สำรวจ ‘ธุรกิจน้อย-ใหญ่’ อยู่กันอย่างไร ท่ามกลางวิกฤต ‘ค่าไฟแพง’
https://www.matichon.co.th/economy/news_3956816
สำรวจ ‘ธุรกิจน้อย-ใหญ่’ อยู่กันอย่างไร ท่ามกลางวิกฤต ‘ค่าไฟแพง’
ท่ามกลางฤดูร้อนที่ไม่เหมือนเคย เกิดปรากฎการณ์ “
ค่าไฟแพง” มาพร้อมเสียงร้องระงมจากภาคธุรกิจน้อย-ใหญ่ ที่หนาวสะท้านหลังเห็นบิลค่าไฟพุ่งทะลุเป็นหลักล้านบาท และพูดเป็นเสียงเดียวกัน “
ไม่เคยเจอค่าไฟแพงขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่ทำธุรกิจมา 30-40 ปี”
แล้วภาคธุรกิจเขาอยู่กันอย่างไร เพื่อประคับประคองต้นทุน เพื่อตรึงราคาสินค้าและบริการไว้ให้นานที่สุด
โรงภาพยนต์
ตามไปดูธุรกิจโรงภาพยนต์ “
สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือSF บอกว่า จากประสบการณ์จากโควิด เรามีการลดต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้นทุนยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงต้องฉายหนัง ซึ่งตัวค่าไฟที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบรายได้ แต่กระทบค่าใช้จ่ายมากกว่าเป็นหลัก 100 ล้านต่อปี ซึ่งค่าไฟกระทบต้นทุนเพิ่มขึ้น 10% และเอสเอฟยังไม่มีนโยบายผลักภาระให้ผู้บริโภค เราพยายามประหยัด ใช้ไฟอย่างมีประสิทธิภาพ หากสาขาไหนไม่มีรอบฉาย อาจจะต้องปิดไฟ ปิดแอร์
ขณะที่การติด “
โซลาร์เซลล์” ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หลากธุรกิจนำมาเป็นตัวช่วยในการประหยัด แม้จะเอาค่าไฟไม่อยู่ แต่ก็ประหยัดไปได้ 20-30%
กลุ่มโรงงานผลิตสินค้า
เห็นชัดกลุ่มโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ เริ่มมีการลงทุนติดตั้งกันอย่างคึกคัก โดย “
ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์” ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าตรา”จระเข้” ระบุค่าไฟที่แพงขึ้นกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทมาก ตั้งแต่ต้นปี 2566 ค่าไฟเพิ่มขึ้น 300,000-400,000 บาทต่อเดือน จากเดิม 700,000-800,000 บาทต่อเดือน เป็น 1.2 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งบริษัทลงทุน 4 ล้านบาท ติดโซลาร์รูฟในเครื่องจักรเพิ่งจะทดสอบเฟสแรกเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากเฟสแรกได้ผลจะขยายเฟสต่อไป จะใช้เงินลงทุนอีก 20 ล้านบาท
ด้านโรงงานร้องเท้ายี่ห้อดัง “
แกมโบล” (GAMBOL)ทาง “
นิติ กิจกำจาย” กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ดังกล่าว จากค่าไฟแพงทำให้มีภาระจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือน จาก 7 ล้านบาท เป็น 9 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างสำรวจจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงาน แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนในช่วงพีคเวลา 18.30-20.30 น. จะลดการทำโอที ไม่ให้เกิน 18.30 น.
