โทนี่ คัมแบ๊ก CareTalk ชวนถกอนาคตไทยหลังเลือกตั้ง พบกันหลัง 2 ทุ่ม 16 พ.ค.
https://www.matichon.co.th/politics/news_3981381
โทนี่ คัมแบ๊ก CareTalk ชวนถกเมืองไทยหลังเลือกตั้ง พบกันหลัง 2 ทุ่ม 16 พ.ค.
หลังจากเพจเฟซบุ๊ก
CARE คิด เคลื่อน ไทย ซึ่งจัดรายการ “
CareTalk กับพี่โทนี่” ประกาศงดจัดชั่วคราว และจะกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 พร้อมระบุเหตุผล “
ไม่ปรารถนาให้รายการ CareTalk กับพี่โทนี่ในฐานะรายการให้ความรู้ถูกนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์หลักของรายการ”
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม เพจเฟซบุ๊ก
CARE คิด เคลื่อน ไทย เปิดเผยกำหนดการกลับมาจัดรายการ “
CareTalk กับพี่โทนี่” วันพรุ่งนี้ (16 พฤษภาคม) จับตาเมืองไทยหลังเลือกตั้ง โดยระบุว่า
เกือบ 2 เดือนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน คงยังตื่นเต้นกับผลการเลือกตั้งอยู่ใช่ไหม รอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ วาดอนาคตที่จะมาถึง และสีสันอันสดใสของประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบาน
อนาคตเมืองไทยจะเป็นอย่างไร? หน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นแบบไหน? ส.ว.จะฟังเสียงประชาชนหรือไม่? ชีวิตคนไทยจะออกจากหลุมดำได้ไหม?
ประชาชนจะได้อะไรจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มาร่วมวิเคราะห์ส่องอนาคตเมืองไทยไปกับพี่โทนี่ และชาว CARE คิดเคลื่อนไทย
พบกัน! วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม 2566 เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป
https://www.facebook.com/careorth/posts/646668724152020
เสียงสะท้อนชาวบ้าน วอนรัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง-ข้าวของแพง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7665290
นครราชสีมา เสียงสะท้อนชาวโคราช อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ข้าวราคาตก ของแพง น้ำมันพุ่ง ช่วยทำตามสัญญา
15 พ.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ถึงความคาดหวังในรัฐบาลชุดใหม่ ที่อยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง
โดย นาง
มลิวัลย์ ฉายศิริ อายุ 62 ปี แม้ค้าขายน้ำดื่ม บริเวณหน้าโรงเรียนสุขานารี อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ แก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ขอให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ช่วงหาเสียง เพราะบ่อยครั้งที่นักการเมืองให้สัญญาอะไรไว้แล้วไม่ทำตามสัญญา
ด้าน นาง
ประกากลอง ฟุดกลาง อายุ 74 ปี ข้าราชการเกษียณ ชาว อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองอยากให้แก้ปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมสูงมาก อีกเรื่องอยากให้แก้ปัญหาราคาข้าว เพราะใน อ.พิมาย ปลูกข้าวกันมาก แต่ราคาข้าวยังตกต่ำสวนทางกับต้นทุนที่สูงขึ้น
ส่วน นาย
สมพงษ์ นาสะกาด อายุ 71 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาข้าวของที่แพงขึ้น ให้ถูกลงกว่านี้ เพราะประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนในการทำมาหากินขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ทุกวันนี้แทบจะไม่มีเงินเก็บกันเลย หากินไปวันๆ เท่านั้น
บิ๊กธุรกิจใหญ่-เล็ก เปิดทาง ‘ก้าวไกล’ นำตั้งรบ.ใหม่ รับได้ ‘ผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่’ หวังรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ-จี้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3981422
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นาย
สนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “มติชน” ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าประชาชนตื่นตัวมาก ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 40 ล้านคน เกินกว่า 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52 ล้านคน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือประชาชนทุกช่วงวัยตัดสินใจเลือกในส่วนของ 2 พรรคหลัก เกินกว่า 50% ในระบบ Party list แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
“
ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการก็มีสิทธิที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน และครั้งนี้เราเห็นหลายพรรคการเมืองออกมาประกาศเจตนารมณ์ว่าจะให้เกียรติพรรคการเมืองลำดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด” นาย
สนั่นกล่าว
นาย
สนั่นกล่าวต่อว่า ภาพการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองหน้าใหม่ในการเมืองไทย เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและพิสูจน์บทบาทเชิงการเมืองมามากพอสมควร หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็งและเข้ามาบริหารประเทศก็เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารก็จะสามารถขับเคลื่อนต่อไป
นาย
