แค่อยากจะมาระบาย และหาที่ระบายกับตัวเอง กับทุกปัญหาที่เกิดขึ้นในครึ่งปีนี้ รู้สึกว่าชีวิตพังมากเลย อาจจะไม่เท่าคนอื่นๆแต่เรารู้สึกว่ามันเป็นทุกข์สำหรับเรามากเลย เราเกิดในครอบครัวชาวเขา ซึ่งบอกก่อนว่าเราพูดภาษาไทยได้ และอยู่กับคนไทยเลยค่ะ เราเป็นพี่สาวคนโต มีน้องชายสองคน ช่วงเรายังเด็ก คิดเสมอว่าเราจน เราไม่สวย เลยพยายามที่จะทำให้ตัวเองดูเก่งขึ้น ทั้งตั้งใจเรียนได้รางวัลจากการแข่งขันต่างๆเป็นเด็กดี (ความคิดเราคือถ้าเป็นคนสวยทุกคนจะใจดีกับคนสวยมากขึ้น ซึ่งเราเจอมากับตัว) เราเลยพยายามทำจุดนี้ให้มากลบปมด้อยของเรา ช่วงขึ้น ม.ต้น พ่อแม่ไม่พร้อมที่จะส่งเราเรียน เลยสงเราไปที่สถานสงเคราะห์แห่งหนึ่งกับน้องชาย เรียนได้ 3 ปี แม่ก็พาน้องชายออกไปอยู่กับแม่ มีเราที่อยู่ที่นี่ (มีแอบคิดน้อยใจนะ แต่เราคิดว่าอยู่ตรงนี้ก็ได้เพราะแม่ลำบาก) เรียนถึง ป.ตรี เป็นการเรียนที่ทรหดมากๆเลย ต้องทำงานไป เรียนไป ระหว่างนี้เรื่องครอบครัวก็มีมาเรื่อยๆ เรารู้สึกว่าทำไมต้องเป็นเราที่รับรู้ทุกเรื่องเลยนะปัญหาครอบครัวที่หนักใจ ผู้ใหญ่มักพูดเสมอว่าโตไปจะเหนื่อยกว่านี้ แต่ตอนนั้นเราคิดว่าแต่ปัญหามันหนักไปสำหรับเด็กในตอนนั้น เรียนจบมาก็ทำงานเลย ไม่มีเวลาพักหลังเรียนจบใดๆทั้งสิ้น ทุกอย่างขับเคลื่อนด้วยเงินซึ่งครอบครัวไม่มีซัพพอร์ตเราอยู่แล้ว เราคิดในจุดนี้ ได้ขึ้นตำแหน่งผู้จัดการด้วยความจำใจแค่ทุกวัน การทำงานก็ยากพออยู่แล้วกับตำแหน่งนี้และมือใหม่อย่างเราด้วย การระบายปัญหาที่เจอกับใครสักคนก็ไม่มี รู้สึกอึดอัดจนอยากจะตาย ยิ่งมาช่วงนี้มีแต่ปัญหา น้องชายออกจากงานโดยไม่ปรึกษา เราต้องหาเงินมาช่วยน้องเอารถมากกะทันหัน ผ่านไปไม่ถึงอาทิตย์พ่อออกรถใหม่โดยไม่ปรึกษาและผ่านมาไม่กี่วัน พ่อขับรถชนคน คดีความต่างๆอีกมากมาย ทุกปัญหาที่ตามมา สุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องมาเครียดในจุดนี้วิ่งหาเงินมาช่วย ทั้งๆที่เราไม่ได้เป็นคนก่อ นี่ทำให้เรามาคิดได้ว่า ทำไมนะทั้งๆที่เราตั้งใจเรียนไม่ทำให้แม่เดือดร้อน ทำไมแม่ไม่รักเราเท่าน้องเลย ซ้ำยังบอกเราว่าไม่ต้องพูดถึงเรื่องเงินที่เราไปหายืมมาเพื่อช่วยเรื่องรถน้องอีก กับอีกเรื่อง ทำไมนะพ่อถึงไม่เคยคิดที่จะปรึกษาเราก่อนจะทำอะไร เพราะสุดท้ายก็เป็นเราที่ต้องรับกับปัญหานี้ มันเหนื่อย ท้อ ควรคิดยังไงให้ไม่มองพ่อแม่ไปในทางที่ไม่ดีนะ ปล. อาจจะเขียนไม่ดี แค่อยากระบายค่ะ กลัวจะเป็นบ้าไปกว่านี้
แค่อยากระบาย