JJNY : คุยกับมนุษย์ห้วยขวาง (คลิป)│ตอกฝาโลง-เผาทิ้ง รธน.60│ราคาหมูร่วงหนัก สวนทางต้นทุน│ร้านนมโอด นมพาสเจอไรซ์ขาดตลาด

รอได้ไหม? ส.ว.หมดวาระ แล้วค่อยเลือกนายกฯ คุยกับมนุษย์ห้วยขวาง (คลิป)
https://prachatai.com/journal/2023/07/105196

วิดีโอ: กิตติยา อรอินทร์
สัมภาษณ์-เรียบเรียง: ณัฐพล เมฆโสภณ, ศิชา รุ่งโรจน์ธนกุล
  

ฟังพ่อค้าแม่ค้า-ชาวชุมชนตลาดห้วยขวาง ตอบคำถาม “รอได้ไหม? ส.ว.หมดวาระ แล้วค่อยเลือกนายกฯ”
 
ชาวชลบุรี รอได้ 10 เดือน ไหนๆ ก็รอมา 9 ปีแล้ว 
 
“ก็ต้องรออีก 10 เดือน ถามว่ามันทำอย่างนี้ดีไหม มันไม่ดีหรอก เพราะเศรษฐกิจบ้านเรามันรอไม่ได้ ปัญหาบ้านเมืองมันรอไม่ได้ แต่ถ้าเลือกฝ่ายที่รู้ๆ กัน 9 ปี ปัญหามันอู้หู มีแต่กู้กับกู้ ๆ (ซื้อ) เรือดำน้ำผุๆ พังๆ เอารถถังเน่าๆ ถ้าถามผมตรงๆ ผมก็อยากรอ รอไปเลย ไหนๆ ก็ไหนๆ มันยาวแล้วหนิ 9 ปียังรอได้ แต่ทำไม 10 เดือนยังรอไม่ได้”
 
คำตอบจาก ‘บุ๋ง’ ชาวชลบุรีอายุ 70 ปี กับประเด็นที่ว่ารอ 10 เดือนโดยมีรัฐบาลพรรคก้าวไกลร่วมด้วย หรือตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ไขปัญหาประชาชนทันที 
บุ๋ง กล่าวต่อว่าไม่ติดใจเรื่องการที่พรรคเพื่อไทยจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แต่เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยจับมือกับพรรครัฐบาลเดิม ชาวชลบุรีวัย 70 ปี ตอบว่า “ไม่อยากโอเคกับมัน” แต่เข้าใจว่าสถานการณ์มันบีบบังคับ เพราะว่า ส.ว.ทำท่าจะไม่ยกมือสนับสนุนอย่างเดียว
 
เมื่อสอบถามว่าอยากฝากอะไรทิ้งท้ายถึงสถานการณ์การเมืองไทยขณะนี้หรือไม่ ชายสูงวัย ตอบว่า อยากฝากถึงคนรุ่นเก่าให้ถอยลงไปได้แล้ว เพราะพวกเรามันล้าหลัง  เราแก่แล้วต้องให้เด็กรุ่นใหม่มันทำ จะอยู่อีกกี่ปีเดี๋ยวก็ไปที่ชอบๆ แล้ว และอยากให้โอกาสคนรุ่นใหม่เขาได้ลองทำงาน ทำไม่ดี ค่อยไปโหวตในสภาฯ
 
“ผมเลือกเด็กรุ่นใหม่ เราไม่ได้ชอบเขาส่วนตัว แต่เราชอบการทำงาน มาตรา 112 ข้ออ้างเขาทั้งนั้น เชื่อเถอะ เขายังไม่ทันทำเลย คุณบอกเขาไม่ดีแล้ว ให้เขาทำก่อน ไม่ดีแล้วคุณก็มาโหวตในสภาฯ ดีกว่า ต้องเปิดโอกาส เอาคะแนนเสียงของประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่ใช่ 250 คนมาเป็นที่ตั้ง” ชาวชลบุรี วัย 70 ปี เผย

การ์ดไทยรักษาชาติ ไม่ขอรอ ไม่อยากอยู่กับ ‘ประยุทธ์’
 
ประเสริฐ อายุ 60 ปี พนักงานรักษาความปลอดภัยของพรรคไทยรักษาชาติ มองว่า เขาไม่อยากให้รออีก 10 เดือนแล้วค่อยจัดตั้งรัฐบาล ตามที่ ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย บอกว่าประชาชนไม่มีใครเขาเอาประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกฯ หรือพรรคประชาธิปัตย์แล้ว ปล่อยให้รักษาการต่อไปก็มีแต่จะทำให้ประเทศย่ำแย่

