JJNY : 5in1 ก้าวไกลยึดมั่นสัจจะปชช.│หมอเหวงบี้‘วันนอร์-395เสียง’│ทัศนีย์ดึงสติพท.│ส.อ.ท. ห่วง│ประณามผลเลือกตั้งกัมพูชา

ก้าวไกล ยึดมั่นสัจจะประชาชน ยันไม่ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7781189

ก้าวไกลประชุม สส. ยืนยันสัจจะที่ให้ต่อประชาชน ไม่ร่วมรัฐบาลกับพลังประชารัฐ-รวมไทยสร้างชาติ เตือนตั้งรัฐบาลโดยบิดเบือนเจตนารมณ์ประชาชน อาจเจอวิกฤตหนัก

วันที่ 24 ก.ค. 2566 พรรคก้าวไกล มีการประชุม สส.พรรคก้าวไกล ทางออนไลน์เกี่ยวกับสถานการณ์ทางการเมืองในปัจจุบันและการกำหนดทิศทางการร่วมรัฐบาลของพรรคก้าวไกล ได้ข้อสรุปว่า พรรคก้าวไกลยืนยันจะไม่ร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ด้วยเหตุผลต่อไปนี้

1. เป็นที่แน่ชัดว่าพรรคพลังประชารัฐมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค และพรรครวมไทยสร้างชาติมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งทั้งสองเป็นหัวหอกหลักในการยึดอำนาจ ทำรัฐประหารเมื่อวันที่ 22 พ.ค.2557 ซ้ำยังมีกระบวนการสืบทอดอำนาจตนเองผ่านรัฐธรรมนูญ 2560 ด้วยกลไกและองค์กรสถาบันทางการเมืองต่างๆ จนถึงปัจจุบัน
 
2. พรรคก้าวไกลมีจุดยืนชัดเจนต่อประเด็นการสืบทอดอำนาจ และประกาศตั้งแต่วันที่ 27 ธ.ค. 2565 ว่าจะไม่จับมือกับพรรคการเมืองที่สืบทอดอำนาจ และได้ประกาศย้ำต่อประชาชนในทุกรายการ ทุกเวทีหาเสียงเลือกตั้ง
 
3. ผลการเลือกตั้งเมื่อ 14 พ.ค.2566 เป็นการประกาศเจตจำนงของประชาชนที่ชัดเจนว่าต้องการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล ด้วยการลงคะแนนเสียงเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย จนชนะเป็นอันดับ 1 และอันดับ 2 เมื่อรวมกันได้ 8 พรรคที่มีแนวทางยุติการสืบทอดอำนาจ ได้ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรถึง 312 จาก 500 ที่นั่ง และมีคะแนนดิบสูงถึง 27 ล้านเสียง ไม่มีอะไรชัดเจนไปกว่านี้ว่าประชาชนต้องการพลิกขั้วเปลี่ยนข้างรัฐบาล
 
ดังนั้น เป้าหมายสูงสุดของเราในฐานะพรรคอันดับ 1 คือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ให้สำเร็จเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของรัฐบาลเดิม
 
4. แม้กลไก สว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. จะสกัดขัดขวาง นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกล ทำให้พรรคก้าวไกลไม่สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ แต่เรายืนยันว่าสิ่งสำคัญในวันนี้ ไม่ใช่ นายพิธาเป็นนายกฯ หรือก้าวไกลเป็นรัฐบาล แต่คือการจัดตั้งรัฐบาลที่ประกอบด้วย 8 พรรคตามมติประชาชน พรรคก้าวไกลจึงเปิดทางให้พรรคอันดับ 2 คือพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล เดินหน้าหาเสียงสนับสนุนตามที่ปรากฎเป็นข่าว
 
5. แม้การจัดตั้งรัฐบาลให้ได้โดยเร็วที่สุด จะมีความสำคัญต่อการเดินหน้าแก้ไขปัญหาของประชาชน แต่เราเห็นว่าการจัดตั้งรัฐบาลที่บิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชน ซึ่งสะท้อนผ่านผลการเลือกตั้ง จะนำไปสู่วิกฤตศรัทธาของประชาชนต่อระบอบประชาธิปไตย จนอาจยากต่อการเรียกกลับคืน
  
6. พรรคก้าวไกล จึงขอยืนยันสัจจะที่ให้ต่อประชาชน เราไม่สามารถร่วมรัฐบาลกับพรรคที่สืบทอดอำนาจ ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรครวมไทยสร้างชาติ และจะพยายามอย่างถึงที่สุดในการผนึก 8 พรรคที่สะท้อนเสียงของประชาชนกว่า 27 ล้านเสียง เพื่อจัดตั้งรัฐบาลที่ได้รับการยอมรับจากประชาชน พาประเทศไปสู่เส้นทางที่ถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย อันมีอำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน


 
หมอเหวง บี้ ‘วันนอร์-395 เสียง’ ลาออก เหยียบย่ำรัฐธรรมนูญ ให้มติรัฐสภายิ่งใหญ่กว่า
https://www.matichon.co.th/politics/news_4096780
 
หมอเหวง บี้ ‘วันนอร์-395 เสียง’ ลาออก จงใจเหยียบย่ำรัฐธรรมนูญ ให้มติรัฐสภายิ่งใหญ่กว่า ปมโหวตชื่อ ‘พิธา’ ซ้ำไม่ได้
 
เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม นพ.เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำ นปช. เปิดเผยทางเฟซบุ๊กเรียกร้องให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ลาออกเพื่อรับผิดชอบที่เปิดให้ที่ประชุมรัฐสภาอภิปรายและไม่สามารถให้เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล (ก.ก.) โหวตเป็นนายกรัฐมนตรีซ้ำได้

นพ.เหวงระบุว่า ผมเรียกร้องให้ประธานวันมูหะมัดนอร์ มะทา ต้องรับผิดชอบในความผิดพลาดร้ายแรงที่ปล่อยให้ ส.ว.ลากตั้งและ ส.ส.ที่อยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล คสช.รวม 395 เสียง เหยียบย่ำรัฐธรรมนูญอย่างจงใจ
 
โดยยกเอาข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 41 ซึ่งเป็นเพียงข้อบังคับการประชุมเท่านั้น มาเหนือกว่าและครอบทับรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ประกอบมาตรา 372
 
เป็นการเหยียบย่ำ ไม่รักษา และไม่ปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 5 อย่างจงใจเจตนา ผมเรียกร้องตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.66 แล้วครับ และยังจะเรียกร้องต่อไปจนกว่าจะสัมฤทธิผล
 
วันนอร์ ลาออกเถอะครับ
 
นอกจากนี้ นพ.เหวงยังระบุเพิ่มเติมว่า ส.ว.และ ส.ส.รวม 395 เสียง ที่โหวตรับรองให้ข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 ให้มีอำนาจเหนือครอบทับรัฐธรรมนูญ มาตรา 159 ประกอบมาตรา 272 เมื่อวันที่ 19 ก.ค.66 ซึ่งเป็นการขัด หรือแย้งต่อมาตรา 5 ของรัฐธรรมนูญ 2560 อย่างจงใจเจตนา ต้องรับผิดชอบครับ


 
ทัศนีย์ ดึงสติเพื่อไทย อย่าจับมือพรรค 2 ลุง ปัญหาใหญ่เกิดแน่ ย้ำ 8 พรรคจับให้แน่น
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7781278

ทัศนีย์ อดีตสส. เตือนสติเพื่อไทย ไม่ต้องรีบดึงพรรค 2 ลุงเข้ามา อาจเกิดปัญหาใหญ่ ย้ำ 8 พรรคต้องจับมือให้แน่น เชื่ออีก 10 เดือน ประชาชนรอได้
 
วันที่ 24 ก.ค.2566 น.ส.ทัศนีย์ บูรณุปกรณ์ อดีตสส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กล่าวในรายการ“อยากมีเรื่องคุย” ทางข่าวสดออนไลน์ ถึงการจัดตั้งรัฐบาลว่า อึดอัดมากที่ตั้งรัฐบาลไม่ได้สักที เลือกตั้งผ่านมาพอสมควรแล้ว เป็นประเทศเดียวในโลกที่เรายังมีรัฐบาลไม่ได้เสียที ซึ่งเป็นผลพ่วงของรัฐธรรมนูญที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายขนาดนี้ ประชาชนเลือกพรรคการเมือง เพื่อให้ตั้งรัฐบาล แต่มีกลุ่มคนเพียง 250 คน มาเป็นตัวกำหนดว่าตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ ถ้าอย่างนั้นเราไม่ต้องจัดการเลือกตั้ง ให้ 250 คนกำหนดไปเลย

เมื่อถามว่ามีการวิจารณ์กันมากที่พรรคเพื่อไทยนัดพูดคุยกับพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า ในพื้นที่มีเสียงสะท้อนมากพอสมควร ทั้งโดยตรงและสื่อสารเข้ามา คงต้องอธิบาย ขอให้มั่นใจในพรรคเพื่อไทย แค่เชิญมาหาทางออกเท่านั้น ซึ่งอารมณ์ประชาชนค่อนข้างไม่พอใจ เพราะผลเลือกตั้งแสดงออกแล้วว่า ต้องการฝ่ายประชาธิปไตยจัดตั้งรัฐบาลเพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชน แต่ตอนนี้มีเรื่องตั้งรัฐบาลไม่ได้อีก พรรคที่เลือกมาก็ไม่ได้ตั้งรัฐบาล ประชาชนมีความรู้สึกมากพอสมควร
 
