เครดิต บูโร เตือนหนี้เสียรถยนต์พุ่ง เสี่ยงถูกยึดรถ 1 ล้านคัน
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/197960
เครดิต บูโร เตือนหนี้เสียรถยนต์พุ่งไม่หยุด เสี่ยงถูกยึดรถ 1 ล้านคัน ในอีก 4 เดือนข้างหน้า
นาย
สุรพล โอภาสเสถียร ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด หรือ เครดิตบูโร โพสต์ข้อมูลลงใน เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงสถานการณ์หนี้เสียสินเชื่อรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้น ว่าเป็นสัญญาณเตือนภัยที่อาจจะทำให้เศรษฐกิจ หงอย และ ซึม เนื่องจากเครดิต บูโร เห็นสัญญาณลูกหนี้จ่ายหนี้แบบเลี้ยงงวดมาตั้งแต่ปี 2563-2564 และต่อเนื่องมาจนถึงปี 2566 เพราะเศรษฐกิจเข้าสู่ยุคของแพง ค่าแรงต่ำ ทำให้เกิดปัญหาในการผ่อนชำระ
นายสุรพล กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 มาจนถึงไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่า มีลูกหนี้ค้างจ่ายค่างวด 1-3 งวด แต่ยังไม่ถือเป็นหนี้เสีย เพราะลูกหนี้กลับมาชำระ 1 งวด เรียกกันตามภาษาสินเชื่อคือเลี้ยงงวดกัน เพื่อไม่ให้เป็นหนี้เสีย
และไม่ให้ถูกยึดรถ
โดยกลุ่มลูกหนี้ดังกล่าว มีมูลหนี้ 190,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลหนี้ 150,000 ล้านบาท ของมูลหนี้ทั้งสิน 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่ลูกหนี้กลุ่มสีแดง ที่ค้างเกิน 90วัน หรือกลุ่มหนี้เสีย มีมูลหนี้ที่ 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากไตรมาสแรกปี 2565 ที่มีมูลหนี้ 150,000 ล้านบาท
และหากแยกเป็นบัญชีตามช่วงอายุ จะพบว่าไตรมาสแรกปีนี้ บัญชีสินเชื่อรถยนต์ของกลุ่ม GEN Y จำนวน 600,000 บัญชี เป็นหนี้ที่มีปัญหา แล้วพบว่ากว่า 50 % หรือ 350,000 บัญชี เป็นหนี้เสียแล้ว ขณะที่กลุ่ม GEN X มีบัญชีที่มีปัญหา 400,000 บัญชี โดย 50 % หรือ 200,000 บัญชี เป็นบัญชีหนี้เสีย ซึ่งเมื่อเอาตัวเลข บัญชีของทั้ง 2 กลุ่ม มารวมกัน มีความเสี่ยงว่า ในอีก 4 เดือนข้างหน้า อาจจะมีลูกหนี้ถูกยึดรถรวม 1 ล้านคัน
นาย
สุรพล กล่าวว่า จึงไม่แปลกใจที่จะมีข่าวออกมาว่า สินเชื่อรถยนต์ปล่อยกู้ยาก การปฏิเสธอนุมัติสินเชื่อสูง จนกระทบคนที่ขายรถยนต์ เพราะบ้านเรากู้เงินมาซื้อรถมากกว่าซื้อสด และ ในอนาคตอาจจะได้เห็นหนี้เสียจากรถยนต์ที่รักโลก รักสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแน่ ๆ จอกันเยอะๆ ยังไงช่วยวางแผนผ่อนจ่ายให้ดีด้วย อยากให้คิดกันเยอะ
เพื่อไทย เดินหน้ารับมือปัญหาสิ่งแวดล้อม มุ่งจัดการน้ำทั้งระบบ คืนอากาศสะอาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4013783
พท.เดินหน้ารับมือปัญหาสิ่งแวดล้อม มุ่งจัดการน้ำทั้งระบบ คืนอากาศสะอาด สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ เพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นาย
ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก พรรคเพื่อไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ธำรงรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขจัดมลพิษทั้งปวงที่จะมีผลกระทบ ต่อสุขภาพ การทำมาหากิน คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมแผนรับมือวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่าง ‘
นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม’ ที่ประกาศไปแล้วชัดเจนคือ
1. น้ำจะไม่ท่วม ไม่แล้ง เตรียมการล่วงหน้ารองรับภัย El Niño ที่กำลังจะเกิดต่อเนื่อง ความร้อนที่ขยับสูงขึ้นในรอบ 4-5 ปีต่อไปนี้ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี ในปริมาณและเวลาที่ต้องการ ด้วยนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบ
2. คืนอากาศสะอาด คืนคุณภาพชีวิต คืนศักดิ์ศรีการดำรงอยู่ของคนไทย ด้วยนโยบายแก้วิกฤต PM2.5 ที่ต้นตอ ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน พร้อมสร้างข้อตกลงร่วม เจรจาระหว่างประเทศจัดการปัญหาร่วมกัน รวมทั้งผลักดันออกกฎหมายอากาศสะอาด
3. สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ ฟื้นฟูระบบนิเวศด้วยนโยบายเร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่ ประชาชนอยู่ร่วมทำกินกับป่า ด้วยเงื่อนไขชัดเจนที่ต้องปลูกไม้ยืนต้นตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งนอกจากเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรแล้ว ยังดียิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่ต้องมีเงื่อนไขการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ มาตรการดังกล่าวนี้จึงเป็นรูปธรรม สู่ความเป็นไปได้ ที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ Carbon Neutral และ Net Zero ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถขาย Carbon credit เสริมพลังทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
4. สำหรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่อาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจและการค้า จะถูกปฏิบัติไปตามทิศทางโลกที่ประเทศไทยเลี่ยงไม่ได้ โดยระบบต่างๆ ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้น จะครอบคลุมกว้างขวาง และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ
“
พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะผลักดันนโยบายดังกล่าวด้วยการใช้อำนาจที่ได้รับจากพี่น้องประชาชนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งอำนาจในทางนิติบัญญัติและอำนาจบริหารอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาและขจัดความเดือดร้อนทุกข์ยาก สู่คุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ของประเทศและประชาชน” นายชนินทร์กล่าว
https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/838160084346309
‘พีมูฟ’ บุกยื่น ก้าวไกล จี้แก้ปัญหาเครือข่ายปชช. เรียกร้องทุกพรรคโหวตหนุนนายกฯ จากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4013879
‘พีมูฟ’ บุกยื่น ‘ก้าวไกล’ จี้แก้ปัญหาเครือข่ายปชช. เรียกร้องทุกพรรคโหวตหนุนนายกฯ จากเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ยื่นหนังสือต่อพรรค ก.ก. เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด โดยมีนาย
ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. เป็นตัวแทนรับหนังสือ
โดยนาย
จำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟ แถลงว่า พีมูฟมาติดตามนโยบายที่เคยยื่นให้กับพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง ในฐานะที่พรรค ก.ก.เป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล อยากเห็นว่านโยบายของพีมูฟที่เสนอกับพรรค ก.ก. ถูกบรรจุไปในนโยบายของพรรคมากน้อยแค่ไหน และเราอยากพบนาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก.ด้วย
ด้านนาย
ชัยธวัชกล่าวว่า พรรค ก.ก.รับข้อเสนอนโยบายของพีมูฟ ซึ่งเป็นอีกทิศทางหนึ่งของพรรค ก.ก. ที่สะท้อนผ่าน MOU จัดตั้งรัฐบาล การมาติดตามของพีมูฟครั้งนี้เหมือนมาตรวจการบ้านที่เคยมอบไว้ให้กับพรรค
นาย
ชัยธวัชกล่าวต่อว่า ความคิดเห็นของพีมูฟ สะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากหลังเลือกตั้ง อยากจะเห็นความชัดเจนทางการเมือง จึงไม่อยากให้มีปัญหาในการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนหลังเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยที่สามารถยุติความเห็นต่างแบบสันติวิธี และประชาชนก็รอคอยรัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดเดิมได้สร้างไว้ โดยเฉพาะคนยากคนจนที่เผชิญปัญหา พรรค ก.ก.จะทำเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันนโยบายสร้างความเป็นธรรมต่อสังคม คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างแถลงการณ์ของพีมูฟ ที่แสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์ มีดังนี้
1. เรียกร้องพรรคการเมืองทั้งหมด โหวตรับรองนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรวมเสียงข้างมาก และชนะการเลือกตั้ง
2. กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามรัฐธรรมนูญ และวินิจฉัยตามหลักประชาธิปไตย
3. การแก้ไขปัญหาของเครือข่ายภาคประชาชน ต้องเร่งรัด ติดตาม จำเป็นต้องมีรัฐมนตรีที่เข้าใจปัญหา และไม่มีอคติต่อประชาชน ทำงานร่วมกันได้
“
เสียงของประชาชน คือ ฉันทามติ ที่ทรงพลังกว่าอำนาจใดๆ เราหวังว่า ทุกพรรคการเมือง และว่าที่ ส.ส. จะร่วมกันสร้างการเมืองที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน ของประชาชน และเพื่อประชาชน”
ภูมิธรรม ติงพิธีกรข่าว บิดเบือนปมสลับขั้วตั้งรัฐบาล ย้ำ เพื่อไทย ไม่ตั้งแข่งก้าวไกล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7699931
“ภูมิธรรม” เตือนอย่าบิดเบือน ปมสลับขั้วตั้งรัฐบาล ย้ำอีกรอบ ยืนยัน เพื่อไทย ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง ก้าวไกล เผยกระบวนการเป็นไปด้วยดี
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีพิธีกรจากสำนักข่าวหนึ่ง ได้ทวีตบทสรุปที่สัมภาษณ์ตน เรื่องการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสลับขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่น นอกเหนือจาก 8 พรรคเดิม จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นบทสรุปที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง จนก่อให้เกิดความไม่สบายใจของประชาชน และสมาชิกบางส่วนของพรรคแกนนำ เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความร่วมมือของพรรคเพื่อไทย ที่จะร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น
