โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก

โรคทางระบบประสาทใบหน้า เกิดจากการที่มีการเคลื่อนที่ของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ถูกควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7 เคลื่อนที่ผิดปกติไป
มีลักษณะแบบเกร็งกระตุกเป็นระยะโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้แม้กระทั่งตอนนอนหลับก็คงยังกระตุกอยู่
  
หลายคนอาจเคยเผชิญกับอาการตากระตุก หรือใบหน้ากระตุก เป็นๆ หายๆ จนรู้สึกรำคาญ 
และในบางรายเป็นมากจนอาจทำให้สูญเสียความมั่นใจในบุคลิกภาพ แต่เคยสงสัยหรือไม่ว่า 
อาการเหล่านี้มีสาเหตุมาจากอะไร มีอันตรายร้ายแรงหรือไม่ และมีแนวทางการรักษาอย่างไรquestion

วันนี้พี่หมอฝั่งธน...จะมาให้ความรู้  idea โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีกidea

โรคใบหน้ากระตุก เป็นโรคในกลุ่มการเคลื่อนไหวผิดปกติ ซึ่งจะเป็นรูปแบบของการ “กระตุก”
ของกล้ามเนื้อใบหน้าโดยผู้ป่วยส่วนใหญ่จะมีอาการเกิดที่ใบหน้าซีกใดซีกหนึ่ง
อาการกระตุกจะเกิดขึ้นในกลุ่มของกล้ามเนื้อใบหน้าที่ควบคุมโดยเส้นประสาทสมองคู่ที่ 7
ได้แก่ กล้ามเนื้อรอบดวงตา หน้าผาก มุมปาก และ กล้ามเนื้อชั้นตื้นบริเวณลำคอ
ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะเกิดขึ้นช่วงใดและไม่สามารถควบคุมได้ พบได้ทั้งหญิงและชาย
แต่จะพบในผู้หญิงมากกว่า โดยเฉลี่ยอายุประมาณ 40-70 ปี
โดยการกระตุกส่วนใหญ่ ในตอนแรกจะเริ่มเป็นที่หนังตาก่อน คล้ายอาการตาเขม่น อาการกระตุกไม่รุนแรง 
และความถี่ในการกระตุกนานๆ ครั้ง เมื่อเป็นมากขึ้นจะกระจายไปที่ปากและแก้ม บางครั้งเมื่อกระตุกรุนแรงอาจทำให้ตาปิดสนิท 
ส่วนใหญ่มักเกิดบริเวณใบหน้าข้างเดียว ส่วนน้อยที่เป็นทั้งสองข้าง 
โรคนี้ไม่ทำให้เกิด การเป็นอัมพาต และอัมพฤกษ์ รวมทั้งไม่ได้เป็นโรคอันตรายร้ายแรงแต่อย่างใด 
แต่อาจจะทำให้ผู้ที่เป็นเกิดความรำคาญ เสียบุคลิก รบกวนการทำงานในชีวิตประจำวัน



ideaสามารถแบ่งเป็น 2 สาเหตุ 
1.กลุ่มที่มีรอยโรคที่ก้านสมอง เช่น โรคเนื้องอกในสมอง โรคเนื้องอกบริเวณก้านสมอง การอักเสบที่ไม่ทราบ สาเหตุ 
การเกิดอุบัติเหตุ การมีรอยเส้นเลือดตีบ หรือแตกในสมอง ที่ส่งผลกระทบต่อเส้นประสาท
2.กลุ่มไม่มีรอยโรคที่ก้านสมอง ส่วนใหญ่เกิดจาก หลอดเลือดแดงในสมองบริเวณแถบก้านสมองไปพาดผ่านสัมผัสกับเส้นประสาทเฟเชียล 
หรือ เส้นประสาทสมองเส้นคู่ที่ 7 (Facial nerve) เมื่อหลอดเลือดแดงเต้นตามจังหวะหัวใจ 
หลอดเลือดจะกระแทกเส้นประสาทนี้ทำให้เส้นประสาทส่งกระแสประสาทนอกเหนือการสั่งของสมอง 
ส่งผลให้สัญญาณประสาทที่มาเลี้ยงกล้ามเนื้อผิดปกติไป 
เกิดอาการกระตุกของกล้ามเนื้อบริเวณใบหน้าอย่างต่อเนื่องโดยที่ไม่สามารถควบคุมได้
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่กระตุ้นให้มีอาการใบหน้ากระตุกเพิ่มขึ้น
เช่น ภาวะความเครียดทางจิตใจ คิดมากอ่อนเพลีย อ่อนล้า อดนอน รวมไปถึงกลุ่มการเคลื่อนไหวของกล้ามเนื้อใบหน้า
เช่น การพูด การยิ้ม การใช้สายตามากเกินไป

