นิด้าโพลปชช.มองเงินเดือนข้าราชการไม่พอใช้ไม่พอเก็บ
https://innnews.co.th/news/politics/news_617604/
นิด้าโพลเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง “เงินเดือนข้าราชการ” 44.81%บอกไม่พอใช้ ไม่พอเก็บ ไม่เห็นด้วยรัฐบาลแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เงินเดือนข้าราชการ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2566 จากกลุ่มข้าราชการ/พนักงาน/ลูกจ้างของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ อายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และรายได้ ทั่วประเทศ
รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการ การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความเพียงพอของเงินเดือนที่ได้รับไม่รวมรายได้พิเศษอื่น ๆ ที่ถูกกฎหมาย กับการใช้จ่ายและการมีเงินเก็บ ในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.81 ระบุว่า ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายและไม่มีเงินเก็บ รองลงมา ร้อยละ 28.32 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายและมีเงินเก็บ และร้อยละ 26.87 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายแต่ไม่มีเงินเก็บ
ด้านความเพียงพอของเงินเดือนที่ได้รับเมื่อรวมรายได้พิเศษอื่น ๆ ที่ถูกกฎหมาย กับการใช้จ่ายและการมีเงินเก็บในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.76 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายและมีเงินเก็บ รองลงมา ร้อยละ 24.12 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายแต่ไม่มีเงินเก็บ ร้อยละ 22.90 ระบุว่า ไม่มีรายได้พิเศษอื่น ๆ (ที่ถูกกฎหมาย) และร้อยละ 21.22 ระบุว่า ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายและไม่มีเงินเก็บ
ส่วนการมีหนี้สินจากการกู้ยืม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.35 ระบุว่า มีหนี้สินกับสถาบันทางการเงิน รองลงมา ร้อยละ 43.36 ระบุว่า มีหนี้สินกับสหกรณ์ ร้อยละ 25.57 ระบุว่า ไม่มีหนี้สินใด ๆ และร้อยละ 3.66 ระบุว่า มีหนี้สินนอกระบบ (รวมถึงการกู้ยืมเงินจากเพื่อน ญาติพี่น้อง)
สำหรับความคิดเห็นต่อแนวคิดของรัฐบาลเกี่ยวกับการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 71.30 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 11.83 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 8.32 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 7.71 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อนโยบายเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 57.86 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 13.36 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 7.94 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ก้าวไกลจัดทัพใหม่ ‘ชัยธวัช’ นั่ง หน. ปัดวุ่นไร้คนหน้าใหม่ หวังรับมือเสี่ยงถูกยุบพรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_4195965
ก้าวไกลจัดทัพใหม่ ‘ชัยธวัช’ นั่ง หน.พรรค ปัดวุ่นรายชื่อ กก.บห.ไร้คนหน้าใหม่ หวังรับมือเสี่ยงถูกยุบพรรค
เมื่อวันที่ 23 กันยายน พรรคก้าวไกล ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ของพรรค บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรคและ ส.ส.ร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสนอชื่อ นาย
ชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ โดยไม่มีใครเสนอชื่อแข่ง ก่อนที่ที่ประชุมลงมติเห็นชอบให้นาย
ชัยธวัช เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก่อนจะเข้าสู่การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
โดยได้มีมติเลือก กก.บห.ชุดใหม่ทั้งหมด 8 คน ดังนี้
1. นาย
ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ด้วยเสียงเห็นชอบ 330 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5 คะแนน จากผู้ลงคะแนน 335 คน
2.นาย
อภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรค
3. น.ส.
ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
4. นาย
ณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
5. นาย
สมชาย ฝั่งชลจิตร กก.บห.
6. นาย
อภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กก.บห.
7. น.ส.
เบญจา แสงจันทร์ กก.บห.
8. นาย
สุเทพ อู่อ้น กก.บห. (สัดส่วนปีกแรงงาน)
ส่วน กก.บห.ชุดใหม่ ยังมีมติแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลจำนวน 3 คน ให้ นายพิธา เป็นประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ส่วนนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล และนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
ขณะที่การแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคจํานวน 4 คน ได้แก่ นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, นาย
ณัฐวุฒิ บัวประทุม, พล.ต.ต.
สุพิศาล ภักดีนฤนาถ, น.ส.
ศิริกัญญา ตันสกุล และแต่งตั้งเลขาธิการพรรคจํานวน 3 คน ได้แก่ นาย
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ยังมีมติปรับกองโฆษกพรรคโดยแต่งตั้งนาย
พริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นโฆษกพรรคคนใหม่ รองโฆษกพรรค 2 คน ได้แก่ นาย
กรุณพล เทียนสุวรรณ และ น.ส.
ภคมน หนุนอนันต์
ต่อมา นาย
ชัยธวัช ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจแรกในการเป็นผู้นำฝ่ายค้านว่า ภารกิจแรกคงต้องเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านมาพูดคุยกัน วางแนวทางในการทำงานอย่างเป็นเอกภาพ และภารกิจจำเป็นเฉพาะหน้าของผู้นำฝ่ายค้าน คือการเสนอชื่อแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เพื่อให้ประธานสภาแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานวิปฝ่ายค้านเป็นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า ในที่ประชุมพรรค ก.ก.มีการเสนอชื่อนายปกรณ์วุฒิ เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน คิดว่าคงจะได้รับการยอมรับจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค
นาย
ชัยธวัชกล่าวว่า การปรับทัพครั้งนี้เป็นเพียงการปรับทัพชั่วคราว เนื่องจากเหตุจำเป็นทางกฎหมายที่ทำให้นายพิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ และขยับนาย
อภิชาติ ศิริสุนทร เดิมเป็น กก.บห.สัดส่วนอื่น มาเป็นเลขาธิการพรรค ตน และ กก.บห.ชุดใหม่ยินดีลงจากตำแหน่ง เมื่อนายพิธาสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในสภาได้อีกครั้ง จึงได้มีการปรับทัพชั่วคราว สลับบทบาทใน กก.บห.เป็นหลัก เพิ่มแค่ กก.บห.สัดส่วนภาคเหนือ ที่มาแทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ไปทำหน้าที่รองประธานสภา
“
การขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงนโยบายนอกสภาจะนำโดยนายพิธา ประธานที่ปรึกษาฯ และที่ปรึกษาอีก 2 ท่าน การปรับทัพชั่วคราวครั้งนี้ ในสภาผมจะรับภารกิจหลักในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไประยะเวลาหนึ่ง นอกสภานายพิธาจะทำงาน” นาย
ชัยธวัชกล่าว
นาย
ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ส่วนอนาคตของนาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 พรรค ก.ก.เข้าใจดีถึงข้อจำกัดจากรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคไม่สามารถมีสมาชิกที่ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาในเวลาเดียวกันได้ เมื่อพรรคตัดสินใจเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน มีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทางของฝ่ายค้านในการเมืองระบบรัฐสภา กก.บห.ชุดใหม่จึงจะต้องเร่งหารือกับนาย