“
ผมขอยืนยันอย่างหนักแน่นในจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้บริหารว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันในจุดยืนที่ชัดเจนที่ประกาศต่อสาธารณะหลายครั้ง ว่าเราจะไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล แม้ว่าเราจะเป็นพรรคอันดับสอง” นายภูมิธรรม กล่าว
นาย
ภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนและพรรคเพื่อไทยมีท่าทีหลายครั้งที่ชัดเจนว่า เรายืนยันที่จะสนับสนุนและผลักดันให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วม ซึ่งได้แถลงอย่างชัดเจนว่าจะจับมือกัน และสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ได้บรรลุเป้าหมายจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
นาย
ภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสมมติต่างๆ เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ เรื่องการสลับขั้ว หรือเรื่องการสรรหานายกฯ คนนอก ยังไม่ใช่เรื่องที่ควรให้ความสำคัญที่จะต้องนำมาหารือในปัจจุบัน เพราะประเด็นนี้ไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งที่ผ่านมา และสถานการณ์ของความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลกำลังอยู่ในกระบวนการที่เป็นไปด้วยดี
“
หากมีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้น และมีความชัดเจนว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็จะเป็นเรื่องที่ทั้ง 8 พรรคร่วมควรนำมาหารือถึงทางออกร่วมกัน โดยอยู่บนจุดยืนของการยึดประชาธิปไตยตามมติของประชาชนเป็นฐาน จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความไม่เข้าใจ อันจะเป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือกันของ 8 พรรค ที่กำลังร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และผมอยากเรียนถึงสื่อมวลชนทุกท่านในการสื่อสารที่ยึดโยงกับข้อเท็จจริง ไม่ทำให้เกิดความสับสนไปมากกว่านี้” นาย
ภูมิธรรม กล่าว
ฝนมาช้า ไร่อ้อยชัยนาท แห้งเฉา รอวันตายกว่า 1 พันไร่
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4014021
ฝนมาช้า ไร่อ้อยชัยนาท แห้งเฉา รอวันตายกว่า 1 พันไร่
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ทีมข่าวนำโดรนขึ้นบินสำรวจเหนือพื้นที่ไร่อ้อยใน ต.ไร่พัฒนา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งจะเป็นได้ว่าสภาพของไร่อ้อยกว่า 1 พันไร่เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และหลายจุดเริ่มเหี่ยวเฉาแคระแกร็น จนมองเหมือนคนผมร่วงเป็นหย่อมๆ
