ทำงานธุรการ เป็นที่รองรับอารมณ์คน เครียดจนอยากลาออก

สวัสดีค่ะ เราเป็น นศ.จบใหม่ อายุ 20 ปี เพิ่งบรรจุรับราชการได้ไม่นานในสำนักงานแห่งหนึ่งที่เป็นองค์กรใหญ่ เป็นส่วนกลาง ได้ทำงานตำแหน่งธุรการกอง ตอนแรกๆที่ทำก็มีความสุขดีค่ะ ได้เรียนรู้งานอะไรใหม่ๆ สนุกที่ได้ประสานงานกับคนอื่น รู้จักคนเยอะดีค่ะ เจ้านายก็ดูใจดี มีสอนงานบ้างอะไรบ้างค่ะ

แต่พอเข้าเดือนที่สองเริ่มแย่ลงค่ะ งานเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ บางครั้งอะไรที่ไม่ใช่งานเรา ก็ต้องทนทำไปเพราะรุ่นพี่ ผู้ใหญ่อาวุโสสั่งมา เช่น งานล้างแก้วน้ำเจ้านายทุกเช้า เติมน้ำในห้องเจ้านาย ยกของ เปลี่ยนน้ำเปลี่ยนดอกไม้หิ้งพระ เรื่องนี้ยังพอทำใจทนได้ค่ะ เพราะเข้าใจว่าเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ แต่มีอยู่หลายเรื่องที่เรารับไม่ได้

อย่างแรกเลยคือเรื่องงาน เราไม่เข้าใจว่าทำไมคนในองค์กรต้องส่งงานด่วนที่สุดทุกพักเที่ยง ช่วงเย็นหลังเวลาเลิกงาน และเย็นวันศุกร์ (ด่วนแบบว่าประชุมพรุ่งนี้เรื่องเพิ่งมาถึง) เมื่อก่อนเราเป็นเด็กใหม่ไฟแรงเลยทำได้ไปหมด ได้ครับพี่ ดีครับผม เหมาะสมครับท่าน งานเย็นแค่ไหนก็รับ จนงานเริ่มมาบ่อยขึ้นทุกวัน จากที่เคยกลับเวลาทำOT หกโมงครึ่ง ก็ได้กลับช่วงหนึ่งทุ่ม หนึ่งทุ่มครึ่ง ทำให้กลับถึงห้องลำบากมาก

อย่างที่สองคือเรื่องที่เกี่ยวดองกันกับอย่างแรก ระบบขององค์กรใหญ่กว่างานเรื่องหนึ่งจะสำเร็จไปได้ ต้องผ่านคนพิจารณาหลายคนมากมาย ออกจากในกองเราต้องไปผ่านเจ้านาย ผ่านเจ้านายต้องไปผ่านท่าน A ท่าน B และ ท่าน C ต่อๆไป ซึ่งงานด่วนหลายงานจะถูกตีกลับมาแก้เสมอเพราะท่านทั้งหลายไม่ชอบ มีความเห็นไม่ตรงกัน อย่างเช่น ท่าน A ออกความเห็นแบบนี้ ท่าน B ไม่เห็นด้วยเลยขอส่งกลับมาแก้ด่วน หรือท่าน B อยากเปลี่ยนความคิดเห็น เลยขอส่งกลับมาแก้ แต่ท่าน A ไม่เห็นด้วย เป็นอย่างนี้วนไปมาจนน่าปวดหัว สุดท้ายจึงแก้ไขกันเสร็จในเวลาใกล้ถึงกำหนด 