เช่นเดียวกับ “
ธัญรัศม์ จิรฐิติเกียรติ” ซีอีโอบริษัท ซี ดริ้ง จำกัด ผู้ผลิตน้ำดื่มแบรนด์ซีทรู (C2) บอกว่าจากค่าไฟแพงกระทบต้นทุนการผลิตน้ำ แต่เราไม่มองกำไรอย่างเดียว พยายามบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ติดโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิตน้ำดื่ม และพัฒนาใช้เครื่องจักรที่ใช้ไฟน้อยลง เพื่อช่วยประหยัดและยังคงขายราคาไว้ 10 บาทต่อขวด เพราะเพิ่งทำตลาดมา 1 ปี จากก่อนหน้านี้เรารับจ้างผลิต(โออีเอ็ม)ให้กับธุรกิจต่างๆ
ฝั่ง “
เถ้าแก่น้อย” หรือบมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง ทางซีอีโอ “
อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” มีการปรับแผนการผลิตใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ค่าไฟในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
ขณะที่ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารCPF หรือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มีเสียงสะท้อนจากซีอีโอ “
ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ” ว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจยังมีความกังวลและอยู่ในภาวะลำบากจากค่าไฟที่สูงขึ้นมาก ซึ่งที่ผ่านมาขึ้นมาแล้วกว่า 30% เป็นภาระต้นทุนที่หนักมาก ขณะที่กำลังซื้อของตลาดโดยรวม การค้าขายก็ไม่ได้สูงขึ้น ผู้ประกอบการจะขายสินค้าแพงก็ไม่ได้ จะลดต้นทุนมากกว่านี้ก็ไม่ได้ รวมถึงจะผลักภาระไปยังราคาสินค้าก็ไม่ได้อีก จึงต้องแบกภาระกันต่อไป ทางซีพีกำลังหาวิธีบริหารจัดการมห้ดีขึ้น เช่น ใช้พลังงานสะอาดหรือโซลาร์เซลล์ ตอนนี้ใช้แล้วกว่า 30%
ฝั่ง “
เครือสหพัฒน์” ทาง “
บุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเราคงจัดการอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามค่าไฟยังส่งผลกระทบน้อยมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนวัตถุดิบที่ยังเพิ้มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ค่าไฟแพง ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและกำไรลดลง หรือบริษัทไหนที่กำไรน้อยก็อาจจะขาดทุน
“
บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนค่าไฟ ด้วยการประหยัดไฟ ใช้ให้น้อยลง เช่น พักกลางวันก็ปิดแอร์ ปิดไฟ หรือขยับเวลาเปิดในตอนเช้า และลงทุนติดโซลาร์เซลล์ในบางโรงงานและสำนักงาน เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก ทั้งนี้ยังไม่มีปรับราคาสินค้าขึ้น แต่จากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังสูงขึ้น มีแนวโน้มที่จะขอ กรมการค้าภายในปรับราคาขายในสินค้าบางรายการ” นาย
บุญชัยกล่าว
โรงเรียน
แม้แต่ “
โรงเรียน” ยังต้องลุกมาติดโซลาร์เซลล์ โดย “
เพิ่มเกียรติ เกษกุล” นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าไฟมีผลต่อค่าไฟของโรงเรียนเอกชน เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ไฟในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตามโรงเรียนเอกชนเริ่มมีการติดโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟบ้างแล้ว เช่น
โรงเรียนในเครือขจรเกียรติซึ่งเป็นธุรกิจของตนนั้น ได้ติดโซลาร์เซลล์ในบางสาขา สามารถประหยัดค่าไฟได้บ้างจากเดิมเคยจ่าย 700,000 บาทต่อเดือน ลดลงมาอยู่ที่ 500,000 บาทต่อเดือน แต่ช่วงที่ไฟแพงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามค่าไฟ
ศูนย์การค้า
มาดูธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งใช้ไฟมากไม่แพ้ธุรกิจอื่น เพราะต้องรักษาอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำ หลังคนหนีร้อนมาพึ่งเย็นกันอย่างคึกคัก
