[CR] No.29 Slaxx : กางเกงซ่าส์ ฆ่ากระหน่ำ ล้างสต๊อก


แค่อ่านเรื่องย่อ ผมก็รับประกันได้ถึงความกาว ความกวนโอ๊ย โดยไม่ต้องคิดอะไรต่อไป นอกจากต้องดูเท่านั้น ก่อนหน้านี้ผมเคยดูหนังเรื่องหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนกันคือเรื่อง In Fabric (2018) ที่นำเสนอ Concept คล้ายกันคือ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม แถมยังมีอิทธิฤทธิ์พอ ๆ กับเจ้ากางเกงยีนส์ตัวนี้อีกด้วย ถ้ามา Crossover กันนี้รับรองมหกรรมนรกแตกแน่นอน ถ้าให้ผมเปรียบเทียบระหว่าง 2 เรื่องนี้ ผมว่า In Fabric เน้นการตีความนัยยะเชิงนามธรรมไปกับบรรยากาศที่ชวนหลอนเป็นใจให้เกิดความหวาดกลัวของคนมากกว่า ส่วนเรื่องนี้จะ Mass กว่าคือเน้นขาย Concept ตรง ๆ ว่าฉันจะทำแบบนี้ เอาแบบนั้นให้เห็น ไม่ต้องอ้อมค้อมให้เสียเวลาแถมผสมผสานความเป็น Dark Comedy กับ Slasher Horror ได้กลมกล่อมและบ้าคลั่งสุด ๆ ซึ่งหลังจากดูจบแล้วสิ่งที่คิดไว้ไม่มีผิดเลยว่ามันสามารถต่อยอดไอเดียจากเดิมที่วางไว้ไปต่อจนสุดทาง แม้จังหวะมุกตลกที่พ่นออกมาจะน่ารำคาญไปหน่อย แต่ที่ประหลาดใจยิ่งกว่าคือ มันดันมี Details นัยยะสำคัญซ่อนไว้อย่างร้ายกาจ เช่น การจิกกัดกระแสวัฒนธรรม Fast Fashion จาก เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม , สะท้อนสังคมคนทำงานระหว่างเจ้านายกับลูกน้องในแต่ละตำแหน่งไม่พอยังลามไปถึงชาติพันธุ์ในเรื่องการค้ามนุษย์อีกด้วย ซึ่งสิ่งที่พรรณนามาล้วนเป็นปัญหาที่เกิดจากกลไกการทำงานของระบบทุนนิยมในเครือทุนสามานย์ทั้งสิ้น ชนิดที่ว่าเสียดสีได้เจ็บแสบทะลุไปถึงไส้ติ่งเลยทีเดียว

ระยะเวลา 1 ชั่วโมง 19 นาที ถึงแม้ว่าสั้นแต่ก็ถือว่าพอดี ไม่ติดขัดอะไร เพราะ ระยะเวลาที่มีอยู่ก็สามารถสรุปต้นสายปลายเหตุให้เคลียร์กระจ่างอยู่ แม้ส่วนใหญ่จะเต็มไปด้วยมุกตลกเรี่ยราดที่ขยันปล่อยออกมาไม่หยุดทั้ง ขำบ้าง แป๊กบ้าง รวมถึงตรรกะแต่ละคนก็ซื่อบื้อตามสูตรของหนังประเภทนี้ที่รู้ ๆ กันอยู่ อย่างไรก็ตามก็ไม่ทิ้งความเป็น Slasher Horror ในสถานที่เดียวที่หน้าที่ของมันได้ดีเช่นกัน ถ้าอยากให้เพิ่มเวลาต่ออีกสักนิดก็อยากให้ขยาย Details ในส่วนต้นเหตุของเรื่องมากกว่านี้หน่อยก็ได้ เพราะ เปิดเรื่องมาปูพื้นเท้าความจุดนี้ได้น่าสนใจทีเดียว ก่อนที่ภาพจะตัดไปที่ร้านขายเสื้อผ้าเจ้าปัญหาอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นหนังจะดำเนินเรื่องไปที่ร้านแห่งนี้ทั้งเรื่องโดยมีกลุ่มพนักงานที่อยู่ในนั้น ไม่ว่าจะเป็น ลิบบี้ นางเอกของเรื่องที่เป็นพนักงานใหม่ รับบทโดย Romane Denis จาก Slut in a Good Way (2018) , ชรูตี พนักงานสาวชาวอินเดีย และ เป็นเพื่อนที่แนะนำให้ลิบบี้เข้ามาทำงาน รับบทโดย Sehar Bhojani จาก The Handmaid’s Tale series (2018) , เกร็ก ผู้จัดการหนุ่มของร้าน รับบทโดย Brett Donahue จาก Radius (2017) , ลอร์ด พนักงานขายเชื้อสายเอเชีย รับบทโดย Kenny Wong จาก Good Sam (2019) รวมถึง เพย์ตัน จูลส์ อินฟลูเรเซอร์สาวชื่อดัง รับบทโดย Erica Anderson จาก Little Death (2017) มาร่วมสร้างสีสันร่วมวงชะตากรรมด้วยกัน ตรงจุดนี้แอบน่าเบื่อไปนิดเนื่องจากหนังใช้เวลาแนะนำตัวค่อนข้างนานไปกว่าจะผ่านจุดนั้นก็ปาเข้าไปครึ่งชั่วโมงแล้วจนกระทั่งการปรากฎตัวของกางเกงยีนส์เจ้าปัญหาขึ้นมาหนังเริ่มเข้าสู่โหมดที่ต้องการอยากดูขึ้นมาทันที ขณะเดียวกันมุกตลกก็ขยันแทรกมาเรื่อย ๆ เช่นกัน ถามว่าขำมั้ย ขำเป็นบางมุก รู้สึกรำคาญมากกว่า ขณะเดียวกันเหมือนพยายามจงใจใช้มุกตลกพวกนั้นเพื่อเสียดสีชนชั้นวรรณะโดยเฉพาะสังคมอเมริกันกับสังคมอินเดียในท่าทีหยอกล้อขายขำกลบเกลื่อนจนรู้สึกเลยว่ามัน Fake อย่างเห็นได้ชัด 

