลักเหนือ บริเวณซอยปากด่าน และท่าน้ำปากเกร็ด
 
ด้านนายสุทร บุญสิริชูโต ปลัดเทศบาลนครปากเกร็ด กล่าวว่า เทศบาลนครปากเกร็ดนำนวัตกรรมเรื่อง Incident Command System (ICS) เข้ามาปรับใช้บริหารจัดการในการป้องกันสถานการณ์น้ำท่วมในครั้งนี้ด้วย โดยบูรณาการข้อมูลจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิดเทศบาลนครปากเกร็ด 
จำนวน 639 กล้อง ในพื้นที่เขตเทศบาล ซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมขังบริเวณชั้นในที่เป็นพื้นที่จุดเสี่ยงจากปริมาณน้ำฝนต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ เมืองทองธานี หน้า สภ.ปากเกร็ด ถนนแจ้งวัฒนะ และหมู่บ้านประชาชื่น

นายสุทร กล่าวว่า สั่งให้สำนักช่าง รายงานการเตรียมความพร้อมในการป้องกันและแก้ไขน้ำท่วมขัง โดยตรวจสอบสถานีสูบน้ำ บ่อสูบน้ำ ประตูระบาย และเครื่องสูบน้ำ ให้สามารถใช้การได้ รวมถึงลอกท่อความยาว 20,360 เมตร ใน 7 เส้นทางหลัก ครอบคลุมถนนสุขาประชาสรรค์ 2 ถนนแจ้งวัฒนะ และถนศรีสมาน ฝ่ายป้องกันฯ เตรียมกระสอบทรายเพื่อใช้ป้องกันน้ำไว้แล้วจำนวน 20,000 กระสอบ กองสาธารณสุขฯ จัดเตรียมชุดเวชภัณฑ์ ที่เกี่ยวกับโรคที่เกิดจากน้ำ ไว้เพื่อมอบให้ประชาชนในพื้นที่
 
ทั้งนี้ ประชาชนในเขตเทศบาลนครปากเกร็ด หากได้รับความเดือดร้อน ประสบปัญหาจากน้ำท่วมขัง สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ โทร.0-2538-7788 หรือโทรสายด่วน 1132 ตลอด 24 ชั่วโมง
 
ขณะที่จังหวัดนนทบุรี โดยนายอภิชัย อร่ามศรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนนทบุรี มีหนังสือด่วนที่สุด แจ้งให้หน่วยราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่างๆ เฝ้าระวัง 30 ชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่ลุ่มต่ำที่อยู่นอกแนวป้องกันน้ำท่วม ที่อาจได้รับผลกระทบและให้พร้อมในการช่วยเหลือทันที
ประกอบด้วย ชุมชนบริเวณวัดค้างคาว ม.4, ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.8 ชุมชนบริเวณมัสยิดท่าอิฐ ม.10, ชุมชนคลองบางภูมิ ม.5 ฝั่ง ต.คลองพระอุดม, ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าเหนือ, ชุมชนบริเวณวัดไทรม้าใต้ ชุมชนวัดเฉลิมพระเกรียรติ, ชุมชนวัดอมฤต, ชุมชนบริเวณเกาะเกร็ด, ชุมชนบริเวณวัดแคนอก, ชุมชนวัดศาลารี, ชุมชนวัดค้างคาว ม.4, ชุมชนบริเวณวัดโพธิ์ทองบน, ชุมชนบริเวณวัดสลักเหนือ, ชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์, ชุมชนบริเวณหลังพระนั่งเกล้า
ชุมชนบริเวณท่าน้ำนนทบุรี, ชุมชนบริเวณหมู่บ้านเทพประทาน, ชุมชนบริเวณวัดกู้, ชุมชนบริเวณวัดบ่อ, ชุมชนบริเวณวัดสนามเหนือ ชุมชนวัดกลางเกร็ด, ชุมชนวัดแสงสิริธรรม, ชุมชนริมน้ำท่าอิฐ ม.4, ม.5, ม.6 และ ม.7, ชุมชนวัดนํ้าหนักใต้, ชุมชนบริเวณวัดท่าบางสีทอง, ชุมชนบริเวณวัดชลอ, ชุมชนบริเวณวัดเกตุประยงค์เล็ก, ชุมชนบริเวณวัดพิกุลทอง และชุมชนวัดใหญ่สว่างอารมณ์
 
ที่มา มติชนออนไลน์

---

 
"หุ้นไทย" ดิ่งหนัก 21 จุด ปิดเช้า 1,448 จุด แรงขายทุกกลุ่ม
https://www.bangkokbiznews.com/finance/stock/1091752

“หุ้นไทยวันนี้” ปิดตลาดเช้านี้ (3 ต.ค 66) เวลา 12.30 น. ดัชนีเปิดอยู่ที่ 1,448.46 จุด ปรับตัวลดลง 21.00 จุด หรือ เปลี่ยนแปลง 1.43 % มูลค่าการซื้อขาย 33,003.99 ล้านบาท
 
โดยระหว่างวันดัชนีทำจุดสูงสุดที่  1,459.99 จุด  และทำจุดต่ำสุด 1,443.24 จุด                 
อันดับ หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายสูงสุด คือ
 
1. PTT                             ปิดที่     32.25บาท                             ลดลง 3.01%
2. PTTEP                         ปิดที่      163.50บาท                          ลดลง 3.82%
3. ADVANC                    ปิดที่      226.00 บาท                         ลดลง  0.88%
4. DELTA                       ปิดที่      86.25บาท                             ลดลง 0.86 %
5. SCGP                         ปิดที่      36.25บาท                             ลดลง 5.23%  
 
ตลาดหุ้นทั่วเอเชียปิดภาคเช้าลบถ้วนหน้า โดยเคลื่อนไหวตามดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐที่ปรับตัวลงเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ขณะที่ นักลงทุนประเมินต่อกรณีที่ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่การประชุมวันนี้
 
ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดภาคเช้าที่ระดับ 31,365.92 จุด ลดลง 393.96 จุด หรือ -1.24% ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงปิดภาคเช้าที่ระดับ 17,278.37 ลดลง 531.29 จุด หรือ -2.98%
 
นายศราวุธ เตโชชวลิต ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.อาร์เอชบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยช่วงเช้าปรับตัวลงแรงจนหลุดแนว 1,461 จุด แรงขายเกิดขึ้นเกือบทั่วทุกกลุ่ม โดยปัจจัยสำคัญคือราคาน้ำมันร่วงลงไปมากกว่า 2% หลังจากตุรกีเตรียมเปิดท่อส่งน้ำมันดิบจากอิรักเพิ่ม รวมทั้งซาอุดิอาราเบียจะกลับมาเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมัน ส่งผลให้ซัพพลายเพิ่มสูงขึ้น
 
แนวโน้มช่วงบ่ายคาดไหลลงต่อ แต่อาจมีโอกาสรีบาวด์ในกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์เงินบาทอ่อนค่า อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ และอาหาร รวมทั้งกลุ่มโรงพยาบาลที่คาดการณ์ว่าไตรมาส 3/66 เป็นช่วง High seasonให้แนวรับ 1,440 จุด และแนวต้าน 1,460 จุด