“
สมพล ตรีภพนารถ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)หรือMBK กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านบาทต่อเดือน แม้จะติดโซลาร์เซลล์แล้วก็ตาม ปัจจุบันทุกศูนย์การค้าที่บริหารได้ติดโซลาร์เซลล์หมดแล้ว ช่วยประหยัดไฟได้ 30%ในช่วงกลางวัน แต่ค่าไฟก็สูงขึ้นตามค่าเอฟที เพราะเปิด 24 ชั่วโมง
ไม่ต่างจากร้านค้าปลีกและค้าส่งฮกกี่ เมกาสโตร์ จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า แม้จะติดโซลาร์เซลล์แล้วที่สาขาใหญ่ ค่าไฟยังเพิ่มขึ้นเดือนละ 200,000 บาท ยังไม่รวมค่าไฟสาขาย่อย 10 สาขา โดยได้มีการบริหารจัดการด้วยการให้พนักงานช่วยกันประหยัด เช่น กลางวันปิดไฟ ปิดแอร์ ใช้เท่าที่จำเป็น และจะติดโซลาร์เซลล์อีก 10 สาขาด้วย
ต้องจัดเลือกตั้งเป็นกลาง โปร่งใส ชี้ ครม.ของบลดค่าไฟ ไม่ฉุกเฉิน เเต่ใช้หาเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3956747
สมาคมทนาย ติง กกต.ต้องจัดเลือกตั้งเป็นกลาง โปร่งใส ชี้ ครม.ของบลดค่าไฟ ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เเต่เป็นการใช้หาเสียง
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นาย
นรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยได้แถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
ตามที่ได้เกิดปัญหาความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานและการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังปรากฏข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออย่างแพร่หลาย นั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า กกต. มีเวลาในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเพียงพอ เพราะเป็นการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิมที่ กกต. เคยประกาศในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระคือในวันที่ 7พ.ค.2566 ถึง 7 วัน กกต.จึงมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
แต่ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกลับปรากฏว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การพิมพ์ชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ หรือชื่อพรรคการเมืองผิด ซึ่งเกิดกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น ประกอบกับเคยมีความผิดพลาดจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ การนับคะแนนที่ส่งมาจากต่างประเทศไม่ทัน หรือการนับคะแนนแบบบัตรเขย่ง จนทำให้ฝ่ายที่เคยแพ้กลับมาชนะเลือกตั้งจนได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต.
ล่าสุดคือการที่คณะรัฐมนตรีขอความเห็นชอบจาก กกต. ใช้งบกลางเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าแพงให้กับประชาชน ซึ่งกรณีนี้สมาคมเห็นว่างบกลางจะใช้ได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้า แต่กรณีค่าไฟฟ้าแพงได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นก่อนการยุบสภาจึงไม่ใช่กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่จะขอใช้งบกลางในขณะนี้ เพราะจะเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อการหาเสียงให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะซึ่งมีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้ง กกต. จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอตำหนิท้วงติงการทำงานของ กกต.ในเรื่องดังกล่าว และขอแนะนำให้ กกต.ได้ปรับปรุงกระบวนการจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพ เป็นกลาง และโปร่งใส เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม อันจะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid02EELvV3uvfiDXoBGJNpaXhoJdxb5YAFEG5C7juL9agMGjG5zvRWeMitPF9W98UDaBl
