ทางแยก
“พอเถอะภู พอได้แล้ว หยุดทำอะไร ๆ เพื่อฟ้าเสียที เพราะสิ่งที่ภูทำ มันก็เพียงยิ่งทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และนึกละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น”
สิ้นคำเด็ดขาดของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า คล้ายกับว่าบรรยากาศของร้านทั้งร้าน ที่ทั้งภูผาและปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ จะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไปอย่างฉับพลันจนน่าใจหาย
นอกจากโต๊ะที่เขาและเธอนั่งอยู่ด้วยกันแล้ว สีของภาพรอบกายที่เหลือกลับค่อย ๆ ซีดจางลงไปจนเหลือเพียงขาวและดำ การเคลื่อนไหวต่าง ๆ เชื่องช้าลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง เงียบเชียบจนไร้แม้แต่เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศให้ได้ยิน
รู้สึกหน่วงหนักที่ใจ ทว่าทั้งร่างกลับเบาโหวง คล้ายกำลังล่องลอยอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักอันเวิ้งว้าง ริ้วรอยยับย่นปรากฏบนหน้าผาก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันราวคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก สายตาซึ่งเหมือนกำลังเขม็งมองไม่ได้จับจ้องสิ่งใดอยู่เลย สิ่งที่ฉาบฉายอยู่ข้างในหลงเหลืออยู่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
ภูผาหลบสายตาโดยอาศัยถ้วยกาแฟตรงหน้าเป็นที่พึ่ง เผยยิ้มเงียบเชียบแห่งความปราชัยให้กับตัวเองอย่างยอมรับความจริง
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นเนิ่นนานสักเพียงใด แม้จะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความปรารถนาดีให้ไปมากมายขนาดไหน ต่อให้ทุ่มเททั้งหมดที่มีให้ไปอย่างไร
ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย...
ไม่มีแม้แค่สักเศษเสี้ยวแห่งความพยายามใด ๆ เลย ที่จะสามารถแทรกซึมผ่านกำแพงหนาอันแข็งแกร่ง เข้าไปสู่ภายในจิตใจของปลายฟ้าได้
ตั้งแต่วันนั้น วันที่ชายผู้นั้นจากทั้งปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ...ตลอดกาล
ชื่อของเขาคือตะวัน ตะวันที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของภูผา และตะวันคนเดียวกัน ผู้ซึ่งเป็นชายคนรักที่คอยอยู่เคียงข้างปลายฟ้าไม่ห่าง
ความสัมพันธ์ของทั้งสามเริ่มต้นขึ้นจากความเป็นเพื่อน ต่างคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูล คอยแนะนำตักเตือน มอบความจริงใจ ส่งมิตรภาพดี ๆ ให้แก่กันไม่เคยขาด จนความผูกพันถักร้อยเป็นสายใยแน่นแฟ้น
วันเวลาของเพื่อนทั้งสามดำเนินไปในแบบนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง รอยยิ้มเจิดจ้า และความน่ารักสดใสของปลายฟ้า ก็แทรกซึมเข้าไปประทับอยู่ภายในใจของทั้งตะวันและภูผา อย่างที่ทั้งคู่ก็ไม่ทันได้รู้ตัว
“ภู กูมีเรื่องอะไรจะบอกว่ะ”
“เรื่องอะไรของวะ ซัน ตีสีหน้าจริงจังเกินไปหรือเปล่า เห้ย คุยกับกู ปรึกษากูได้ทุกเรื่อง มีเรื่องอะไร บอกมา ๆ”
“กูชอบฟ้าว่ะ...ช่วยกูหน่อยสิ”
“อะ...เออ ได้อยู่แล้ว เพื่อน”
