JJNY : 5in1 ร้องรบ.ใหม่ ลงนาม ICC│เปิดร่าง MOU│หมอชลน่าน เผยได้รับ MOU แล้ว│‘ชาติพัฒนากล้า’เซย์เยส│‘ไข่ไก่’ขาดตลาด

ญาติเหยื่อสลายชุมนุมปี 53 เรียกร้องรบ.ใหม่ ‘ทำความจริงให้ปรากฏ’ ลงนาม ICC สางคดีการเมือง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3987939
 
 
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ที่ศาลาชัยสินธพ วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ มีการจัดพิธีทำบุญอุทิศส่วนกุศลแด่ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายชุมนุมเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ.2553 นำโดยนางพะเยาว์ อัคฮาด มารดานางสาวกมนเกด อัคฮาด หรือ น้องเกด พยาบาลอาสา และนายพันธ์ศักดิ์ ศรีเทพ บิดานายสมาพันธ์ ศรีเทพ หรือน้องเฌอ ร่วมด้วยญาติผู้สายชนม์ โดยมีผู้เข้าร่วมอาทิ นายแพทย์เหวง โตจิราการ อดีตแกนนำนปช., นางอังคณา นีละไพจิตร อดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล,นางสาวปิยนุช โคตรสาร ผู้อำนวยการแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย, รศ.ดร.พวงทอง ภวัครพันธุ์ อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, นางสาวณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือแหวน พยาบาลอาสา, นายปิยรัฐ จงเทพ หรือโตโต้ ว่าที่ ส.ส.เขตพระโขนง-บางนา พรรคก้าวไกล, นางภัควดี วีระภาสพงษ์ นักแปลชื่อดัง และนายบารมี ชัยรัตน์ ที่ปรึกษาสมัชชาคนจน เป็นต้น
 
หลังจบพิธีสงฆ์ มีการอ่านแถลงการณ์โดยผู้ร่วมกิจกรรมยืนถือป้ายข้อความต่างๆ ได้แก่  ยุติการพ้นผิดลอยนวล และเอาคนผิดไปขึ้นศาล รัฐบาลต้องลงนาม ICC

นายพันธ์ศักดิ์ พ่อน้องเฌอ อ่านแถลงการณ์ ความว่า
 
แถลงการณ์ญาติผู้ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมือง 2553
 
ยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล เอาคนผิดไปขึ้นศาล รัฐบาลต้องลงนาม ICC
 
วันนี้ วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พุทธศักราช 2566 นับเป็นเวลา 13 ปีแล้วที่เหตุการณ์การสลายการชุมนุมจากการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินอันผิดพลาดได้แปรเปลี่ยนเป็นการสังหารหมู่ประชาชนในเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2553
 
เหตุการณ์ดังกล่าว มีการสังหารประชาชนอย่างโหดเหี้ยมและต่อเนื่องเป็นเวลาถึง 1 เดือน 9 วัน มีผู้เสียชีวิต 94 ราย บาดเจ็บอย่างน้อย 1,283 คน ทั้งพลเรือและทหาร ไม่นับทรัพย์สินเอกสารที่เสียหายไปเป็นจำนวนมาก
 
เหตุการณ์สังหารหมู่นี้เป็นเพียงเหตุการณ์หนึ่งของความอยุติธรรมที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ความตายในวันที่ 14 ตุลาคม 2516 การล้อมปราบนักศึกษาและประชาชน 6 ตุลา 2519 เหตุการณ์พฤษภาทมิฬ 2515 กรณี 3 จังหวัดชายแดนใต้ ตั้งแต่เหตุการณ์สังหารหมู่ที่มัสยิดกรือเซะ และจุดอื่นๆ
 
เหตุการณ์จับกุม จนนำไปสู่การเสียชีวิตของประชาชนจำนวนมากในกรณีตากใบ เมื่อปี 2547 ตลอดจนเหตุการณ์ประชาชนที่ถูกซ้อมทรมานและเสียชีวิตในค่ายทหาร รวมถึงเหตุการณ์สังหารหมู่ประชาชนในเดือนเมษา-พฤษภา 2553 ก็ไม่เคยปรากฏความผิดของของผู้กระทำในกระบวนการยุติธรรมไทยเลย
ส่วนหนึ่งเป็นเพราะมีองค์กรที่เข้ามามีบทบาทอุปถัมภ์การพ้นผิดลอยนวลของอำนาจรัฐเพิ่มมากขึ้น
…..
 
