อีกประมาณ 2 วันจะถึงวันอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงวิมลลักษณาและเจ้าชายปารีส
เช้าวันนี้ ราชินีโซเฟียทรงนำราชินีเหมันต์ไปเยี่ยมชมไทปาโดม
ซึ่งก็คือที่ขายสินค้าสำหรับผู้หญิงที่มีชื่อเสียง แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ
เป็นที่จำหน่ายสินค้าของชาวบ้านที่คัดมาจากหลายจังหวัดของโสฬส
ราชินีจากสองประเทศนี้จะมีความคล้ายกันมากตรงชอบใช้สินค้าของชาวบ้าน
ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก แต่ดูดี และจับต้องได้
หลังจากนั้นทรงมานั่งเสวยพระสุธารสชา ณ ห้องรับรองพิเศษ
สองพระองค์ทรงเปิดใจในหลายเรื่อง เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน
"น้องหญิงฉายาดีมากเลยนะ" ราชินีเหมันต์ทรงเอ่ยขึ้นก่อน
ราชินีโซเฟียคิดว่าพระองค์ทรงมีอะไรในใจ จึงปล่อยให้ราชินีเหมันต์
ทรงพูดไปเรื่อย ๆ
"พี่เองได้ฉายาจากประชาชนว่าราชินีจันทรา จริง ๆ มันก็คือราชินีวันจันทร์นั่นเอง
.... ตอนแรกพี่ก็คิดมาก แต่พี่ไม่ลืมหรอกว่าพี่เลือกที่จะเข้ามาในระบบนี้เอง
พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าระบบมันเป็นยังไง ........โชคดีมากที่กษัตริย์คือกษัตริย์โพสี"
ราชินีโซเฟียทรงถาม "แล้วระบบนี้จะเปลี่ยนไหมคะ"
"มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนนะ โดยเฉพาะกลุ่มสตรีนิยมของโชกุนโพ
แต่ก็มีหลายคนอยากให้คงอยู่แบบนี้ไปก่อน ..........ที่อยากให้คงอยู่แบบนี้
ไม่ได้หมายความว่าจะเอาใจกษัตริย์โพสีนะคะ เพียงแต่ว่าโชกุนโพเอง
ยอมให้กษัตริย์บริหารประเทศร่วมกับนายก หลายคนคิดว่าเมื่อ concept นี้
เป็นแบบนี้ concept ทุกเรื่องในพระราชวังวนาลัยก็คงต้องยังคงแบบนั้นไว้"
"ตอนนี้พี่หญิงทรงประทับ ณ พระราชวังวนาลัยเหรอคะ"
"ค่ะ แต่พี่อยู่ที่ตำหนักราชินี น้องหยวนหยวนอยู่ที่ตำหนักฮองเฮา
น้องชิงชิงอยู่ที่ตำหนักเจ้าจอม น้องเหวินฟางอยู่ที่ตำหนักพระสนมเอก
พวกเราทุกคนต้องมีเวลาเท่ากันเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหากัน
กษัตริย์โพสีเองก็ทรงรักษากฎโดยเคร่งครัด พระองค์ไม่ทรงทำอะไรตามใจเลย
ส่วนที่ตำหนักนางสนมนั้น นางสนม 36 คนจะอยู่ร่วมกัน
กษัตริย์โพสีทรงต้องให้เวลากับนางสนม 12 คนต่อวัน คนละ 1 ชม.
ที่สำคัญคือต้องเจอทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ชม."
