คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 7
ถ้าเราเป็นพนักงานที่มีความสามารถพอจะไปที่ไหนก็ได้ อย่าเสียเวลากับบริษัทแบบนี้ครับ
ตัวผมคิดเสมอว่าบริษัทมีสิทธิ์รีเจคการสมัครเพราะคำว่า ไม่ผ่านโปรงานได้ ทำไมในมุมของพนักงาน บริษัทจะไม่ผ่านโปร ไม่ได้ล่ะ
จากประสบการณ์บริษัทที่เอาเปรียบพนักงานแต่แรก ไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นได้แน่ๆเพราะสถานะเจ้าของกิจการ ไม่จำเป็นต้องปรับตัว
การเริ่มต้นใหม่ยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบครับ
ตัวผมคิดเสมอว่าบริษัทมีสิทธิ์รีเจคการสมัครเพราะคำว่า ไม่ผ่านโปรงานได้ ทำไมในมุมของพนักงาน บริษัทจะไม่ผ่านโปร ไม่ได้ล่ะ
จากประสบการณ์บริษัทที่เอาเปรียบพนักงานแต่แรก ไม่มีแนวโน้มว่าจะดีขึ้นได้แน่ๆเพราะสถานะเจ้าของกิจการ ไม่จำเป็นต้องปรับตัว
การเริ่มต้นใหม่ยิ่งเร็วยิ่งได้เปรียบครับ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
1 เขาหลอกคุณมาทำงาน
2 เขาเอ่ยปากให้คุณออกแล้ว
3 เขาไม่อยากคุยกับคุณถึงขนาดไม่รับโทรศัพท์แล้ว
ผมไม่เข้าใจนะว่าทำไมยังจะกลับไปทำงานกับเขาอีก ทำต่อถึงสิ้นเดือนเขาก็ยังจะมีปัญหากับคุณอีกแน่นอน เจ้านายจำฝังใจอยู่แล้ว เขาไม่อยากคุยไม่อยากรับสาย ยังจะเปลี่ยนเบอร์โทรไปขู่เรื่องเงินชดเชยกับเขาอีก จากข้อ 1-3 ดูแล้วเจ้านายคุณไม่ใช่ธรรมดานะ เป็นผมถ้าเขาเอ่ยปากให้ออกแล้วเราก็ออกเลย ถ้าเขาไม่จ่ายชดเชยเราก็ฟ้องกรมแรงงานเลย ไปขู่เขาแล้วยังกลับไปทำงานกับเขา รับรองจบไม่สวยแน่นอน
2 เขาเอ่ยปากให้คุณออกแล้ว
3 เขาไม่อยากคุยกับคุณถึงขนาดไม่รับโทรศัพท์แล้ว
ผมไม่เข้าใจนะว่าทำไมยังจะกลับไปทำงานกับเขาอีก ทำต่อถึงสิ้นเดือนเขาก็ยังจะมีปัญหากับคุณอีกแน่นอน เจ้านายจำฝังใจอยู่แล้ว เขาไม่อยากคุยไม่อยากรับสาย ยังจะเปลี่ยนเบอร์โทรไปขู่เรื่องเงินชดเชยกับเขาอีก จากข้อ 1-3 ดูแล้วเจ้านายคุณไม่ใช่ธรรมดานะ เป็นผมถ้าเขาเอ่ยปากให้ออกแล้วเราก็ออกเลย ถ้าเขาไม่จ่ายชดเชยเราก็ฟ้องกรมแรงงานเลย ไปขู่เขาแล้วยังกลับไปทำงานกับเขา รับรองจบไม่สวยแน่นอน
ความคิดเห็นที่ 28
ขอเพิ่มเติมนะคะ เนื่องจากบางคอมเม้นต์อาจจะมีการเข้าใจผิดไป
เราไม่ค่อยแน่ใจกับกฎระเบียบของบริษัทที่ทำอยู่มากนัก เพราะเราเป็นพนักงานของบริษัทรุ่นแรก (ก่อนหน้านี้ภรรยาและญาติของเขาเป็นคนดู) จึงทำให้เรากับพนักงานอีกคน มีหน้าที่วางระบบใหม่ภายในบริษัทกันหมดเลย (เราเลยอิงตามกฎหมายแรงงานเป็นหลัก เพราะเจ้านายเป็นคนแจ้งด้วยตนเอง ว่าให้พวกเราจัดระบบบริษัทให้เป็นเหมือนกฎหมายแรงงานไปเลย)
สำหรับเรื่องลาป่วย ตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยลา และก่อนหน้านี้เราเห็นพนักงานอีกคนเคยลาป่วย 2 ครั้ง โดยที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ ทางเจ้านายก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือเขาไปตักเตือนกันเองภายหลังหรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่ทราบได้ แต่ทั้งนี้ เจ้านายก็ไม่ได้ทวงถามถึงใบรับรองแพทย์กับพนักงานอีกคนนะคะ
