JJNY : ธุรกิจเชียร์ ‘เศรษฐา’นายกฯ│‘พิธา’เชื่อใจ‘พท.’ยึดสัจจะ│เอกชนชี้หวัง‘เพื่อไทย’จับมือ‘ก้าวไกล’│ยูเนสโกประณามรัสเซีย

ธุรกิจเชียร์ ‘เศรษฐา’ นายกฯ ลุ้นแจก 1 หมื่น แก้ปากท้อง
https://www.matichon.co.th/economy/news_4095450
 
 
ธุรกิจเชียร์ ‘เศรษฐา’ นายกฯ ลุ้นแจก 1 หมื่น แก้ปากท้อง
 
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพัลลภ แซ่จิว ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่าต้องรอดูการโหวตนายกรัฐมนตรีวันที่ 27 กรกฎาคมก่อนว่า นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดทนายกรัฐมนตีของพรรค พท. จะได้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ หรือหากได้เป็นนายกรัฐมนตรีแล้วจะจัดตั้งรัฐบาลอย่างไร

นายพัลลภกล่าวว่า โดยส่วนตัวไม่มีข้อขัดข้องว่าใครเป็นหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรี เชื่อว่าทุกคนมีศักยภาพ และมีความสามารถเฉพาะตัวอยู่แล้ว อยากเห็นการให้น้ำหนักเรื่องแก้ปัญหาเศรษฐกิจเพื่อปากท้องประชาชน 70% ส่วนการเมือง 30%
 
นายพัลลภกล่าวว่า หากพรรค พท.ได้เป็นหัวหน้ารัฐบาล ต้องขับเคลื่อนนโยบายอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเป็นอันดับแรก เพื่อพลิกฟื้นเศรษฐกิจปากท้องประชาชน อาทิ อำนวยความสะดวกความปลอดภัยนักท่องเที่ยว ลดขั้นตอนการทำวีซ่า และตรวจคนเข้าเมืองให้รวดเร็วมากขึ้น สังเกตได้ว่าการทำวีซ่าเข้าญี่ปุ่นไม่เสียค่าใช้จ่าย ทำให้คนไทยไปเที่ยวญี่ปุ่นปีละ 700,000-800,000 คน ส่งผลให้เงินไหลออกนอกปีละหลายหมื่นล้านบาท ส่วนนโยบายด้านเศรษฐกิจ อาทิ แจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท ถ้าแจกให้ประชาชน 40 ล้านคน เป็นเงิน 400,000 ล้านบาท หากเงินหมุนเวียน 8 รอบ ตามหลักเศรษฐศาสตร์จะทำให้เกิดเงินสะพัดกว่า 3.2 ล้านล้านบาท
 
ถ้าทำได้จริงถือเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ในรอบ 10 ปี ถือเป็นความกล้าหาญพรรค พท.ที่คิดขับเคลื่อนนโยบายดังกล่าวเป็นรูปธรรม” นายพัลลภกล่าว



‘พิธา’ เชื่อใจ ‘เพื่อไทย’ ยึดสัจจะสัญญา 8 พรรคร่วม
https://www.matichon.co.th/politics/news_4095445

‘พิธา’ เชื่อใจ ‘เพื่อไทย’ ยึดสัจจะสัญญา 8 พรรคร่วม
 
เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) พร้อม ส.ส.จันทบุรี ทั้ง 3 เขต เดินทางพบปะประชาชนเพื่อขอบคุณคะแนนเสียงที่ให้กับพรรค ที่โป่งน้ำร้อน อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี มีผู้มารอต้อนรับและให้กำลังใจอย่างคึกคัก

นายพิธากล่าวปราศรัยเวทีว่า แม้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ยุติบทบาทหน้าที่ ส.ส. แต่ตนเองและ ส.ส.ของพรรคยังคงเดินหน้าสานต่อการทำงานตามเป้าประสงค์ของนโยบายพรรค ส่วนเรื่องการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากส่งมอบต่อให้พรรคเพื่อไทย (พท.) เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเชื่อใจการทำงานของพรรค พท.และการทำงานของ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล หากยังรวมกันเหนียวแน่นและยืนยันในหลักการ เชื่อว่าจะสามารถดึงพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลได้มากขึ้น
 