ปดิพัทธ์ต่อไป คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า การที่ กก.บห.ชุดใหม่ไม่มีคนหน้าใหม่เลย เป็นการยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ใช่ อย่างที่ได้บอกไปว่าที่ประชุมของพรรคคิดว่าควรจะมีการปรับเล็กไปก่อนชั่วคราว เพราะต้องอธิบายว่า
1.เป็นการปรับเล็กเฉพาะหน้า อย่างที่บอกว่าเป็นเหตุจำเป็นทางด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพรรค และการสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ของนาย
พิธา ทำให้ต้องปรับเล็ก
2.เดิมภายในพรรคมีการทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า กก.บห.ชุดแรก มีการเลือกมาโดยมีข้อจำกัด ด้วยสถานการณ์การมีส่วนร่วมน้อย เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบมีการหาพรรคใหม่ ต้องรีบที่จะเลือก กก.บห.มาทำหน้าที่กอบกู้ และเมื่อครบวาระ 4 ปี บอกกับสมาชิกพรรคและทีมงานทุกจังหวัดของพรรคว่า จะมาเลือก กก.บห.ชุดใหม่ โดยที่ให้สมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่กว่าชุดแรก จะครบกำหนด 4 ปีอยู่แล้วในเดือนเมษายน 2567
ดังนั้น สมาชิกพรรคทุกคนทราบดี ส่วนการปรับใหญ่อย่างเป็นทางการคือการประชุมใหญ่สามัญปี 2567 ในเดือนเมษายน กระบวนการได้มาของแต่ละตำแหน่งจะต้องผ่านการมีส่วนร่วมของคนทำงานในแต่ละจังหวัดให้มากที่สุด
‘มาม่า’ พร้อมช่วยรัฐลดราคา บรรเทาค่าครองชีพปชช. คาดปีหน้าต้นทุนจ่อขยับตามค่าแรง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4195643
‘มาม่า’ พร้อมช่วยรัฐลดราคา บรรเทาค่าครองชีพประชาชน คาดปีหน้าต้นทุนจ่อขยับตามค่าแรง
เมื่อวันที่ 23 กันยายน นาย
พันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ในการจัดโปรโมชั่นลดราคามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้บริโภค เพราะช่วงไตรมาส4 เป็นช่วงจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าอยู่แล้วต่อให้ภาครัฐไม่ขอความร่วมมือมาบริษัทมีทำกิจกรรมลดแลกแจกแถมมาโดยตลอดอยู่แล้ว
นาย
พันธ์กล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายลดค่าไฟและราคาพลังงานลง ทำให้บรรยกาศต้นทุนการผลิตสินค้าถูกลงไปบ้าง แต่ในส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่ลดลง เพราะยังมีต้นทุนจากแป้งสาลีที่ยังสูงอยู่ ซึ่งการที่รัฐให้ขึ้นราคา 1 บาทต่อซองเมื่อกลางปี 2565 จึงทำให้ภาพรวมต้นทุนยังทรงตัวและบริหารจัดการง่ายขึ้น
“ตอนนี้กำลังดูเรื่องผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลมีนโยบายจะขึ้น 400 บาทในปี 2567 เพราะเมื่อหากรัฐอนุมัติให้ขึ้น เราก็ต้องปรับขึ้นให้พนักงานที่มีอยู่ประมาณ 6,000 คน แบบขั้นบันได คงไม่ปรับขึ้นเท่ากันทุกคน และมีผลต่อต้นทุนการผลิตแน่นอน ส่วนการขึ้นราคานั้น คงไม่ง่ายเพราะเป็นสินค้าควบคุม ต้องขึ้นอยู่กัภาครัฐ แต่สินค้าอื่นๆ ที่ผลิตโดยข้าว เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เส้นหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่เป็นสินค้าควบคุม อาจต้องขึ้นราคา แต่คงไม่กระทบผู้บริโภค เพราะเป็นสินค้าทางเลือก ทั้งนี้เราไม่ค้านที่รัฐทยอยขึ้นค่าแรง ซึ่ง 400 บาท ดูแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะทำให้คนมีรายได้เพิ่ม จะได้มี กำลังซื้อเพิ่มตามไปด้วย” นาย