สนั่นกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องนโยบายของพรรคแกนนำ และพรรคร่วม คงต้องรอติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมบ้าง ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยและตกลงนโยบายของแต่ละพรรคก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นชุดนโยบายที่ออกมาชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่เราเห็นคงเป็นประเด็นเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆ
“
ในมุมมองภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตัวอย่างหลายประเทศก็มีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา แต่สิ่งสำคัญคือการผสมผสานคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เช่นเดียวกับภาพของธุรกิจที่วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ” นาย
สนั่นกล่าว
นาย
สนั่นกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้คือไม่มีพรรคใดได้รับเสียงที่ชนะขาดแบบท่วมท้น ทำให้เราจะเห็นภาพของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ทิ้งห่างกันไม่มาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอันดับ 1 จะจับมือกับอันดับ 2 หรือ รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลในหลากหลายสูตร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก
“
วันนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมไปถึงชุดนโยบายต่างๆ ที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งและพรรคร่วมได้ตกลงกันที่ก็จะมีความชัดเจน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก” นาย
สนั่นกล่าว
ด้านนาย
แสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวกับ “มติชน” ว่า ผลเลือกตั้งสะท้อนได้ว่า ประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และให้โอกาสของคนรุ่นใหม่เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนในแต่ละมิติที่พรรคการเมืองมีคะแนนสูงสุดนำเสนอไว้ และเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการเห็นการเคารพหลักการเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เมื่อได้รัฐบาลใหม่ เอสเอ็มอีและธุรกิจรายย่อย คาดหวังรัฐบาลที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ผ่านแผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้ ลดเหลื่อมล้ำ และยกระดับความเป็นอยู่และลดปัญหาอุปสรรคที่สะสมไว้ เช่น กฎหมายกฎระเบียบ ที่ควรปรับปรุงถึง 1,094 กระบวนการ ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท
“
ตามหลักประชาธิไตยและคะแนนการเลือกตั้งที่ออกมานั้น แม้ไม่ได้ชนะขาด แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะยึดวิธีสันติสุขเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า เอสเอ็มอีอยากให้เร่งตรวจสอบผลเลือกตั้งภายใน 30 วันจากกรอบไม่เกิน 60 วัน หรือให้เสร็จอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิ
ายน ต้นเดือนกรกฎาคมฟอร์มตั้งรัฐบาลใหม่ เริ่มจะเห็นหน้าตาตัวบุคคลที่จะเข้าไปบริหารแต่ละกระทรวง และเริ่มทำงานปลายเดือนกรกฎาคมหรือต้นเดือนสิงหาคม เพราะธุรกิจห่วงเรื่องความไม่ต่อเนื่องเรื่องงบประมาณรัฐ และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจไตรมาส 3-4 ซึ่งไตรมาส 2 กระตุ้นด้วยเงินเลือกตั้งและกิจกรรมต่างๆ ประคองความเชื่อมั่นการบริโภค และการลงทุน” นาย
แสงชัยกล่าว
นาย
แสงชัยกล่าวต่อว่า สมาคมพันธ์กำลังติดตามเวลาที่เหมาะสม เพื่อนำปัญหาและข้อเสนอเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ส่งถึงแกนนำตั้งรัฐบาลเพื่อประกอบการกำหนดนโยบายบริหารประเทศ ซึ่งเอสเอ็มอีเชื่อว่ารัฐบาลจากคนรุ่นใหม่ การทำงานจะเร็ว ซึ่งเอสเอ็มอีปักหมุด 5 เรื่อง คือ 1.ปลุกเศรษฐกิจฐานราก 2.แก้ปัญหาต้นทุนสูงสะสมมานาน เช่น ค่าไฟ ค่าแรง ราคาวัตถุดิบ ดอกเบี้ยสูง ค่าเงินบาทแกว่งไปทางแข็งค่า เป็นต้น 3.เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ ดอกเบี้ยต่ำ ขนานไปกับการแก้หนี้คงค้าง ผ่านการปรับโยกการใช้เงินตามสวัสดิการและกองทุนช่วยเหลือรายย่อยที่มีอยู่ 4.สนับสนุนเกิดมาตรการหรือสร้างบุคคลากรด้านสร้างสรรค์อย่างแท้จริงและต่อเนื่อง บนภูมิปัญญาไทย และ 5.เลิก/ลดกฎหมายและระเบียบล้าสมัย ที่เป็นต้นทุนธุรกิจและบางส่วนต้องผลักไปภาคบริโภค ต้นเหตุเงินเฟ้อสูงและรายได้ไม่พอรายจ่าย
“
รับได้การเป็นรัฐบาลผสม แต่อยากให้ทุกคนทุกพรรคที่หาเสียงไว้ คงจุดยืนที่ได้ประกาศไว้ ยึดโยงการทำงานเป็นทีม และคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ โปร่งใส ลดการระแวงคำว่าการเมืองมาพร้อมผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง” นาย
แสงชัยกล่าว
JJNY : 5in1 โทนี่ คัมแบ๊ก│เสียงสะท้อนชาวบ้าน│บิ๊กธุรกิจใหญ่-เล็กเปิดทาง ‘ก้าวไกล’│พท.รับผิดหวัง│ผู้แทนจีนจะเยือนยูเครน
https://www.matichon.co.th/politics/news_3981381
โทนี่ คัมแบ๊ก CareTalk ชวนถกเมืองไทยหลังเลือกตั้ง พบกันหลัง 2 ทุ่ม 16 พ.ค.
หลังจากเพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย ซึ่งจัดรายการ “CareTalk กับพี่โทนี่” ประกาศงดจัดชั่วคราว และจะกลับมาอีกครั้งหลังการเลือกตั้ง ในวันที่ 16 พฤษภาคม 2566 พร้อมระบุเหตุผล “ไม่ปรารถนาให้รายการ CareTalk กับพี่โทนี่ในฐานะรายการให้ความรู้ถูกนำไปใช้โดยผิดวัตถุประสงค์หลักของรายการ”
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม เพจเฟซบุ๊ก CARE คิด เคลื่อน ไทย เปิดเผยกำหนดการกลับมาจัดรายการ “CareTalk กับพี่โทนี่” วันพรุ่งนี้ (16 พฤษภาคม) จับตาเมืองไทยหลังเลือกตั้ง โดยระบุว่า
เกือบ 2 เดือนแล้วนะที่ไม่ได้คุยกัน คงยังตื่นเต้นกับผลการเลือกตั้งอยู่ใช่ไหม รอการเปลี่ยนแปลงครั้งใหม่ วาดอนาคตที่จะมาถึง และสีสันอันสดใสของประชาธิปไตยที่กำลังเบ่งบาน
อนาคตเมืองไทยจะเป็นอย่างไร? หน้าตารัฐบาลใหม่จะเป็นแบบไหน? ส.ว.จะฟังเสียงประชาชนหรือไม่? ชีวิตคนไทยจะออกจากหลุมดำได้ไหม?
ประชาชนจะได้อะไรจากการเลือกตั้งครั้งนี้ มาร่วมวิเคราะห์ส่องอนาคตเมืองไทยไปกับพี่โทนี่ และชาว CARE คิดเคลื่อนไทย
พบกัน! วันอังคารที่ 16 พฤษภาคม 2566 เวลา 20.00 น.เป็นต้นไป
https://www.facebook.com/careorth/posts/646668724152020
เสียงสะท้อนชาวบ้าน วอนรัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง-ข้าวของแพง
https://www.khaosod.co.th/election-2023/news_7665290
นครราชสีมา เสียงสะท้อนชาวโคราช อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง ข้าวราคาตก ของแพง น้ำมันพุ่ง ช่วยทำตามสัญญา
15 พ.ค. 66 – ผู้สื่อข่าวได้สอบถาม ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ถึงความคาดหวังในรัฐบาลชุดใหม่ ที่อยากให้เข้ามาแก้ไขปัญหาอะไรบ้าง
โดย นางมลิวัลย์ ฉายศิริ อายุ 62 ปี แม้ค้าขายน้ำดื่ม บริเวณหน้าโรงเรียนสุขานารี อ.เมืองนครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ แก้ไขปัญหาเรื่องปากท้องของประชาชน ขอให้ทำตามสัญญาที่ให้ไว้ช่วงหาเสียง เพราะบ่อยครั้งที่นักการเมืองให้สัญญาอะไรไว้แล้วไม่ทำตามสัญญา
ด้าน นางประกากลอง ฟุดกลาง อายุ 74 ปี ข้าราชการเกษียณ ชาว อ.พิมาย จ.นครราชสีมา กล่าวว่า ตนเองอยากให้แก้ปัญหาเรื่องค่าเล่าเรียน โดยเฉพาะโรงเรียนเอกชนที่ค่าเทอมสูงมาก อีกเรื่องอยากให้แก้ปัญหาราคาข้าว เพราะใน อ.พิมาย ปลูกข้าวกันมาก แต่ราคาข้าวยังตกต่ำสวนทางกับต้นทุนที่สูงขึ้น
ส่วน นายสมพงษ์ นาสะกาด อายุ 71 ปี อาชีพขี่รถจักรยานยนต์รับจ้าง กล่าวว่า ตนเองอยากให้รัฐบาลชุดใหม่ เร่งแก้ไขปัญหาข้าวของที่แพงขึ้น ให้ถูกลงกว่านี้ เพราะประชาชนได้รับผลกระทบอย่างมาก โดยเฉพาะเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งเป็นต้นทุนในการทำมาหากินขี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่ทุกวันนี้แทบจะไม่มีเงินเก็บกันเลย หากินไปวันๆ เท่านั้น
บิ๊กธุรกิจใหญ่-เล็ก เปิดทาง ‘ก้าวไกล’ นำตั้งรบ.ใหม่ รับได้ ‘ผู้นำเป็นคนรุ่นใหม่’ หวังรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ-จี้ทำตามนโยบายที่หาเสียงไว้