เราไม่ได้มองว่าถูกบีบ หรือถูกกดดัน แต่ให้เราใช้หลักการและเหตุผล ค่อยๆ ดึงให้เข้ามาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลตามที่ควรจะเป็น จึงยังเชื่อใจเพื่อไทยที่จะใช้ทุกวิถีทางในการยึดสัจจะที่เคยให้ไว้กับประชาชนและก้าวไกล ทำให้การตั้งรัฐบาลเดินหน้าได้ ในส่วนเรื่องที่อีกหลายพรรคการเมืองมีความต้องการให้ก้าวไกล ลดเพดาน หรือถอยการแก้กฎหมายหรือเรื่องอื่นๆ นั้น อยู่ที่รายละเอียด
 
ต้องให้เกียรติเพื่อไทยที่เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลว่าที่ไปพูดคุยมาผู้ที่จะเข้ามาร่วมมีความต้องการอะไรบ้าง ตรงตามที่วุฒิสภาเคยอภิปรายหรือไม่ เพื่อลงลึกถึงรายละเอียดในการที่ก้าวไกลจะได้ตัดสินใจ แต่ตอนนี้มีแต่เสียงจากคนรอบข้างทำให้การตัดสินใจ ยังไม่นิ่งจึงต้องรอทางเพื่อไทยอย่างเดียว และอย่างที่เคยพูดไว้หาก 8 พรรคร่วมจับมือกันไว้ก็ไม่มีใครมาบีบก้าวไกลได้ และยังจะสามารถดึงพรรคอื่นเข้ามาร่วมตั้งรัฐบาลได้อีกด้วย” นายพิธากล่าว



เอกชน ชี้หากเป็นไปได้หวัง ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ ตั้งรัฐบาลฟื้นเศรษฐกิจ
https://www.matichon.co.th/economy/news_4095054

เอกชน ย้ำจัดตั้งรบ.ใหม่ ควรเป็นไปตามไทม์ไลน์ เร่งเคาะเสร็จ ส.ค.นี้ ชี้หากเป็นไปได้หวัง ‘เพื่อไทย’ จับมือ ‘ก้าวไกล’ ช่วยกันฟื้นเศรษฐกิจต่อ
 
นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงกรณีหากการจัดตั้งรัฐบาลยืดเยื้อออกไปนานกว่าไทม์ไลน์ หรือนานถึง 10 เดือน ว่า จากการที่ผลโหวตนายกรัฐมนตรี รอบที่ 2 ยังไม่เสร็จสิ้น มองว่ายังไม่มีผลต่อเรื่องเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นการลงทุน เนื่องจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้ง และรายชื่อสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) 500 รายชื่อ เร็วกว่า 60 วัน จึงทำให้กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลเร็วขึ้น แม้จะมีการโหวตนายกรัฐมนตรีหลายรอบ แต่ถ้าอยู่ในไทม์ไลน์จัดตั้งรัฐบาลเสร็จภายในเดือนสิงหาคม 2566 นี้ ก็ยังเป็นไปตามที่เอกชนคาดหวังไว้ และควรให้เป็นเช่นนั้น ไม่ควรยืดเยื้อไปกว่านี้ 
 
การที่ผลโหวต และทิศทางการโหวตนายกฯ ไม่เป็นไปตามที่ประชาชนเสียงส่วนใหญ่คาดวังเอาไว้ มีการพูดคุยระหว่างพรรคที่ไม่ลงตัว จะนำไปสู่การชุมนุมขนาดใหญ่ได้ ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อภาพรวมการท่องเที่ยว ที่เป็นเครื่องยนต์หลักเครื่องยนต์เดียวที่สามารถฟื้นเศรษฐกิจในช่วงปลายปี 2566 ได้ โดยเราคาดหวังว่าจะมีนักท่องเที่ยวเข้ามายังไทยกว่า 30 ล้านคน เนื่องจากภาคการส่งออกยังติดลบ หนี้ครัวเรือนสูงถึงกว่า 90% ของจีดีพี ส่งผลให้ประชาชนไม่มีเงินในการจับจ่ายใช้สอย รวมถึงเอกชนทั้งในประเทศและต่างประเทศ ต่างรอทิศทางนโยบายจากรัฐบาลชุดใหม่ จึงอยากให้การจัดตั้งรัฐบาลสิ้นสุดโดยเร็ว ซึ่งทุกฝ่ายต้องยอมถอยกันคนละครึ่งก้าว” นายอิศเรศ กล่าว
 
