หมอสุภัทร เดือด! โชว์เอกสารลับถูกตั้ง คกก.สอบวินัย ‘มีดเล่มที่ 9’ จากปลัดสธ. ขออภัย ชลน่าน ที่ทำเสียบรรยากาศวันนี้
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4192966
เมื่อวันที่ 22 กันยายน นพ.
สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ภาพบนเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเอกสาร 3 หน้า ที่ประทับตรา ‘
ลับ’ ในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง นพ.สุภัทร ทั้งหมด 3 เรื่อง คือ
1. เพจชมรมแพทย์ชนบท เผยแพร่ข้อมูลวิจารณ์กรณีการจัดการยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ต้านไวรัสโควิด-19 ว่ามีการผูกขาดให้กับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทำให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้รับความเสียหาย
2. เพจชมรมแพทย์ชนบท กล่าวหาว่า สธ.มีคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมและนโยบายกัญชาหลอกลวงประชาชน ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย
และ 3. นพ.
สุภัทร มีพฤติกรรมไม่เป็นกลางทางการเมือง ผ่านการสัมภาษณ์รายการ “สุมหัวคิด” หัวข้อปิดสุญญากาศกัญชาเสรี?
โดยนพ.สุภัทร ระบุว่า
“ถึงจุดเปลี่ยน หลังผมสงบนิ่งเฝ้าถ้ำมาหลายเดือน
ขอบคุณรองปลัดพงศ์เกษมครับ ที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยผมอีกชุด วันนี้ผมได้รับจดหมาย(ลับ) ที่คิดว่าจะไม่มีมาอีกแล้ว คำสั่งสอบวินัยชุดนี้น่าจะเป็นฉบับที่ 8หรือ9 ที่สั่งสอบผมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา มากจนนับไม่ค่อยถูก แต่ที่สำคัญคือ นี่เป็นฉบับแรกหลังพ้นยุค รมต.อนุทิน
ที่ผมต้องขอบคุณ เพราะคำสั่งชิ้นนี้ ได้สะท้อนชัดถึงความคิด ความแค้นเคืองและภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นของปลัดโอภาสแอนด์เดอะแก๊งส์ (บุรีรัมย์คอนเนคชั่น) ที่สะท้อนชัดว่า แม้เปลี่ยนเจ้ากระทรวงแล้ว แต่ดีลที่รับมายังไม่เคยลืม การวิพากษ์ทักท้วงเจ้านายหรือนโยบายกัญชาบ้าง วัคซีนบ้าง อื่นใดบ้าง เป็นสิ่งที่อนุทินและปลัดโอภาสรับไม่ได้ ถือว่าผิดวินัย คงต้องมอบดอกไม้หรืออวยออกสื่อเท่านั้นจึงจะเป็นที่โปรดปรานและได้ดิบได้ดี
แต่ผมก็นิสัยเสียและดื้อเสียด้วย โดยเฉพาะการเอามีดมาปักหลังรัวๆแบบนี้ ที่ผ่านมาผมเงียบก็เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศการเริ่มต้นและมุ่งสมานฉันท์สมานพลังทุกๆฝ่ายของ รมต.ชลน่าน เพื่ิอร่วมขับเคลื่อนงานสาธารณสุขที่ชะงักงันมาแสนนานเพราะโควิดและกัญชา
ผมยืนยันว่า “บุรีรัมย์คอนเนคชั่น” ที่นำโดยปลัดโอภาส คือหายนะของธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข คนดีคนเก่งถูกดอง คนชะเลียหรือเป็นพวกพ้องกลับโตเร็วได้ดิบได้ดี ผมจะอาสาแฉไปเรื่อยๆ จะเลิกเก็บเนื้อเก็บตัวแล้ว ดีไหมครับ
ในฐานะลูกน้อง ผมยังต้องขอบคุณปลัดโอภาสซึ่งเป็นผู้คอยบังคับบัญชาสั่งการเอามีดเล่มที่ 9 นี้มาปักหลังผม จนทำให้ผมตาสว่างมากขึ้น
ต้องขออภัยรัฐมนตรีชลน่านล่วงหน้า ที่อาจทำให้เสียบรรยากาศการเริ่มต้นขับเคลื่อนงานในกระทรวงไปบ้างนะครับ”
https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/pfbid02srzGCfmSLQcEbAr5xa6hrdLHknN6LfzDx3tzaP4MEiGYVWpsLSBkH8kdknR6XXAMl
ก้าวไกล ติง ครม. รักษาความลับได้ แต่ต้องมาพร้อมกับความโปร่งใส
https://www.thairath.co.th/news/politic/2727264
รองโฆษกก้าวไกล “ภคมน หนุนอนันต์” วิจารณ์ ปม ครม.ออกกฎรักษาความลับเกี่ยวกับการประชุม ชี้ทำได้ แต่ต้องโปร่งใส แนะเปิดเผยวาระก่อนถกเหมือนกับสภาฯ