https://www.matichon.co.th/economy/news_3981422
เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวกับ “มติชน” ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าประชาชนตื่นตัวมาก ผู้ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งเกือบ 40 ล้านคน เกินกว่า 75% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 52 ล้านคน สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือประชาชนทุกช่วงวัยตัดสินใจเลือกในส่วนของ 2 พรรคหลัก เกินกว่า 50% ในระบบ Party list แสดงให้เห็นว่าประชาชนส่วนใหญ่ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
“ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการพรรคก้าวไกลมีคะแนนเป็นอันดับ 1 ตามหลักการก็มีสิทธิที่จะจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อน และครั้งนี้เราเห็นหลายพรรคการเมืองออกมาประกาศเจตนารมณ์ว่าจะให้เกียรติพรรคการเมืองลำดับ 1 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลก่อน จึงต้องรอติดตามว่าหลังจากนี้กระบวนการจับมือตั้งรัฐบาลจะออกมาในลักษณะใด” นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวต่อว่า ภาพการเลือกตั้งที่พรรคก้าวไกล ประสบความสำเร็จในวันนี้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่าวันนี้พรรคก้าวไกลไม่ใช่พรรคการเมืองหน้าใหม่ในการเมืองไทย เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา ก็ได้ทำหน้าที่ฝ่ายค้านและพิสูจน์บทบาทเชิงการเมืองมามากพอสมควร หากพรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงเข้มแข็งและเข้ามาบริหารประเทศก็เชื่อว่าการทำงานของฝ่ายบริหารก็จะสามารถขับเคลื่อนต่อไป
นายสนั่นกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องนโยบายของพรรคแกนนำ และพรรคร่วม คงต้องรอติดตามว่าการจัดตั้งรัฐบาลจะประกอบไปด้วยพรรคการเมืองใดเข้ามาร่วมบ้าง ซึ่งคงต้องมีการพูดคุยและตกลงนโยบายของแต่ละพรรคก่อนแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ซึ่งจะทำให้เราได้เห็นชุดนโยบายที่ออกมาชัดเจน แต่วันนี้หากดูจากพรรคที่มีโอกาสจัดตั้งรัฐบาลได้ก่อนอย่างก้าวไกล สิ่งที่เราเห็นคงเป็นประเด็นเรื่องการเร่งปฏิรูปกฎหมาย และนโยบายสวัสดิการต่างๆ
“ในมุมมองภาคเอกชนมองว่าเป็นเรื่องปกติที่เราจะเห็นภาพคนรุ่นใหม่เข้ามาบริหารประเทศ ตัวอย่างหลายประเทศก็มีผู้นำที่เป็นคนรุ่นใหม่ เช่น อังกฤษ ฝรั่งเศส แคนาดา แต่สิ่งสำคัญคือการผสมผสานคนที่มีความรู้ ความสามารถเข้ามาช่วยบริหารประเทศ เช่นเดียวกับภาพของธุรกิจที่วันนี้เราจะเห็นได้ว่ามีนักธุรกิจรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่ประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจ” นายสนั่นกล่าว
นายสนั่นกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม ข้อสังเกตในการเลือกตั้งครั้งนี้คือไม่มีพรรคใดได้รับเสียงที่ชนะขาดแบบท่วมท้น ทำให้เราจะเห็นภาพของพรรคอันดับ 1 และอันดับ 2 ทิ้งห่างกันไม่มาก ความเป็นไปได้ที่พรรคอันดับ 1 จะจับมือกับอันดับ 2 หรือ รูปแบบการจัดตั้งรัฐบาลในหลากหลายสูตร เป็นเรื่องที่จะต้องติดตามอย่างใกล้ชิด แต่วันนี้ทุกภาคส่วนอยากเห็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพ สามารถบริหารงานได้ต่อเนื่องไม่หยุดชะงัก