“มันไม่ไหวมันนานเกินไป ให้ประยุทธ์ รักษาการยาวไปการบริหารประเทศก็เละ พวกประชาธิปัตย์ เขาไม่เอากันทั้งนั้นแล้ว ประชาชนเขาไม่เอา ผมก็ไม่เอา” การ์ดพรรคไทยรักษาชาติ กล่าว 
 
ประเสริฐ มองว่า คนอีสานเขาโอเคกับที่พรรคเพื่อไทยจะจับมือเป็นพรรครัฐบาลกับพรรคภูมิใจไทยของอนุทิน เพราะว่าพวกเขาเคยอยู่พรรคไทยรักไทยกันมาก่อน แต่ก็ติดที่ ศักดิ์สยาม ชิดชอบ น้องชายของเนวิน ติดคดีเรื่องที่ดินฯ และทางพรรคก้าวไกล กำลังเดินเรื่องอยู่  
 
‘มานพ’ อายุ 58 ปี เพื่อนของประเสริฐ มาร่วมให้สัมภาษณ์ด้วย เขากล่าวว่าใจอยากให้พิธา ขึ้นเป็นนายกฯ เพราะเขาเป็นเด็กรุ่นใหม่ คิดว่าถ้าเขาขึ้นเขาจะสร้างได้ ไม่เหมือนคนเก่าๆ คนเก่าๆ คือความคิดเก่าๆ เขาก็คิดอะไรได้เก่าๆ แต่พิธา เขาคนรุ่นใหม่ เขาจะคิดอะไรใหม่ๆ เข้ามา คือมีคนไปขวางเขา

เมื่อถามว่า คิดเห็นยังไงถ้าให้พรรคเพือ่ไทย เป็นนายกฯ มานพ บอกว่า เพื่อไทย ตั้งรัฐบาล มีใครเขาเห็นด้วยไหมละ แต่พิธา ขึ้นเป็น (นายก) คะแนนเขาขนาดนี้ ตั้งได้ แต่มีคนขวาง 
 
แม่ค้าล็อตเตอรี ขอรอ 10 เดือน จนปิดสวิตช์ ส.ว. 
 
‘สมจิตร์’ แม่ค้าขายล็อตเตอรีบริเวณตลาดห้วยขวาง ตอบคำถามในประเด็นที่ว่าอยากให้ตั้งรัฐบาลเลย หรือรออีก 10 เดือนแล้วค่อยตั้งรัฐบาล ซึ่งคำตอบของเธอคือ รอแน่นอน

“อยากให้เขาจับมือ (8 พรรคร่วมรัฐบาล) และก็รอมาตั้งหลายปี ให้มันปลดล็อก ส.ว.ไปเลย ดูสิมันจะมีข้ออ้างอะไรไหม แค่อีก 10 เดือน เศรษฐกิจมันพังมาไม่รู้กี่ปีกี่ชาติแล้ว ไม่รออีก 10 เดือนนี่เป็นแค่ข้ออ้างจะเล่นตั้งนายกฯ ที่ไม่ใช่ที่ประชาชนเลือก มันยังดื้อแพ่งจะเอาก้าวไกล ทำไมเราไม่ดื้อแพ่งเอา (รัฐบาล)”   
 
สมจิตร์ เล่าให้ฟังว่าเธอสนับสนุนพรรคก้าวไกล ตั้งแต่ยังเป็นพรรคอนาคตใหม่ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ชอบทุกนโยบายของพรรคก้าวไกล ตามดูยูทูบตลอด แม้เธอจะยอมรับว่าทุกนโยบายของพรรคก้าวไกล อาจทำไม่ได้จริงทั้งหมด แต่ทุกเรื่องต้องใช้เวลา เพราะปัญหาสะสมมานาน โดยส่วนตัวเธอไม่ขัดว่าพรรคฝ่ายประชาธิปไตย พรรคเพื่อไทย หรือก้าวไกล ใครจะได้เป็นนายกฯ แต่ใจจริงอยากได้พรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ มากกว่า
 
นอกจากนี้ แม่ค้าขายล็อตเตอรี กล่าววิจารณ์การงดออกเสียงของสมาชิกวุฒิสภา ในวันโหวตรับรองนายกฯ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา และการยกเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาเป็นประเด็น
 
“น่าเกลียดมาก คำว่า “ไม่ออกเสียง” เป็นอะไร เป็นหวัดเหรอ ไม่กล้าพูด งดออกเสียงทำไม ถ้าเป็นพรรคอื่นจะงดออกเสียงไหม ก็ติดแค่ ม. 112 … เขายังไม่ได้เป็นเลย ม. 112 แค่เพียงพรรคเดียว มันต้องมีมติกันอีก ไม่ใช่พรรคก้าวไกล ขึ้นไป (เป็นรัฐบาล) และจะยกเลิก ม.112 ยกเลิกไม่ได้ ให้เขาเป็น และค่อยว่ากัน เขายังไม่ทันเป็นเลย กลัวเขาซะแล้ว …กลัวนโยบาย กลัวไปขัดแข้งขัดขาใคร ป้าถามหน่อย อยู่อีก 10 เดือนก็หมดวาระแล้ว ทำไมไม่เลือกให้มันดีๆ หน่อย” แม่ค้าขายล็อตเตอรี กล่าวถึง ส.ว. และมองว่า เธอเห็นด้วยกับการแก้ไขมาตรา 112 ถ้าหากว่ามันจะนำไปสู่สิ่งที่ดีขึ้น เพราะตอนนี้แค่พูดก็โดนแล้ว และยังถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองอีกด้วย  