JJNY : สำรวจ ‘ธุรกิจน้อย-ใหญ่’ วิกฤต ‘ค่าไฟแพง’│สมาคมทนายติงกกต.│สัมปทานสั่นคลอน เก็บรังไม่ได้│รัสเซียอ่วม! เจอวินาศกรรม
https://www.matichon.co.th/economy/news_3956816
สำรวจ ‘ธุรกิจน้อย-ใหญ่’ อยู่กันอย่างไร ท่ามกลางวิกฤต ‘ค่าไฟแพง’
ท่ามกลางฤดูร้อนที่ไม่เหมือนเคย เกิดปรากฎการณ์ “ค่าไฟแพง” มาพร้อมเสียงร้องระงมจากภาคธุรกิจน้อย-ใหญ่ ที่หนาวสะท้านหลังเห็นบิลค่าไฟพุ่งทะลุเป็นหลักล้านบาท และพูดเป็นเสียงเดียวกัน “ไม่เคยเจอค่าไฟแพงขนาดนี้มาก่อน ตั้งแต่ทำธุรกิจมา 30-40 ปี”
แล้วภาคธุรกิจเขาอยู่กันอย่างไร เพื่อประคับประคองต้นทุน เพื่อตรึงราคาสินค้าและบริการไว้ให้นานที่สุด
ตามไปดูธุรกิจโรงภาพยนต์ “สุวิทย์ ทองร่มโพธิ์” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บริษัท เอส เอฟ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือSF บอกว่า จากประสบการณ์จากโควิด เรามีการลดต้นทุนมาอย่างต่อเนื่อง แต่ต้นทุนยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยังไงต้องฉายหนัง ซึ่งตัวค่าไฟที่สูงขึ้นไม่ได้กระทบรายได้ แต่กระทบค่าใช้จ่ายมากกว่าเป็นหลัก 100 ล้านต่อปี ซึ่งค่าไฟกระทบต้นทุนเพิ่มขึ้น 10% และเอสเอฟยังไม่มีนโยบายผลักภาระให้ผู้บริโภค เราพยายามประหยัด ใช้ไฟอย่างมีประสิทธิภาพ หากสาขาไหนไม่มีรอบฉาย อาจจะต้องปิดไฟ ปิดแอร์
ขณะที่การติด “โซลาร์เซลล์” ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่หลากธุรกิจนำมาเป็นตัวช่วยในการประหยัด แม้จะเอาค่าไฟไม่อยู่ แต่ก็ประหยัดไปได้ 20-30%
เห็นชัดกลุ่มโรงงานผลิตสินค้าต่างๆ เริ่มมีการลงทุนติดตั้งกันอย่างคึกคัก โดย “ศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์” ประธานกรรมการ บริหาร บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายสินค้าตรา”จระเข้” ระบุค่าไฟที่แพงขึ้นกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าของบริษัทมาก ตั้งแต่ต้นปี 2566 ค่าไฟเพิ่มขึ้น 300,000-400,000 บาทต่อเดือน จากเดิม 700,000-800,000 บาทต่อเดือน เป็น 1.2 ล้านบาทต่อเดือน ซึ่งบริษัทลงทุน 4 ล้านบาท ติดโซลาร์รูฟในเครื่องจักรเพิ่งจะทดสอบเฟสแรกเมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หากเฟสแรกได้ผลจะขยายเฟสต่อไป จะใช้เงินลงทุนอีก 20 ล้านบาท
ด้านโรงงานร้องเท้ายี่ห้อดัง “แกมโบล” (GAMBOL)ทาง “นิติ กิจกำจาย” กรรมการบริหาร บริษัท บิ๊กสตาร์ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายรองเท้าแบรนด์ดังกล่าว จากค่าไฟแพงทำให้มีภาระจ่ายค่าไฟเพิ่มขึ้นกว่า 2 ล้านบาทต่อเดือน จาก 7 ล้านบาท เป็น 9 ล้านบาท โดยบริษัทอยู่ระหว่างสำรวจจะติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่โรงงาน แม้ว่าจะช่วยอะไรไม่ได้มาก ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย รวมถึงบริหารจัดการต้นทุนในช่วงพีคเวลา 18.30-20.30 น. จะลดการทำโอที ไม่ให้เกิน 18.30 น.
เช่นเดียวกับ “ธัญรัศม์ จิรฐิติเกียรติ” ซีอีโอบริษัท ซี ดริ้ง จำกัด ผู้ผลิตน้ำดื่มแบรนด์ซีทรู (C2) บอกว่าจากค่าไฟแพงกระทบต้นทุนการผลิตน้ำ แต่เราไม่มองกำไรอย่างเดียว พยายามบริหารจัดการต้นทุนให้มีประสิทธิภาพ ติดโซลาร์เซลล์ที่โรงงานผลิตน้ำดื่ม และพัฒนาใช้เครื่องจักรที่ใช้ไฟน้อยลง เพื่อช่วยประหยัดและยังคงขายราคาไว้ 10 บาทต่อขวด เพราะเพิ่งทำตลาดมา 1 ปี จากก่อนหน้านี้เรารับจ้างผลิต(โออีเอ็ม)ให้กับธุรกิจต่างๆ