พันธ์กล่าว
นาย
พันธ์กล่าวว่า ภาพรวมกำลังซื้อทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาตกลงกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อาจเกิดจากคนรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาลที่จะออกมา เช่น แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การขึ้นค่าแรง โดยมองว่ากำลังซื้อน่าจะชะลอไปถึงก่อนเงินดิจิทัลออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทำให้ในช่วงนี้ผู้ประกอบการต้องมีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ
JJNY : โพลปชช.มองเงินเดือนขรก.ไม่พอ│ก้าวไกลจัดทัพใหม่│‘มาม่า’คาดปีหน้าต้นทุนจ่อขยับ│ธุรกิจจัดงานแต่งในจีนซบเซาต่อเนื่อง
https://innnews.co.th/news/politics/news_617604/
นิด้าโพลเผยผลสำรวจประชาชน เรื่อง “เงินเดือนข้าราชการ” 44.81%บอกไม่พอใช้ ไม่พอเก็บ ไม่เห็นด้วยรัฐบาลแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ
ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลสำรวจของประชาชน เรื่อง “เงินเดือนข้าราชการ” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 19-21 กันยายน 2566 จากกลุ่มข้าราชการ/พนักงาน/ลูกจ้างของรัฐ และพนักงานรัฐวิสาหกิจ อายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา และรายได้ ทั่วประเทศ
รวมทั้งสิ้น จำนวน 1,310 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับเงินเดือนข้าราชการ การสำรวจอาศัย การสุ่มตัวอย่างโดยใช้ความน่าจะเป็นจากบัญชีรายชื่อฐานข้อมูลตัวอย่างหลัก (Master Sample) ของ “นิด้าโพล” สุ่มตัวอย่างด้วยวิธีแบบง่าย (Simple Random Sampling) เก็บข้อมูลด้วยวิธีการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ โดยกำหนดค่าความเชื่อมั่น ร้อยละ 97.0
จากการสำรวจเมื่อถามถึงความเพียงพอของเงินเดือนที่ได้รับไม่รวมรายได้พิเศษอื่น ๆ ที่ถูกกฎหมาย กับการใช้จ่ายและการมีเงินเก็บ ในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.81 ระบุว่า ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายและไม่มีเงินเก็บ รองลงมา ร้อยละ 28.32 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายและมีเงินเก็บ และร้อยละ 26.87 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายแต่ไม่มีเงินเก็บ
ด้านความเพียงพอของเงินเดือนที่ได้รับเมื่อรวมรายได้พิเศษอื่น ๆ ที่ถูกกฎหมาย กับการใช้จ่ายและการมีเงินเก็บในปัจจุบัน พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 31.76 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายและมีเงินเก็บ รองลงมา ร้อยละ 24.12 ระบุว่า เพียงพอต่อการใช้จ่ายแต่ไม่มีเงินเก็บ ร้อยละ 22.90 ระบุว่า ไม่มีรายได้พิเศษอื่น ๆ (ที่ถูกกฎหมาย) และร้อยละ 21.22 ระบุว่า ไม่เพียงพอต่อการใช้จ่ายและไม่มีเงินเก็บ
ส่วนการมีหนี้สินจากการกู้ยืม พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 44.35 ระบุว่า มีหนี้สินกับสถาบันทางการเงิน รองลงมา ร้อยละ 43.36 ระบุว่า มีหนี้สินกับสหกรณ์ ร้อยละ 25.57 ระบุว่า ไม่มีหนี้สินใด ๆ และร้อยละ 3.66 ระบุว่า มีหนี้สินนอกระบบ (รวมถึงการกู้ยืมเงินจากเพื่อน ญาติพี่น้อง)