ปล. สุดท้ายแล้วเราก็มีใบรับรองแพทย์ให้เขาค่ะ เพราะเราป่วยจริงๆ
อาจจะผิดที่เราค่ะ ที่ป่วยหลังการหยุดยาว เลยทำให้เจ้านายไม่พอใจ เกิดอาการเครียด เลยใช้คำพูดแบบนั้นกับเรา
อีกนิดนึงนะคะ เรารู้สึกว่าเขาเอาเปรียบลูกจ้างมากเกินไป อย่างเช่น ทำงานล่วงเวลาไม่มีค่าโอทีให้ วันไหนที่เขาเข้าออฟฟิศ วันนั้นเตรียมตัวได้เลยค่ะว่าเวลาพักกลางวันจะมีแค่10-20นาที เพราะถ้าเราทานข้าวเสร็จเมื่อไหร่ เขาสั่งงานต่อไปแล้วให้เราเริ่มทำทันที ไม่ดูเวลาว่ามันคือเวลาพักหรือเวลาทำงาน แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในเมื่อไม่มีใครแย้ง ก็ต้องก้มหน้าทำงานต่อไป
ปัจจุบันเราลาออกจากที่นี่ และได้งานใหม่แล้วค่ะ
ขอบคุณความคิดเห็นของทุกท่านนะคะ 😊
เราไม่ค่อยแน่ใจกับกฎระเบียบของบริษัทที่ทำอยู่มากนัก เพราะเราเป็นพนักงานของบริษัทรุ่นแรก (ก่อนหน้านี้ภรรยาและญาติของเขาเป็นคนดู) จึงทำให้เรากับพนักงานอีกคน มีหน้าที่วางระบบใหม่ภายในบริษัทกันหมดเลย (เราเลยอิงตามกฎหมายแรงงานเป็นหลัก เพราะเจ้านายเป็นคนแจ้งด้วยตนเอง ว่าให้พวกเราจัดระบบบริษัทให้เป็นเหมือนกฎหมายแรงงานไปเลย)
สำหรับเรื่องลาป่วย ตั้งแต่ทำงานมาเราไม่เคยลา และก่อนหน้านี้เราเห็นพนักงานอีกคนเคยลาป่วย 2 ครั้ง โดยที่ไม่มีใบรับรองแพทย์ ทางเจ้านายก็ไม่ได้ว่าอะไร หรือเขาไปตักเตือนกันเองภายหลังหรือเปล่าอันนี้เราก็ไม่ทราบได้ แต่ทั้งนี้ เจ้านายก็ไม่ได้ทวงถามถึงใบรับรองแพทย์กับพนักงานอีกคนนะคะ
ปล. สุดท้ายแล้วเราก็มีใบรับรองแพทย์ให้เขาค่ะ เพราะเราป่วยจริงๆ
อาจจะผิดที่เราค่ะ ที่ป่วยหลังการหยุดยาว เลยทำให้เจ้านายไม่พอใจ เกิดอาการเครียด เลยใช้คำพูดแบบนั้นกับเรา
อีกนิดนึงนะคะ เรารู้สึกว่าเขาเอาเปรียบลูกจ้างมากเกินไป อย่างเช่น ทำงานล่วงเวลาไม่มีค่าโอทีให้ วันไหนที่เขาเข้าออฟฟิศ วันนั้นเตรียมตัวได้เลยค่ะว่าเวลาพักกลางวันจะมีแค่10-20นาที เพราะถ้าเราทานข้าวเสร็จเมื่อไหร่ เขาสั่งงานต่อไปแล้วให้เราเริ่มทำทันที ไม่ดูเวลาว่ามันคือเวลาพักหรือเวลาทำงาน แต่ก็นั่นแหละค่ะ ในเมื่อไม่มีใครแย้ง ก็ต้องก้มหน้าทำงานต่อไป
ปัจจุบันเราลาออกจากที่นี่ และได้งานใหม่แล้วค่ะ
ขอบคุณความคิดเห็นของทุกท่านนะคะ 😊
ความคิดเห็นที่ 2
จขกทอ้างระเบียบการจ้างงานนู้นนี้นั้น แต่พอทางฝ่ายนายจ้างทำตามระเบียบคือ ขอใบรับรองแพทย์
จขกทกลับบ่นว่า....คำถามคือ เราป่วย เราอยากพักผ่อน เรายังต้องหอบสังขารไป รพ. เพื่อเอาใบรับรองแพทย์อีกเหรอ
คือเราไม่สบายไม่พอ ยังปวดท้องประจำเดือนอีกด้วย (ผู้หญิงรู้ดีค่ะ ว่าปวดท้องประจำเดือนมันทรมาณขนาดไหน)
เฮ่อ!