พ่อค้าขายเสื้อผ้า บอกรอได้ มอง ม.112 แค่ข้ออ้าง
 
“เรารอมา 9 ปีแล้ว รออีกหน่อยทำไมจะรอไม่ได้ รอได้เสมอ ผมอยากให้มีความเปลี่ยนแปลง”
 
สมพร อายุ 70 ปี พ่อค้าขายเสื้อผ้า จาก จ.นครศรีธรรมราช บอกว่า ตนรอได้ ถ้าจะต้องรอ 10 เดือนให้ สว. หมดอายุก่อนแล้วพรรคก้าวไกลจะได้จัดตั้งรัฐบาล 9 ปีที่ผ่านมานี้ ตนรู้สึกอึดอัดเหลือเกินกับความไม่ยุติธรรมและการทุจริตคอร์รัปชันทุกหย่อมหญ้า

สมพร บอกด้วยว่า ถึงจะเป็นคนใต้ ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นแฟนคลับพรรคใดเป็นพิเศษ ยืนยันว่าไม่ชอบการปกครองของทหาร
 
เมื่อถามว่าคิดอย่างไรกับการชุมนุมบนท้องถนนของเยาวชนคนรุ่นใหม่ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา
เขาบอกว่า “ไม่เห็นด้วยกับเด็กๆ” 
 
เขามองว่า ข้อเสนอแก้ ม.112 ของพรรคก้าวไกลเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว ตนเองไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ว่าไม่ขวาง 
เมื่อถามว่าคิดเห็นอย่างไรที่อีกฝั่งมักบอกว่า พรรคก้าวไกลจะมาล้มสถาบันฯ
 
สมพรหัวเราะ แล้วบอกว่า “ไม่มีหรอก ใครมันจะล้มได้” ในสังคมไทยสถาบันฯ อยู่สูงสุดอยู่แล้ว คงไม่มีใครไปล้มได้ ฉะนั้นสิ่งที่เราจะได้เห็นคงมีแต่คำว่าเปลี่ยนแปลง 
 
การสกัดพิธาด้วยสารพัดเหตุผล รวมทั้งเรื่อง ม.112 เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง นำเอาสถาบันฯ มาโจมตีคนที่เป็นฝ่ายตรงข้าม
 
พ่อค้าขายเสื้อผ้าชาวนครศรีธรรมราช ทิ้งท้ายว่า แม้ว่าจะไม่ค่อยเห็นด้วยและตามไม่ทันกับความคิดของคนรุ่นใหม่ แต่ว่าตนชอบคนรุ่นใหม่ และอยากให้พวกเขามีโอกาสได้ทำงาน
 
แม่ค้าขายเสื้อผ้า ขอรอดีกว่า ทำไมก้าวไกลต้องเสียสละ
 
“ถ้าเขี่ยพิธาออกไป ต่อไปประชาชนก็ไม่เลือกเขาอีกแล้ว” 
 
นา แม่ค้าขายเสื้อผ้า อายุ 67 เป็นโหวตเตอร์พรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกล แสดงความคิดเห็นว่า ถ้าเลือกได้ขอรอ 10 เดือนให้ สว. หมดอายุดีกว่า ส่วนตัวรู้สึกไม่ไว้ใจท่าทีการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ที่เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่แล้ว ได้มีการเรียกแกนนำพรรคขั้วรัฐบาลเดิมมาหารืออย่างโจ่งแจ้ง

“คุณโทรหากันก็ได้ ไม่ต้องมาเรียกพรรคนู้นพรรคนี้มาโจ่งแจ้งทำไม ถือว่าตัวเองบริสุทธิ์ใจเลยทำโจ่งแจ้งเหรอ”
 
หรือกรณีก่อนหน้านี้ที่ เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ซึ่งเป็นหนึ่งใน 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล บอกให้พรรคก้าวไกลต้องเสียสละ
แม่ค้าขายเสื้อผ้า วัย 67 ปี บอกว่า “มันไม่ใช่” เพราะคนเลือกก้าวไกลตั้ง 14 ล้านคน จะให้ก้าวไกลเสียสละได้อย่างไร 
 