ทั้งนี้เนื่องจากในพื้นที่ ต.ไร่พัฒนา ไม่มีฝนตกลงมาเป็นเวลาหลายเดือน ต่อเนื่องจนถึงช่วงที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่หน้าฝน เกษตรกรเองก็คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีฝนตกลงมาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันที่ล่วงเข้าสู่เดือนมิถุนายนก็ยังไม่มีฝนตกลงมา ทำให้ไร่อ้อยที่ปลูกไว้เริ่มแห้งเฉาดังกล่าว
และหากภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ ไร่อ้อยอาจจะได้รับความเสียหายเกินครึ่งของพื้นที่เพาะปลูก นอกจากนี้ทีมข่าวสำรวจเพิ่มเติมยังพบว่าพืชชนิดอื่นๆ ที่ชาวบ้านปลูกไว้กินเองในครอบครัวอย่างกล้วย ก็ได้รับความเสียหาย เริ่มแห้งตายจากสภาพความแห้งแล้งด้วยเช่นกัน
JJNY : 6in1 หนี้เสียรถพุ่ง│พท.คืนอากาศสะอาด│‘พีมูฟ’บุกก้าวไกล│ภูมิธรรมติงพิธีกร│ไร่อ้อยชัยนาท รอวันตาย│หวั่นพม่านองเลือด
https://www.pptvhd36.com/news/เศรษฐกิจ/197960
เครดิต บูโร เตือนหนี้เสียรถยนต์พุ่งไม่หยุด เสี่ยงถูกยึดรถ 1 ล้านคัน ในอีก 4 เดือนข้างหน้า
นายสุรพล กล่าวว่า จากข้อมูลพบว่า ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ปี 2564 มาจนถึงไตรมาส 1 ปีนี้ พบว่า มีลูกหนี้ค้างจ่ายค่างวด 1-3 งวด แต่ยังไม่ถือเป็นหนี้เสีย เพราะลูกหนี้กลับมาชำระ 1 งวด เรียกกันตามภาษาสินเชื่อคือเลี้ยงงวดกัน เพื่อไม่ให้เป็นหนี้เสีย
และไม่ให้ถูกยึดรถ
โดยกลุ่มลูกหนี้ดังกล่าว มีมูลหนี้ 190,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีมูลหนี้ 150,000 ล้านบาท ของมูลหนี้ทั้งสิน 2.6 ล้านล้านบาท ขณะที่ลูกหนี้กลุ่มสีแดง ที่ค้างเกิน 90วัน หรือกลุ่มหนี้เสีย มีมูลหนี้ที่ 180,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากไตรมาสแรกปี 2565 ที่มีมูลหนี้ 150,000 ล้านบาท
และหากแยกเป็นบัญชีตามช่วงอายุ จะพบว่าไตรมาสแรกปีนี้ บัญชีสินเชื่อรถยนต์ของกลุ่ม GEN Y จำนวน 600,000 บัญชี เป็นหนี้ที่มีปัญหา แล้วพบว่ากว่า 50 % หรือ 350,000 บัญชี เป็นหนี้เสียแล้ว ขณะที่กลุ่ม GEN X มีบัญชีที่มีปัญหา 400,000 บัญชี โดย 50 % หรือ 200,000 บัญชี เป็นบัญชีหนี้เสีย ซึ่งเมื่อเอาตัวเลข บัญชีของทั้ง 2 กลุ่ม มารวมกัน มีความเสี่ยงว่า ในอีก 4 เดือนข้างหน้า อาจจะมีลูกหนี้ถูกยึดรถรวม 1 ล้านคัน
นายสุรพล กล่าวว่า จึงไม่แปลกใจที่จะมีข่าวออกมาว่า สินเชื่อรถยนต์ปล่อยกู้ยาก การปฏิเสธอนุมัติสินเชื่อสูง จนกระทบคนที่ขายรถยนต์ เพราะบ้านเรากู้เงินมาซื้อรถมากกว่าซื้อสด และ ในอนาคตอาจจะได้เห็นหนี้เสียจากรถยนต์ที่รักโลก รักสิ่งแวดล้อมมากขึ้นแน่ ๆ จอกันเยอะๆ ยังไงช่วยวางแผนผ่อนจ่ายให้ดีด้วย อยากให้คิดกันเยอะ
เพื่อไทย เดินหน้ารับมือปัญหาสิ่งแวดล้อม มุ่งจัดการน้ำทั้งระบบ คืนอากาศสะอาด
https://www.matichon.co.th/politics/news_4013783
พท.เดินหน้ารับมือปัญหาสิ่งแวดล้อม มุ่งจัดการน้ำทั้งระบบ คืนอากาศสะอาด สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ เพื่อคนไทยทุกคน
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า เนื่องในวันสิ่งแวดล้อมโลก พรรคเพื่อไทยขอยืนยันเจตนารมณ์ธำรงรักษาสิ่งแวดล้อมของประเทศ ขจัดมลพิษทั้งปวงที่จะมีผลกระทบ ต่อสุขภาพ การทำมาหากิน คุณภาพชีวิต และเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนไทยทั้งระยะสั้นและระยะยาว พร้อมแผนรับมือวิกฤตด้านสิ่งแวดล้อมที่กำลังจะเกิดขึ้น ดังตัวอย่าง ‘นโยบายด้านสิ่งแวดล้อม’ ที่ประกาศไปแล้วชัดเจนคือ