วันที่ 22 กันยายน 2566 นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ครม. และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ระบุว่า
“รักษาความลับทำได้ ควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูล (รัฐโปร่งใส)”
มีการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์กัน จึงมีความเห็น 8 ข้อ ต่อเรื่องนี้ ดังนี้
1. โดยหลักการแล้วเป็นเรื่องยอมรับได้ และเป็นเรื่องปกติของความเป็นมืออาชีพในองค์กร ที่ไม่ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นระดับบริหารหรือระดับปฏิบัติการ ให้ข้อมูลที่นอกเหนือนโยบายการสื่อสาร
2. แต่ในอีกด้าน การทำงานของรัฐบาล ซึ่งมีที่มาของอำนาจมาจากประชาชน ควรเปิดเผยข้อมูลของรัฐทุกภาคส่วนเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ส่วนบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งรัฐ ควรมีการขอการพิจารณาลับเป็นกรณีๆ ไป เป็นข้อยกเว้น
3. ดังนั้น การประชุม ครม. จึงมีความพิเศษ ซึ่งเป็นการประชุมกิจการที่สำคัญของประเทศ ซึ่งต้องมีลักษณะเป็นความลับพอสมควร แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีข้อมูลออกมามากเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนตรวจสอบได้เช่นกัน
4. ปัญหาของประเทศไทยคืออะไร? ปัญหาของประเทศไทยคือการเข้าถึงข้อมูลมติ ครม. ทำได้ยากเหลือเกิน และหลายครั้งมติ ครม. ที่มีการให้ข่าวออกมาไม่ใช่มติ ครม. ที่สำคัญ แต่มติ ครม. ที่สำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชน เช่น โครงการที่ใช้งบประมาณมากๆ มักเป็นการพิจารณา “ลับ”
5. ในการแถลง Agenda หรือวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีการเปิดเผยวาระการประชุมมาก่อนเหมือนกับรัฐสภา และสรุปมติ ครม. ที่ออกมาคือการออกมาแค่ที่ ครม. อยากให้ออก มีอีกหลายมติที่สำคัญ ไม่แม้แต่ปรากฏให้ประชาชนรู้ว่ามีการประชุมวาระนี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะมติ ครม. ที่เกี่ยวกับกิจการของกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ (ต่างจากสภาที่เรารู้ว่ามีวาระประชุมนี้ แต่วาระนี้พิจารณาลับ)
6. ช่องว่างในการปฏิบัติงานที่หลายครั้งเอกสารหลุดออกมา (ส่วนมากมักเป็นข้าราชการที่ทนเห็นความไม่ถูกต้องไม่ได้) จึงมีบทบาทสำคัญในหลายกรณีในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
7. เพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาเพื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 20 ปีตามที่ทำกันมา
7.1 มีการเผยแพร่วาระการประชุมล่วงหน้าให้ประชาชนได้รับรู้ว่าในแต่ละสัปดาห์ รัฐบาลพิจารณาเรื่องอะไร เสนอเรื่องโดยใคร และใช้ขอประมาณเท่าไร โดยในกรณีที่เป็นเรื่องพิจารณาลับ รัฐบาลอาจปิดวาระพิจารณาได้ แต่ควรเปิดเผยชื่อของหน่วยงานที่เสนอเรื่องให้พิจารณาและงบประมาณ (ถ้ามีการขอ)
7.2 ในบางประเทศ มีการเก็บ record (อาจเป็นบันทึกชวเลขหรือเทปบันทึก) เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยมีการกำหนดระยะเวลาเผยแพร่ในอนาคต
8. สรุป การออกมติ ครม. เรื่องการรักษาความลับเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีหน้าที่ทำให้การประชุม ครม. ที่กำหนดชะตาอนาคตของประเทศและเป็นพื้นที่จริงในการจัดสรรงบประมาณมีความโปร่งใสด้วย