ฝั่ง “เถ้าแก่น้อย” หรือบมจ. เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง ทางซีอีโอ “อิทธิพัทธ์ พีระเดชาพันธ์” มีการปรับแผนการผลิตใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ค่าไฟในช่วงเวลากลางวันและกลางคืน
ขณะที่ยักษ์ใหญ่ธุรกิจอาหารCPF หรือบริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) มีเสียงสะท้อนจากซีอีโอ “ประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ” ว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจยังมีความกังวลและอยู่ในภาวะลำบากจากค่าไฟที่สูงขึ้นมาก ซึ่งที่ผ่านมาขึ้นมาแล้วกว่า 30% เป็นภาระต้นทุนที่หนักมาก ขณะที่กำลังซื้อของตลาดโดยรวม การค้าขายก็ไม่ได้สูงขึ้น ผู้ประกอบการจะขายสินค้าแพงก็ไม่ได้ จะลดต้นทุนมากกว่านี้ก็ไม่ได้ รวมถึงจะผลักภาระไปยังราคาสินค้าก็ไม่ได้อีก จึงต้องแบกภาระกันต่อไป ทางซีพีกำลังหาวิธีบริหารจัดการมห้ดีขึ้น เช่น ใช้พลังงานสะอาดหรือโซลาร์เซลล์ ตอนนี้ใช้แล้วกว่า 30%
ฝั่ง “เครือสหพัฒน์” ทาง “บุญชัย โชควัฒนา” ประธานกรรมการ และประธานกรรมการบริหาร บริษัท สหพัฒนพิบูล จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ค่าไฟที่เพิ่มขึ้นเราคงจัดการอะไรไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพต้นทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามค่าไฟยังส่งผลกระทบน้อยมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนวัตถุดิบที่ยังเพิ้มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ค่าไฟแพง ทำให้บริษัทมีค่าใช้จ่ายเพิ่มและกำไรลดลง หรือบริษัทไหนที่กำไรน้อยก็อาจจะขาดทุน
“บริษัทมีการบริหารจัดการต้นทุนค่าไฟ ด้วยการประหยัดไฟ ใช้ให้น้อยลง เช่น พักกลางวันก็ปิดแอร์ ปิดไฟ หรือขยับเวลาเปิดในตอนเช้า และลงทุนติดโซลาร์เซลล์ในบางโรงงานและสำนักงาน เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟ แต่ก็ช่วยได้ไม่มากนัก ทั้งนี้ยังไม่มีปรับราคาสินค้าขึ้น แต่จากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังสูงขึ้น มีแนวโน้มที่จะขอ กรมการค้าภายในปรับราคาขายในสินค้าบางรายการ” นายบุญชัยกล่าว
แม้แต่ “โรงเรียน” ยังต้องลุกมาติดโซลาร์เซลล์ โดย “เพิ่มเกียรติ เกษกุล” นายกสมาคมการศึกษาเอกชนจังหวัดภูเก็ต ยอมรับว่าการปรับขึ้นค่าไฟมีผลต่อค่าไฟของโรงเรียนเอกชน เพราะเป็นธุรกิจที่ต้องใช้ไฟในช่วงกลางวัน อย่างไรก็ตามโรงเรียนเอกชนเริ่มมีการติดโซลาร์เซลล์เพื่อช่วยประหยัดค่าไฟบ้างแล้ว เช่น
โรงเรียนในเครือขจรเกียรติซึ่งเป็นธุรกิจของตนนั้น ได้ติดโซลาร์เซลล์ในบางสาขา สามารถประหยัดค่าไฟได้บ้างจากเดิมเคยจ่าย 700,000 บาทต่อเดือน ลดลงมาอยู่ที่ 500,000 บาทต่อเดือน แต่ช่วงที่ไฟแพงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามค่าไฟ
มาดูธุรกิจศูนย์การค้าซึ่งใช้ไฟมากไม่แพ้ธุรกิจอื่น เพราะต้องรักษาอุณหภูมิให้เย็นฉ่ำ หลังคนหนีร้อนมาพึ่งเย็นกันอย่างคึกคัก
“สมพล ตรีภพนารถ” ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจศูนย์การค้า บริษัท เอ็ม บี เค จำกัด (มหาชน)หรือMBK กล่าวว่า การปรับขึ้นค่าไฟส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นเป็นหลักล้านบาทต่อเดือน แม้จะติดโซลาร์เซลล์แล้วก็ตาม ปัจจุบันทุกศูนย์การค้าที่บริหารได้ติดโซลาร์เซลล์หมดแล้ว ช่วยประหยัดไฟได้ 30%ในช่วงกลางวัน แต่ค่าไฟก็สูงขึ้นตามค่าเอฟที เพราะเปิด 24 ชั่วโมง