"ทำไมต้องเข้มงวดขนาดนั้นคะ" ราชินีโซเฟียทรงสงสัย
"ต้องเข้มงวดเพราะทางโชกุนโพใช้ระบบเลื่อนขั้นค่ะ
ถ้าพี่ไม่ได้เป็นราชินีแล้ว ฮองเฮาจะเลื่อนขึ้นมา
แล้วทุกคนก็จะเลื่อนขึ้นมาเช่นกัน กษัตริย์โพสีก็จะเลือก
นางสนมมา 1 คนจาก 36 คนเพื่อคัดมาเป็นพระสนมเอก
ซึ่งกษัตริย์โพสีทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีมาก พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์
ตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา นี่ก็ผ่านมา 25 ปีแล้ว
พระองค์ยังทรงยึดกฏทุกอย่าง ไม่เคยทำอะไรตามใจตัวเองเลย
พระองค์จึงได้ใจจากประชาชนตั้งแต่อายุ 20 ปี
ตอนนี้ทรงพระชนมายุ 40 ปีแล้ว พระองค์ก็ยังทรงดูหนุ่ม
และมีพลังมาก ๆ โดยเฉพาะ 3 ปีที่ผ่านมา
พระองค์กับนายกดาวินได้แก้ปัญหาประเทศได้เยอะมาก ๆ
พวกเขาเข้าขากันดีจนนายกดาวินต้องมาพักในพระราชวัง
เหมวันศิวาลัยด้วยเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาประเทศให้ลุล่วง"
"แล้วถ้าพี่หญิงไม่ได้เป็นราชินีแล้ว พี่หญิงจะทรงอยู่ในฐานะใดคะ"
"ทางโชกุนโพจะเรียกว่ามหาราณีแห่งฝ่ายในค่ะ
ต้องดูแลทุกอย่างของหมู่พระราชวังอาทิตยาสมาหรา
เหมวันศิวาลัยกับวนาลัยก็อยู่ในอาทิตยาสมาหราด้วย
และก็จะอยู่อย่างนั้นจนตายเลย มันก็จะดีทุกอย่างเลยนะ
แต่จะไม่มีโอกาสได้เจอกษัตริย์อีกเลยจนชั่วชีวิต"
ราชินีเหมันต์หยุดพูดนิดนึงก่อนจะพูดว่า
"ทุกวันนี้พี่ต้องท่องให้ขึ้นใจว่าอย่ารักกษัตริย์โพสีมากจนเกินไป
มากจนตัดใจไม่ได้ ทุกวันนี้พี่โหยหาวันจันทร์มากเลยค่ะ
ผิดกับชาวโชกุนโพที่เกลียดวันจันทร์
พี่นึกไม่ออกเลยว่าวันที่พี่ต้องเป็นมหาราณี พี่จะเป็นอย่างไร
พี่อิจฉาน้องหญิงมากเลยค่ะที่ได้อยู่กับกษัตริย์หลุยส์
................... เออ พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ"
ราชินีเหมันต์ทรงพระกันแสงในห้องน้ำ
ราชินีโซเฟียทรงนั่งอยู่เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงคิดในใจว่า
พระองค์ทรงอิจฉาราชินีเหมันต์มากกว่า
อย่างน้อยพระองค์ทรงยังมีวันจันทร์ วันที่จะได้อยู่กับกษัตริย์โพสีตลอดคืน
แต่สำหรับราชินีโซเฟีย ไม่มีอีกแล้วที่จะได้เจอกษัตริย์หลุยส์ตัวจริง
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ ก็เพราะอยากให้คนที่เรารักปลอดภัย
แต่ทรงรู้แล้วว่ามันไม่เหลืออะไรในโลกที่ไม่มีเธอ

ทางกษัตริย์หลุยส์ตัวจริงหรือนายสหัสก็ทรงคิดถึงราชินีโซเฟีย