อย่าลืมว่าพวกเราปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทุกการใช้อำนาจของรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของประชาชน ถ้าการใช้อำนาจของรัฐบาลไม่ถูกมองเห็น สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุม ครม. คงไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินภาษีประชาชนมาแบ่งเค้กกันตามอำนาจที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงของแต่ละพรรคมี
https://www.facebook.com/lisapukkamon/posts/223396184063407?ref=embed_post
น้ำมันโลกปิดติดลบกังวลดอกเบี้ยสูงกระทบเศรษฐกิจ
https://ch3plus.com/news/economy/morning/367221
น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมัน WTI ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข่าวรัสเซียประกาศระงับส่งออกน้ำมันทั่วโลกเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.1% ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ (BRENT) ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 93.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนต์พุ่งขึ้น ขานรับข่าวรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราวให้กับทุกประเทศทั่วโลก โดยมีผลบังคับใช้ในทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเชื้อเพลิงภายในรัสเซีย แต่ราคาน้ำมันอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่เฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
โดยเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีหน้า
JJNY : หมอสุภัทรเดือด! โชว์เอกสารลับ│ก้าวไกลติง ครม. ต้องโปร่งใส│น้ำมันโลกปิดติดลบ│โปแลนด์ยันไม่เลิกส่งอาวุธให้ยูเครน
https://www.matichon.co.th/local/quality-life/news_4192966
เมื่อวันที่ 22 กันยายน นพ.สุภัทร ฮาสุวรรณกิจ ผู้อำนวยการโรงพยาบาล (รพ.) สะบ้าย้อย จ.สงขลา ในฐานะประธานชมรมแพทย์ชนบท โพสต์ภาพบนเฟซบุ๊กซึ่งเป็นเอกสาร 3 หน้า ที่ประทับตรา ‘ลับ’ ในคำสั่งกระทรวงสาธารณสุข เรื่องแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยอย่างไม่ร้ายแรง นพ.สุภัทร ทั้งหมด 3 เรื่อง คือ
1. เพจชมรมแพทย์ชนบท เผยแพร่ข้อมูลวิจารณ์กรณีการจัดการยาฟาวิพิราเวียร์และโมลนูพิราเวียร์ต้านไวรัสโควิด-19 ว่ามีการผูกขาดให้กับองค์การเภสัชกรรม (อภ.) ทำให้รัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ได้รับความเสียหาย
2. เพจชมรมแพทย์ชนบท กล่าวหาว่า สธ.มีคำสั่งโยกย้ายที่ไม่เป็นธรรมและนโยบายกัญชาหลอกลวงประชาชน ทำให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้รับความเสียหาย
และ 3. นพ.สุภัทร มีพฤติกรรมไม่เป็นกลางทางการเมือง ผ่านการสัมภาษณ์รายการ “สุมหัวคิด” หัวข้อปิดสุญญากาศกัญชาเสรี?
โดยนพ.สุภัทร ระบุว่า
“ถึงจุดเปลี่ยน หลังผมสงบนิ่งเฝ้าถ้ำมาหลายเดือน
ขอบคุณรองปลัดพงศ์เกษมครับ ที่ดำเนินการแต่งตั้งกรรมการสอบสวนวินัยผมอีกชุด วันนี้ผมได้รับจดหมาย(ลับ) ที่คิดว่าจะไม่มีมาอีกแล้ว คำสั่งสอบวินัยชุดนี้น่าจะเป็นฉบับที่ 8หรือ9 ที่สั่งสอบผมในช่วงสองสามปีที่ผ่านมา มากจนนับไม่ค่อยถูก แต่ที่สำคัญคือ นี่เป็นฉบับแรกหลังพ้นยุค รมต.อนุทิน
ที่ผมต้องขอบคุณ เพราะคำสั่งชิ้นนี้ ได้สะท้อนชัดถึงความคิด ความแค้นเคืองและภารกิจที่ยังไม่เสร็จสิ้นของปลัดโอภาสแอนด์เดอะแก๊งส์ (บุรีรัมย์คอนเนคชั่น) ที่สะท้อนชัดว่า แม้เปลี่ยนเจ้ากระทรวงแล้ว แต่ดีลที่รับมายังไม่เคยลืม การวิพากษ์ทักท้วงเจ้านายหรือนโยบายกัญชาบ้าง วัคซีนบ้าง อื่นใดบ้าง เป็นสิ่งที่อนุทินและปลัดโอภาสรับไม่ได้ ถือว่าผิดวินัย คงต้องมอบดอกไม้หรืออวยออกสื่อเท่านั้นจึงจะเป็นที่โปรดปรานและได้ดิบได้ดี