ส่วนกรณีที่พรรคเพื่อไทยขึ้นมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล นั้น มองว่าหากยังยังอยู่ใน 8 พรรคร่วมรัฐบาลที่มีการเอ็มโอยูร่วมกัน มองว่ายังมีความเป็นไปได้สูงที่จะสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำหรับ โดยมีเหตุผล 2 ข้อ คือ 
1. ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาลมีเสถียรภาพ 312 เสียง จาก 500 เสียง 
2. ยังเชื่อในจุดเด่นของพรรคก้าวไกล ที่ต้องการปฏิรูปการปกครอง ในรูปแบบของการปฏิรูปสังคม ปฏิรูปการศึกษา 

ส่วนในเรื่องของเศรษฐกิจควรปล่อยให้ พรรคเพื่อไทย ที่มีประสบการณ์สูง แต่ในบุคคลที่อยู่ในพรรคเพื่อไทย ผ่านการทำงานในกระทรวงต่างๆ มาแล้วหลายกระทรวง โดยให้บุคคลเหล่านั้น ใช้ประสบการณ์ที่มีสูงในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ แก้ปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน แก้ปัญหาเรื่องขีดความสามารถทางการแข่งขัน และแกปัญหาเรื่องการส่งออกที่ไทยเผชิญอยู่
 
หากยังเป็นสมการเดิม เพียงแค่เปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และนายกรัฐมนตรี จากนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ไปเป็นคนที่มีความเหมาะสมของพรรคเพื่อไทย อาทิ นายเศรษฐา ทวีสิน ยังเป็นภาพที่เอกชนยังพอรับได้ และอยากให้พรรคเพื่อไทย จับมือกับพรรคก้าวไกล ในการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป แต่ความจริงแล้วภาคเอกชนสามารถทำงานกับพรรคการเมืองได้ทุกพรรค แต่เราก็อยากทำงานกับพรรคที่เคยเป็นฝ่ายค้านและได้ไปเป็นรัฐบาลบ้าง เพื่อให้โอกาส และเพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ เนื่องจากนโยบายหลายข้อดีมาก อาทิ เรื่องกระเป๋าตังดิจิทัล หรือนโยบายในการขับเคลื่อนเศราฐกิจต่างๆ รวมถึง 2 เดือนที่ผ่านมา มีการทำงานร่วมมือระหว่างพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลและเอกชนมาโดยตลอด
 
นายอิศเรศ กล่าวอีกว่า แต่ในกรณีที่มีการสลับขั้วไปเลยนั้น เราคงจะได้เห็นภาพพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้านอีกครั้ง แต่จะเป็นฝ่ายค้านที่เข้มแข็งที่สุด มองว่าพรรคก้าวไกล มีความพร้อมที่จะเป็นฝ่ายค้านสูง แต่พรรคที่จะได้จัดตั้งรัฐบาล หรือรัฐบาลผสม ที่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจนว่าจะมีการจัดขั้วระหว่างพรรคใดกับพรรคใด การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หรือการแบ่งกระทรวงจะเหมือนกับปัจจุบันนี้ ที่เราพอได้เห็นรายชื่อกันหรือไม่ ความหมายคือ ที่ 8 พรรคร่วมรัฐบาลมีการแบ่งกระทรวงกันชัดเจนเลยว่า พรรคเพื่อไทย ดูกระทรวงเศรษฐกิจ และพรรคก้าวไกล ดูในเรื่องสังคม การแบ่งเช่นนี้ถือเป็นจุดแข็ง
 
จากที่กล่าวไปข้างต้นไม่ได้หมายความว่าพรรคที่จะเข้ามาจับมือกับพรรคเพื่อไทยไม่เก่ง เพียงแต่ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคเหล่านั้นเคยทำงานมาแล้ว คุณภาพของคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่จะเข้ามาทำงานก็จะเป็นคนเดิมๆ ไม่ได้มีโอกาสสร้างความหวัง หรือมีโอกาสทำอะไรให้ดีขึ้น ผมคิดว่าในการเป็นประชาธิปไตย คนที่เป็นฝ่ายค้านเดิมเข้ามาบริหาร พรรคที่เคยเป็นรัฐบาลก็ไปเป็นฝ่ายค้านจับตามองใช้ประสบการณ์ที่เคยมี เพื่อทะลายกำแพงที่คนเดิม บริหารกระทรวงเดิม หากเป็นเช่นนั้นปัญหาที่มีก็จะมักหมมเหมือนเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยน ซึ่งเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ไม่ควรเกิดอย่างยิ่ง” นายอิศเรศ กล่าว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่