หากแต่เป็นตะวันที่เป็นฝ่ายสารภาพความในใจออกมาก่อน และคำพูดที่ภูผาคาดไม่ถึงในครั้งนั้นนั่นเอง ที่ทำให้เขาเป็นฝ่ายต้องยอมตัดใจ และถอยห่างออกมาอย่างจำยอม โดยที่ยังไม่แม้แค่จะเริ่มทำอะไรกับความรักในครั้งนี้ของตัวเองเลย
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักสามคน ก็กลับกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคนแทน แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยสักนิด
ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าเท่า ๆ กับที่รักตะวัน ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ อย่างไม่ยากเย็นและตะขิดตะขวงใจใด ๆ เลยสักนิด ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น และดูเหมือนทั้งหมดนั้นจะลงเอยไปได้ด้วยดี
หากไม่เพียงว่าในวันหนึ่ง อุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่บังเอิญผ่านเข้ามาบนเส้นทางแห่งความรักและมิตรภาพเส้นนี้ จะพรากเอาชีวิตอันแสนเปราะบางของตะวันไป
ในครั้งนั้น...เป็นภูผาที่คอยเฝ้าปลอบใจและดูแลปลายฟ้าอยู่ไม่ห่าง วันแล้ววันเล่าที่เขาทำทุก ๆ อย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้จิตใจของหญิงสาวดีขึ้น ให้เธอได้คลายเศร้า และหลุดพ้นออกจากวังวนแห่งโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้เสียที
วันเวลาที่มีภูผาอยู่เคียงข้าง ช่วยทำให้หุบเหวลึกแห่งความเศร้าโศกเสียใจ ค่อย ๆ ถูกเติมเต็มจนดีขึ้นเป็นลำดับ หากแต่ความรู้สึกผิดของปลายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ จากความหวาดกลัวว่าเธอจะหลงลืมชายคนรักไปนั้น กลับทำให้มันไม่เคยหายไปจากใจได้เลยสักครั้ง
ตัวของภูผาเองก็เช่นกัน ความใกล้ชิดเกินกว่าปกติในครั้งนี้ ทำให้เขากลับคิดเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งอย่างเกิดระงับหักห้ามใจ จนในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันที่เขาตัดสินใจเผยความรู้สึก บอกทุกความในใจของตัวเองให้เธอได้รับรู้
ทว่าคำพูดอันหนักแน่นของปลายฟ้า ก็ได้ทำให้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว...
ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ภายในใจของเธอนั้น ไม่หลงเหลือพื้นที่มากพอสำหรับใครอื่นอีกแล้ว และนั่นก็ไม่เว้นแม้กระทั่งเขา
ปลายฟ้า...หญิงสาวผู้ที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าของภูผาในขณะนี้ เธอที่ไม่ว่าเขาจะพยายามร่นระยะห่าง เพื่อให้ได้เข้าใกล้ขึ้นสักเพียงใด แต่ระยะทางที่เหลือก็ยังคงเท่าเดิม ปลายฟ้าที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
หากเป็นคนที่ยังมีเลือดเนื้อ มีชีวิต ก็ยังมีทางต่อกร ยังสามารถอดทนต่อสู้ เฝ้ารอเวลาและโอกาสเพื่อคนที่รักต่อไปได้ ทว่าคู่ต่อสู้ของภูผาในเวลานี้ คือตะวันผู้ลาลับ และไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว
กับชายผู้ซึ่งหลงเหลือไว้ เพียงแค่ภาพแห่งความทรงจำ ความทรงจำจากความรู้สึกผิด มักสวยงามและสูงส่งกว่าความเป็นจริงเสมอ และตอนนี้ตะวันก็กลายเป็นภาพจำที่สูงส่งและสวยงามมากเสียจน ภูผาไม่อาจที่จะสู้รบปรบมือด้วยได้อีกแล้ว
