JJNY : ‘ทัพเรือ’ ร้อนฉ่า!│ยิ่งชีพ ลั่น ‘ต้องชนะเท่านั้น’│ภูเก็ต พลาดเจ้าภาพ Expo│สายสีเหลือง ขัดข้อง ผู้โดยสารตกค้าง

‘ทัพเรือ’ ร้อนฉ่า!เพจดังปูด ‘นายพล’ คนดังเรียกคอม15%-ดูแลตอนไปเบอร์ลิน
https://www.dailynews.co.th/news/2459944/

กองทัพเรือร้อนฉ่า! เพจดังปูด "นายพล" คนดังเรียกคอมมิชชั่น 15% จาก บ.ชัยเสรี ด้าน "มาดามรถถัง" บอกยังไม่ทราบเรื่อง เพราะอยู่ระหว่างรักษาตัว ส่วนโฆษกกองทัพเรือระบุยังไม่ทราบประเด็นดังกล่าว ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน.

 
เมื่อวันที่ 21 มิ.ย. ผู้สื่อข่าวรานงาน จากกรณีเพจ CSI LA โพสต์ข้อความระบุว่า คนในกองทัพเรือรู้สึกไม่สบายใจ ที่มี “นายพล” คนดังเรียกเงินจากบริษัท ชัยเสรี ของมาดามรถถัง 15% และเรียกให้บริษัท Rv Connex ดูแลตอนไปเบอร์ลิน รวมทั้งบังคับให้แก้สัญญาอาคารที่ยังสร้างไม่เสร็จ โครงการใหญ่ในกองทัพเรือ เพื่อเอื้อผลประโชน์ให้บริษัทรับเหมาก่อสร้างของพวกพ้องตัวเอง สุดท้ายประชาชนผู้จ่ายภาษีต้องมาแบกรับ ค่ายุทโธปกรณ์ที่ถูกบังคับลดสเปกและแพงกว่าความเป็นจริง

พร้อมตอบข้อสงสัยที่ว่า ทำไมกองทัพถึงเน้นซื้อรถถังจากต่างประเทศ ทั้งๆ ที่ในประเทศมีสเปกดีกว่าและคาถูกกว่าหลายเท่า #ส่วนต่างนั้นหอมหวาน

ต่อมา นางนพรัตน์ กุลหิรัญ หรือ “มาดามรถถัง” นักธุรกิจหญิงชาวไทย ผู้ก่อตั้งบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ผลิตชิ้นส่วนและรถหุ้มเกราะ ให้แก่กองทัพไทยและกองทัพต่างประเทศ อยู่ระหว่างการพักฟื้นตัวหลังได้รับการผ่าตัด ระบุว่า ยังไม่ทราบเรื่องนี้ เพราะรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องเข้าใจว่าบริษัทชัยเสรีทำงานให้กับกองทัพมาตั้งแต่ปี 2511 ทำเรื่องยุทโธปกรณ์อย่างเดียวของ 3 เหล่าทัพมาโดยตลอด อยู่มาจนถึงทุกวันนี้ แต่รายได้ของบริษัทส่วนใหญ่ มาจากการส่งขายต่างประเทศมากกว่าภายในประเทศ หรือถ้ามีก็น้อยมากซึ่งของเราส่วนใหญ่เป็นงานซ่อม

ชัยเสรีขายให้กองทัพไทยมา 50 ปีแล้ว ซึ่งบริษัทของเรามีชื่อเสียงไปทั่วโลก เพราะของไทยเป็นของที่มีคุณภาพ เราก็อยากจะได้รับการสนับสนุนจากประเทศไทยเยอะๆ สำหรับในส่วนของกองทัพเรือ บริษัทชัยเสรีเคยรับซ่อมรถให้ ซึ่งกองทัพเรือซื้อรถใหม่ๆ บริษัทไทยเสรีไม่ได้เป็นเอเย่นต์ไทย เราเป็นโรงงานที่ผลิตเอง ก็ไม่ได้ผลิตอะไรเยอะแยะหรอก แต่ของที่ผลิตในประเทศและเราขายในประเทศในราคาที่ถูกมาก รถในแต่ละคันเราขายในราคา 10 กว่าล้านเอง อย่างรถหุ้มเกราะเราทำของใหม่ขาย ในราคา 15 ล้าน เราพยายามทำของที่ดีที่สุดขายให้กับประเทศไทย เราก็อยากให้สนับสนุนซื้อ เพราะทุกวันนี้ก็ขายได้น้อยมาก” นางนพรัตน์ กล่าว

