แฟนใหม่แม่จะขายบ้านของครอบครัวเรา (บ้านที่พ่อกับแม่ช่วยกันผ่อน แต่พ่อยกให้แม่ตอนเลิกกันเพราะทิ้งไว้ให้ลูก)

สวัสดีค่ะ มีเรื่องที่คิดว่าหนักที่สุดในชีวิตมาขอคำปรึกษาค่ะ

เริ่มจากที่บ้านเราทำธุรกิจเกี่ยวกับรถยนต์ เป็นธุรกิจที่พ่อกับแม่ช่วยกันสร้างมา หลังจากที่พ่อกับแม่เลิกกัน พ่อก็ยกธุรกิจตรงนี้ให้แม่ทำต่อ เพราะลูกอยู่กับแม่ เลยทิ้งทุกอย่างไว้ให้ลูก (รวมถึงบ้านและรถด้วยค่ะ) และพ่อออกไปสร้างใหม่คนเดียว 

หลังจากนั้นปี 2565 แม่ก็พาผช.คนนึงเข้ามาที่บ้านอายุประมาณ 33 เขามีอาชีพเป็นพนักงานขับรถขนส่ง ช่วงแรกเขาเข้ามาก็ขยันดีค่ะ มาช่วยงานที่บ้านเราบ้าง และยังทำงานที่เดิมอยู่ จากนั้นไม่นานเขาก็เริ่มอยากทำธุรกิจรถขนส่ง ซึ่งแม่เราก็เห็นด้วย (แม่เราชอบทำธุรกิจอยู่แล้ว) และช่วงนั้นเป็นช่วงโควิดระบาดธุรกิจทางบ้านงานเริ่มน้อยลง เลยตัดสินใจเอารถที่บ้านไปวิ่งก่อน 1 คันค่ะ และแม่เห็นว่ามีเงินเข้ามาทางแฟนเขาจึงเสนอให้ซื้อรถมาวิ่งเพิ่ม แต่ปัญหามันติดตรงนี้ค่ะ แม่ไม่ได้มีเงินสำรองเพียงพอที่จะไปซื้อรถใหม่ไปวิ่ง อีกทั้งต้องประคองธุรกิจทางบ้านที่กำลังเผชิญโควิดอยู่ ตอนนั้นเราเพิ่งเรียนจบป.ตรี แม่เสนอเรามาว่าจะขอขายรถเราแล้วไปดาวน์รถขนส่งมาวิ่งก่อน ให้เราอยู่บ้านเฉยๆไปก่อน 3 เดือน พอมีเงินหมุนแม่จะออกรถให้ใหม่ ซึ่งเรายังไม่เห็นด้วยเท่าไหร่ที่จะลงทุนตรงนี้ในช่วงที่ชักหน้าไม่ถึงหลังแบบนี้ แต่แม่ไม่ยอมเพราะต้องการใช้เงิน เราเลยยื้อรถไว้ด้วยการขอเอาไว้ขับไปทำงานแล้วเราจะเอารถเข้าไฟแนนซ์เอาเงินให้แม่ ส่วนเราจะผ่อนกับไฟแนนซ์เอง แม่บอกว่าไม่อยากให้เราต้องมามีหนี้สินอะไรเรื่องนี้เลยจบไปค่ะ แต่แฟนแม่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ เพราะเขาอยากได้รถเพิ่มไปวิ่งงาน 
 

หลังจากนั้นเราก็เห็นเขาไปจดบริษัทกัน เปิดบริษัทใหม่ และซื้อรถเพิ่มเรื่อยๆ (เราไม่รู้แหล่งที่มาที่ไปของเงิน แต่ภายหลังทราบมาว่าแม่มาเอาทองของยาย 10 บาทไปจำนำ) ธุรกิจก็เหมือนจะไปได้ดีจนเราได้มีโอกาสไปช่วยงานธุรกิจใหม่ของแม่กับแฟน ค้นพบว่าการบริหารมีข้อบกพร่องหลายอย่าง รถที่เอามาเป็นรถฟรีดาวน์ ผ่อนหนัก ซึ่งหักค่าใช้จ่ายค่าลูกน้องแล้วแทบจะไม่เหลืออะไรเลย แต่จุดที่พีคกว่าคือราคาค่าเที่ยวในการวิ่งค่ะ แฟนแม่เป็นคนเสนอราคาตัดราคาเจ้าอื่นๆ เพื่อให้ตัวเองได้งานมา ทำให้รายได้ไม่พอค่าใช้จ่าย แต่เขาก็ยังแบกไปเรื่อยๆ ดึงเงินจากธุรกิจบ้านเราไปซัพพอร์ตธุรกิจของแฟนใหม่ จนโควิดเริ่มซาธุรกิจทางบ้านเราก็ดีขึ้น ทางนั้นก็ยิ่งเริ่มดึงเงินออกไปซื้อรถเพิ่ม ยังไม่รวมกับแต่งรถ ลงแม็ก (ตรงนี้เราเคยคุยกับแม่ว่าบริษัทขนส่งที่มีมาตราฐานเขาเน้นรถเดิมๆ สภาพดี ปลอดภัย มากกว่ารถที่เอาไปดัดแปลงสภาพ แต่แฟนแม่เขาบอกว่าไม่ได้ผิดกฏหมายเป็นความชอบส่วนตัว ลูกค้าไม่ได้ว่าอะไร) เขาซื้อทองมาใส่เต็มตัว โพสต์ลงเฟส (อันนี้เราไม่ติดอะไรนะคะ พื้นที่ส่วนตัวเขา แต่เราไม่โอเคที่เอาทองยายไปจำนำ แต่พอได้เงินมาไม่ยอมไปไถ่ทองคืนยาย)