“ฟ้ารู้ดีนะ...ภูก็รู้ว่าเราสามคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขนาดไหน แล้วทำไมฟ้าถึงจะไม่รู้ว่าทั้งซันและภูคิดอย่างไรกับฟ้า แม้แต่ตอนนี้ ฟ้าก็รู้ว่าที่ภูทำให้ฟ้าทุกอย่าง ภูทำมันด้วยความรัก และความปรารถนาดีจากใจจริง ๆ ของภูเอง”
ภูผาอาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าเขาคงได้ยินคำพูดที่ไม่เคยอยากได้ยินเหล่านี้เข้าสักวันหนึ่ง และสิ่งที่พอจะทำได้เมื่อมันมาถึง ก็คงจะเป็นเพียงแค่การเบือนหน้า แสร้งมองบรรยากาศรอบตัว แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน ยิ้มให้เห็นว่าเขายังเข้มแข็งและยอมรับได้
เก็บคืนความรู้สึกลึกซึ้งทั้งหมดนั้นเอาไว้ ให้มันกลับคืนเข้าไปอยู่ภายในซอกหลืบของจิตใจ ลึกที่สุด มิดชิดที่สุด ปกปิดความอ่อนแอข้างใน อย่าเผลอไผล ห้ามเผยมันออกมาให้เห็นอีกเป็นหนที่สองตลอดไป
“ระหว่างเรา ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ภู”
ตั้งแต่วันที่ตะวันลาลับ สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นคือรัตติกาลมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ ที่จะไม่มีแสงสว่างสาดส่องลงมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป เธอเลือกที่จะหยุดเวลาของตัวเองไว้ที่ตรงนั้น และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงแค่ในห้วงเวลาแห่งอดีต
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ภูผาก็กลับกลายเป็นผู้ที่เดินตามรอยอดีตของทั้งสอง เขาเป็นเพียงผู้หลงทางที่พยายามเสาะแสวงหาทางแยก จากความทรงจำอันงดงามในอดีตของตะวันและปลายฟ้าเท่านั้น
ทางแยก
“พอเถอะภู พอได้แล้ว หยุดทำอะไร ๆ เพื่อฟ้าเสียที เพราะสิ่งที่ภูทำ มันก็เพียงยิ่งทำให้ฟ้ารู้สึกผิดต่อเขา และนึกละอายใจต่อภูมากขึ้นเท่านั้น”
สิ้นคำเด็ดขาดของหญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า คล้ายกับว่าบรรยากาศของร้านทั้งร้าน ที่ทั้งภูผาและปลายฟ้ากำลังนั่งอยู่ในขณะนี้ จะเปลี่ยนแปลงจากหน้ามือเป็นหลังมือ ไปอย่างฉับพลันจนน่าใจหาย
นอกจากโต๊ะที่เขาและเธอนั่งอยู่ด้วยกันแล้ว สีของภาพรอบกายที่เหลือกลับค่อย ๆ ซีดจางลงไปจนเหลือเพียงขาวและดำ การเคลื่อนไหวต่าง ๆ เชื่องช้าลงจนกระทั่งหยุดนิ่ง เงียบเชียบจนไร้แม้แต่เสียงลมจากเครื่องปรับอากาศให้ได้ยิน
รู้สึกหน่วงหนักที่ใจ ทว่าทั้งร่างกลับเบาโหวง คล้ายกำลังล่องลอยอยู่ในสภาพไร้น้ำหนักอันเวิ้งว้าง ริ้วรอยยับย่นปรากฏบนหน้าผาก หัวคิ้วขมวดเข้าหากันราวคนที่กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก สายตาซึ่งเหมือนกำลังเขม็งมองไม่ได้จับจ้องสิ่งใดอยู่เลย สิ่งที่ฉาบฉายอยู่ข้างในหลงเหลืออยู่เพียงความว่างเปล่าเท่านั้น
ภูผาหลบสายตาโดยอาศัยถ้วยกาแฟตรงหน้าเป็นที่พึ่ง เผยยิ้มเงียบเชียบแห่งความปราชัยให้กับตัวเองอย่างยอมรับความจริง
ไม่ว่าวันเวลาจะผ่านพ้นเนิ่นนานสักเพียงใด แม้จะทำสิ่งต่าง ๆ ด้วยความปรารถนาดีให้ไปมากมายขนาดไหน ต่อให้ทุ่มเททั้งหมดที่มีให้ไปอย่างไร
ทุกอย่างก็ไร้ความหมาย...