เราจะเห็นตั้งแต่ความขัดแย้งหลังรัฐประหารปี 2549 เป็นต้นมา จนคำว่า สองมาตรฐาน กลายเป็นคำที่เข้าใจกันดีของสังคมไทย
 
พวกเรา ญาติผู้ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2553 มีความเห็นต่อกระบวนการและความจำเป็นในการยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวล และขอเรียกร้องต่อรัฐบาลประชาธิปไตยด้วยการทำความจริงให้ปรากฏ ช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบที่ถูกละเลย นำผู้กระทำความผิดเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม
 
รื้อฟื้นคดีก่อนหน้า ที่องค์กรอิสระและศาลได้ตัดสินไปแล้ว แต่สังคมยังกังขาขึ้นมาพิจารณาใหม่ มีมาตรการที่ทำให้มั่นใจว่าจะไม่มีเหตุการณ์ที่กระทำความรุนแรงกับประชาชนเกิดขึ้นอีกในอนาคต
 
เร่งสะสางและนิรโทษกรรมจากคดีทางการเมืองตั้งแต่ปี 2549 ลงนามให้สัตยาบันรับรองเขตอำนาจศาลาอาญาระหว่างประเทศ นำกองทัพออกไปจากการเมืองตลอดกาล
 
เราขอยืนยันว่าหากปล่อยให้องค์กร บุคคลเหล่านั้น พ้นผิดลอยนวลต่อไป สังคมย่อมมีข้อกังขา และไม่อาจสร้างความยุติธรรมให้ปรากฏได้อย่างแท้จริง
กลับจะนำพาสังคมไปสู่ความขัดแย้งครั้งใหม่ ลบลืมต้นเหตุของความขัดแย้งซึ่งพวกเราไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น
 
รัฐมักจะบอกประชาชนว่า เสรีภาพต้องมีขอบเขต ประชาชนก็อยากจะบอกรัฐเช่นกันว่า ต้องมีขอบเขตในการใช้อำนาจและรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจเช่นกัน
 
สุดท้ายนี้ เรา ญาติผู้ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2553 ขอประกาศให้วันนี้ 19 พฤษภาคมของทุกปี เป็นวันยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลแห่งชาติ
 
หวังเป็นอย่างยิ่งว่าความเห็นของเราในฐานะผู้ได้รับความสูญเสียในเหตุการณ์ทางการเมืองจะเป็นประโยชน์ในการสร้างความยุติธรรมให้ปรากฏและยุติวัฒนธรรมพ้นผิดลอยนวลให้หมดสิ้นไปจากสังคมไทย
 
ด้วยความเคารพ ญาติผู้ได้รับความสูญเสียจากเหตุการณ์ทางการเมืองปี 2553

19 พฤษภาคม 2566



เปิดร่าง MOU พรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกล 13 ข้อ ไม่มีแก้ ม.112
https://www.thairath.co.th/news/politic/2695324

เปิดเผยร่างเนื้อหา MOU พรรคร่วมรัฐบาล 9 พรรคการเมือง มีทั้งหมด 13 ข้อ แก้รัฐธรรมนูญเรื่องแรก คืนความยุติธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร แต่ไร้แก้ไข ม.112
 