สำหรับความคิดเห็นต่อแนวคิดของรัฐบาลเกี่ยวกับการแบ่งจ่ายเงินเดือนข้าราชการ 2 รอบ พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 71.30 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย รองลงมา ร้อยละ 11.83 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย ร้อยละ 8.32 ระบุว่า เห็นด้วยมาก ร้อยละ 7.71 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย และร้อยละ 0.84 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ท้ายที่สุดเมื่อถามถึงความคิดเห็นต่อนโยบายเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี 25,000 บาท พบว่า ตัวอย่าง ร้อยละ 57.86 ระบุว่า เห็นด้วยมาก รองลงมา ร้อยละ 20.38 ระบุว่า ค่อนข้างเห็นด้วย ร้อยละ 13.36 ระบุว่า ไม่เห็นด้วยเลย ร้อยละ 7.94 ระบุว่า ไม่ค่อยเห็นด้วย และร้อยละ 0.46 ระบุว่า ไม่ทราบ/ไม่ตอบ/ไม่สนใจ
ก้าวไกลจัดทัพใหม่ ‘ชัยธวัช’ นั่ง หน. ปัดวุ่นไร้คนหน้าใหม่ หวังรับมือเสี่ยงถูกยุบพรรค
https://www.matichon.co.th/politics/news_4195965
ก้าวไกลจัดทัพใหม่ ‘ชัยธวัช’ นั่ง หน.พรรค ปัดวุ่นรายชื่อ กก.บห.ไร้คนหน้าใหม่ หวังรับมือเสี่ยงถูกยุบพรรค
เมื่อวันที่ 23 กันยายน พรรคก้าวไกล ได้จัดการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่และคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) ชุดใหม่ของพรรค บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีสมาชิกพรรคและ ส.ส.ร่วมการประชุมอย่างพร้อมเพรียง โดยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เสนอชื่อ นายชัยธวัช ตุลาธน เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนใหม่ โดยไม่มีใครเสนอชื่อแข่ง ก่อนที่ที่ประชุมลงมติเห็นชอบให้นายชัยธวัช เป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก่อนจะเข้าสู่การเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
โดยได้มีมติเลือก กก.บห.ชุดใหม่ทั้งหมด 8 คน ดังนี้
1. นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรค ด้วยเสียงเห็นชอบ 330 คะแนน ไม่เห็นชอบ 5 คะแนน จากผู้ลงคะแนน 335 คน
2.นายอภิชาติ ศิริสุนทร เลขาธิการพรรค
3. น.ส.ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ เหรัญญิกพรรค
4. นายณกรณ์พงศ์ ศุภนิมิตตระกูล นายทะเบียนสมาชิกพรรค
5. นายสมชาย ฝั่งชลจิตร กก.บห.
6. นายอภิสิทธิ์ พรมฤทธิ์ กก.บห.
7. น.ส.เบญจา แสงจันทร์ กก.บห.
8. นายสุเทพ อู่อ้น กก.บห. (สัดส่วนปีกแรงงาน)
ส่วน กก.บห.ชุดใหม่ ยังมีมติแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกลจำนวน 3 คน ให้ นายพิธา เป็นประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ส่วนนายวีระยุทธ กาญจน์ชูฉัตร ทีมเศรษฐกิจพรรคก้าวไกล และนายเดชรัตน์ สุขกำเนิด ผู้อำนวยการศูนย์นโยบายเพื่ออนาคต (Think Forward Center) เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค
ขณะที่การแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรคจํานวน 4 คน ได้แก่ นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์, นายณัฐวุฒิ บัวประทุม, พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ, น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล และแต่งตั้งเลขาธิการพรรคจํานวน 3 คน ได้แก่ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์, นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ยังมีมติปรับกองโฆษกพรรคโดยแต่งตั้งนายพริษฐ์ วัชรสินธุ เป็นโฆษกพรรคคนใหม่ รองโฆษกพรรค 2 คน ได้แก่ นายกรุณพล เทียนสุวรรณ และ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์
