ดู กร รือ ผู้มองโลกแง่ลบ ปีนี้ เป็น ปีทอง ของพลังงานแสงอาทิตย์

กระทู้สนทนา
ณรงค์ชัย พูดมา สามครั้ง ล่าสุด อาทิตย์ก่อน บวก ราชกิจจานุเบกษา ก็ออกมาแล้ว ท้มมัย  วิจารณ์กันเหมือน sunset industry

รมว. พลังงานย้ำ ปี'58 ปีทองลงทุนโซลาร์เซลล์ 1.4 แสนล้าน

5/1/2558


       นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยภายหลังการเป็นประธานเปิดงานสัมมนาและนิทรรศการเรื่อง การ ลงทุนพลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์ฟาร์ม โซลาร์รูฟ) ซึ่งจัดโดยสมาคมอุตสาหกรรมเซลล์แสงอาทิตย์ไทย ว่า จากกรณีข้อเรียกร้องของผู้ผลิตไฟฟ้ากังหันลมที่ขอให้ทบทวนอัตราการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนสะท้อนต้นทุนจริง(Feed in Tariff) หรือ FiT ที่คณะกรรมการโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.)เห็นชอบเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.ที่ผ่านมานั้นยืนยันว่าจะไม่มีการทบทวนใดๆ เนื่องจากถือเป็นอัตราที่ได้พิจารณาอย่างเหมาะสมแล้ว
       "เดิมเราใช้ระบบรับซื้อค่าไฟฟ้าส่วนเพิ่มหรือ ADDER แล้วปรับมาเป็น FiT ล่าสุดซึ่งคิดว่าเหมาะสมแล้ว การจะทำให้ทุกคนพอใจคงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งส่วนของโซลาร์เซลล์นั้นก็ปรับให้เหมาะสมเช่นกันเพราะต้นทุนลดลงมากแล้วโดยปี 2558 น่าจะเป็นปีทองของอุตสาหกรรมนี้" นายณรงค์ชัยกล่าว
          
       ทั้งนี้ นโยบายรัฐบาลได้กำหนดเป้าหมายที่จะส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ทุกประเภทรวม 3,800 เมกะวัตต์แต่แนวโน้มในอีก 10 ปีข้างหน้าคาดว่าแผนการรับซื้อจะเพิ่มขึ้นได้ประมาณ 4,500-5,000 เมกะวัตต์ได้แต่ระหว่างนี้รัฐบาลจะเคลียร์แผนการรับซื้อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ก่อนโดยจะให้เวลาจนถึงสิ้นปี 2558 หลังจากนั้นหากจะรับซื้อเพิ่มก็คงจะไปดำเนินการได้ในปี 2559
          
       ปัจจุบันผู้ผลิตโซลาร์เซลล์มีโครงการที่ผูกพันกับรัฐแล้ว 1,900 เมกะวัตต์  ขายไฟแล้ว 1,300 เมกะวัตต์ เซ็นสัญญาแล้วแต่ยังไม่ขายไฟ 384 เมกะวัตต์  ตอบรับซื้อแล้วแต่ยังไม่เซ็นสัญญา 150 เมกะวัตต์ ยื่นคำขอแต่ยังไม่ตอบรับซื้อ 1,000 เมกะวัตต์ ภาพรวมแล้วไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์น่าจะเกิดขึ้นได้ประมาณ 2,900 เมกะวัตต์ รวมจำนวนประมาณ 4,621 รายโดยจำนวนดังกล่าวเป็นแบบติดตั้งบนพื้นดินหรือโซลาร์ฟาร์ม 487 ราย
          