จขกทกลับบ่นว่า....คำถามคือ เราป่วย เราอยากพักผ่อน เรายังต้องหอบสังขารไป รพ. เพื่อเอาใบรับรองแพทย์อีกเหรอ
คือเราไม่สบายไม่พอ ยังปวดท้องประจำเดือนอีกด้วย (ผู้หญิงรู้ดีค่ะ ว่าปวดท้องประจำเดือนมันทรมาณขนาดไหน)
เฮ่อ!

แสดงความคิดเห็น
เข็ดแล้วกับบริษัทเล็ก ระบบครอบครัว
ก่อนหน้านี้เราเคยตั้งกระทู้ถามพี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปค่ะ ว่าควรออกจากบริษัทเก่า ไปทำบริษัทเล็ก แต่เงินเดือนเพิ่มขึ้นไหม
คำตอบก็มีหลากหลายกันไปค่ะ สรุปแล้วเราตัดสินใจออกมาทำบริษัทเล็กนะคะ
อยากจะบอกว่าคิดผิดมากๆค่ะ ไม่น่าทิ้งเซฟโซนที่ที่เราอยู่มานานเลย
เรื่องมีอยู่ว่าก่อนที่เราตัดสินใจจะไปทำที่ใหม่ เจ้าของบริษัทพูดกับเราดีมากค่ะ โน้มน้าวให้เรามาทำ จนมารู้ความจริงค่ะว่าเขาหลอกเรามาทำก็เมื่อตอนเข้ามาทำงานแล้ว
ตอนที่เรายังไม่ได้ตกลงมาทำ เราได้ถามถึงพนักงานบริษัทว่ามีกี่คนอะไรยังไงกับเจ้าของบริษัทไป เขาตอบได้หมด ว่ามีกี่คน แต่ละคนทำหน้าอะไร แต่พอมาจริงๆกลับมีพนักงานแค่ 2 คน (เรากับพนักงานใหม่ที่เขาเพิ่งรับเข้ามาเหมือนกัน)
ตอนแรกยอมรับว่าช็อคค่ะ
และเรื่องลักษณะงานที่เราต้องรับผิดชอบ ก็คุยกันชัดเจนว่าทำอะไรบ้างก่อนที่จะตกลงเริ่มงาน
แต่พอมาจริงๆ ทำงานจับฉ่ายหนักมากค่ะ ทำสากกระเบือยันเรือรบ เป็นทุกอย่างให้เธอแล้ว
ทั้งเปิดบิล ยื่นภาษีบริษัท รับคนเข้าทำงาน แอดมินดูแลเพจหลังบ้าน จัดซื้อ ดูสต็อก รับของเองเวลา sup มาส่งของ และยังต้องมาเป็นเซลล์อีก ชนิดที่ว่าออกจากที่นี่ไป เปิดบริษัทเองได้เลย
และส่วนมากทางเจ้าของบริษัทจะเน้นยอดขาย เขาก็จะมาบีบเราว่าได้ลูกค้าไหม ปิดยอดนี้ได้หรือยัง บลาๆๆ แต่เขาไม่นึกถึงว่างานแต่ละวันที่เขาสั่งมันเยอะมากๆ ยิ่งงานเอกสารยิ่งเยอะสุดๆ (ก่อนมาทำบอกไม่เยอะ มีคนช่วยดู)
สรุปก็คือโดนหลอกมาทำนั่นแหละค่ะ เลยกะว่าจะทำให้ครบ4เดือนแล้วจะลาออก
แต่บังเอิญเรื่องมันดันมาเกิดซะก่อน ต้องขออธิบายก่อนนะคะ ว่านิสัยส่วนตัวเจ้าของบริษัทพูดจาโผงผาง คิดจะพูดก็พูดออกมาเลย ด่าคำหยาบกับพนักงาน (ต่างจากตอนอยากได้เรามาเป็นพนักงานสุดๆ)
แล้ววันหยุดสงกรานต์ที่ผ่านมา ทางบริษัทกำหนดให้หยุดตามกำหมายแรงงานเป็นปกติ แต่หลังจากที่เราหยุดยาว เรามีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว ปวดหัวตัวร้อน เข้าห้องน้ำบ่อย เราเลยไลน์ไปแจ้งเจ้าของบริษัทว่า ขอลาป่วย 1 วัน แต่สิ่งที่เขาตอบกลับมาคือ “ลาออกไปเลยครับน้อง” นั่นคือสิ่งที่เขาพิมพ์กลับมาหาเรา
