$€£¥ ว่าที่รบ.จะบริหาร ศก.ไหวมั้ย อิงกับกรณีเมื่อคืน

กระทู้คำถาม


เมื่อคุณได้รับแรงหนุนจาก social ขณะเดียวกัน แค่มวลชน social ไม่พอใจ กลายเป็นมุมกลับ พร้อมกลับมาตรวจสอบโดยทันที

เรื่องบางเรื่องอาจต้องอ่อนบ้างนอบน้อมบ้าง จะไหวมั้ย

ละถ้าดำเนินเศรษฐกิจ ไม่ดี ไม่ตรงตามเป้า จะโดนเล่นตามทวิตมั้ยนะเนี่ย
 
ตีกลมๆ เมื่อคืนเกือบ 6 แสนทวิต นับเป็น คนทวิตซ้ำสัก 2 ครั้ง นี่คือคนเกือบ 3 แสนที่พร้อมตรวจสอบรัฐบาลที่เค้าเลือกทันที
 
High expectation มากเกินไปนะครับแบบนี้

จากภาพที่หลายคนชอบบอกว่า ก.ก. ใช้ IO ในการ flush twit ที่เรามักเห็น 1 ล้าน ทวิตช่วงเลือกตั้ง ถ้าตีกลมๆ เอาตัวเลขนี้ไปลบ IO ของก.ก. น่าจะอยู่ที่ 1 แสน-2 แสน ทวิตโดยประมาณ

อันนี้เป็นที่ผมเดานะ

ปล. ผมอยากได้ กรณ์ คุมคลังมากกว่า ศิริกัญญานะ คนวัย 42 ที่ทำงานวิจัยมาทั้งชีวิต เป็นแค่ รมช. ก่อนก็ไม่เลว

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 22
เขาบอกเขาแค่ใช้กลยุทธ์ ส่งสาร เรื่องอื่นเขาไม่รับรู้ ไม่รับผิดชอบ สิ่งที่เกิดตามมาแล้วแต่คนคิด
ตรงนี้อันตรายมาก เพราะสารที่เขาส่งน่ะ มันจริงหรือไม่จริงก็ไม่รู้ แล้วก็ไม่มีใครตรวจสอบ
แล้วก็เออออกันว่าเป็นอย่างนั้นเป็นอย่างนี้ และนั่นก็ทำให้เกิดสิ่งที่เราเห็นๆไง อุปทานหมู่ ก้าวร้าวหมู่ บูลลี่หมู่
มันได้ผล ลามไปทั่ว เพราะมันตรงกับความรู้สึกคน ซึ่งมันก็เป็นเพราะสไตล์การทำงานของรัฐบาลก่อน รวมถึงผู้นำที่เสื่อมความนิยม
ซึ่งมันก็เป็นผลมาจากการทำรัฐประหารก่อนหน้านี้ทั้งๆที่มันมีทางออกที่แก้ไขได้ ณ.ตอนนั้น
แต่กลับคิดว่าทำรัฐประหารแล้วปัญหาจะจบ แต่มันกลับสร้างปัญหาใหม่ขึ้นมา ทุกคนในสังคมก็ต้องร่วมรับผิดชอบกันไป
จริงๆผลงานรัฐบาลก่อนน่ะมันมี แต่ด้วยอารมณ์เบื่อ ไม่เอา เกลียด ก็เลยมองข้ามกันไป ตรงนี้ก็น่าสงสาร แต่ก็เอาอะไรกับอารมณ์คน
สิ่งไหนเขาไม่อยากเห็น เขาก็เชื่อว่าไม่มี ตรงนี้ก็ทำให้เห็นว่าสังคมบ้านเรายังเข้าไม่ถึงสังคมแห่งเหตุผล แต่เป็นสังคมที่เต็มไปด้วยอารมณ์
เขาเข้าใจนิสัยคนไทย เอ็นดูลูกหลาน ไปๆมาๆ รักลูกหลานก็เลือกตามไป หรือชอบลองของใหม่ ทั้งๆที่บางทียังไม่ได้ดูนโยบายหรือพื้นเพอะไร
แต่สิ่งนี้จะย้อนมาตอบสนองเขาเอง ด้วยความคาดหวังของแฟนคลับนั่นแหล่ะ จะทำให้เขายิ่งรีบเร่งทำนั่นนี่
ทีนี้ก็ด้วยความที่เขาถูกกดดันจากสิ่งที่เขาสร้าง เขาก็ไม่สามารถประนีประนอมอะไรได้ เวลาทำงานกับราชการ เอกชน ก็คงไม่ได้รับความสะดวก
ที่นี้ ยิ่งสังคมยิ่งสร้างค่านิยม ต้องใช้คำรุนแรง ไม่สนใจใคร เพื่อทำให้บรรลุผลสำเร็จ โดยสื่อก็ยิ่งประโคม ตัวพิธีกรเองก็เต็มไปด้วยอารมณ์
อีกหน่อยก็วุ่นวายกันไม่สิ้นสุด จนเกิดผลเสียหายนั่นแหล่ะสังคมถึงจะหันมามองว่าเกิดอะไรขึ้น
ตอนนี้สิ่งที่เราทำได้คงปล่อยให้เรียนรู้กันไป ส่วนตัวเราเองก็ฝึกหัดใช้เหตุผล อย่าเชื่ออะไรง่ายๆ เตือนสติคนรอบข้าง ถ้าเขาไม่สนก็ช่างเขา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่