ไม่มีแม้แค่สักเศษเสี้ยวแห่งความพยายามใด ๆ เลย ที่จะสามารถแทรกซึมผ่านกำแพงหนาอันแข็งแกร่ง เข้าไปสู่ภายในจิตใจของปลายฟ้าได้
ตั้งแต่วันนั้น วันที่ชายผู้นั้นจากทั้งปลายฟ้าและภูผาไปอย่างไม่มีวันกลับ...ตลอดกาล
ชื่อของเขาคือตะวัน ตะวันที่เป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของภูผา และตะวันคนเดียวกัน ผู้ซึ่งเป็นชายคนรักที่คอยอยู่เคียงข้างปลายฟ้าไม่ห่าง
ความสัมพันธ์ของทั้งสามเริ่มต้นขึ้นจากความเป็นเพื่อน ต่างคนต่างช่วยเหลือเกื้อกูล คอยแนะนำตักเตือน มอบความจริงใจ ส่งมิตรภาพดี ๆ ให้แก่กันไม่เคยขาด จนความผูกพันถักร้อยเป็นสายใยแน่นแฟ้น
วันเวลาของเพื่อนทั้งสามดำเนินไปในแบบนั้น จนกระทั่งวันหนึ่ง รอยยิ้มเจิดจ้า และความน่ารักสดใสของปลายฟ้า ก็แทรกซึมเข้าไปประทับอยู่ภายในใจของทั้งตะวันและภูผา อย่างที่ทั้งคู่ก็ไม่ทันได้รู้ตัว
“ภู กูมีเรื่องอะไรจะบอกว่ะ”
“เรื่องอะไรของวะ ซัน ตีสีหน้าจริงจังเกินไปหรือเปล่า เห้ย คุยกับกู ปรึกษากูได้ทุกเรื่อง มีเรื่องอะไร บอกมา ๆ”
“กูชอบฟ้าว่ะ...ช่วยกูหน่อยสิ”
“อะ...เออ ได้อยู่แล้ว เพื่อน”
หากแต่เป็นตะวันที่เป็นฝ่ายสารภาพความในใจออกมาก่อน และคำพูดที่ภูผาคาดไม่ถึงในครั้งนั้นนั่นเอง ที่ทำให้เขาเป็นฝ่ายต้องยอมตัดใจ และถอยห่างออกมาอย่างจำยอม โดยที่ยังไม่แม้แค่จะเริ่มทำอะไรกับความรักในครั้งนี้ของตัวเองเลย
หลังจากนั้นความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนรักสามคน ก็กลับกลายเป็นคู่รักหนึ่งคู่และเพื่อนรักอีกหนึ่งคนแทน แต่แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ปัญหาอะไรเลยสักนิด
ภูผาซึ่งรักปลายฟ้าเท่า ๆ กับที่รักตะวัน ยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ได้ อย่างไม่ยากเย็นและตะขิดตะขวงใจใด ๆ เลยสักนิด ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงดำเนินไปอย่างที่มันควรจะเป็น และดูเหมือนทั้งหมดนั้นจะลงเอยไปได้ด้วยดี
หากไม่เพียงว่าในวันหนึ่ง อุบัติเหตุอันไม่คาดคิดที่บังเอิญผ่านเข้ามาบนเส้นทางแห่งความรักและมิตรภาพเส้นนี้ จะพรากเอาชีวิตอันแสนเปราะบางของตะวันไป
ในครั้งนั้น...เป็นภูผาที่คอยเฝ้าปลอบใจและดูแลปลายฟ้าอยู่ไม่ห่าง วันแล้ววันเล่าที่เขาทำทุก ๆ อย่างเท่าที่จะทำได้ เพื่อให้จิตใจของหญิงสาวดีขึ้น ให้เธอได้คลายเศร้า และหลุดพ้นออกจากวังวนแห่งโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นได้เสียที
วันเวลาที่มีภูผาอยู่เคียงข้าง ช่วยทำให้หุบเหวลึกแห่งความเศร้าโศกเสียใจ ค่อย ๆ ถูกเติมเต็มจนดีขึ้นเป็นลำดับ หากแต่ความรู้สึกผิดของปลายฟ้าที่ก่อตัวขึ้นมาใหม่ จากความหวาดกลัวว่าเธอจะหลงลืมชายคนรักไปนั้น กลับทำให้มันไม่เคยหายไปจากใจได้เลยสักครั้ง
ตัวของภูผาเองก็เช่นกัน ความใกล้ชิดเกินกว่าปกติในครั้งนี้ ทำให้เขากลับคิดเกิดความหวังขึ้นมาอีกครั้งอย่างเกิดระงับหักห้ามใจ จนในที่สุดก็มาถึงวันนี้ วันที่เขาตัดสินใจเผยความรู้สึก บอกทุกความในใจของตัวเองให้เธอได้รับรู้
ทว่าคำพูดอันหนักแน่นของปลายฟ้า ก็ได้ทำให้ทุกอย่างชัดเจนแล้ว...
ภูผาเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งแล้วว่า ภายในใจของเธอนั้น ไม่หลงเหลือพื้นที่มากพอสำหรับใครอื่นอีกแล้ว และนั่นก็ไม่เว้นแม้กระทั่งเขา
ปลายฟ้า...หญิงสาวผู้ที่กำลังนั่งอยู่เบื้องหน้าของภูผาในขณะนี้ เธอที่ไม่ว่าเขาจะพยายามร่นระยะห่าง เพื่อให้ได้เข้าใกล้ขึ้นสักเพียงใด แต่ระยะทางที่เหลือก็ยังคงเท่าเดิม ปลายฟ้าที่ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ยังคงเป็นปลายฟ้าไม่เปลี่ยนแปลงไปเลย
หากเป็นคนที่ยังมีเลือดเนื้อ มีชีวิต ก็ยังมีทางต่อกร ยังสามารถอดทนต่อสู้ เฝ้ารอเวลาและโอกาสเพื่อคนที่รักต่อไปได้ ทว่าคู่ต่อสู้ของภูผาในเวลานี้ คือตะวันผู้ลาลับ และไม่ได้มีตัวตนอยู่อีกต่อไปแล้ว
กับชายผู้ซึ่งหลงเหลือไว้ เพียงแค่ภาพแห่งความทรงจำ ความทรงจำจากความรู้สึกผิด มักสวยงามและสูงส่งกว่าความเป็นจริงเสมอ และตอนนี้ตะวันก็กลายเป็นภาพจำที่สูงส่งและสวยงามมากเสียจน ภูผาไม่อาจที่จะสู้รบปรบมือด้วยได้อีกแล้ว
“ฟ้ารู้ดีนะ...ภูก็รู้ว่าเราสามคนเป็นเพื่อนที่สนิทกันมากขนาดไหน แล้วทำไมฟ้าถึงจะไม่รู้ว่าทั้งซันและภูคิดอย่างไรกับฟ้า แม้แต่ตอนนี้ ฟ้าก็รู้ว่าที่ภูทำให้ฟ้าทุกอย่าง ภูทำมันด้วยความรัก และความปรารถนาดีจากใจจริง ๆ ของภูเอง”
ภูผาอาจจะรู้อยู่แล้ว ว่าเขาคงได้ยินคำพูดที่ไม่เคยอยากได้ยินเหล่านี้เข้าสักวันหนึ่ง และสิ่งที่พอจะทำได้เมื่อมันมาถึง ก็คงจะเป็นเพียงแค่การเบือนหน้า แสร้งมองบรรยากาศรอบตัว แกล้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน ยิ้มให้เห็นว่าเขายังเข้มแข็งและยอมรับได้
เก็บคืนความรู้สึกลึกซึ้งทั้งหมดนั้นเอาไว้ ให้มันกลับคืนเข้าไปอยู่ภายในซอกหลืบของจิตใจ ลึกที่สุด มิดชิดที่สุด ปกปิดความอ่อนแอข้างใน อย่าเผลอไผล ห้ามเผยมันออกมาให้เห็นอีกเป็นหนที่สองตลอดไป
“ระหว่างเรา ไม่มีทางเป็นอื่นไปได้มากกว่านี้อีกแล้ว ภู”
ตั้งแต่วันที่ตะวันลาลับ สำหรับปลายฟ้าแล้ว นั่นคือรัตติกาลมืดมิดอันเป็นนิรันดร์ ที่จะไม่มีแสงสว่างสาดส่องลงมาให้เกิดกลางวันอีกต่อไป เธอเลือกที่จะหยุดเวลาของตัวเองไว้ที่ตรงนั้น และใช้ชีวิตที่เหลืออยู่เพียงแค่ในห้วงเวลาแห่งอดีต
และตั้งแต่วันนั้นเช่นกัน ภูผาก็กลับกลายเป็นผู้ที่เดินตามรอยอดีตของทั้งสอง เขาเป็นเพียงผู้หลงทางที่พยายามเสาะแสวงหาทางแยก จากความทรงจำอันงดงามในอดีตของตะวันและปลายฟ้าเท่านั้น