“วันนี้ สิ่งที่ภาคเอกชนอยากเห็นคือกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลที่รวดเร็วตามกรอบระยะเวลาของกฎหมาย เพราะทุกภาคส่วนจะได้เห็นหน้าตาของรัฐบาลชุดใหม่ รวมไปถึงชุดนโยบายต่างๆ ที่จะออกมาตามที่พรรคแกนนำจัดตั้งและพรรคร่วมได้ตกลงกันที่ก็จะมีความชัดเจน ซึ่งเหล่านี้จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประเทศได้เป็นอย่างมาก” นายสนั่นกล่าว
ด้านนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์เอสเอ็มอีไทย กล่าวกับ “มติชน” ว่า ผลเลือกตั้งสะท้อนได้ว่า ประชาชนต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง และให้โอกาสของคนรุ่นใหม่เป็นแกนนำในการขับเคลื่อนในแต่ละมิติที่พรรคการเมืองมีคะแนนสูงสุดนำเสนอไว้ และเชื่อว่าทุกฝ่ายต้องการเห็นการเคารพหลักการเสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เมื่อได้รัฐบาลใหม่ เอสเอ็มอีและธุรกิจรายย่อย คาดหวังรัฐบาลที่สร้างความเปลี่ยนแปลงและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้อย่างชัดเจน ผ่านแผนงานส่งเสริมเศรษฐกิจฐานราก กระจายรายได้ ลดเหลื่อมล้ำ และยกระดับความเป็นอยู่และลดปัญหาอุปสรรคที่สะสมไว้ เช่น กฎหมายกฎระเบียบ ที่ควรปรับปรุงถึง 1,094 กระบวนการ ที่ทำให้ระบบเศรษฐกิจเสียหายกว่า 1 แสนล้านบาท
“ตามหลักประชาธิไตยและคะแนนการเลือกตั้งที่ออกมานั้น แม้ไม่ได้ชนะขาด แต่เชื่อว่าทุกฝ่ายจะยึดวิธีสันติสุขเพื่อให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้า เอสเอ็มอีอยากให้เร่งตรวจสอบผลเลือกตั้งภายใน 30 วันจากกรอบไม่เกิน 60 วัน หรือให้เสร็จอย่างเป็นทางการภายในเดือนมิ
นายแสงชัยกล่าวต่อว่า สมาคมพันธ์กำลังติดตามเวลาที่เหมาะสม เพื่อนำปัญหาและข้อเสนอเอสเอ็มอีทั่วประเทศ ส่งถึงแกนนำตั้งรัฐบาลเพื่อประกอบการกำหนดนโยบายบริหารประเทศ ซึ่งเอสเอ็มอีเชื่อว่ารัฐบาลจากคนรุ่นใหม่ การทำงานจะเร็ว ซึ่งเอสเอ็มอีปักหมุด 5 เรื่อง คือ 1.ปลุกเศรษฐกิจฐานราก 2.แก้ปัญหาต้นทุนสูงสะสมมานาน เช่น ค่าไฟ ค่าแรง ราคาวัตถุดิบ ดอกเบี้ยสูง ค่าเงินบาทแกว่งไปทางแข็งค่า เป็นต้น 3.เข้าถึงแหล่งทุนใหม่ ดอกเบี้ยต่ำ ขนานไปกับการแก้หนี้คงค้าง ผ่านการปรับโยกการใช้เงินตามสวัสดิการและกองทุนช่วยเหลือรายย่อยที่มีอยู่ 4.สนับสนุนเกิดมาตรการหรือสร้างบุคคลากรด้านสร้างสรรค์อย่างแท้จริงและต่อเนื่อง บนภูมิปัญญาไทย และ 5.เลิก/ลดกฎหมายและระเบียบล้าสมัย ที่เป็นต้นทุนธุรกิจและบางส่วนต้องผลักไปภาคบริโภค ต้นเหตุเงินเฟ้อสูงและรายได้ไม่พอรายจ่าย
“รับได้การเป็นรัฐบาลผสม แต่อยากให้ทุกคนทุกพรรคที่หาเสียงไว้ คงจุดยืนที่ได้ประกาศไว้ ยึดโยงการทำงานเป็นทีม และคำนึงถึงผลประโยชน์ชาติ โปร่งใส ลดการระแวงคำว่าการเมืองมาพร้อมผลประโยชน์ส่วนตัวหรือพวกพ้อง” นายแสงชัยกล่าว