พอเข้าสู่โหมด Horror ก็ดันติดลมไปหน่อย ผู้กำกับ Elza Kephart จาก Go in the Wilderness (2013) เจ๊แกจัดฉากโหด ๆ เลือดสาดซะเต็มที่สุด ๆ จนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าทิ้งปมไว้ก่อนหน้านี้แล้วลืมคลี่คลายออก ดังนั้นช่วงประมาณ 30 นาทีสุดท้ายเราจะเห็นว่าหนังได้กลับไปให้ความสำคัญกับปมที่เกริ่นทิ้งไว้อีกครั้งพร้อมกับเฉลยอะไรต่าง ๆ ให้หมดด้วยความเร่งรีบ บางอย่างก็พอจะเดาทางได้อยู่ว่าหนังจะเล่นอธิบายและแถผสมรวมกันจนหาทางได้สะดวกโยธินลงแบบนี้กันง่าย ๆ  พอเอาเข้าจริงดันทำเอาผมสตั๊นไปชั่วครู่หนึ่ง ไม่คิดว่าจะจบลงแบบนี้ คิดดูอีกทีอย่างน้อยมันก็มีเหตุผลที่พอจะสมเหตุสมผลหลงเหลืออยู่บ้างแม้ว่าบางอย่างก็โอเวอร์ Action เกินไปหน่อย แต่ยอมรับว่าแต่ละฉากที่ฆ่ากันมันโหดสะใจไม่หายจริง ๆ

สรุป ภาพรวมถือว่าสนุก ทั้งตลกทั้งสยองบ้าบอเกินเบอร์ ภายนอกเหมือนหนังเกรด B อินดี้ไร้สาระ แต่ที่ไหนได้กลับมีทีเด็ดซ่อนอยู่ในหลืบ อารมณ์เหมือนกัดลูกอมเข้าไปปรากฎว่าข้างในเป็นไส้มะเขือเทศซะยังงั้น ถ้าตัดมุกตลกพร่ำเพรื่อทั้งหลายออกไปมันก็คือหนังที่ตีแผ่ประเด็นโครงสร้างของทุนสามานย์กลไกการทำงานของระบบทุนนิยมในยุคปัจจุบันได้เจ็บแสบและแยบยลผ่านกิเลส ตัณหาความอยากได้อยากเป็นของมนุษย์ที่เสพติดวัตถุนิยม เห่อของใหม่อยู่ตลอดเวลา โดยไม่แคร์ว่าคนอีกกลุ่มหนึ่งจะเป็นยังไงจะได้รับผลกระทบมากน้อยอย่างไร นอกจากมองว่าเป็นเครื่องมือในการสร้างผลผลิตให้ตนเองได้ฉกฉวยจากประโยชน์ตรงนี้มาเป็นของตนเองโดยไม่ต้องออกแรงให้เหนื่อยเปล่าให้มากที่สุดแค่นั้น เรียกง่าย ๆ ว่าทำนาบนหลังคนเพื่อเคลมหน้าเอาแสงแก่ตนเองนั่นแหล่ะ ตราบใดที่มนุษย์ยังยึดติดกับอัตลักษณ์นิยมมากเท่าไหร่ สังคมก็ต้องแข่งขันขับเคลื่อนไปตามพลวัตไม่รู้จบมากขึ้นเท่านั้น ไม่ว่าเราจะเต็มใจหรือไม่ยินดีก็ตาม มันคือความจริงที่มิอาจปฎิเสธได้บนโลกใบนี้


ขอขอบคุณผู้อ่านทุกท่านครับ เมื่อได้อ่านแล้ว สามารถกด Like กด Share บทความของผม EMCONCEPT และ Facebook : EM Pascal เพื่อเป็นกำลังใจในการรีวิวครั้งต่อไป ขอบคุณครับ
ชื่อสินค้า:   Review By EMCONCEPT
คะแนน:     

CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้

  • - จ่ายเงินซื้อเอง หรือได้รับจากคนรู้จักที่ไม่ใช่เจ้าของสินค้า เช่น เพื่อนซื้อให้
  • - ไม่ได้รับค่าจ้างและผลประโยชน์ใดๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่