แต่ผมก็นิสัยเสียและดื้อเสียด้วย โดยเฉพาะการเอามีดมาปักหลังรัวๆแบบนี้ ที่ผ่านมาผมเงียบก็เพราะไม่อยากทำลายบรรยากาศการเริ่มต้นและมุ่งสมานฉันท์สมานพลังทุกๆฝ่ายของ รมต.ชลน่าน เพื่ิอร่วมขับเคลื่อนงานสาธารณสุขที่ชะงักงันมาแสนนานเพราะโควิดและกัญชา
ผมยืนยันว่า “บุรีรัมย์คอนเนคชั่น” ที่นำโดยปลัดโอภาส คือหายนะของธรรมาภิบาลในกระทรวงสาธารณสุข คนดีคนเก่งถูกดอง คนชะเลียหรือเป็นพวกพ้องกลับโตเร็วได้ดิบได้ดี ผมจะอาสาแฉไปเรื่อยๆ จะเลิกเก็บเนื้อเก็บตัวแล้ว ดีไหมครับ
ในฐานะลูกน้อง ผมยังต้องขอบคุณปลัดโอภาสซึ่งเป็นผู้คอยบังคับบัญชาสั่งการเอามีดเล่มที่ 9 นี้มาปักหลังผม จนทำให้ผมตาสว่างมากขึ้น
ต้องขออภัยรัฐมนตรีชลน่านล่วงหน้า ที่อาจทำให้เสียบรรยากาศการเริ่มต้นขับเคลื่อนงานในกระทรวงไปบ้างนะครับ”
https://www.facebook.com/supathasuwannakit/posts/pfbid02srzGCfmSLQcEbAr5xa6hrdLHknN6LfzDx3tzaP4MEiGYVWpsLSBkH8kdknR6XXAMl
ก้าวไกล ติง ครม. รักษาความลับได้ แต่ต้องมาพร้อมกับความโปร่งใส
https://www.thairath.co.th/news/politic/2727264
รองโฆษกก้าวไกล “ภคมน หนุนอนันต์” วิจารณ์ ปม ครม.ออกกฎรักษาความลับเกี่ยวกับการประชุม ชี้ทำได้ แต่ต้องโปร่งใส แนะเปิดเผยวาระก่อนถกเหมือนกับสภาฯ
วันที่ 22 กันยายน 2566 นางสาวภคมน หนุนอนันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล โพสต์เฟซบุ๊กถึงกรณี การประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มติเห็นชอบแนวทางปฏิบัติในการรักษาความลับของทางราชการที่เกี่ยวข้องกับการประชุม ครม. และการให้ข่าวสารแก่สื่อมวลชน ระบุว่า
“รักษาความลับทำได้ ควบคู่กับการเปิดเผยข้อมูล (รัฐโปร่งใส)”
มีการพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์กัน จึงมีความเห็น 8 ข้อ ต่อเรื่องนี้ ดังนี้
1. โดยหลักการแล้วเป็นเรื่องยอมรับได้ และเป็นเรื่องปกติของความเป็นมืออาชีพในองค์กร ที่ไม่ให้บุคลากรที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นระดับบริหารหรือระดับปฏิบัติการ ให้ข้อมูลที่นอกเหนือนโยบายการสื่อสาร
2. แต่ในอีกด้าน การทำงานของรัฐบาล ซึ่งมีที่มาของอำนาจมาจากประชาชน ควรเปิดเผยข้อมูลของรัฐทุกภาคส่วนเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบด้วยเพื่อให้เกิดความโปร่งใส ส่วนบางเรื่องที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงแห่งรัฐ ควรมีการขอการพิจารณาลับเป็นกรณีๆ ไป เป็นข้อยกเว้น
3. ดังนั้น การประชุม ครม. จึงมีความพิเศษ ซึ่งเป็นการประชุมกิจการที่สำคัญของประเทศ ซึ่งต้องมีลักษณะเป็นความลับพอสมควร แต่ในขณะเดียวกัน ก็ต้องมีข้อมูลออกมามากเพียงพอที่จะทำให้ประชาชนตรวจสอบได้เช่นกัน
4. ปัญหาของประเทศไทยคืออะไร? ปัญหาของประเทศไทยคือการเข้าถึงข้อมูลมติ ครม. ทำได้ยากเหลือเกิน และหลายครั้งมติ ครม. ที่มีการให้ข่าวออกมาไม่ใช่มติ ครม. ที่สำคัญ แต่มติ ครม. ที่สำคัญกับผลประโยชน์ของประชาชน เช่น โครงการที่ใช้งบประมาณมากๆ มักเป็นการพิจารณา “ลับ”
5. ในการแถลง Agenda หรือวาระการประชุมคณะรัฐมนตรี ไม่มีการเปิดเผยวาระการประชุมมาก่อนเหมือนกับรัฐสภา และสรุปมติ ครม. ที่ออกมาคือการออกมาแค่ที่ ครม. อยากให้ออก มีอีกหลายมติที่สำคัญ ไม่แม้แต่ปรากฏให้ประชาชนรู้ว่ามีการประชุมวาระนี้ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะมติ ครม. ที่เกี่ยวกับกิจการของกองทัพและสถาบันพระมหากษัตริย์ (ต่างจากสภาที่เรารู้ว่ามีวาระประชุมนี้ แต่วาระนี้พิจารณาลับ)