หลังจากแม่พาเข้าไปจดบริษัทเริ่มกิจการเขาก็ไม่ต้องไปวิ่งงานเอง ให้ลูกน้องทำแทนหมด แม่จึงให้เขามาช่วยธุรกิจของบ้านเรา แต่เขาทำงานพลาดเสียหาย และให้ลูกน้องช่วยกันปิด น้องสาวเราสนิทกับลูกน้องเลยได้รู้มา ทำให้คนในบ้านไม่โอเคที่ทำให้กิจการเสียชื่อเสียง เลยบอกแม่ไปตรงๆและขอให้แก้งานให้ลูกค้า แต่แม่รับรู้แล้วเงียบไม่ตอบอะไรกลับมา เหตุการณ์ดำเนินแบบนี้ไปเรื่อยๆ ดึงเงินออกจากธุรกิจบ้านเราไปซัพพอร์ตธุรกิจใหม่ที่ขาดทุนเรื่อยๆ เราเสนอให้แก้ปัญหาที่ต้นเหตุคือเมื่อหมดสัญญาให้เสนอราคาใหม่ที่เราอยู่ได้ และเตรียมหาประมูลงานเจ้าอื่นสำรองไว้ แต่เขาตอบกลับมาว่าธุรกิจมันต้องเฉลี่ยกันไป มันจะไปมีกำไรหมดทุกคันไม่ได้ (อันนี้เราไม่ค่อยเข้าใจ เพราะรถที่เอาไปวิ่งส่วนใหญ่ขาดทุนหมด สิ้นเดือนต้องดึงเงินออกมาจากธุรกิจที่บ้านเพื่อจ่ายดอก ผ่อนรถให้เขา แต่ก็ปล่อยผ่านไปเพราะเราทำอะไรไม่ได้ อยู่ที่การตัดสินใจของเขา) 

ก่อนหน้านี้แม่บอกว่าจะเลิกทำธุรกิจที่บ้าน อยากให้มีคนมาทำต่อและให้แฟนเรามาหมั้น มาฝึกงาน มาอยู่ที่บ้านเรา หากเป็นงานแล้วแม่จะปล่อยให้ทำกันเอง โดยให้เวลา 1 เดือน หมั้น 200,000 แต่ง 500,000 เราไม่เห็นด้วยกับตรงนี้มากๆ เราคบกันรักกันก็จริง แต่เราคิดว่าการจะตัดสินใจแต่งเมื่อไหร่ควรเป็นการตัดสินใจของเรากับแฟนเอง แต่คุยกับแฟนแล้วแฟนไม่ได้ติดอะไร เพราะคบกันมา 5 ปีแล้ว เราอายุ 23 แฟนอายุ 27 หมั้นไว้ก่อน 2 ปี รอเราเรียนจบป.โท แล้วจะแต่ง หลังจากที่ทางบ้านแฟนมาหมั้นและแม่ได้เงินไป เราเห็นแฟนแม่โพสต์ลงเฟสของแต่งรถใหม่ ล้อแม็กใหม่ เราไม่อยากคิดในแง่ที่ไม่ดี แต่ก็อดคิดไม่ได้ว่าคือเงินสินสอดเรา เพราะสถานะทางการเงินของเขากับแม่ยังหมุนไม่ทัน แฟนเราย้ายเข้ามาดูเหมือนแฟนแม่ไม่ค่อยโอเคกับแฟนเรา เนื่องจากความคิดที่ไม่ค่อยตรงกัน แฟนเราเป็นคนตรงฉินในการทำงาน บวกกับพอเริ่มมาทำงานร่วมกันก็ยิ่งเห็นความเห็นแก่ตัวของแฟนแม่ เขาอ้างว่าให้เงินเข้าบัญชีแม่เราหมด ค่าใช้จ่ายทุกอย่างแม่เราเลยต้องเป็นคนจ่าย (ค่าใช้จ่ายมากกว่ารายรับไม่รู้กี่เท่า) มีกรณีที่ลูกค้าจ่ายเงินแล้วเขาให้ลูกค้าโอนเข้าบัญชีตัวเอง น้องสาวเราจับได้เลยบอกแม่ แต่แม่ก็ยังเงียบไม่รู้ว่าไปเคลียร์กันยังไง 