จึงทรงดิ้นรนเข้ามาอยู่ในพระราชวังวริศรา
แต่ไม่สามารถจะบอกความจริงออกไปได้
เพราะกลัวว่าราชินีโซเฟียจะทรงวาง character ไม่ถูก
อาจทำให้ทรมานใจมากขึ้น
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เพราะเธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิตและหัวใจ
วิมานมายา โดย ศักดา ตอนที่ 58
เช้าวันนี้ ราชินีโซเฟียทรงนำราชินีเหมันต์ไปเยี่ยมชมไทปาโดม
ซึ่งก็คือที่ขายสินค้าสำหรับผู้หญิงที่มีชื่อเสียง แต่ที่พิเศษไปกว่านั้นคือ
เป็นที่จำหน่ายสินค้าของชาวบ้านที่คัดมาจากหลายจังหวัดของโสฬส
ราชินีจากสองประเทศนี้จะมีความคล้ายกันมากตรงชอบใช้สินค้าของชาวบ้าน
ซึ่งเป็นสินค้าราคาถูก แต่ดูดี และจับต้องได้
หลังจากนั้นทรงมานั่งเสวยพระสุธารสชา ณ ห้องรับรองพิเศษ
สองพระองค์ทรงเปิดใจในหลายเรื่อง เพราะไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกัน
"น้องหญิงฉายาดีมากเลยนะ" ราชินีเหมันต์ทรงเอ่ยขึ้นก่อน
ราชินีโซเฟียคิดว่าพระองค์ทรงมีอะไรในใจ จึงปล่อยให้ราชินีเหมันต์
ทรงพูดไปเรื่อย ๆ
"พี่เองได้ฉายาจากประชาชนว่าราชินีจันทรา จริง ๆ มันก็คือราชินีวันจันทร์นั่นเอง
.... ตอนแรกพี่ก็คิดมาก แต่พี่ไม่ลืมหรอกว่าพี่เลือกที่จะเข้ามาในระบบนี้เอง
พี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าระบบมันเป็นยังไง ........โชคดีมากที่กษัตริย์คือกษัตริย์โพสี"
ราชินีโซเฟียทรงถาม "แล้วระบบนี้จะเปลี่ยนไหมคะ"
"มีหลายคนอยากให้เปลี่ยนนะ โดยเฉพาะกลุ่มสตรีนิยมของโชกุนโพ
แต่ก็มีหลายคนอยากให้คงอยู่แบบนี้ไปก่อน ..........ที่อยากให้คงอยู่แบบนี้
ไม่ได้หมายความว่าจะเอาใจกษัตริย์โพสีนะคะ เพียงแต่ว่าโชกุนโพเอง
ยอมให้กษัตริย์บริหารประเทศร่วมกับนายก หลายคนคิดว่าเมื่อ concept นี้
เป็นแบบนี้ concept ทุกเรื่องในพระราชวังวนาลัยก็คงต้องยังคงแบบนั้นไว้"
"ตอนนี้พี่หญิงทรงประทับ ณ พระราชวังวนาลัยเหรอคะ"
"ค่ะ แต่พี่อยู่ที่ตำหนักราชินี น้องหยวนหยวนอยู่ที่ตำหนักฮองเฮา
น้องชิงชิงอยู่ที่ตำหนักเจ้าจอม น้องเหวินฟางอยู่ที่ตำหนักพระสนมเอก
พวกเราทุกคนต้องมีเวลาเท่ากันเพื่อป้องกันไม่ให้มีปัญหากัน
กษัตริย์โพสีเองก็ทรงรักษากฎโดยเคร่งครัด พระองค์ไม่ทรงทำอะไรตามใจเลย
ส่วนที่ตำหนักนางสนมนั้น นางสนม 36 คนจะอยู่ร่วมกัน
กษัตริย์โพสีทรงต้องให้เวลากับนางสนม 12 คนต่อวัน คนละ 1 ชม.
ที่สำคัญคือต้องเจอทุกสัปดาห์ สัปดาห์ละ 1 ชม."