ต่อมา นายชัยธวัช ให้สัมภาษณ์ถึงภารกิจแรกในการเป็นผู้นำฝ่ายค้านว่า ภารกิจแรกคงต้องเชิญพรรคร่วมฝ่ายค้านมาพูดคุยกัน วางแนวทางในการทำงานอย่างเป็นเอกภาพ และภารกิจจำเป็นเฉพาะหน้าของผู้นำฝ่ายค้าน คือการเสนอชื่อแต่งตั้งคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) เพื่อให้ประธานสภาแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ประธานวิปฝ่ายค้านเป็นนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหมือนเดิมใช่หรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ในที่ประชุมพรรค ก.ก.มีการเสนอชื่อนายปกรณ์วุฒิ เป็นประธานวิปฝ่ายค้าน คิดว่าคงจะได้รับการยอมรับจากพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค
นายชัยธวัชกล่าวว่า การปรับทัพครั้งนี้เป็นเพียงการปรับทัพชั่วคราว เนื่องจากเหตุจำเป็นทางกฎหมายที่ทำให้นายพิธา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ยังไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรได้ และขยับนายอภิชาติ ศิริสุนทร เดิมเป็น กก.บห.สัดส่วนอื่น มาเป็นเลขาธิการพรรค ตน และ กก.บห.ชุดใหม่ยินดีลงจากตำแหน่ง เมื่อนายพิธาสามารถกลับมาปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ในสภาได้อีกครั้ง จึงได้มีการปรับทัพชั่วคราว สลับบทบาทใน กก.บห.เป็นหลัก เพิ่มแค่ กก.บห.สัดส่วนภาคเหนือ ที่มาแทนนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ที่ไปทำหน้าที่รองประธานสภา
“การขับเคลื่อนเปลี่ยนแปลงนโยบายนอกสภาจะนำโดยนายพิธา ประธานที่ปรึกษาฯ และที่ปรึกษาอีก 2 ท่าน การปรับทัพชั่วคราวครั้งนี้ ในสภาผมจะรับภารกิจหลักในฐานะผู้นำฝ่ายค้านไประยะเวลาหนึ่ง นอกสภานายพิธาจะทำงาน” นายชัยธวัชกล่าว
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ส่วนอนาคตของนายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก ในฐานะรองประธานสภาคนที่ 1 พรรค ก.ก.เข้าใจดีถึงข้อจำกัดจากรัฐธรรมนูญที่ทำให้พรรคไม่สามารถมีสมาชิกที่ดำรงตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้านและรองประธานสภาในเวลาเดียวกันได้ เมื่อพรรคตัดสินใจเลือกตำแหน่งผู้นำฝ่ายค้าน มีความสำคัญต่อการกำหนดทิศทางของฝ่ายค้านในการเมืองระบบรัฐสภา กก.บห.ชุดใหม่จึงจะต้องเร่งหารือกับนายปดิพัทธ์ต่อไป คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า
เมื่อถามว่า การที่ กก.บห.ชุดใหม่ไม่มีคนหน้าใหม่เลย เป็นการยอมรับว่ามีความเสี่ยงที่จะถูกยุบพรรคหรือไม่ นายชัยธวัชกล่าวว่า ไม่ใช่ อย่างที่ได้บอกไปว่าที่ประชุมของพรรคคิดว่าควรจะมีการปรับเล็กไปก่อนชั่วคราว เพราะต้องอธิบายว่า
1.เป็นการปรับเล็กเฉพาะหน้า อย่างที่บอกว่าเป็นเหตุจำเป็นทางด้านกฎหมายและรัฐธรรมนูญไม่ว่าจะเป็นเรื่องของพรรค และการสั่งยุติปฏิบัติหน้าที่ของนายพิธา ทำให้ต้องปรับเล็ก