1. น้ำจะไม่ท่วม ไม่แล้ง เตรียมการล่วงหน้ารองรับภัย El Niño ที่กำลังจะเกิดต่อเนื่อง ความร้อนที่ขยับสูงขึ้นในรอบ 4-5 ปีต่อไปนี้ เพื่อให้ประชาชนมีน้ำกินน้ำใช้ตลอดปี ในปริมาณและเวลาที่ต้องการ ด้วยนโยบายการจัดการน้ำทั้งระบบ
2. คืนอากาศสะอาด คืนคุณภาพชีวิต คืนศักดิ์ศรีการดำรงอยู่ของคนไทย ด้วยนโยบายแก้วิกฤต PM2.5 ที่ต้นตอ ผนึกกำลังภาครัฐและเอกชน พร้อมสร้างข้อตกลงร่วม เจรจาระหว่างประเทศจัดการปัญหาร่วมกัน รวมทั้งผลักดันออกกฎหมายอากาศสะอาด
3. สร้างพื้นที่สีเขียวคุณภาพ ฟื้นฟูระบบนิเวศด้วยนโยบายเร่งรัดออกโฉนด แก้กฎหมาย พิสูจน์สิทธิ จัดหาที่ทำกิน 50 ล้านไร่ ประชาชนอยู่ร่วมทำกินกับป่า ด้วยเงื่อนไขชัดเจนที่ต้องปลูกไม้ยืนต้นตามสัดส่วนที่กำหนด ซึ่งนอกจากเป็นผลประโยชน์โดยตรงต่อเกษตรกรแล้ว ยังดียิ่งต่อภาคอุตสาหกรรมและธุรกิจการค้าระหว่างประเทศที่ต้องมีเงื่อนไขการรักษาสิ่งแวดล้อมเข้มงวดขึ้นเรื่อยๆ มาตรการดังกล่าวนี้จึงเป็นรูปธรรม สู่ความเป็นไปได้ ที่จะนำพาประเทศไทยเข้าสู่ภาวะ Carbon Neutral และ Net Zero ที่แท้จริง ทั้งยังสามารถขาย Carbon credit เสริมพลังทางเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมไปพร้อมๆ กัน
4. สำหรับมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมระหว่างประเทศที่อาจเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจและการค้า จะถูกปฏิบัติไปตามทิศทางโลกที่ประเทศไทยเลี่ยงไม่ได้ โดยระบบต่างๆ ที่จะถูกสร้างขึ้นนั้น จะครอบคลุมกว้างขวาง และเป็นประโยชน์กับประชาชนทั้งประเทศ
“พรรคเพื่อไทยยืนยันที่จะผลักดันนโยบายดังกล่าวด้วยการใช้อำนาจที่ได้รับจากพี่น้องประชาชนจากการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทั้งอำนาจในทางนิติบัญญัติและอำนาจบริหารอย่างเต็มที่ เพื่อบรรเทาและขจัดความเดือดร้อนทุกข์ยาก สู่คุณภาพชีวิตที่ดี เศรษฐกิจที่ดี ของประเทศและประชาชน” นายชนินทร์กล่าว
https://www.facebook.com/pheuthaiparty/posts/838160084346309
‘พีมูฟ’ บุกยื่น ก้าวไกล จี้แก้ปัญหาเครือข่ายปชช. เรียกร้องทุกพรรคโหวตหนุนนายกฯ จากเลือกตั้ง
https://www.matichon.co.th/politics/news_4013879
‘พีมูฟ’ บุกยื่น ‘ก้าวไกล’ จี้แก้ปัญหาเครือข่ายปชช. เรียกร้องทุกพรรคโหวตหนุนนายกฯ จากเลือกตั้ง
เมื่อเวลา 13.00 น. วันที่ 5 มิถุนายน ที่พรรคก้าวไกล (ก.ก.) ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (พีมูฟ) และเครือข่ายภาคประชาชนที่เกี่ยวข้อง ยื่นหนังสือต่อพรรค ก.ก. เพื่อสนับสนุนพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาลโดยเร็วที่สุด โดยมีนายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค ก.ก. เป็นตัวแทนรับหนังสือ
โดยนายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธานคณะกรรมการบริหารพีมูฟ แถลงว่า พีมูฟมาติดตามนโยบายที่เคยยื่นให้กับพรรคการเมืองก่อนเลือกตั้ง ในฐานะที่พรรค ก.ก.เป็นพรรคที่ได้อันดับหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล อยากเห็นว่านโยบายของพีมูฟที่เสนอกับพรรค ก.ก. ถูกบรรจุไปในนโยบายของพรรคมากน้อยแค่ไหน และเราอยากพบนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ก.ก.ด้วย