เมื่อถามว่าแนวทางคุยได้ทุกพรรคหรือไม่ น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า ในมุมส่วนตัวทั้ง 2 พรรค เราเชิญมาคุยก็คงไม่มีประโยชน์ อย่าลืมว่าพรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นต้นเหตุของการเมืองที่ประสบปัญหาจนเกือบถึงทางตันทุกวันนี้ และบุคลากรของ 2 พรรคเป็นต้นเหตุของการเมืองที่เกือบถึงทางตัน การที่เราเชิญมาแค่ขอความเห็น แต่ก็ไม่มีประโยชน์ ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยไม่เชิญร่วมรัฐบาล
 
เมื่อถามว่าหากร่วมกันจริงจะทำอย่างไร อดีตสส.เชียงใหม่ กล่าวว่า คิดว่าเป็นไปไม่ได้ แคนดิเดตทั้ง 2 คนของพรรคก็บอกแล้วว่าเลอะเทอะ เป็นไปไม่ได้ หากมีร่วมกันจริง มีแต่จะก่อให้เกิดปัญหามากขึ้น ก่ออารมณ์ของประชาชนมากขึ้น ส่วนตัวยังมั่นใจพรรคเพื่อไทยมากๆ ไม่มีทางจับมือกับพรรค 2 ลุง
หากมาจับมือกัน จะเกิดความเสียหายต่อพรรคเพื่อไทยที่ไม่สามารถประเมินได้เลย แค่ 2 วันที่เชิญมาคุย ก็เห็นอารมณ์ของประชาชนว่าเป็นอย่างไร เพราะทุกคนทราบดีว่าต้นเหตุความวุ่นวายมีมาตั้งแต่ปี 2557 แล้วเราจะเอา 2 พรรคนี้มาร่วมตั้งรัฐบาลเป็นไปไม่ได้
 
เมื่อถามว่าหากไม่มี 2 ลุง โอกาสร่วมรัฐบาลเป็นไปได้หรือไม่ น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า เราจะร่วมกับเผด็จการจำแลงขนาดนั้นเลยหรือ ตนไม่เชื่อว่าพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ จะวางมือทางการเมืองจริงๆ เว้นแต่ทั้ง 2 จะไปห่อผ้าเหลือง จึงเป็นไปไม่ได้ที่ 2 คนถอยออกไป
 
ส่วนที่มีกระแสเรียกร้องว่ารอ 10 เดือนให้สว.หมดวาระ น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า สว.เหลือ 10 เดือนแต่คิดว่าไม่ถึง 10 เดือน ถ้า 8 พรรคจับมือกันให้แน่น เดินหน้าตั้งรัฐบาลและไปทำความเข้าใจกับสว. และพรรคอื่นๆ คิดว่าพอเดินไปได้ แต่ถ้าเราคิดจะตั้งรัฐบาลแล้วเอาพรรคต้นเหตุที่เป็นปัญหามาร่วมรัฐบาล จะแก้ปัญหาได้อย่างไร จะเป็นปัญหาขึ้นมาอีก
 
ตนไม่เห็นด้วยหากเราจะเอาคนที่ประชาชนต้องการให้ตั้งรัฐบาลออกไปแล้ว เราบอกว่าเราจะรีบตั้งรัฐบาลไปจับมือกับพรรค 2 ลุง อย่างไรก็ตาม เห็นว่า 8 พรรคนี้ต้องจับมือกันไป เพื่อไทยเป็นแกนตั้งรัฐบาล ก็ต้องไปทำความเข้าใจกับสว. ถ้าสว.ไม่ทำตามฉันทามติของประชาชน ประเทศจะออกไม่ได้ ประชาชนคงใช้กระแสกดดันสว. มั่นใจว่ามีสว.หลายคนอยากจะหมดวาระไปอย่างสมเกียรติจริงๆ
 
เมื่อถามว่าแกนนำพรรคเพื่อไทยบอกต้องรีบตั้งเพราะปัญหามีมากต้องรีบแก้ไข น.ส.ทัศนีย์ กล่าวว่า ตอนนี้ 9 ปีกว่าแล้วที่เราลำบาก ถ้าเกิดว่าเราจำเป็นต้องนำพรรคที่ทำรัฐประหารเข้ามา ประชาชนจะไม่ลำบากหรือ 9 ปีที่ผ่านมานโยบายที่เขาทำขึ้นมา ประชาชนจะไม่ลำบากหรือ รออีกนิดจะแก้ไขเป็นทางออกให้ประชาชนอย่างแท้จริง
 