2.เดิมภายในพรรคมีการทำความเข้าใจกันตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่า กก.บห.ชุดแรก มีการเลือกมาโดยมีข้อจำกัด ด้วยสถานการณ์การมีส่วนร่วมน้อย เมื่อพรรคอนาคตใหม่ถูกยุบมีการหาพรรคใหม่ ต้องรีบที่จะเลือก กก.บห.มาทำหน้าที่กอบกู้ และเมื่อครบวาระ 4 ปี บอกกับสมาชิกพรรคและทีมงานทุกจังหวัดของพรรคว่า จะมาเลือก กก.บห.ชุดใหม่ โดยที่ให้สมาชิกพรรคเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่กว่าชุดแรก จะครบกำหนด 4 ปีอยู่แล้วในเดือนเมษายน 2567
ดังนั้น สมาชิกพรรคทุกคนทราบดี ส่วนการปรับใหญ่อย่างเป็นทางการคือการประชุมใหญ่สามัญปี 2567 ในเดือนเมษายน กระบวนการได้มาของแต่ละตำแหน่งจะต้องผ่านการมีส่วนร่วมของคนทำงานในแต่ละจังหวัดให้มากที่สุด
‘มาม่า’ พร้อมช่วยรัฐลดราคา บรรเทาค่าครองชีพปชช. คาดปีหน้าต้นทุนจ่อขยับตามค่าแรง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4195643
‘มาม่า’ พร้อมช่วยรัฐลดราคา บรรเทาค่าครองชีพประชาชน คาดปีหน้าต้นทุนจ่อขยับตามค่าแรง
เมื่อวันที่ 23 กันยายน นายพันธ์ พะเนียงเวทย์ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์ จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปตรามาม่า กล่าวว่า พร้อมให้ความร่วมมือกับกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ในการจัดโปรโมชั่นลดราคามากขึ้นกว่าเดิม เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายผู้บริโภค เพราะช่วงไตรมาส4 เป็นช่วงจัดโปรโมชั่นร่วมกับห้างสรรพสินค้าและร้านค้าอยู่แล้วต่อให้ภาครัฐไม่ขอความร่วมมือมาบริษัทมีทำกิจกรรมลดแลกแจกแถมมาโดยตลอดอยู่แล้ว
นายพันธ์กล่าวว่า ส่วนการที่รัฐบาลมีนโยบายลดค่าไฟและราคาพลังงานลง ทำให้บรรยกาศต้นทุนการผลิตสินค้าถูกลงไปบ้าง แต่ในส่วนของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ยังไม่ลดลง เพราะยังมีต้นทุนจากแป้งสาลีที่ยังสูงอยู่ ซึ่งการที่รัฐให้ขึ้นราคา 1 บาทต่อซองเมื่อกลางปี 2565 จึงทำให้ภาพรวมต้นทุนยังทรงตัวและบริหารจัดการง่ายขึ้น
“ตอนนี้กำลังดูเรื่องผลกระทบจากการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำที่รัฐบาลมีนโยบายจะขึ้น 400 บาทในปี 2567 เพราะเมื่อหากรัฐอนุมัติให้ขึ้น เราก็ต้องปรับขึ้นให้พนักงานที่มีอยู่ประมาณ 6,000 คน แบบขั้นบันได คงไม่ปรับขึ้นเท่ากันทุกคน และมีผลต่อต้นทุนการผลิตแน่นอน ส่วนการขึ้นราคานั้น คงไม่ง่ายเพราะเป็นสินค้าควบคุม ต้องขึ้นอยู่กัภาครัฐ แต่สินค้าอื่นๆ ที่ผลิตโดยข้าว เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม เส้นหมี่ ก๋วยเตี๋ยว ที่ไม่เป็นสินค้าควบคุม อาจต้องขึ้นราคา แต่คงไม่กระทบผู้บริโภค เพราะเป็นสินค้าทางเลือก ทั้งนี้เราไม่ค้านที่รัฐทยอยขึ้นค่าแรง ซึ่ง 400 บาท ดูแล้วก็สมเหตุสมผล เพราะทำให้คนมีรายได้เพิ่ม จะได้มี กำลังซื้อเพิ่มตามไปด้วย” นายพันธ์กล่าว
นายพันธ์กล่าวว่า ภาพรวมกำลังซื้อทั้งต่างจังหวัดและกรุงเทพฯ ในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมาตกลงกว่าช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ อาจเกิดจากคนรอความชัดเจนจากนโยบายรัฐบาลที่จะออกมา เช่น แจกเงินดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท การขึ้นค่าแรง โดยมองว่ากำลังซื้อน่าจะชะลอไปถึงก่อนเงินดิจิทัลออกมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ทำให้ในช่วงนี้ผู้ประกอบการต้องมีการจัดโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