ไม่ต่างจากร้านค้าปลีกและค้าส่งฮกกี่ เมกาสโตร์ จังหวัดนครราชสีมา ระบุว่า แม้จะติดโซลาร์เซลล์แล้วที่สาขาใหญ่ ค่าไฟยังเพิ่มขึ้นเดือนละ 200,000 บาท ยังไม่รวมค่าไฟสาขาย่อย 10 สาขา โดยได้มีการบริหารจัดการด้วยการให้พนักงานช่วยกันประหยัด เช่น กลางวันปิดไฟ ปิดแอร์ ใช้เท่าที่จำเป็น และจะติดโซลาร์เซลล์อีก 10 สาขาด้วย
ต้องจัดเลือกตั้งเป็นกลาง โปร่งใส ชี้ ครม.ของบลดค่าไฟ ไม่ฉุกเฉิน เเต่ใช้หาเสียง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3956747
สมาคมทนาย ติง กกต.ต้องจัดเลือกตั้งเป็นกลาง โปร่งใส ชี้ ครม.ของบลดค่าไฟ ไม่ใช่กรณีฉุกเฉิน เเต่เป็นการใช้หาเสียง
เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม นายนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยได้แถลงการณ์สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ความว่า
ตามที่ได้เกิดปัญหาความผิดพลาดเกี่ยวกับการทำงานและการจัดการเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดังปรากฏข่าวที่สื่อมวลชนนำเสนออย่างแพร่หลาย นั้น
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย เห็นว่า กกต. มีเวลาในการเตรียมการจัดการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างเพียงพอ เพราะเป็นการยุบสภาและจัดการเลือกตั้งช้ากว่ากำหนดเดิมที่ กกต. เคยประกาศในกรณีรัฐบาลอยู่จนครบวาระคือในวันที่ 7พ.ค.2566 ถึง 7 วัน กกต.จึงมีเวลาอย่างเพียงพอที่จะจัดการเลือกตั้งอย่างมีประสิทธิภาพเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
แต่ตามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นกลับปรากฏว่า การจัดการเลือกตั้งครั้งนี้เต็มไปด้วยความผิดพลาด โดยความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เช่น การพิมพ์ชื่อผู้สมัคร สัญลักษณ์ หรือชื่อพรรคการเมืองผิด ซึ่งเกิดกับผู้สมัครและพรรคการเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาลทั้งสิ้น ประกอบกับเคยมีความผิดพลาดจากการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ได้แก่ การนับคะแนนที่ส่งมาจากต่างประเทศไม่ทัน หรือการนับคะแนนแบบบัตรเขย่ง จนทำให้ฝ่ายที่เคยแพ้กลับมาชนะเลือกตั้งจนได้จัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ ยิ่งทำให้ประชาชนไม่เชื่อมั่นในความเป็นกลางของ กกต.
ล่าสุดคือการที่คณะรัฐมนตรีขอความเห็นชอบจาก กกต. ใช้งบกลางเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าแพงให้กับประชาชน ซึ่งกรณีนี้สมาคมเห็นว่างบกลางจะใช้ได้เฉพาะกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่ไม่อาจคาดหมายได้ล่วงหน้า แต่กรณีค่าไฟฟ้าแพงได้เกิดขึ้นมานานแล้ว และเกิดขึ้นก่อนการยุบสภาจึงไม่ใช่กรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นที่จะขอใช้งบกลางในขณะนี้ เพราะจะเป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินเพื่อการหาเสียงให้กับนายกรัฐมนตรีและคณะซึ่งมีส่วนได้เสียกับการเลือกตั้ง กกต. จึงต้องพิจารณาเรื่องนี้อย่างรอบคอบ
สมาคมทนายความแห่งประเทศไทย ขอตำหนิท้วงติงการทำงานของ กกต.ในเรื่องดังกล่าว และขอแนะนำให้ กกต.ได้ปรับปรุงกระบวนการจัดการเลือกตั้งในครั้งนี้ให้มีประสิทธิภาพ เป็นกลาง และโปร่งใส เพื่อให้การเลือกตั้งเกิดความบริสุทธิ์ยุติธรรม อันจะทำให้ประชาชนเกิดความเชื่อมั่น ซึ่งเป็นผลดีต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
https://www.facebook.com/lawyerassn/posts/pfbid02EELvV3uvfiDXoBGJNpaXhoJdxb5YAFEG5C7juL9agMGjG5zvRWeMitPF9W98UDaBl