ล่าสุดเหมือนจะแบกไม่ไหวแล้ว จะขายบ้านที่เราอยู่ ขายหน้าร้านที่ทำธุรกิจของที่บ้านเราบอกว่าธุรกิจมันไปต่อไม่ไหว แต่เราคัดค้านไว้เพราะเรารู้ต้นทุน กำไร ค่าใช้จ่ายของธุรกิจที่บ้าน เราเป็นคนทำบัญชี ธุรกิจมันอยู่ได้แน่ถ้าเราไม่ดึงเงินออกไปขนาดนี้ แต่ที่มันไปต่อไม่ได้เพราะดึงต้นทุน กำไรออกไปหมด ถอนออกไปลงกับทางนู้นหมด เราไปยื้อขอให้แม่ไม่ขายบ้าน แต่แฟนแม่ก็ยังหาคนมาซื้อพาคนมาดูบ้าน ธนาคารประเมิน 3.5 ล้าน คนซื้อขอ 3 ล้าน เขาบอกให้รีบขายราคาดี เราไม่โอเคมากๆ อย่างน้อยบ้านหลังนี้พ่อกับแม่เราช่วยกันหาเงินดาวน์และผ่อนกันจนหมด พอถึงตอนนี้จะขายแล้วเอาเงินไปใช้กัน 2 คน แม่บอกเราว่าโตแล้ว มีครอบครัวแล้ว ถ้าแม่ขายบ้านต้องรับผิดชอบชีวิตตัวเอง .. 

สถานการณ์ปัจจุบัน คือเราทะเลาะกับแม่หนักมาก และทะเลาะกับแฟนแม่ด้วย ทั้งเรื่องการขายบ้าน เรื่องการที่เอาดึงเงินออกจากธุรกิจที่บ้านไป และอีกหลายเรื่องที่เอาคนในบ้านไปพูดในทางที่ไม่ดี เราตัดสินใจไปปรึกษาลุงกับป้าซึ่งเขาเป็นที่เคารพนับถือของญาติพี่น้อง เขาช่วยคุยกับแม่ไม่ให้ขายบ้าน และเขาไม่โอเคกับแฟนใหม่แม่ที่เอาทองยายไป และดึงเงินของธุรกิจที่บ้านไป ลุงกับป้าจะเรียกแม่กับแฟนเข้ามาคุย แต่พอเขาไปคุยกับลุงเขาพูดอีกอย่าง เขาบอกลุงว่าเขาไม่เคยคิดจะขายบ้าน ไม่เคยพูดกับลูกว่าโตแล้ว ให้รับผิดชอบชีวิตตัวเอง เราได้ยินแล้วเราแทบทรุด เราไม่อยากจะเชื่อเลยว่าแม่เราพูดแบบนี้ ไหนจะเรื่องที่แฟนแม่เอาคนในบ้านไปพูดเสียหาย มีคนมาบอกเราว่าเขาด่าเรา เรามีหลักฐาน ต้อนจนมุม เขาแก้ตัวมาว่าเขาเข้าใจผิด .. ลุงไม่โอเคที่เขาด่าเราแต่แม่ก็ปกป้องแฟนเขา ช่วยกันแก้ต่างว่าเข้าใจผิด พอกลับบ้านมาแม่บอกว่าในเมื่อเราเป็นแบบนี้คงจะอยู่ด้วยกันไม่ได้แล้ว ใครจะอยู่ใครไปเลือกเอาเลย แต่แม่ไม่เอาเราแล้ว เราเลยถามย้ำแม่กลับไปว่า แปลว่าหนูต้องออกไปใช่ไหม เขาตอบกลับมาว่าจะให้แม่ทำยังไงเขาก็เป็นคู่ชีวิตแม่ .. ยังไม่รวมถึงยายที่กินเหล้าเมาเพราะเครียดและเดินขึ้นมาด่าเรา ตะโกนด่าเราว่าพ่อตาย (ยายอยู่บ้านเดียวกับเรา และยอมให้แม่ขายบ้าน ยายยังไม่รู้ว่าแม่ไปกู้เงินมาให้ผช คนนั้น ยังไม่รุ้ว่าเงินถูกดึงออกไปให้ทางนั้นหมด และเขาก็ไม่ยอมฟังอะไร) เรามีเพื่อนสมัยมัธยมที่รู้จักแฟนใหม่แม่ เพราะเพื่อนเราอยู่บ้านใกล้กับบ้านของภรรยาเก่าแฟนแม่ เพื่อนบอกว่า น้า... แฟนแม่มีภรรยามาแล้ว 2 คน คนแรกมีลูกด้วยกัน 1 คน คนที่สองมีลูกด้วยกัน 1 คน กับภรรยาคนที่ 2 เขาโดนทางบ้านฝ่ายหญิงไล่ออกมา ไม่ทราบแน่ชัดว่าเรื่องอะไร เราไม่รู้ว่าบ้านเกิดจริงๆ เขาอยู่ที่ไหนกันแน่ เพราะที่ผ่านมาเขาก็อาศัยอยู่บ้านภรรยาคนที่ 1 และคนที่ 2 ส่วนตอนมาคบหากับแม่เรา แม่เราก็พาย้ายเข้ามาอยู่ เอาชื่อเข้าทะเบียนบ้าน