วันที่ 19 พ.ค. 2566 รายการเปิดปากกับภาคภูมิ ออกอากาศทางไทยรัฐทีวีช่อง 32 เปิดเผยร่างเนื้อหา MOU พรรคร่วมรัฐบาล 9 พรรคการเมือง ประกอบด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคไทยสร้างไทย พรรคประชาชาติ พรรคเป็นธรรม พรรคเสรีรวมไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคใหม่ พรรคพลังสังคมใหม่ 

1. แก้ไขรัฐธรรมนูญ
2. คืนความยุติธรรมผู้ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร
3. กระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น
4. ปฏิรูปกองทัพ
5. ยกเลิกผูกขาดอุตสาหกรรมสุรา
6. สมรสเท่าเทียม
7. ยกเลิกเกณฑ์ทหาร
8. ปฏิรูปที่ดินทั้งระบบ
9. ออกกฎหมายนิรโทษกรรม (ยกเว้นคอร์รัปชัน-อันตรายถึงชีวิต)
10. แก้ปัญหาค่าครองชีพ (ไฟฟ้า)
11. จัดงบประมาณแบบใหม่ (ฐานศูนย์)
12. เพิ่มสวัสดิการเด็ก-ผู้สูงอายุ
13. สร้างรัฐโปร่งใส



หมอชลน่าน ขึ้นรถแห่ขอบคุณทุกคะแนนของชาวน่าน เผยได้รับ MOU แล้ว ไม่มีเรื่อง ม.112
https://www.matichon.co.th/politics/news_3988788

หมอชลน่าน ขึ้นรถแห่ขอบคุณทุกคะแนนของชาวน่าน เผยได้รับ MOU แล้ว ไม่มีเรื่อง ม.112 ยัน ทักษิณไม่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย

เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2566 นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และผู้สมัคร สส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง เขต 2 จังหวัดน่าน นพ.พลเทพ สุนทโร เลขาภาค กทม. และ นายชูมั่น จินะแปง เลขาภาคเหนือ ขึ้นรถแห่กล่าวขอบคุณ ทุกคะแนนเสียงที่ลงคะแนนให้ตนเอง และพรรคเพื่อไทย ท่ามกลาง บบรยากาศที่ร้อนจัด โดยเริ่มจากอำเภอแม่จริม สันติสุข เวียงสา นาน้อย และสิ้นสุดที่อำเภอนาหมื่น โดยในวันพรุ่งนี้ 20 พฤษภาคม จะไปขึ้นรถแห่ขอบคุณที่อำเภอบ้านหลวง จังหวัดน่าน
 
ด้าน นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เปิดเผยความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนที่พรรคแกนนำหลักคือพรรคก้าวไกลอยู่ระหว่างส่งให้พรรคการเมืองจะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลไปพิจารณาดู ซึ่งทางพรรคเพื่อไทยเองก็ได้รับร่าง MOU นี้มา ทางพรรคเองก็นำมาดูว่า อะไรที่รับได้หรือรับไม่ได้ แล้วค่อยมาพูดคุยกัน โดยทางพรรคเพื่อไทยเองได้มอบหมายให้ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช คณะประธานนโยบายพรรคเพื่อไทย อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน สมัยรัฐบาลทักษิณ ได้เป็นผู้ประสานงานและนำเข้าสู่การพิจารณาของพรรคเพื่อไทย ขั้นตอนนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการพิจารณา เพราะฉะนั้นยังตอบไม่ได้ว่าอะไรเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย อย่างเช่นที่เราไม่เห็นด้วยและไม่น่าจะมีอยู่ใน MOU เลยก็คือ มีการเขียนว่าจะออกกฎหมายนิรโทษกรรม อันนี้ทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่า ไม่เห็นด้วย
 