มาดามรถถังกล่าว ยอมรับอีกว่า ขณะที่โรงงานกำลังผลิตรถหุ้รเกราะ 8×8 แต่ไม่แน่ใจว่าให้กองทัพเรือหรือกระทรวงกลาโหม แต่เห็นในโรงงานกำลังทำอยู่ เพียงแต่ต้องเข้ารับการผ่าตัด ก็เลยไม่ได้เข้าไปดูและติดตาม

ทางด้าน พล.ร.อ.ปกครอง มนธาตุผลิน โฆษกกองทัพเรือ ระบุสั้นๆ ว่า “ยังไม่ทราบประเด็นดังกล่าว ขอไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน”
 
https://www.facebook.com/CSILA90210/posts/pfbid033PDGq1qt9oPm6NRZHmwxBGiWjR1x2idzdHz4fvppRqEj3MEfkCotWuADdg6Ace6Tl
 


ยิ่งชีพ ลั่น ‘ต้องชนะเท่านั้น’ ยื่นฟ้องรัฐไทยสอดแนมปชช. รับ ไม่ง่าย แต่ไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
https://www.matichon.co.th/politics/news_4041763

ยิ่งชีพ ลั่น ‘ต้องชนะเท่านั้น’ ยื่นฟ้องรัฐไทยสอดแนมปชช. รับ ไม่ง่าย แต่ไม่ได้สู้อยู่คนเดียว
 
เมื่อวันที่ 20 มิถุนายนที่ผ่านมา นายยิ่งชีพ อัชฌานนท์ ผู้จัดการโครงการอินเทอร์เนตเพื่อกฎหมายประชาขน หรือ ไอลอว์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ย้อนเล่าถึงเหตุการณ์เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2564 ว่า 
 
ในวันดังกล่าว เมื่อตยกลับถึงบ้านตอนค่ำก็พบว่าได้รับอีเมลจาก Apple แจ้งว่าถูกโจมตีโดยสปายแวร์ที่สนับสนุนโดยรัฐ จึงตกใจ ตอนแรกไม่เชื่อ แต่ภายหลังก็เชื่อ ค้นหาข้อมูลในอินเตอร์เน็ตและติดต่อประสานงานไปตามคำแนะนำ

“ผมเป็นคนไทยคนแรกที่ได้ส่งข้อมูลไปยัง lab ที่แคนาดาเพื่อตรวจสอบว่าถูกสปายแวร์ ที่ชื่อ #เพกาซัส เจาะเข้ามาขโมยข้อมูลจริงหรือเปล่า หลังจากตรวจพบว่าติด John Scott Raiton จาก CitizenLab ก็ขอคุยด้วย และนั่นเป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมได้ยินว่าไอ้สิ่งนี้มันคืออะไร ก็ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยเชื่อว่าเทคโนโลยีที่จะเข้ามายึดครองมือถือเราแม้ไม่เคยปฏิสัมพันธ์อะไรด้วยกันมาก่อนก็นั้นจะมีอยู่จริง พล็อตเหมือนในหนังซะไม่มี
พอได้ยินคำอธิบายจนจบเค้าถามว่า เข้าใจว่าเหยื่อเพกาซัสจะช็อกหน่อย มีอะไรสงสัยอีกไหม คำถามแรกผมถามว่า เมื่อมันเข้ามาแล้วเราจะเอามันออกไปได้ยังไง เขาตอบว่าเอาออกไม่ได้ คำถามที่สองผมถามว่า แล้วเราจะฟ้องรัฐเรื่องนี้ได้ยังไง??
 
ผมไม่แน่ใจว่าคนฟังตกใจหรือเปล่า ที่เริ่มต้นคำถามที่สองก็คิดจะฟ้องเสียแล้ว ตอนนั้นยังไม่คิดอะไรมากเพราะเรื่องคอมพิวเตอร์ไม่มีความรู้เลย แต่เรื่องกฎหมายพอมีบ้าง ก็คิดว่าเรื่องนี้เรื่องใหญ่ เมื่อมันเกิดขึ้นกับเราแล้วจะปล่อยมันผ่านเลยไปไม่ได้ จะทำเป็นเฉยๆ แล้วลืมมันเสีย แค่หาตังมาเปลี่ยนโทรศัพท์ใหม่เท่านั้นไม่ได้
 
ตั้งแต่เริ่มคิดเรื่องนี้มาชีวิตก็เปลี่ยนไป ต้องนั่งอ่านเอกสารภาษาอังกฤษเป็นจำนวนมากที่เป็นเรื่องคอมพิวเตอร์เทคนิค แล้วต้องพูดคุยกับผู้คนที่เป็นนักคอมพิวเตอร์ซึ่งปกติในชีวิตไม่คิดจะต้องเจอกัน

เมื่อจะเริ่มต่อสู้กับอะไรเราก็จำเป็นต้องหาข้อมูลเรื่องนั้น แล้วก็ต้องเดินทางไปเจอผู้คนมากหน้าหลายตาเพื่อจะขอความยินยอมในการตรวจโทรศัพท์คนหลายร้อย และพบผู้ร่วมชะตากรรมอย่างน้อย 35 คน และอีกหลายคนก็ยังไม่สามารถตรวจได้ทั้งที่มีความเสี่ยงไม่แพ้กัน
 
หลังจากนั้นก็เลยคิดว่าเราจะพิสูจน์สิ่งนี้ยังไง
เราจะรู้ได้ยังไงว่าใครเป็นคนใช้งานมัน
เราจะบอกศาลและบอกสังคมให้เชื่อได้ยังไง
แล้วก็ออกแบบวางแผนการเก็บและสื่อสารข้อมูล
 
ถึงวันนี้ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามนุษย์ชื่ออะไรที่อยู่เบื้องหลังคอมพิวเตอร์เครื่องยักษ์ที่เป็นคนกดปุ่มให้เทคโนโลยีอาวุธไซเบอร์มันมาเอาข้อมูลส่วนตัวทั้งหมด ทั้งรูปภาพ แชท ที่อยู่ ฯลฯ ไปส่งให้รัฐไทย แต่ผมคิดว่าเค้าไม่ได้อะไรที่เค้าอยากรู้ไป ถ้าเค้าอยากจะหาหลักฐานว่า ผมอยู่เบื้องหลังในการเอาเงินอเมริกาซัก 100,000,000,000 มาส่งให้ผู้ชุมนุมตามที่ใครปั้นแต่งเรื่องเพ้อฝันขึ้นมา มันก็เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วเพราะสิ่งนั้นมันไม่มีอยู่ ต่อให้คิดค้นเทคโนโลยีที่เก่งกว่า Pegasus ได้ ข้อมูลนั้นก็ไม่มีทางหาได้เพราะมันไม่มี
 
และร่องรอยที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ในมือถือของผม ก็น่าจะมากเพียงพอที่จะบอกศาลและบอกสังคมได้ว่า รัฐบาลไทยได้จัดซื้อสปายแวร์ราคาหลายร้อยล้าน มาใช้กับประชาชนจริง เป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณอย่างมหาศาลและละเมิดสิทธิส่วนบุคคลอย่างประเมินค่าไม่ได้” นายยิ่งชีพระบุ
นายยิ่งขีพ ระบุต่อไปว่า ในวันนี้ (20 มิ.ย.) ก็เดินทางมาถึงศาลปกครองได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องไม่ง่ายเลยที่จะต้องออกจาก comfort zone มาทำงานที่ไม่ถนัดแต่ก็จำเป็นต้องทำ
 
“ก็ลากถูกันมาได้ ท่ามกลางงานอื่นๆ มากมาย ด้วยเพื่อนจำนวนมาก และด้วยความช่วยเหลือจำนวนมาก กับงบประมาณที่จำกัด
ไม่ได้อยากจะขอบคุณใครเป็นคนๆ แต่ อยากประกาศให้โลกรู้ว่างานนี้ผมไม่ได้ทำอยู่คนเดียว แม้จะค่อนข้างอับจนทางความรู้แต่ก็ไม่เคยโดดเดี่ยวด้านจำนวนมือที่มาลงกัน
 
มีผู้รู้ด้านศาสตร์มืดของโลกไซเบอร์เคยเตือนว่า อย่าไปฟ้องคดีเลย เพราะมันเป็นการเปิดหน้าเล่นว่าเราอยู่ฝั่งตรงข้ามกับสิ่งที่มีอำนาจมหาศาลกว่าเรามาก เปรียบได้กับเรากำลังเปิดประตูเข้าไปเจอกับ monster ที่เรายังไม่รู้ว่าหน้าตามันเป็นอย่างไร แต่เขารู้จักเราหมดแล้ว และเมื่อเริ่มเปิดประตูเดินเข้าไปแล้ว เราก็จะออกมาไม่ได้ เราจะต้องติดอยู่ในนั้นตลอดไป
 
ซึ่งมันก็จริงอยู่เพราะการต่อสู้คดีนี้ไม่ได้ง่ายเลย มันมีทั้งเรื่อง เทคนิคทางคอมพิวเตอร์ มีทั้งเรื่องความมั่นคงของชาติ มีทั้งเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ มีทั้งเรื่องกระบวนการทางกฎหมาย ซึ่งทั้งหมดจะต้องอธิบายให้ศาลที่เป็นนักกฎหมายซึ่งไม่แน่ใจว่าเข้าใจอะไรบ้าง แล้วจะต้องชนะให้ได้ ไม่มีทางเลือกอื่น
 
ก่อนหน้านี้เรายื่นฟ้องคดีแพ่งต่อบริษัท NSO ผู้ผลิตเพกาซัสไปแล้ว โดยคดีนั้นมีความคาดหมายว่าจะเป็นคดีเชิงสัญลักษณ์ทางการเมือง ตอนแรกเชื่อว่าผู้ถูกฟ้องคดีจะไม่มาต่อสู้คดีเพราะเป็นบริษัทของอิสราเอล แล้วเราจะชนะได้โดยง่าย แต่ตอนนี้ได้ข่าวว่าจำเลยทำให้ตัวเองล้มละลายและปิดบริษัทหนีไปตั้งใหม่ กลายเป็นคดีที่ยากเรื่องกระบวนการระหว่างประเทศ
แต่คดีนี้เป็นคดีปกครองที่ฟ้องรัฐไทย
 
จะขอเน้นกระบวนการ พิสูจน์พยานหลักฐานตามกฏหมายและต้องชนะเท่านั้น
คำขอข้อแรกคือขอให้เลิกใช้สปายแวร์นี้ ซึ่งจริงๆไม่อยากรอศาลสั่ง แต่อยากให้รัฐบาลใหม่ประกาศตัวยกเลิก และช่วยกันแสวงหาข้อมูลหลักฐานเปิดโปงกระบวนการที่ผ่านมาภายใต้รัฐบาลก่อนหน้านี้ให้ได้ ถ้าเราทำได้เค้าจะเป็นผู้นำของโลกในด้านความสำเร็จของการคุ้มครองสิทธิความเป็นส่วนตัวบนโลกออนไลน์
 
ยังมีงานให้ทำอีกเยอะมาก อย่างน้อยในคดีความทั้งหลายก็คงต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าห้าปี ขณะเดียวกันผู้ผลิตอาวุธร้ายเค้าคิดคนวิธีการและช่องทางใหม่ๆ คงมีคนอีกมากในอนาคตข้างหน้ารวมทั้งตัวผมเองที่ถูกโจมตีด้วยอาวุธไซเบอร์ชนิดใหม่ได้ตลอดเส้นทางนี้ การค้นหาความรู้และการค้นหาความจริงเป็นสิ่งจำเป็นเสมอ แค่คิดก็เหนื่อยแล้ว
เมื่อเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้ว
สู้กับมันไม่ชนะก็ออกมาไม่ได้
ก็คงต้องอยู่ในนั้นจนตายกันไปข้างนึง
เมื่อไม่ได้สู้อยู่คนเดียวก็คงมีความสนุกบ้างระหว่างทาง” นายยิ่งชีพระบุ

https://www.facebook.com/pow.ilaw/posts/pfbid023fhmfc4uvp8NY69QLth3RdZ5cvp8SRhjWPx8E5FFoVTRekPLQdQY949GKJU7PwDtl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่