แฟนเรารับรู้เรื่องราวทั้งหมด และอยู่ในเหตุการณ์ทั้งหมด แฟนเราไปปรึกษาที่บ้านเขา ที่บ้านเขาขอให้แฟนเราออกมาจากบ้านเรา และให้เอาเราออกไปด้วย ให้ปล่อยวางทุกอย่าง ทั้งเรื่องบ้านและธุรกิจของที่บ้านที่กำลังจะล้ม เราทำใจไม่ได้แต่ก็อยู่บ้านหลังนี้ต่อไปไม่ได้เหมือนกัน เคยคิดอยากกินยาตาย แต่ก็สงสารพ่อ สงสารแฟนเรา เราทำงานไปด้วยเรียนป.โทไปด้วย ค่าเทอมค่อนข้างสูง (เราทำงานที่บ้านไม่ได้เงินเดือนเพราะแม่ให้ช่วยประหยัด แต่ตอนหลังต้องออกมาทำงานประจำ เพราะต้องส่งตัวเองเรียนด้วย) หากเราออกมาเช่าบ้านอยู่เงินเดือนจะไม่พอจ่ายค่าเทอม พ่อแฟนเราเสนอให้เรากับแฟนย้ายกลับไปอยู่บ้านแฟน และเรื่องเรียนเขาจะช่วย Support จะไม่ให้เราลำบาก ส่วนบ้านและรถที่แม่จะขายปล่อยให้เขาขายไป 

ตอนนี้ถึงจะมีทางออก แต่เรายังทำใจไม่ได้ที่ต้องเห็นบ้านถูกขาย ธุรกิจล้มละลาย และเป็นห่วงแม่แม่เราอายุ 45 แฟนอายุ 33 ไม่รู้ว่าเขาจะทิ้งแม่เราไปเมื่อไหร่ ตอนนี้เงินก็หมด เป็นหนี้เป็นสิ้นจนแบกกันแทบไม่ไหว 

เราอยากถามทุกคนใน Pantip ว่าการที่เราออกมาเราทำถูกต้องไหม เราเนรคุณไหม มีทางออกอื่นที่ดีกว่านี้ไหม เราสามารถทำอะไรได้บ้างไหม หลังจากนี้เราคงไม่ได้ติดต่อกับทางบ้านอีก ยายเข้าข้างฝั่งนั้น 100% ส่วนน้องแม่บอกว่าจะทำบ้านดีๆให้อยู่ใหม่ถ้ายอมขายซึ่งน้องก็ ok (แต่เราคิดว่าแม่น่าจะไม่เหลือเงินจากการขายบ้านเยอะขนาดนั้น เรามีรหัส email แม่เพราะเราเป็นคนสมัครให้ เดือนที่แล้วมี email เด้งมา ว่ากู้สินเชื่อ 1.9 ล้านบาท ไม่รู้ว่าเอาทรัพย์สินอะไรไปค้ำมั้ย) ตอนนี้เราออกมาเหมือนตัวคนเดียว แต่คิดซะว่ายังมีแฟนและครอบครัวแฟนเราที่ยังเข้าใจ ช่วยหาทางออก ที่ผ่านมาเราอาจจะโตมาแบบโลกสวยและรับเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้และคงจะเป็นปมไปตลอดชีวิต ถึงจะออกมาเริ่มต้นใหม่แต่การที่แม่บอกว่าไม่เอาเรา และเข้าข้างแฟนใหม่ ช่วยเขาโกหกเอาตัวรอด เราทำใจไม่ได้ แต่ถึงเขาจะพูดยังไงเราก็ยังรักแม่อยู่ดี ที่มาตั้งกระทู้ในวันนี้แค่อยากมาระบาย อยากฟังมุมมองของคนอื่นๆ เราทำถูกไหมที่ออกมา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่