เชื่อว่าเพื่อไทยไม่ได้พยายามสลัดพรรคก้าวไกลทิ้ง แต่ยอมรับว่าความกดดันอยู่ที่พรรคเพื่อไทย ต้องพยายามพูดคุยกับพรรคการเมือง และจะต้องจับมือ 8 พรรคอย่างเหนียวแน่น อย่าคำนึงว่าเราต้องรีบจัดตั้งรัฐบาลแล้วเอาเสียงพรรคนั้นพรรคนี้แล้วมาบีบพรรคพวกออกไป ปัญหาใหญ่จะตามมา ซึ่งมันใหญ่มาก แค่เชิญแต่ละพรรคมาหารือหาทางออก แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่ยอมรับ จากที่ฟังเสียงประชาชนบอกว่ารอมา 9 ปีแล้ว รออีก 10 เดือน รอได้



ส.อ.ท. ห่วงรอนาน 10 เดือน กระทบเศรษฐกิจ-ลงทุน ขอให้ตั้งรัฐบาลภายใน ส.ค.
https://www.matichon.co.th/economy/news_4096268

ส.อ.ท. ห่วงรอตั้งรัฐบาล นาน 10 เดือน กระทบเศรษฐกิจ-ลงทุน ย้ำขอให้อยู่ในไทม์ไลน์ ส.ค.นี้ มอง เปลี่ยน ‘พิธา’ เป็น ‘เศรษฐา’ นั่งนายกฯ ไม่น่ามีปัญหา ถ้าอยู่ในสมการ 8 พรรคร่วม
 
นายเกรียงไกร เธียรนุกุล ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า ข้อเสนอรออีก 10 เดือน เพื่อให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พ้นวาระ แล้วจึงจัดตั้งรัฐบาลนั้น ว่า ส่วนนี้เป็นมุมมองทางด้านภาคการเมืองเพื่อให้ตั้งรัฐบาลได้ง่ายขึ้น แต่ว่าส่วนนี้ยังไม่ได้มีการคุยกันว่าถ้ารอแล้วผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจมากแค่ไหน ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการชั่งน้ำหนักของผลกระทบ

ที่เคยพูดเสมอว่า ทุกอย่างมีต้นทุน ดังนั้นก็ต้องดูว่าต้นทุนของประเทศทั้งหมดนั้นรับไหวไหม รอ 10 เดือนถือว่าเยอะไปไหม แต่ละเดือนที่รอจะมีผลกระทบอย่างไรบ้าง ผมว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องคุยกัน เรื่องกรณีการเสนอให้รอ 10 เดือน ถือเป็นโจทย์ใหม่ เพราะฉะนั้น ทาง ส.อ.ท.ก็จะนำข้อเสนอนี้ไปวิเคราะห์ ดูผลกระทบ อะไรที่ไหวและไม่ไหวบ้าง” นายเกรียงไกรกล่าว
 
นายเกรียงไกรกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ก็มีเรื่องความเปราะบางของเศรษฐกิจโลก ที่ขณะนี้มีสัญญาณที่ประเทศเพื่อนบ้านของไทยแข่งขันแย่งตลาดกันเอง ทำให้การส่งออกจากไทยที่อยู่ในอาเซียน ที่มีสัดส่วน 24% ของการส่งออกทั้งหมดของไทย ขณะนี้ร่วงลงมา รวมทั้งการค้าชายแดนก็ร่วงลง 6% เพราะฉะนั้น สัญญาณเหล่านี้กำลังบอกว่า เศรษฐกิจโลกต่อไปข้างหน้ามีความเปราะบางสูง ซึ่งก็เป็นความเสี่ยงที่ต้องประเมินด้วย

นายเกรียงไกรกล่าวว่า สำหรับเรื่องไทม์ไลน์ตั้งรัฐบาลนั้น เอกชนได้มีการวางแผนไว้หมดแล้ว แต่หากการตั้งรัฐบาลล่าช้าไป ส่วนการลงทุน กลุ่มนักลงทุนไทยรอได้นาน 6 เดือนถึง 1 ปี แต่นักลงทุนต่างชาติอาจจะไม่ได้อินเรื่องการเมืองไทย โดยเฉพาะกลุ่มนักลงทุนประเทศใหม่ๆ ที่ไทยกำลังเชิญชวนอยู่ กลุ่มนี้ก็อาจจะรอ 1 เดือน หรืออย่างมากก็ 2 เดือน ส่วนถ้าเป็นนักลงทุนต่างชาติที่อยู่กับไทยมานาน อาทิ ญี่ปุ่น ก็อาจจะเคยชิน รอได้ ขณะที่นักลงทุนจากจีนไม่ค่อยให้น้ำหนักเรื่องการเมืองไทยเท่าไหร่ บางส่วนก็มายื่นขอลงทุ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่