นี่ อาทิตย์ก่อน


        
23  มีนาคม 2558

** พลังงานฯคึกคัก "ณรงค์ชัย"ตั้งเป้า 20 ปีเพิ่มสัดส่วนผลิตไฟฟ้าพลังงานทดแทน เป็น 22-25%

           นายณรงค์ชัย อัครเศรณี รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า กระทรวงฯ ตั้งเป้าหมายในช่วง 20 ปีข้างหน้าจะเพิ่มปริมาณการรับซื้อไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีกเท่าตัวจาก 3 พันเมกะวัตต์ในขณะนี้ และจะเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทนในระบบการผลิตไฟฟ้าเป็น 22-25% ของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมด จากราว 11% ในปัจจุบัน
          สำหรับการสนับสนุนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนจะเน้นใน 3 ประเภทหลัก ได้แก่ พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานขยะ และพลังงานชีวภาพ-ชีวมวล โดยในส่วนของพลังงานแสงอาทิตย์ ขณะนี้อยู่ระหว่างจัดการเพื่อให้สามารถรับรู้ว่าจะมีกำลังการผลิตไฟฟ้าค้างท่อที่จะนำออกมาเสนอรับซื้อเป็นการทั่วไปเพิ่มเติมอีกในสัดส่วนเท่าใด โดยคาดว่าจะสรุปได้ภายในต้นเดือน เม.ย.นี้
          ทั้งนี้ ตามแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกปี 55-64 เดิมจะรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ 3 พันเมกะวัตต์ มาจากโซลาร์ฟาร์ม 2 พันเมกะวัตต์ โซลาร์รูฟ 200 เมกะวัตต์ และโซลาร์สหกรณ์-ชุมชน 800 เมกะวัตต์
          ส่วนของโซลาร์ฟาร์มขณะนี้มีเอกชนยื่นข้อเสนอมามากถึง 2,800 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันมีการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบและมีภาระผูกพันแล้วกว่า 1,700 เมกะวัตต์ คงเหลือค้างท่ออีกราว 1,013 เมกะวัตต์ ซึ่งรัฐบาลมีความตั้งใจจะรับซื้อไฟฟ้าไว้ทั้งหมด โดยให้กลุ่มผู้ที่ยังสนใจจะเดินหน้าโครงการต่อยื่นข้อเสนอเข้ามาภายในสิ้นเดือนมี.ค.นี้ หากคงเหลือปริมาณเท่าใดนั้นก็จะนำมาบริหารจัดการต่อไป ภายใต้กำหนดที่จะต้องจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบภายในสิ้นเดือน ธ.ค.58
          "ปีนี้จะเร่งเคลียร์ปัญหาการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ค้างท่อทั้งหมดให้แล้วเสร็จในปีนี้ จะยังไม่เปิดรับซื้อใหม่ ส่วนการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานขยะ หรือชีวภาพ-ชีวมวลอาจจะใช้รู้แบบของการประมูล (bidding) ภายใต้กรอบการรับซื้อค่าไฟฟ้าในระบบ FiT ที่รัฐบาลอนุมัติไว้ เพื่อขจัดปัญหาการวิ่งเต้น"นายณรงค์ชัย กล่าว
          ด้านนางกุลวรีย์ บูรณสัจจะวราพร ผู้อำนวยการ สำนักงานพัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ กรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน กล่าวว่า ปัจจุบันมีผู้ผลิตโซลาร์ฟาร์มค้างท่อที่มายื่นเจตจำนงที่จะทำโครงการต่อแล้ว 300 เมกะวัตต์ และคาดจะมายื่นเข้ามาเพิ่มอีกราว 200 เมกะวัตต์ในช่วงที่เหลือก่อนสิ้นเดือน มี.ค.นี้
          ทั้งนี้ แผนแผนพัฒนาพลังงานทดแทนและพลังงานทางเลือกในปี 58-79 ที่จะเสนอต่อกระทรวงพลังงานนั้น จะเป็นการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์เพิ่มเป็น 6 พันเมกะวัตต์, ขยะ 550 เมกะวัตต์ โดยส่วนนี้แบ่งเป็นขยะอุตสาหกรม 50 เมกะวัตต์, ชีวมวล ราว5,500 เมกะวัตต์, ก๊าซชีวภาพ ประเภทน้ำเสีย ของเสีย 600 เมกะวัตต์, ก๊าซชีวภาพจากพืชพลังงานราว 700 เมกะวัตต์, พลังน้ำขนาดเล็ก 380 เมกะวัตต์, พลังงานลม 3 พันเมกะวัตต์ และพลังน้ำขนาดใหญ่ราว 2,900 เมกะวัตต์ ทำให้การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มเป็นราว 19,635 เมกะวัตต์ จากปัจจุบันที่มีการผลิตราว 8,000 เมกะวัตต์

คิดว่ามันจะไม่จริงหรืองัยครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่