"ทำไมต้องเข้มงวดขนาดนั้นคะ" ราชินีโซเฟียทรงสงสัย
"ต้องเข้มงวดเพราะทางโชกุนโพใช้ระบบเลื่อนขั้นค่ะ
ถ้าพี่ไม่ได้เป็นราชินีแล้ว ฮองเฮาจะเลื่อนขึ้นมา
แล้วทุกคนก็จะเลื่อนขึ้นมาเช่นกัน กษัตริย์โพสีก็จะเลือก
นางสนมมา 1 คนจาก 36 คนเพื่อคัดมาเป็นพระสนมเอก
ซึ่งกษัตริย์โพสีทำหน้าที่ตรงนี้ได้ดีมาก พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์
ตั้งแต่พระชนมายุ 15 พรรษา นี่ก็ผ่านมา 25 ปีแล้ว
พระองค์ยังทรงยึดกฏทุกอย่าง ไม่เคยทำอะไรตามใจตัวเองเลย
พระองค์จึงได้ใจจากประชาชนตั้งแต่อายุ 20 ปี
ตอนนี้ทรงพระชนมายุ 40 ปีแล้ว พระองค์ก็ยังทรงดูหนุ่ม
และมีพลังมาก ๆ โดยเฉพาะ 3 ปีที่ผ่านมา
พระองค์กับนายกดาวินได้แก้ปัญหาประเทศได้เยอะมาก ๆ
พวกเขาเข้าขากันดีจนนายกดาวินต้องมาพักในพระราชวัง
เหมวันศิวาลัยด้วยเพื่อช่วยกันแก้ปัญหาประเทศให้ลุล่วง"
"แล้วถ้าพี่หญิงไม่ได้เป็นราชินีแล้ว พี่หญิงจะทรงอยู่ในฐานะใดคะ"
"ทางโชกุนโพจะเรียกว่ามหาราณีแห่งฝ่ายในค่ะ
ต้องดูแลทุกอย่างของหมู่พระราชวังอาทิตยาสมาหรา
เหมวันศิวาลัยกับวนาลัยก็อยู่ในอาทิตยาสมาหราด้วย
และก็จะอยู่อย่างนั้นจนตายเลย มันก็จะดีทุกอย่างเลยนะ
แต่จะไม่มีโอกาสได้เจอกษัตริย์อีกเลยจนชั่วชีวิต"
ราชินีเหมันต์หยุดพูดนิดนึงก่อนจะพูดว่า
"ทุกวันนี้พี่ต้องท่องให้ขึ้นใจว่าอย่ารักกษัตริย์โพสีมากจนเกินไป
มากจนตัดใจไม่ได้ ทุกวันนี้พี่โหยหาวันจันทร์มากเลยค่ะ
ผิดกับชาวโชกุนโพที่เกลียดวันจันทร์
พี่นึกไม่ออกเลยว่าวันที่พี่ต้องเป็นมหาราณี พี่จะเป็นอย่างไร
พี่อิจฉาน้องหญิงมากเลยค่ะที่ได้อยู่กับกษัตริย์หลุยส์
................... เออ พี่ขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะคะ"
ราชินีเหมันต์ทรงพระกันแสงในห้องน้ำ
ราชินีโซเฟียทรงนั่งอยู่เพียงพระองค์เดียว พระองค์ทรงคิดในใจว่า
พระองค์ทรงอิจฉาราชินีเหมันต์มากกว่า
อย่างน้อยพระองค์ทรงยังมีวันจันทร์ วันที่จะได้อยู่กับกษัตริย์โพสีตลอดคืน
แต่สำหรับราชินีโซเฟีย ไม่มีอีกแล้วที่จะได้เจอกษัตริย์หลุยส์ตัวจริง
ตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ที่ไหน ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
ตอนนั้นที่ตัดสินใจทำอย่างนี้ ก็เพราะอยากให้คนที่เรารักปลอดภัย
แต่ทรงรู้แล้วว่ามันไม่เหลืออะไรในโลกที่ไม่มีเธอ
ทางกษัตริย์หลุยส์ตัวจริงหรือนายสหัสก็ทรงคิดถึงราชินีโซเฟีย
จึงทรงดิ้นรนเข้ามาอยู่ในพระราชวังวริศรา
แต่ไม่สามารถจะบอกความจริงออกไปได้
เพราะกลัวว่าราชินีโซเฟียจะทรงวาง character ไม่ถูก
อาจทำให้ทรมานใจมากขึ้น
ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน ความรู้สึกทุกอย่างยังเหมือนเดิม
เพราะเธอคือสุดท้ายของทั้งชีวิตและหัวใจ