Hemochromatosis หรือภาวะเหล็กเกิน
- เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมธาตุเหล็กในร่างกายในปริมาณมากเกินไป
จึงทำให้เกิดการสะสมของธาตุเหล็กตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อต่อ ตับ ตับอ่อน และหัวใจ
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา อย่างโรคตับ โรคหัวใจ
โรคเบาหวาน และอาจทำให้อวัยวะเสียหายหรือหยุดทำงานจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการป่วยแสดงออกมา
กระทั่งอาการของโรคดำเนินไปจนมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เกิดขึ้น
เช่น ข้ออักเสบ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ตับวาย ตับแข็ง เบาหวาน
หัวใจวาย เป็นต้น และอาการอาจยิ่งแย่ลงเมื่อรับประทานวิตามินซีหรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง
เนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้ดียิ่งขึ้น
อาการของภาวะเหล็กเกิน
- ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ในระยะแรก โดยในผู้ชายอาจเริ่มมีอาการตอนอายุ 30-50 ปี
ส่วนผู้หญิงอาจเริ่มแสดงอาการเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือผ่านวัยทองไปแล้ว ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการทั่วไป ดังนี้
1. รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย อ่อนแรง
2. น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
3. ปวดบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะข้อนิ้ว
4. ขนตามร่างกายหลุดร่วง
5. ปวดท้อง
5. หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
6. ประสิทธิภาพของความจำลดลง
7. ผิวหนังมีสีคล้ำหรือสีเทา
--------------------------
อาหารเสริม ป้องกัน ธาตุเหล็กเกิน
1. กล่ม Polyphenol
- เช่น Resveratrol พบได้มากใน ผักไผ่ญี่ปุ่น (Polygonum cuspidatum) องุ่น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบในไวน์แดงอีกด้วย
2. ขมิ้นชัน (Turmeric)
3. ชาเขียว (Green Tea)
- ชาเขียวจะมีสารเทนนิน ที่ดูดซึมธาตุเหล็กในอาหาร อาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก และเป็นโรคโลหิตจาง
4. กาแฟ
- คาเฟอีนจะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม และธาตุเหล็ก
5. Phytates Acid
- ไฟเตต (อังกฤษ: phytate) หรือ Phytic acid พบมากในพืชตระกูลถั่วโดยเฉพาะถั่วเมล็ดแห้ง
เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว และงา มีฤทธิ์ในการยั้บยั้งการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิด
ได้แก่ ตะกั่ว ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีอยู่ในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
หากร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้
รักษาภาวะเหล็กเกินอย่างไร
การดูแลตนเองทั่วๆไป: ที่สำคัญคือ ลด/จำกัดบริโภคธาตุเหล็ก: ได้แก่
1. จำกัดบริโภคอาหารธาตุเหล็กสูง(ธาตุเหล็กชนิดร่างกายดูดซึมได้สูง คือ Heme iron)
- ที่สำคัญคือ เนื้อแดงทุกชนิด(เนื้อแดง-เนื้อขาวเนื้อดำ), ปลาทูนา
2. ไม่ควรกินธาตุเหล็ก หรือ วิตามินรวมที่มีเหล็กอยู่ด้วย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
3. จำกัดกัดการกินวิตามินซีปริมาณสูงเพราะเป็นวิตามินช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อบริโภค
4. จำกัดอาหาร แป้ง และน้ำตาล
เพราะมีโอกาสเป็นเบาหวานง่ายจากตับอ่อนทำงานลดลงเพราะเซลล์ตับอ่อนสะสมเหล็กมากเกินปกติ
5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสาเหตุโรคตับแข็ง และเป็นตัวช่วยให้เซลล์ตับจับสะสมธาตุเหล็กสูงขึ้น
จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดตับวายสูง
ขอแชร์ อาหารเสริม ป้องกัน ธาตุเหล็กเกิน
- เป็นภาวะที่เกิดจากการสะสมธาตุเหล็กในร่างกายในปริมาณมากเกินไป
จึงทำให้เกิดการสะสมของธาตุเหล็กตามอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะข้อต่อ ตับ ตับอ่อน และหัวใจ
ซึ่งอาจเป็นสาเหตุทำให้เกิดปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงตามมา อย่างโรคตับ โรคหัวใจ
โรคเบาหวาน และอาจทำให้อวัยวะเสียหายหรือหยุดทำงานจนเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตได้
- นอกจากนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจไม่มีอาการป่วยแสดงออกมา
กระทั่งอาการของโรคดำเนินไปจนมีปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เกิดขึ้น
เช่น ข้ออักเสบ หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ตับวาย ตับแข็ง เบาหวาน
หัวใจวาย เป็นต้น และอาการอาจยิ่งแย่ลงเมื่อรับประทานวิตามินซีหรืออาหารที่มีวิตามินซีสูง
เนื่องจากวิตามินซีช่วยให้ร่างกายดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารได้ดียิ่งขึ้น
อาการของภาวะเหล็กเกิน
- ผู้ป่วยบางรายอาจไม่แสดงอาการใด ๆ ในระยะแรก โดยในผู้ชายอาจเริ่มมีอาการตอนอายุ 30-50 ปี
ส่วนผู้หญิงอาจเริ่มแสดงอาการเมื่อมีอายุ 50 ปีขึ้นไปหรือผ่านวัยทองไปแล้ว ซึ่งผู้ป่วยมักมีอาการทั่วไป ดังนี้
1. รู้สึกเหนื่อย อ่อนเพลีย อ่อนแรง
2. น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ
3. ปวดบริเวณข้อต่อ โดยเฉพาะข้อนิ้ว
4. ขนตามร่างกายหลุดร่วง
5. ปวดท้อง
5. หัวใจเต้นเร็วผิดปกติ
6. ประสิทธิภาพของความจำลดลง
7. ผิวหนังมีสีคล้ำหรือสีเทา
--------------------------
อาหารเสริม ป้องกัน ธาตุเหล็กเกิน
1. กล่ม Polyphenol
- เช่น Resveratrol พบได้มากใน ผักไผ่ญี่ปุ่น (Polygonum cuspidatum) องุ่น และผลไม้ตระกูลเบอร์รี่
เช่น บลูเบอร์รี่ แครนเบอร์รี่ มัลเบอร์รี่ เป็นต้น นอกจากนั้นยังพบในไวน์แดงอีกด้วย
2. ขมิ้นชัน (Turmeric)
3. ชาเขียว (Green Tea)
- ชาเขียวจะมีสารเทนนิน ที่ดูดซึมธาตุเหล็กในอาหาร อาจทำให้ขาดธาตุเหล็ก และเป็นโรคโลหิตจาง
4. กาแฟ
- คาเฟอีนจะไปขัดขวางการดูดซึมของแคลเซียม และธาตุเหล็ก
5. Phytates Acid
- ไฟเตต (อังกฤษ: phytate) หรือ Phytic acid พบมากในพืชตระกูลถั่วโดยเฉพาะถั่วเมล็ดแห้ง
เช่น ถั่วเหลือง ถั่วลิสง ถั่วเขียว และงา มีฤทธิ์ในการยั้บยั้งการดูดซึมของแร่ธาตุบางชนิด
ได้แก่ ตะกั่ว ธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม ฟอสฟอรัส ซึ่งมีอยู่ในอาหารที่เรารับประทานเข้าไป
หากร่างกายได้รับเข้าไปในปริมาณมากจะทำให้ร่างกายไม่สามารถดูดซึมได้
รักษาภาวะเหล็กเกินอย่างไร
การดูแลตนเองทั่วๆไป: ที่สำคัญคือ ลด/จำกัดบริโภคธาตุเหล็ก: ได้แก่
1. จำกัดบริโภคอาหารธาตุเหล็กสูง(ธาตุเหล็กชนิดร่างกายดูดซึมได้สูง คือ Heme iron)
- ที่สำคัญคือ เนื้อแดงทุกชนิด(เนื้อแดง-เนื้อขาวเนื้อดำ), ปลาทูนา
2. ไม่ควรกินธาตุเหล็ก หรือ วิตามินรวมที่มีเหล็กอยู่ด้วย ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเสมอ
3. จำกัดกัดการกินวิตามินซีปริมาณสูงเพราะเป็นวิตามินช่วยดูดซึมธาตุเหล็ก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนซื้อบริโภค
4. จำกัดอาหาร แป้ง และน้ำตาล
เพราะมีโอกาสเป็นเบาหวานง่ายจากตับอ่อนทำงานลดลงเพราะเซลล์ตับอ่อนสะสมเหล็กมากเกินปกติ
5. ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นสาเหตุโรคตับแข็ง และเป็นตัวช่วยให้เซลล์ตับจับสะสมธาตุเหล็กสูงขึ้น
จึงเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดตับวายสูง