สืบลับฉบับเลิฟ (5)

กระทู้สนทนา


ชลัน

"ฉันก็อยากจะรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เรื่องได้ราว" เสียงแหลม ๆ บาดแก้วหูคนฟังยิ่งนัก "น้องคุณเข้าไปอยู่ในบ้านหลังนั้นนานแล้วนะ"

แทนคุณถอนหายใจเฮือกใหญ่ "ตอนนี้ก็ได้เรื่องได้ราวมาประมาณหนึ่งแล้วครับจากรายงานสรุปนั่น คุณธาราใจร้อนเกินไปหรือเปล่า"

"แน่นอนว่าฉันใจร้อน เพราะตอนนี้บริษัทประกัน ต้องโอนเงินให้ผู้รับผลประโยชน์แล้ว"

"ก็โอนไปสิครับ ยิ่งโอนไปแล้วผมยิ่งสืบได้ง่ายมากขึ้นอีก" นักสืบหนุ่มยักไหล่ ยิ่งเงินเข้ากระเป๋ายิ่งต้องพบพิรุธแน่นอนถ้าฆาตกรตัวจริงยังลอยนวล

"แล้วเวลาที่จะเรียกเงินคืนจากผู้รับผลประโยชน์ น้องคุณคิดว่าเดินเข้าไปแบมือขอแล้วพวกนั้นจะคืนมาง่าย ๆ หรือไง" คุณธารายื่นปลายไม้ขนไก่ที่ถือมาด้วยมาตรงหน้า สะบัดซ้ายขวาสองครั้งส่วนปลายของไม้ขนไก่ก็เกิดลำแสงเลเซอร์สีแดงจัดชี้มายังที่หว่างคิ้วของแทนคุณ ซึ่งได้แต่นั่งภาวนาว่าจุดที่ลำแสงชี้ไปนั้นจะไม่ไหม้จนกลวงโบ๋เข้าไปถึงสมองส่วนหน้าของเขาเสียก่อน

เสียงลูกรักของคุณธาราเห่าพลางตะกุยตะกายขึ้นมายืนเด่นบนโต๊ะ ตาจ้องมาที่จุดแดงเขม็ง ลิ้นสีชมพูที่ห้อยย้อยทำเอาแทนคุณขนลุกเกรียว ถอยกรูดลุกขึ้นยืนให้พ้นรัศมีการกระโจนของเจ้าสุนัขตัวผู้ในชุดบัลเล่ต์สีชมพูอ่อน ติดโบขนาดใหญ่ไว้ที่ข้างใบหู เห็นแล้วทุเรศลูกตาของเขายิ่งนัก

"ไม่เล่นน่าน้องเลดี้" คำว่า 'น้อง' แทบจะได้ยินพร้อมกับเสียงกัดฟันกรอด ๆ ของนักสืบหนุ่ม

"โอ๊ะ ๆ อย่าเพิ่งค่ะลูก มี้ยังคุยงานไม่เสร็จเลย ใจเย็น ๆ นะคะ อีกแป๊บเดียวค่อยเล่นกับพี่คุณนะลูก"

"คุยงานเสร็จก็ไม่ได้ บอกน้องเลดี้ไปด้วยครับ ไม่เล่นเด็ดขาด" มาดหล่อ ๆ ของนักสืบหายหมดสิ้นในทันที มือสองข้างโบกเป็นพัลวัน

"ได้ยินแล้วใช่มั้ยคะลูก คนที่เขาไม่เห็นค่าเรา อย่าไปเสียเวลากับเขาเลย ให้มี้คุยงานก่อน ลูกไปรอในห้องของพี่โจก่อนนะคะ คนดีของมี้"

แล้วสุนัขผิดเพศก็ทำดีสมตำแหน่ง 'คนดีของมี้' จริง ๆ ด้วยการกระโจนลงจากโต๊ะ เฉียดสัดส่วนความเป็นชายของแทนคุณไปแบบหวาดเสียว จนเจ้าตัวร้อง "เฮ้ย!" หน้าซีดเผือด

"อะไร... กลัวหมาตัวนิดเดียว" คุณธาราส่ายหน้าด้วยความระอา แต่แววตาระยิบระยับไปด้วยความสนุกสนานที่เห็นได้ชัด

"ผมไม่ได้กลัวครับ แค่... ไม่ไว้ใจ"

"มาคุยเรื่องงานต่อ เท่าที่อ่านจากรายงานของน้องคุณยังไม่ได้เข้าใกล้ประมุขของบ้านสักเท่าไหร่ วัน ๆ ขลุกอยู่แต่กับเด็กแล้วก็คนรับใช้ชื่อนก พี่รู้ว่าน้องคุณกำลังพยายามสืบจากพยานแวดล้อม แต่มันใช้เวลานานเกินไป หนึ่งเดือนแล้วยังไม่พบตัวคนน่าสงสัยเลย มันเสียเวลาแถมเงินก็ต้องจ่ายออกไปก่อนอีก ลูกค้าจะหมดความน่าเชื่อถือ"

"ผมรับรองว่างานนี้ถ้าผู้รับผลประโยชน์เกี่ยวข้องกับการฆาตกรรมจริง ทางบริษัทจะได้คืนครบทุกบาททุกสตางค์ แต่ถ้าไม่เกี่ยวยังไงเงินส่วนนี้ก็ต้องจ่ายออกไปอยู่แล้ว หน้าที่ผมตอนนี้คือจับตัวคนผิดมารับโทษตามกฎหมาย ผมจะทำเต็มที่แน่ครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะไปจับผิดคนรับผลประโยชน์เพื่อช่วยบริษัทประกันไม่ต้องสูญเงินสองร้อยล้านบาท"

"พี่เข้าใจความคิดของน้องคุณ แต่อย่าลืมนะว่าคนจ้างน้องคุณคือใคร จะมีแนวความคิดผดุงความยุติธรรมยังไงก็เห็นแก่หน้าพี่บ้าง ยังไงตอนนี้ก็เพ่งเล็งไปที่ผู้รับผลประโยชน์ทั้งสามคนก่อน คือ ภรรยาผู้ตายและลูกชายทั้งสองคน แม้คนเป็นภรรยาจะเป็นผู้ป่วยพิการก่อนหน้าที่เจ้าสัวจะเสียชีวิตก็ตามไม่ควรมองข้าม ส่วนสะใภ้ทั้งสองก็วางใจไม่ได้ อาจมีใครตั้งใจลงมือเพื่อให้สามีของตัวเองได้รับผลประโยชน์ ทุกอย่างเป็นไปได้ทั้งนั้น"

"ครับ" นักสืบหนุ่มรับคำ เบนสายตาไปยังแฟ้มหนาที่ตัวเองเป็นคนเขียนรายงานขึ้นมาทั้งหมด หนึ่งเดือนที่เริ่มต้นสืบแทบไม่มีอะไรคืบหน้าเลยจริง ๆ ทั้งที่เขาก็พยายามมองรอบด้านแบบที่เจ้าของสำนักงานนักสืบบอกนั่นล่ะ อะไรทำให้จิ๊กซอว์ขาด ๆ หาย ๆ ก็ยังบอกไม่ได้ด้วยซ้ำ มีแต่ความมั่นใจว่าคนผิดยังลอยนวล
....


สาย ๆ หลังทานมื้อเช้าเสร็จอภิเชษฐ์เข้ามาหาผู้เป็นแม่ก่อนออกไปทำธุระข้างนอก พูดคุยซักถามเรื่องสุขภาพและอื่น ๆ ตามประสาแม่ลูก เป็นภาพที่เลอดาวเห็นอยู่เป็นประจำ ส่วนลูกชายคนเล็กนอกจากเจอที่โต๊ะทานข้าวแล้วหล่อนก็ไม่ค่อยจะเห็นอภสิทธิ์มาพูดคุยกับผู้เป็นแม่เช่นนี้ แต่ก็นั่นแหละ พิมพ์ชนกบอกว่าอภิสิทธิ์มีธุรกิจของครอบครัวต้องดูแล เขาจึงอาจจะไม่ว่างเท่าอภิเชษฐ์คนเป็นพี่ชาย

พยาบาลสาวมองสองแม่ลูกคู่ยกันด้วยรอยยิ้ม พลันนึกถึงแม่ของตนเองที่จากไปนาน ชีวิตของหล่อนโตมากับพ่อและแม่เลี้ยง จริง ๆ แล้วหล่อนโตมากับผู้เป็นย่ามากกว่า เพราะพ่อมัวแต่ทำงานและอยู่กับครอบครัวใหม่ของพ่อมากกว่าจะมาสนใจหล่อน

"ฝากคุณแม่ด้วยนะครับ" อภิเชษฐ์หันมากล่าวกับพยาบาลสาว

"ค่ะไม่ต้องห่วงคุณท่านนะคะคุณเชษฐ์" เลอดาวตอบ

"งั้นผมลาแล้วนะครับคุณแม่ เย็น ๆ จะกลับ"

"อือไปเถอะ มัวแต่โอ้เอ้อยู่กับแม่เดี๋ยวก็ไปทำธุระไม่ทัน ว่าแต่ตานิคกี้กับแม่พิมพ์ล่ะไปด้วยหรือเปล่า"

"ผมไปคนเดียวครับ ส่วนพิมพ์ไปส่งนิคกี้ที่โรงเรียนแล้วก็จะเลยไปที่ร้านเลย"

"อือ แม่ขอบใจแกกับเมียมาก ๆ เลยนะตาเชษฐ์..." ประมุขของบ้านกำลังจะพูดต่อไปอีกทว่าโดนลูกชายพูดแทรกขึ้นก่อน

"อย่าคิดมากเลยครับคุณแม่ ผมลาล่ะ ฝากด้วยนะครับคุณเลอดาว" พยาบาลสาวพยักหน้าให้ด้วยรอยยิ้มบาง ๆ จากนั้นอภิเชษฐ์จึงเดินจากไป ปล่อยให้ผู้เป็นแม่อยู่กับพยาบาลประจำตัวสองคน

"ลงไปข้างล่างกันมั้ยคะคุณท่าน ไปดูน้องพ็อตเตอร์เรียนกัน" พยาบาลสาวเปลี่ยนเรื่อง นั่นทำให้คนที่นอนอยู่บนเตียงมองใบหน้าเรียวมนอย่างพิจารณา มองลึกลงไปยังแววตาซื่อคู่นั้นและกระตุกยิ้มมุมปาก

"อยากพาฉันไปหรืออยากไปเองกันแน่" คุณแพรทองไม่อ้อมค้อม

"ดาวอยากพาคุณท่านไปค่ะ คุณท่านจะได้อยู่ใกล้ ๆ และเห็นพัฒนาการของน้องพ็อตเตอร์ อีกอย่างน้องพ็อตเตอร์ก็ได้จะคุ้นเคยและสนิทคุณย่ามากขึ้นด้วย" เลอดาวรีบตอบ

"หวังดีกับฉันว่างั้น" คนแก่กว่าถามอย่างประชด

"ค่ะ" คนถูกประชดตอบและยิ้มเจื่อนให้

"อืมม์ งั้นพาฉันลงไปเถอะ"

เลอดาวพาประมุขของบ้านลงมายังฝั่งอาณาเขตของสะใภ้เล็กเพื่อมาดูน้องพ็อตเตอร์เรียนหนังสือตามคำสั่ง ลึก ๆ ลางสังหรณ์ของหล่อนมันบอกว่าตนเองกำลังสงสัยถูกตัว เพราะจากที่ได้พูดคุยกับพิมพ์ชนก อภิสิทธิ์ลูกชายคนเล็กทำธุรกิจอัญมณี เพราะฉะนั้นแล้วสิ่งที่หล่อนต้องการต้องอยู่กับอภิสิทธิ์ไม่ใช่อภิเชษฐ์แน่ อีกอย่างประเมินดูคนพี่แล้ว ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะเกี่ยวข้อง แต่ก็นั่นแหละ หล่อนขอพิสูจน์จากอภิสิทธิ์ก่อนถ้าไม่ได้เป็นอย่างที่คิดค่อยเบนมาหาอภิเชษฐ์ ทุกอย่างมันมีความเป็นไปได้ทั้งนั้น

เลอดาวเข็นรถเข็นพาคุณที่แพรทองเข้ามาในห้องเรียนของน้องพ็อตเตอร์ ซึ่งขณะนี้กำลังตั้งใจเรียนอยู่กับครูหนุ่ม

"คุณท่าน น้องดาว มาดูน้องพ็อตเตอร์เรียนเหรอครับ" เมื่อแทนคุณเห็นทั้งสองคนเดินเข้ามาจึงหยุดการสอนเงยหน้ามองและเอ่ยทักทายด้วยรอยยิ้ม และดูเหมือนยิ้มนั้นจะส่งไปให้คนที่ยืนอยู่หลังรถเข็นมากกว่า

"คนสวย" เด็กชายร้องทักทายอีกคน แทนคุณหันมองอย่างหมั่นไส้นักเรียนของตน 'คำพูดคำจานับว่าแสบจริง'

คนที่โดนชมว่าสวยยิ้มเขินหน้าแดงแจ๋อีกครั้ง เพราะปะทะเข้ากับสายตาคมและรอยยิ้มของคุณครูมากกว่าคำชมที่ออกมาจากปากของเด็กชาย

"คุณครูกำลังสอนหลานฉันทำอะไรอยู่เหรอ" คนนั่งบนรถเข็นถาม ปรายตามองครูหนุ่มที่ยิ้มเก้ออย่างรู้ทัน หล่อนมั่นใจแล้วว่าทั้งสองคงแอบมีใจให้กันจริง ๆ

"วันนี้เรียนศิลปะครับ น้องพ็อตเตอร์เก่งมากเลยนะครับคุณท่าน คุณท่านดูสิครับน้องพ็อตเตอร์ใช้สีได้สวยมากเลย จับคู่สีก็เก่งมาก"

"จริงด้วยครับ น้องพ็อตเตอร์เก่งจังเลย วาดให้พี่ดาวบ้างได้มั้ยครับ" เลอดาวชม

"ได้" เด็กชายตอบ และแทนคุณเพิ่งรู้วันนี้เองว่าลูกศิษย์ของตนบ้ายอไม่เบา ชายหนุ่มเม้มปากยิ้มพยักหน้าเบา ๆ กับท่าทางของลูกศิษย์ที่เจอกับ 'คนสวย' ของเขา ของเขาเองต่างหากไม่ใช่ของเด็กอายุแค่แปดขวบ แทนคุณนึกอย่างขบขันและหมั่นไส้ไปในตัว "วาดเสร็จแล้วเอาไปเลย"

"อุ้ย ขอบคุณครับ" เลอดาวรีบขอบคุณเด็กชายทันทีและรับเอาภาพวาดนั้นมา

"พ็อตเตอร์วาดให้ย่าบ้างสิครับ ย่าก็อยากได้เหมือนพี่คนสวยนะ" คนเป็นย่าขอบ้าง ปลื้มใจกับพัฒนาการที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดของหลานชาย นับว่าครูหนุ่มคนนี้เก่งใช่ได้เหมือนกัน

"รอ" เด็กชายตอบ

คุณแพรทองผงกศีรษะ "แหม... ของย่าต้องรอก่อนนะ ทีของพี่คนสวยน่ะให้เลย ครับ... ย่ารอก็ได้ครับ"

หลังจากนั้นน้องพ็อตเตอร์ก็ก้มหน้าก้มตาวาดรูประบายสีต่อเพื่อจะมอบให้อีกคน โดยมีคุณแพรทองนั่งมองและชวนคุยคอยให้กำลังใจอยู่ใกล้ ๆ ส่วนครูที่หน้าตาทะเล้นก็หันมาชวนพยาบาลประจำตัวของคุณท่านคุย

"น้องดาวครับวันเสาร์นี้น้องดาวกลับบ้านมั้ยครับ" แทนคุณชวนพยาบาลสาวคุย ระหว่างนั่งดูสองย่าหลานกำลังช่วยกันวาดรูประบายสี

"กลับค่ะ ดาวต้องกลับบ้านไปหาคุณย่า" หล่อนตอบ ครูหนุ่มหลี่ตามองเชิงคำถาม "ที่บ้านดาวมีคนดูแลคุณย่าค่ะ ส่วนคุณย่าท่านก็ยังแข็งแรงดี ดาวเลยขอมาทำงานดีกว่า"

"อ๋อ ครับ ถ้างั้นวันเสาร์นี้น้องดาวติดรถไปกับพี่มั้ย ไม่ต้องไปนั่งเรือให้อ้วก" แทนคุณแซ็วทำเอาสาวเจ้ายิ้มอายอีก "ที่บ้านคงไม่ว่าเนอะ ถ้าพี่ไปส่ง"

"ไม่ว่าค่ะ แต่ดาวเกรงใจพี่คุณ"

"ไม่ต้องเกรงใจพี่หรอก คิดซะว่าเป็นลูกจ้างมีนายจ้างเป็นคนเดียวกัน ช่วย ๆ กันน่ะ"

"ก็ได้ค่ะ"

ทั่งสองนั่งสนทนากันเบา ๆ โดยผ่านการอนุญาตของคุณแพรทอง หล่อนตั้งใจให้ทั้งคู่ได้พูดคุยกันโดยตนเองทำเป็นไม่สนใจ เมื่อใช้เวลาอยู่กับหลานชายคนโตพอสมควรแล้วจึงบอกให้พยาบาลประจำตัวพากลับขึ้นห้อง

"ดาวพาคุณท่านกลับแล้วนะคะ"

"ครับ แล้วเจอกันตอนมื้อเที่ยง" เลอดาวผงกศีรษะให้

"วันนี้พวกเธอไม่ต้องไปทานกันสองคน มาทานพร้อมฉันดีกว่า ทานข้าวคนเดียวฉันก็เหงาเป็นนะ" คุณแพรทางกล่าวเมื่อได้ยินลูกจ้างทั้งสองคนคุยกัน

'ครับ/ค่ะ คุณท่าน' ทั้งสองคนรับคำ จากนั้นเลอดาวจึงเข็นรถเข็นประมุขของบ้านกลับขึ้นไปบนตึกใหญ่

ตามปกตินอกจากมื้อเช้าที่แทนคุณจะต้องไปร่วมทานข้าวกับเจ้าของบ้าน พอถึงมื้อเที่ยงและมื้อเย็นเขามักจะหลบมาทานพร้อมกับเลอดาวอยู่เป็นประจำ ซึ่งเป็นการทานก่อนเวลาเพราะเลอดาวต้องกลับไปป้อนข้าวคุณแพรทองในมื้อเที่ยง ส่วนน้องพ็อตเตอร์ในช่วงที่แทนคุณทานข้าวก็จะมีนกมาคอยเปลี่ยนมือแทน โชคดีที่เวลาอยู่กับนกน้องพ็อตเตอร์ไม่งอแง

คุณแพรทองสั่งให้อนงค์แม่บ้านทำอาหารมาเสิร์ฟให้ ณ ศาลาข้างสระบัวในส่วนที่บรรยากาศร่มรื่นของบ้าน ลมพัดเย็นสบาย

"กินสิ มื้อนี้ฉันสั่งให้อนงค์ผัดซีอิ้ว อร่อยดีนะ" ประมุขของบ้านวรโชติโภคินเรียกคนหนุ่มสาวที่เอาแต่นั่งนิ่งทั้งคู่

"ขอบคุณค่ะคุณท่าน" พยาบาลประจำตัวเอ่ยขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวานใส

"ขอบคุณ คุณท่านเหมือนกันครับ" แทนคุณกล่าวอีกคน

"พวกเธอไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก ไม่มีอะไรพิเศษ ฉันแค่ต้องการมีเพื่อนกินข้าวมื้อเที่ยงเท่านั้น เพราะตอนเช้ายังมีลูก ๆ ฉันอยู่ มื้อค่ำด้วย ถึงไม่ครบก็ยังถือว่ามีเพื่อน" คุณแพรทองพูดด้วยใบหน้าเจือรำคาญ ทั้งคู่ยิ้มเจื่อน ๆ ก่อนจะลงมือทานข้าวพร้อมกับเจ้าของบ้าน

"น้องพ็อตเตอร์เป็นยังไงบ้างคุณครู ฉันอยากบอกว่าหลานคนนี้ฉันห่วงเหลือเกิน พ่อแม่มันไม่ค่อยได้เรื่อง ตามใจจนเคยตัว ไม่ยอมไปโรงเรียนก็ไม่บังคับ เรียนอยู่ที่บ้านมันจะสู้คนอื่นได้ยังไง" คุณแพรทองชวนทั้งสองพูดคุย และถามถึงหลานรัก

"น้องพ็อตเตอร์เก่งขึ้นเยอะครับ ยอมวางบอลหันมาสนใจบทเรียนบ้าง ผมก็ใช้วิธีต่อรองจนยอมเรียน คิดว่าปรับตัวสักระยะน้องพ็อตเตอร์ก็คงเข้าใจบทบาทหน้าที่ของตัวเองมากขึ้น น่าจะเข้าสู่ระบบการเรียนแบบปกติอย่างคนอื่นได้" แทนคุณวางตะเกียบหันมาตอบ หัวหมุนติ้วว่าจะหาข้อมูลจากประมุขของบ้านที่ปกติแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ยกเว้นช่วงเช้าที่หล่อนชอบมาดูหลานชายเรียนหนังสือ แต่นั่นหล่อนก็ทุ่มความสนใจไปยังหลานชายมากกว่าที่จะคุยกับเขา
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่