ideaแนวทางการวินิจฉัยและรักษาโรคใบหน้ากระตุก
เบื้องต้น แพทย์จะซักประวัติเพื่อแยกโรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก ออกจากกลุ่มที่เป็นโรคนอกเหนือจากหลอดเลือดที่ไปสัมผัส 
หรือกระตุ้นเส้นประสาทคู่ที่ 7 เช่น โรคเนื้องอกในสมอง โรคเนื้องอกบริเวณก้านสมอง โรคเปลือกตากระตุก 
หรือกล้ามเนื้อเปลือกตาเขม่น เพราะสาเหตุและปัจจัยในการเกิดโรคแตกต่างกัน 

โดยเริ่มจากการให้ยาไปทาน ถ้าทานยาแล้วไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ 
แพทย์จะทำการเอกซเรย์คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) สมองดูรอยโรคที่ก้านสมองเพื่อแยกโรค
แนวทางการรักษาโรคหน้ากระตุก หากพบสาเหตุหน้ากระตุกเพราะเนื้องอกในสมอง ก็จะทำการรักษาที่ต้นเหตุ 
แต่ถ้าไม่พบสาเหตุดังกล่าวสามารถรักษาได้ 3 แนวทาง 
1.การใช้ยารับประทาน เพื่อบรรเทาอาการกระตุก แต่เมื่อยาหมดฤทธิ์อาการกระตุกก็สามารถกลับมาเป็นได้
ฉะนั้นการรับประทานยาจึงจำเป็นต้องรับประทานอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ฤทธิ์ในการคุมอาการกระตุกเกิดขึ้นอย่างสม่ำเสมอ
2.การฉีดโบทูลินั่ม ท็อกซิน (Botulinum toxin) หรือ โบท็อก (Botox) เข้าสู่กล้ามเนื้อที่มีอาการกระตุกเพื่อลดอาการกระตุก
3.การผ่าตัด โดยจะกระทำได้ก็ต่อเมื่อมีการพบหลอดเลือดที่กดเส้นประสาทใบหน้า ที่บริเวณก้านสมองออก
หรือพบโรคเนื้องอกที่มากดเส้นประสาท ซึ่งจะทำการผ่าตัดที่บริเวณหลังใบหู การรักษาด้วยวิธีนี้เป็นการแก้ไขที่ตรงจุดและถาวร
ตามระยะเวลาการออกฤทธิ์ของยา วิธีการนี้ถือว่าเป็นวิธีการที่ได้ผลดีและปลอดภัยได้รับการยอมรับในปัจจุบัน

exclaim*** โรคใบหน้ากระตุกครึ่งซีก เป็นภาวะที่ไม่รุนแรง แต่ใบหน้าเป็นส่วนสำคัญของร่างกาย
อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดความรำคาญและสูญเสียความมั่นใจได้
หากพบว่าตนเองมีอาการในลักษณะ การเขม่นของใบหน้า หรือตา เป็นเวลาติดต่อกันมากกว่า 1-3 สัปดาห์
หรือมีการการกระตุกร่วมกับอาการผิดปกติทางระบบประสาทอื่น เช่น หนังตาบน หนังตาล่าง แก้ม ใบหน้าชาหรือแสบ ใบหน้าเบี้ยว
ควรรีบเข้ามาพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยถึงสาเหตุ เพื่อนำไปสู่การรักษาที่ตรงจุดค่ะ***

ความรู้เพิ่มเติม
https://www.youtube.com/watch?v=A8OGvWiahsE
lovelove

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่