ด้านนายชัยธวัชกล่าวว่า พรรค ก.ก.รับข้อเสนอนโยบายของพีมูฟ ซึ่งเป็นอีกทิศทางหนึ่งของพรรค ก.ก. ที่สะท้อนผ่าน MOU จัดตั้งรัฐบาล การมาติดตามของพีมูฟครั้งนี้เหมือนมาตรวจการบ้านที่เคยมอบไว้ให้กับพรรค
นายชัยธวัชกล่าวต่อว่า ความคิดเห็นของพีมูฟ สะท้อนความรู้สึกของประชาชนจำนวนมากหลังเลือกตั้ง อยากจะเห็นความชัดเจนทางการเมือง จึงไม่อยากให้มีปัญหาในการบิดเบือนเจตนารมณ์ของประชาชนหลังเลือกตั้ง นี่คือประชาธิปไตยที่สามารถยุติความเห็นต่างแบบสันติวิธี และประชาชนก็รอคอยรัฐบาลชุดใหม่มาแก้ไขปัญหาที่รัฐบาลชุดเดิมได้สร้างไว้ โดยเฉพาะคนยากคนจนที่เผชิญปัญหา พรรค ก.ก.จะทำเต็มที่ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อผลักดันนโยบายสร้างความเป็นธรรมต่อสังคม คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ลดความเหลื่อมล้ำ สร้างความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างเท่าเทียมกัน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร่างแถลงการณ์ของพีมูฟ ที่แสดงจุดยืนและข้อเรียกร้องต่อสถานการณ์ มีดังนี้
1. เรียกร้องพรรคการเมืองทั้งหมด โหวตรับรองนายกรัฐมนตรีที่มาจากการรวมเสียงข้างมาก และชนะการเลือกตั้ง
2. กกต. และศาลรัฐธรรมนูญ ควรพิจารณาคุณสมบัติของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ตามรัฐธรรมนูญ และวินิจฉัยตามหลักประชาธิปไตย
3. การแก้ไขปัญหาของเครือข่ายภาคประชาชน ต้องเร่งรัด ติดตาม จำเป็นต้องมีรัฐมนตรีที่เข้าใจปัญหา และไม่มีอคติต่อประชาชน ทำงานร่วมกันได้
“เสียงของประชาชน คือ ฉันทามติ ที่ทรงพลังกว่าอำนาจใดๆ เราหวังว่า ทุกพรรคการเมือง และว่าที่ ส.ส. จะร่วมกันสร้างการเมืองที่ถูกต้อง เป็นประชาธิปไตยโดยประชาชน ของประชาชน และเพื่อประชาชน”
ภูมิธรรม ติงพิธีกรข่าว บิดเบือนปมสลับขั้วตั้งรัฐบาล ย้ำ เพื่อไทย ไม่ตั้งแข่งก้าวไกล
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7699931
“ภูมิธรรม” เตือนอย่าบิดเบือน ปมสลับขั้วตั้งรัฐบาล ย้ำอีกรอบ ยืนยัน เพื่อไทย ไม่ตั้งรัฐบาลแข่ง ก้าวไกล เผยกระบวนการเป็นไปด้วยดี
เมื่อวันที่ 5 มิ.ย. 2566 นายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวว่า จากกรณีพิธีกรจากสำนักข่าวหนึ่ง ได้ทวีตบทสรุปที่สัมภาษณ์ตน เรื่องการจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค มีความเป็นไปได้หรือไม่ ที่จะสลับขั้วไปจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคอื่น นอกเหนือจาก 8 พรรคเดิม จนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด ซึ่งเป็นบทสรุปที่คลาดเคลื่อนจากข้อเท็จจริง จนก่อให้เกิดความไม่สบายใจของประชาชน และสมาชิกบางส่วนของพรรคแกนนำ เกิดความเคลือบแคลงสงสัยในความร่วมมือของพรรคเพื่อไทย ที่จะร่วมมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น