เราเลยโทรไปเผื่อที่จะถามเหตุผลว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็โดนเขาตัดสายถึง 2 รอบ เราเลยใช้อีกเบอร์ที่เขาไม่รู้จักโทรไป ปรากฎว่าเขารับสายนี้
เราก็ถามถึงเหตุผลว่าทำไมถึงให้ออกกระทันหัน เขาตอบกลับมาประมาณว่าเขาให้เราหยุดสงกรานต์เยอะแล้ว แล้วเรามาขอลาป่วยเพิ่มอีก 1 วัน เขาบอกว่ามันไม่ใช่ เหมือนว่าเรากุเรื่องป่วยขึ้นมาเพื่อเป็นข้ออ้างในการหยุด ซึ่งเราก็บอกเขาไปตามตรงว่าเราป่วยจริงๆ เขาก็ยืนยันจะให้เราออก
เราเลยแจ้งเขาเรื่องสิทธิที่ลูกจ้างควรได้รับจากนายจ้างโดยการไม่บอกกล่าวล่วงหน้าว่าให้ออก อาจจะต้องมีค่าบอกกล่าวให้กับเรานะ
เขาได้ยินไปเขาก็เงียบไปสักพัก แล้วบอกกับเราว่างั้นก็ไปเอาใบรับรองแพทย์มา แล้วพรุ่งนี้มาทำงานปกติ
คือตอนนั้นยอมรับเลยค่ะว่าเสียความรู้สึกสุดๆ ไม่มีคำอะไรจะพูดต่อเลย
หลังจากวางสายไม่นาน เขาก็ให้พนักงานอีกคนโทรมาเกลี่ยกล่อมเรา (น่าจะไปเช็คกฎหมายแรงงานมาแล้ว) พนักงานคนนั้นก็พูดเข้าข้างเขานะคะ ว่าเมื่อเช้าเขาน่าจะเครียด เพราะลูกค้าเคลมสินค้า แล้ววันนี้เขาตั้งใจจะประชุม แต่เราไม่ได้ไป การประชุมเลยไม่ได้เริ่มขึ้น คำถามคือ แล้วเราผิดอะไร เราก็ใช้สิทธิในการลาป่วยตามปกติ (ตั้งแต่ทำงานมา ไม่เคยลาเลยสักครั้ง) เขาจะมาหงุดหงิดแล้วลงที่เราได้เหรอ แล้วพนักงานคนนั้นก็บอกกับเราค่ะ ว่าเราก็รู้ว่าเจ้านายนิสัยเขาเป็นยังไง ให้เราทำเป็นลืมๆ ไม่ต้องคิดอะไร แล้วพรุ่งนี้ก็กลับเข้าไปทำงานเหมือนเดิม แล้วเอาใบรับรองแพทย์มาให้ดูด้วยว่าป่วยจริง
คำถามคือ เราป่วย เราอยากพักผ่อน เรายังต้องหอบสังขารไป รพ. เพื่อเอาใบรับรองแพทย์อีกเหรอ
คือเราไม่สบายไม่พอ ยังปวดท้องประจำเดือนอีกด้วย (ผู้หญิงรู้ดีค่ะ ว่าปวดท้องประจำเดือนมันทรมาณขนาดไหน)
แล้วการทำงานเราก็ทำเต็มที่ ถึงงานจะจับฉ่าย ก็ทำเสร็จลุล่วงตามเป้าหมาย และทำออกมาได้ดี เขาจะมาใช้อารมณ์ชั่ววูบกับพนักงานแบบนี้ก็ได้เหรอ
ที่ส่วนใหญ่ที่เจอ บริษัทเล็กแทบจะไม่มีระบบ ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าของล้วนๆ คิดว่าคงไม่เป็นเหมือนกันทุกที่ แต่เท่าที่เจอมาก็มีแต่แบบนี้
ท้อเลยค่ะเจอแบบนี้ 🥲🥲🥲🥲
ขอบคุณพื้นที่พันทิปในการระบายค่ะ