อย่างที่สามคือเรื่องที่เกี่ยวดองกันกับอย่างที่สอง กรณีที่เรื่องส่งใกล้ถึงกำหนด ส่งล่าช้า และมีการแก้ไขที่ท่านผู้ใหญ่บางคนโอเค บางคนไม่โอเค เรื่องเหล่านี้จะทำให้เจ้านายเราที่เป็นคนพิจารณาเอกสารก่อนส่งออกหงุดหงิดมาก เพราะงานล่าช้าที่ส่งออกจะส่งออกในนามของเจ้านาย และทุกงานที่แก้ไขจากท่านเบื้องบน ก็จะต้องผ่านเจ้านายอีกเช่นกัน ถ้าเจ้านายเห็นเรื่องเดิมๆส่งเข้าส่งออกซ้ำกันหลายๆครั้งโดยที่เนื้อหาเหมือนเดิม หรือไม่ต่างไปจากเดิมเจ้านายจะหงุดหงิด และดุฝ่ายธุรการว่าทำงานไม่ได้เรื่อง ทั้งๆที่เรื่องนี้เจ้านายก็ทราบดีว่ามีการส่งงานล่าช้ามาตั้งแต่ต้นทาง ถ้าเป็นพี่คนอื่นๆเขาก็จะไม่ซีเรียส รับคำขอโทษและเอาเรื่องนี้ไปพูดกันอีกสักพัก แต่สำหรับเรา เราแทบจะร้องไห้ เรากลัวที่สุดเวลาเจ้านายเดินหน้าตาไม่สบอารทณ์มาจากห้อง ดูรู้เลยว่าท่านจะมาลงอะไรที่เราอย่างแน่นอน 
เรื่องใหญ่ที่สุดเพิ่งเกิดเมื่อไม่นานมานี้ เจ้านายเรามีประชุมช่วงบ่ายสอง แต่เจ้าของประชุมเพิ่งโทรลงมาเลื่อนประชุมตอนที่เจ้านายเราขึ้นไปประชุมแล้ว เจ้านายเราหงุดหงิดมากที่รู้ว่าประชุมเลื่อน โดยที่เราให้เหตุผลไปแล้วว่า เจ้าของประชุมเพิ่งโทรมาแจ้งตอนท่านออกไปสักครู่ กลายเป็นว่าวันนั้นหลังจากที่เจ้านายลงมาจากประชุม เราโดนดุเรื่องการประสานงาน และเครียดแบบนั้นไปอีกสามวัน เพราะกลัวจะทำพลาดอีก

อย่างที่สี่คือเรื่องที่เกี่ยวดองกันกับอย่างที่สาม เราเพิ่งรู้ว่าเจ้านายเราเป็นคนที่มีอารมณ์ขึ้นๆลงๆหนักมาก บางครั้งก็หงุดหงิด บางครั้งก็ใจดีจนน่าตกใจ พี่ๆสอนให้เราเป็นคนช่างสังเกต ในหนึ่งวันเราต้องคอยสังเกตว่าท่านมีอารมณ์อย่างไรบ้าง เสนองานได้มั้ย สอบถามงานได้หรือเปล่า ทุกอย่างที่กระทำในฝ่ายธุรการจะต้องรอให้เจ้านายอารมณ์ดีอย่างคงที่ก่อนเสมอ เราเคยได้รับเรื่องด่วนมาหนึ่งเรื่อง เป็นเรื่องด่วนมากที่ต้องสอบถามความคิดเห็นของเจ้านาย พี่ๆทุกคนในทีมส่งเราเข้าไปในห้องท่าน มันจำเป็นที่จะต้องขอความเห็นจากท่านจริงๆ แต่เราเข้าไปผิดเวลาโดนเจ้านายดุกลับมาแถมยังให้ไปสอบถามความเห็นกับเจ้าของเรื่องกันเอาเอง ทุกวันนี้เราเครียดมาก ทำงานไม่มีความสุขเลยเพราะต้องระวังอารมณ์คนใหญ่คนโตในองค์กรตลอดไม่ใช่แค่กับเจ้านายอย่างเดียว แม้แต่หัวกลุ่มภายในกองที่ต้องติดต่องานกับเรา ก็ต้องคอยระวังอารมณ์โมโหง่ายของพวกเขาเสมอ เราค่อนข้างไม่เข้าใจว่าทำไมแค่เราทักไปถามเรื่องงาน หรือสงสัยในเนื้อหางาน เขาจะต้องโมโหตลอด ทั้งๆที่เรื่องนั้นเราสืบค้นมาแล้ว หาและเรียนรู้มาแล้ว แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี

อย่างที่ห้าคือเรื่องที่เกี่ยวดองกับอย่างที่สี่ นอกจากเจ้านายที่มีอารมณ์โมโหง่ายแล้ว ยังมีหัวหน้ากลุ่มในกองที่เราต้องคอยเอาใจ คอยระวังอารมณ์เช่นเดียวกันกับเจ้านายเหมือนกัน มีหัวหน้ากลุ่มบางท่านที่โมโหง่าย ไม่สนใคร มีวาทะศิลป์ สามารถพูดให้เราผิดได้แม้ว่าเรื่องนั้นคนในทีมของเขาจะเป็นคนผิดก็ตาม ครั้งหนึ่งเขาเคยบอกเราว่า เรื่องมันเกิดจากฝ่ายธุรการที่ประสานงานมาไม่ถูกต้อง ทั้งๆที่เราก็ทำตามคำสั่งเบื้องบนทุกอย่าง แต่เป็นลูกน้องในทีมเขาเองที่ทำผิดแล้วส่งเอกสารเรื่องที่ผิดมาทิ้งไว้ที่ฝ่ายธุรการ มีหลายครั้งที่เราเลือกไม่ถูกระหว่างทำตามความคิดเห็นหัวหน้ากลุ่ม เจ้านาย หรือท่านผู้มีอำนาจชั้นบนดี

เรื่องทั้งหมดนี้ยังไม่นับรวมฝ่ายธุรการจากกองอื่นๆที่เราต้องประสานงานด้วยอีกมากมายหลายท่าน เรายอมรับว่าเราอ่อนแอเกินที่จะอยู่ในองค์กร เพราะใจเราคิดอยากจะลาออกทุกเวลาที่ลืมตาตื่น เมื่อรู้ว่าวันนี้เราจะต้องเป็นที่รองรับอารมณ์ของใครบ้าง เราร้องไห้ทุกครั้งที่กลับถึงห้อง เป็นไมเกรนระหว่างวัน และพะอืดพะอมจนไม่อยากกินอะไร เราบ่นกับเพื่อนทุกครั้งว่าอยากลาออก โทรไปร้องไห้กับเพื่อนหลายรอบ แต่ก็ไม่อยากบอกแม่ เพราะแม่เป็นคนที่อยากให้เรารับราชการเพราะสวัสดิการที่ดีเอื้อต่อครอบครัว โดยที่เราเองก็ยังค้นหาตัวเองไม่เจอว่าเราอยากทำอาชีพอะไร จำได้เพียงว่าแม่เริ่มมีความคิดอยากให้เรารับราชการตั้งแต่ ปวช. เพื่อครอบครัว เราเลยต้องสมัครสอบราชการไปหลายที่ ส่วนใหญ่สอบติดแต่เพราะเรายังเรียนไม่จบเลยต้องสละสิทธิ์ไป มีที่นี่ที่ได้เข้าบรรจุเพราะเรียนจบพอดี

ยิ่งเป็นผู้น้อย ต่อให้เป็นตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายธุรการ แต่เป็นน้องเล็กสุดในกอง ก็ยังถือว่าเป็นผู้น้อย ไม่กล้าโต้ตอบหรือแย้งอะไรกับเหล่ารุ่นพี่ได้เลยจึงต้องยอมก้มหน้ารับไป ขอเรียกว่าขอโทษทั้งน้ำตา ร้องไห้โดยที่ไม่ทราบสาเหตุว่าเราผิดอะไร ผิดตรงไหน เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเราแต่ก็ต้องรับไป เราไม่เข้าใจเลยว่าทำไมผู้ใหญ่หลายคนถึงใจร้ายและอารมณ์ร้อนกันขนาดนี้ ตอนนี้พิมพ์ไปก็น้ำตานองไปเพราะเครียดเหลือเกินที่จะต้องตื่นไปทำงานวันใหม่

อยากขอกำลังใจหรือคำแนะนำสำหรับเด็กคนนี้หน่อยค่ะ เพราะตอนนี้จิตใจย่ำแย่ไม่ไหวจริงๆ อยากรู้วิธีการรับมือสำหรับคนบรรจุใหม่มากๆค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่