สำหรับสมมติฐานที่ว่าหากการเลือกตั้งนี้ ทางพรรคที่ได้รับเสียงข้างมากแล้วไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จะต้องมีการเลือกตั้งไปเรื่อยๆ นั้น ทางพรรคเพื่อไทยยืนยันว่าทางพรรคมุ่งเป้าว่าร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลและเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ เพราะฉะนั้นจากสมมุติฐานที่ว่า หากจัดตั้งรัฐบาลไม่ผ่านนั้น เราไม่มีการพูดและไม่มีการคิดกัน โดยเฉพาะทางพรรคเพื่อไทยเอง เราจะไม่มีการคิดในประเด็นนี้เลย ให้พรรคแกนนำหลักนั้นเป็นผู้พิจารณาว่าหากเกิดเหตุการณ์จะดำเนินการอย่างไร ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้นเราขอไม่อนุญาตคิดในเรื่องนี้ เรามีหน้าที่เป็นพรรคร่วม หน้าที่สำคัญที่สุดของเราในตอนนี้คือทำอย่างไรให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีได้เสียง 376 เสียง ในที่ประชุมร่วมรัฐสภาให้ได้ก่อน
 
ในส่วนของกรณีที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร กล่าวว่า จะถอนเพื่อไทยออก จะไม่จับมือก้าวไกล หากไม่เอาชาติ ศาสน์ กษัตริย์ นั้นทางพรรคเพื่อไทยไม่ขอรับและไม่ขอตอบ เพราะท่านทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคเพื่อไทย การพิจารณาว่าจะร่วมไม่ร่วม มันเป็นอำนาจการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค ที่เราได้ช่วยกันพิจารณาอยู่ ประเด็นอะไรที่สำคัญที่เราสามารถร่วมมือกับพรรคก้าวไกลได้เราก็จะร่วมมือ เบื้องต้นทางพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าสามารถร่วมมือกันได้ เบื้องต้นข้อขัดแย้งของเราไม่น่าจะมี ยกตัวอย่าง มาตรา 112 พรรคก้าวไกลไม่ได้เสนอมาใน MOU นั่นแสดงว่า พรรคก้าวไกลยินยอมว่า จะไม่นำเสนอเรื่องนี้เข้ามาเป็นนโยบายของรัฐบาล หรือการทำงานร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาล
 

 
‘พิจารณ์’ ยืนยัน ฟอร์มรัฐบาลก้าวไกล รวมได้เเล้ว 316 เสียง ‘ชาติพัฒนากล้า’ เซย์เยส
https://www.matichon.co.th/politics/news_3988721


‘พิจารณ์’ ยืนยัน ฟอร์มรัฐบาลก้าวไกล รวมได้แล้ว 316 เสียง ‘ชาติพัฒนากล้า’ เซย์เยส
 
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดย พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ว่า จากเดิม มีพรรคการเมือง ที่จะร่วมกันเป็นรัฐบาล จำนวน 8 พรรค 313 เสียง ได้แก่ พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ โดยล่าสุด ช่วงบ่ายวันนี้ ได้รับการยืนยันจากนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล ว่า
พรรคใหม่ ที่ได้รับการเลือกตั้ง 1 เสียง มี นายกฤดิทัช แสงธนโยธิน เป็นหัวหน้าพรรค ตกลงเข้าร่วมรัฐบาลแล้วอีก 1 พรรค ทำให้ การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล มีจำนวน 9 พรรค 314 เสียง
 
และล่าสุดช่วงเย็น เวลา 17.58 น. นายพิจารณ์เปิดเผยว่า ทางด้าน พรรคชาติพัฒนากล้า ที่มีอยู่ 2 เสียง ตกลงเข้าร่วมรัฐบาลกับก้าวไกลแล้ว
 
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อรวมกับพรรคชาติพัฒนากล้ามาอีก 2 เสียง ทำให้การจัดตั้งรัฐบาลที่นำโดยพรรคก้าวไกล รวมมีจำนวน 10 พรรค 316 เสียง ประกอบไปด้วย พรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคเสรีรวมไทย พรรคเป็นธรรม พรรคไทยสร้างไทย พรรคเพื่อไทรวมพลัง พรรคพลังสังคมใหม่ พรรคใหม่ และพรรคชาติพัฒนากล้า
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่