ตั้งแต่ธนาธรมาจนถึงพิธา ถูกสกัดด้วยเรื่องหุ้นสื่อและข้ออ้างสารพัด อย่างข้อเสนอแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกล ที่มี สว. เอามาอ้างว่าเป็นการล้มล้างสถาบันฯ ตนมองว่ามันไม่เกี่ยวกันเลย เป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น “ในหลวงเรายกไว้สูงสุดอยู่แล้ว อย่ามาพูดคำพวกนี้”

---

ตอกฝาโลง-เผาทิ้ง รธน.60 เชิญวิญญาณวีรชน อ่านแถลงการณ์ร่วม 26 คณะ 13 กลุ่มอิสระ
https://www.matichon.co.th/politics/news_4100934

ตอกฝาโลง-เผาทิ้ง รธน.60 เชิญวิญญาณวีรชน อ่านแถลงการณ์ร่วม 26 คณะ 13 กลุ่มอิสระ
 
เมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม ที่ลานสัญญาธรรมศักดิ์ หน้าคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต จ.ปทุมธานี องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จัดกิจกรรมชุมนุม #ธรรมศาสตร์จะไม่ทน เพื่อร่วมกันทวงคืนอำนาจของประชาชน แสดงจุดยืนต่อ 8 พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตย และสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในการจัดตั้งรัฐบาล และโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนที่ส่งผ่านการเลือกตั้ง
 
บรรยากาศเวลา 20.30 น. นายกองค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (อมธ.) และประธานสภานักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ร่วมอ่านแถลงการณ์ร่วม ของ อมธ. สภานักศึกษาฯ และคณะกรรมการนักศึกษา 26 คณะ, สถาบันวิทยาลัย, หลักสูตร ชุมนุม และกลุ่มอิสระ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 13 กลุ่ม

เรื่อง เรียกร้องผู้มีอำนาจ และพรรคการเมืองให้จัตตั้งรัฐบาลตามเจตนารมณ์ของประชาชน
จงพึงระลึกถึงอนาตตของประเทศชาติ และความสง่างามในวิถีทางประชาธิปไตย
ความตอนหนึ่งว่า
 
นับเป็นเวลากว่า 3 ปีแล้ว ตั้งแต่การชุมนุมธรรมศาสตร์จะไม่ทนในวันที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2563 เพดานทางการเมืองของประเทศไทย ช่วงเวลานั้นได้ถูกท้าทายอย่างที่ไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน ท้องถนนเนืองแน่นไปด้วยนักศึกษา ประชาชน รวมถึงผู้คนที่ต้องการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางการเมือง และเศรษฐกิจที่มีปัญหาในประเทศของเรา แม้การต่อสู้ในห้วงเวลาดังกล่าวจะไม่สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงอย่างเป็นรูปธรรมได้ แต่การกระทำดังกล่าวได้ปลุกทุกจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ขึ้นอีกครั้งและจะไม่มีวันดับสูญไป

การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไทยเป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 นับเป็นความหวังต่อการเปลี่ยนแปลงในระบบ แต่กลับเป็นอีกครั้งที่ความต้องการของประชาชนได้ถูกบดขยี้ เพราะแม้ฉันทามติของประชาชนจะเด่นชัด สะท้อนผ่านคูหาเลือกตั้งอย่างไร แต่ก็เหมืยนกับไม่มีความหมายใดๆ ที่จะทำให้ผู้มีอำนาจที่แท้จริงในประเทศแห่งนี้รู้สึกรู้สาเลยแม้แต่น้อย
 
องค์กรอิสระมีสิทธิเด็ดขาดในการชี้นำความเป็นไปได้ของการเมือง เช่นเดียวกับการทำหน้าที่ของวุฒิสภาในการเดินหน้าขัดขวางการก้าวเดินของระบอบประชาธิปไตยในประเทศไทย นับตั้งแต่ถูกแต่งตั้งขึ้นโดยรัฐบาล

วิกฤตการณ์ภายหลังการเลือดตั้งที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถมีนายกรัฐมนตรีที่มาจากความเห็นชอบของประชาชนส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้น นับเป็นผลลัพธ์อันเป็นรูปรรรมที่เกิดจากการรัฐประหารและการเข้ามามีอิทธิพลทางการเมือง
 
ในวันนี้พวกเราประชาชน ขอเรียกร้องไปถึงผู้มีอำนาจ และพรรคการเมืองที่กำลังมุ่งหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลในนามของประชาชน ให้พึงระลึกถึงอนาคตของประเทศชาติ และความสง่างามในวิถีทางประชาธิปไตย ไม่มีประโยชน์ใดๆ ที่จะเหนี่ยวรั้งเข็มนาฬิกาไม่ให้หมุนดินต่อไปข้างหน้า
 
วันนี้พวกเราขอประกาศจุดยืนว่า ไม่ว่าอย่างไรพวกเราก็จะไม่ยอมแพ้ พวกเราจะต่อสู้