“ผมขอยืนยันอย่างหนักแน่นในจุดยืนของพรรคเพื่อไทย ที่ผมเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้บริหารว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันในจุดยืนที่ชัดเจนที่ประกาศต่อสาธารณะหลายครั้ง ว่าเราจะไม่จัดตั้งรัฐบาลแข่งกับพรรคก้าวไกล แม้ว่าเราจะเป็นพรรคอันดับสอง” นายภูมิธรรม กล่าว
นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ตนและพรรคเพื่อไทยมีท่าทีหลายครั้งที่ชัดเจนว่า เรายืนยันที่จะสนับสนุนและผลักดันให้การจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกล และ 8 พรรคร่วม ซึ่งได้แถลงอย่างชัดเจนว่าจะจับมือกัน และสนับสนุนให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกฯ ได้บรรลุเป้าหมายจนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนเรื่องการสมมติต่างๆ เรื่องรัฐบาลแห่งชาติ เรื่องการสลับขั้ว หรือเรื่องการสรรหานายกฯ คนนอก ยังไม่ใช่เรื่องที่ควรให้ความสำคัญที่จะต้องนำมาหารือในปัจจุบัน เพราะประเด็นนี้ไม่สะท้อนเจตจำนงของประชาชนที่แสดงออกผ่านการเลือกตั้งที่ผ่านมา และสถานการณ์ของความร่วมมือในการจัดตั้งรัฐบาลกำลังอยู่ในกระบวนการที่เป็นไปด้วยดี
“หากมีสถานการณ์ใหม่เกิดขึ้น และมีความชัดเจนว่าสถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร ก็จะเป็นเรื่องที่ทั้ง 8 พรรคร่วมควรนำมาหารือถึงทางออกร่วมกัน โดยอยู่บนจุดยืนของการยึดประชาธิปไตยตามมติของประชาชนเป็นฐาน จึงเรียนมาให้ทราบโดยทั่วกัน เพื่อมิให้เกิดความเข้าใจผิด และก่อให้เกิดความไม่เข้าใจ อันจะเป็นอุปสรรคต่อการร่วมมือกันของ 8 พรรค ที่กำลังร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล และผมอยากเรียนถึงสื่อมวลชนทุกท่านในการสื่อสารที่ยึดโยงกับข้อเท็จจริง ไม่ทำให้เกิดความสับสนไปมากกว่านี้” นายภูมิธรรม กล่าว
ฝนมาช้า ไร่อ้อยชัยนาท แห้งเฉา รอวันตายกว่า 1 พันไร่
https://www.matichon.co.th/news-monitor/news_4014021
ฝนมาช้า ไร่อ้อยชัยนาท แห้งเฉา รอวันตายกว่า 1 พันไร่
เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2566 ทีมข่าวนำโดรนขึ้นบินสำรวจเหนือพื้นที่ไร่อ้อยใน ต.ไร่พัฒนา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท ซึ่งจะเป็นได้ว่าสภาพของไร่อ้อยกว่า 1 พันไร่เริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีน้ำตาล และหลายจุดเริ่มเหี่ยวเฉาแคระแกร็น จนมองเหมือนคนผมร่วงเป็นหย่อมๆ
ทั้งนี้เนื่องจากในพื้นที่ ต.ไร่พัฒนา ไม่มีฝนตกลงมาเป็นเวลาหลายเดือน ต่อเนื่องจนถึงช่วงที่เปลี่ยนผ่านเข้าสู่หน้าฝน เกษตรกรเองก็คาดการณ์ว่าจะเริ่มมีฝนตกลงมาในช่วงกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา แต่จนถึงปัจจุบันที่ล่วงเข้าสู่เดือนมิถุนายนก็ยังไม่มีฝนตกลงมา ทำให้ไร่อ้อยที่ปลูกไว้เริ่มแห้งเฉาดังกล่าว
และหากภายใน 2 สัปดาห์จากนี้ไม่มีฝนตกลงมาในพื้นที่ ไร่อ้อยอาจจะได้รับความเสียหายเกินครึ่งของพื้นที่เพาะปลูก นอกจากนี้ทีมข่าวสำรวจเพิ่มเติมยังพบว่าพืชชนิดอื่นๆ ที่ชาวบ้านปลูกไว้กินเองในครอบครัวอย่างกล้วย ก็ได้รับความเสียหาย เริ่มแห้งตายจากสภาพความแห้งแล้งด้วยเช่นกัน