6. ช่องว่างในการปฏิบัติงานที่หลายครั้งเอกสารหลุดออกมา (ส่วนมากมักเป็นข้าราชการที่ทนเห็นความไม่ถูกต้องไม่ได้) จึงมีบทบาทสำคัญในหลายกรณีในการปกป้องผลประโยชน์ของประชาชน
7. เพื่อแก้ปัญหานี้ สิ่งที่รัฐบาลเศรษฐาเพื่อเป็นการเปลี่ยนแปลงในรอบ 20 ปีตามที่ทำกันมา
7.1 มีการเผยแพร่วาระการประชุมล่วงหน้าให้ประชาชนได้รับรู้ว่าในแต่ละสัปดาห์ รัฐบาลพิจารณาเรื่องอะไร เสนอเรื่องโดยใคร และใช้ขอประมาณเท่าไร โดยในกรณีที่เป็นเรื่องพิจารณาลับ รัฐบาลอาจปิดวาระพิจารณาได้ แต่ควรเปิดเผยชื่อของหน่วยงานที่เสนอเรื่องให้พิจารณาและงบประมาณ (ถ้ามีการขอ)
7.2 ในบางประเทศ มีการเก็บ record (อาจเป็นบันทึกชวเลขหรือเทปบันทึก) เพื่อเอาไว้เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยมีการกำหนดระยะเวลาเผยแพร่ในอนาคต
8. สรุป การออกมติ ครม. เรื่องการรักษาความลับเป็นสิ่งที่ทำได้ แต่ในขณะเดียวกัน รัฐบาลก็มีหน้าที่ทำให้การประชุม ครม. ที่กำหนดชะตาอนาคตของประเทศและเป็นพื้นที่จริงในการจัดสรรงบประมาณมีความโปร่งใสด้วย
อย่าลืมว่าพวกเราปกครองในระบอบประชาธิปไตย ทุกการใช้อำนาจของรัฐบาลต้องอยู่ภายใต้การตรวจสอบของประชาชน ถ้าการใช้อำนาจของรัฐบาลไม่ถูกมองเห็น สิ่งที่เกิดขึ้นในห้องประชุม ครม. คงไม่ต่างอะไรกับการเอาเงินภาษีประชาชนมาแบ่งเค้กกันตามอำนาจที่รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงของแต่ละพรรคมี
https://www.facebook.com/lisapukkamon/posts/223396184063407?ref=embed_post
น้ำมันโลกปิดติดลบกังวลดอกเบี้ยสูงกระทบเศรษฐกิจ
https://ch3plus.com/news/economy/morning/367221
น้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์ก ปิดลบในวันพฤหัสบดี (21 ก.ย.) โดยตลาดถูกกดดันจากความกังวลว่าภาวะอัตราดอกเบี้ยสูงอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมัน WTI ปิดขยับลงเพียงเล็กน้อย เนื่องจากข่าวรัสเซียประกาศระงับส่งออกน้ำมันทั่วโลกเป็นปัจจัยหนุนตลาดในระหว่างวัน ลดลง 3 เซนต์ หรือประมาณ 0.1% ปิดที่ 89.63 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนน้ำมันดิบเบรนต์ (BRENT) ลดลง 23 เซนต์ หรือ 0.3% ปิดที่ 93.30 ดอลลาร์/บาร์เรล
ในช่วงแรกนั้น ราคาน้ำมัน WTI และน้ำมันเบรนต์พุ่งขึ้น ขานรับข่าวรัสเซียประกาศระงับการส่งออกน้ำมันเบนซินและดีเซลเป็นการชั่วคราวให้กับทุกประเทศทั่วโลก โดยมีผลบังคับใช้ในทันทีเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดเชื้อเพลิงภายในรัสเซีย แต่ราคาน้ำมันอ่อนแรงลงในเวลาต่อมา เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลว่า การที่เฟดส่งสัญญาณตรึงดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานาน จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน
โดยเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเมื่อวันพุธ แต่ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Dot Plot) เจ้าหน้าที่เฟดส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 1 ครั้งภายในสิ้นปีนี้ และส่งสัญญาณปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพียง 2 ครั้งในปี 2567 จากเดิมที่เฟดคาดการณ์ว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยมากกว่า 2 ครั้งในปีหน้า