ต้องอธิบายก่อนว่า ผมเป็นโรค "กลัวการถูกจ้องมองหรือสบตา" แต่ผมไม่ได้กลัวคนอื่นถูกจ้องมองสบตาแบบที่เข้าใจกัน ผมแค่กลัวว่าคนที่ได้สบตาผมแล้วจะรู้สึกกลัวกับแววตาผมที่ดุๆของผม ผมได้ดวงตานี้มาจากพ่อ ถอดแบบมาเป๊ะๆเลย ตอนเด็กๆผมเห็นเวลาพ่อผมทะเลาะกับใครนี่ แววตาน่ากลัวอย่างกับยักษ์มาร เวลาผมไปซื้อของในร้านซะดวกซื้อ หรือเดินผ่านคนที่ไม่รู้จักแล้วผมจำเป็นต้องสบตา ผมเห็นบางคนที่ได้สบตาผมทำหน้าเหวอๆ บางคนก็ก้มหน้าหลบไปเลย และก็มีบางคนเหมือนจะเฉยๆกับแววตาผม บางคนยิ้มให้เลยซะด้วยซ้ำเหมือนเขาเข้าใจผม ผมยิ้มไม่เก่งและควบคุมแววตาไม่ค่อยได้ ผมเคยฝืนมันแล้วรู้สึกเมื่อยหน้ามาก ถ้าไม่จำเป็นจะไม่เสแสร้งยิ้มเลย รอยยิ้มและแววตาที่ดูเป็นมิตรของผมจะเกิดขึ้นตามอารมณ์ความรู้สึกจากภายในใจของผมจริงๆเท่านั้น ถ้าผมรู้สึกสบายผ่อนคลายมีความสุขจริงๆหน้าก็จะยิ้มและแววตาจะดูเป็นมิตรไปแบบ Auto เลยครับ ผมเลยไม่ค่อยสบตาคนที่ไม่รู้จักหรือไม่สนิท เกิน 2 วิ ถ้าไม่มีเหตุผลหรือไม่มีอะไรจะพูดผมจะไม่สบตาใครเลย ถือเป็นมารยาทจากผม ผมจะสบตาคนกลุ่มนี้แค่เฉพาะเมื่อตอนมีเรื่องจะพูดด้วยเท่านั้น ส่วนคนที่รู้จักผมดีหรือคนในครอบครัวเขาก็เฉยๆฉินกับผมไปแล้ว
เข้าเรื่องครับ ปัจจุบันอายุผมปีนี้จะเข้า 27 แล้ว แล้วผู้หญิงที่ว่านี่อายุ 16 เป็นลูกจ้างของแม่ผมที่ถูกจ้างมาให้ช่วยงานในร้านได้ 2-3 เดือนแล้วครับ หน้าตาเขาก็ใช้ได้ ถ้าโตมากกว่านี้ต้องสวยมากกว่านี้แน่ๆ หุ่นดีตัวสูง 170 เลยแหละครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา เพราะผมไม่เคยมีเพื่อนเป็นผู้หญิงเลยสักคน ผมเลยไม่ชิน ไม่เข้าใจ ไม่รู้นิสัยผู้หญิง เลยไม่อยากยุ่งด้วย เพราะเห็นว่ายังเด็กอยู่ แล้วผมก็ไม่ค่อยชอบเด็กอายุประมาณนี้ เพราะสมัยผมอายุเท่านั้น ผมแสบหัวรั้นชอบต่อต้านขวางโลกไม่เคารพผู้ใหญ่เถียงคำไม่ตกฟากคิดแต่จะเอาชนะบบถ้าแถไม่ได้ก็หน้าด้านมันไปเลยเป็นเอามาก รุ่นผมก็ว่ามีแบบผมเยอะมากแล้วนะ รุ่นนี้เยอะกว่าและแรงกว่าตามความทันสมัยของเทคโนโลยี ผมนึกย้อนไปวัยนั้นผมเกลียดตัวเองมาก ไม่รู้ทำไปได้ยังไงให้ แต่ผมก็ชอบผู้หญิงนะ เวลามีอารมณ์ผมก็ปลดปล่อยกับผู้หญิง ผมเคยมีแฟน 2-3 คน แต่ก็เลิกกัน เพราะต่างกันสุดขั้ว ผมเป็นคนอยู่ติดบ้านไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ชอบที่คนเยอะๆ ถ้าไปเที่ยวก็ ทะเล น้ำตก แต่ผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาในชีวิต เจอแต่แบบเดียวกันหมด คือชอบเที่ยวกลางคืน บางคนผมเคยขุดประวัติเจอเสพยา บางคนก็แอบมีคุยกับคนอื่นๆ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าพวกนี้หวังมาหาผลประโยชน์จากผมแน่ๆ เพราะภายนอกผมดูเหมือนคนอ่อนต่อโลก แต่ถ้าเป็นคนรู้จักผมจริงๆจะรู้ดีว่าลึกๆผมเป็นพวกบ้าสุดโต่งมาก สิ่งที่ผู้หญิงพวกนั้นทำผมก็เคยทำ ช่วงที่เคยทำนั้นผมอายุ 17-18 ทำไปเพราะแค่อยากรู้อยากลอง พอได้รู้ได้ลองแล้วผมก็ไม่ทำอีก ที่ลองทำไม่ได้ชอบเลย แค่ทำเพิ่มประสบการ์ณให้ตัวเอง ผมเลยรู้ทันพวกนี้ ผมยังไม่เคยได้คบผู้หญิงดีๆแบบปกติทั่วไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งทำให้ผมเป็นคนเย็นชามากขึ้น เริ่มเฉยๆและปล่อยวางไม่สรรหาแล้ว ไม่อยากเอาเรื่องผู้หญิงมาทำให้ปวดหัว ตามคำคมที่ว่า "ยิ่งอายุเรามากขึ้น เราจะยิ่งรักใครยากขึ้น"
เข้าประเด็นหลักเลยนะครับ
หลังจากลูกจ้างคนเก่าของแม่ผมได้ลาออกไป แม่ผมก็ได้ลูกจ้างคนใหม่ เด็กผู้หญิงอายุ 16 ปีคนนี้ มาวันแรกเธอก็ไม่ทักไม่ทาย ไม่แนะนำตัวอะไรกับผมเลย แม้แต่ชื่อก็ไม่บอกผม ผมก็เฉยๆไม่อะไรนะ ถ้าคิดว่าแค่มาทำงานไม่ได้สนใจจะสร้างมิตรไมตรีอะไรกับผมก็ดี เวลาเดือดร้อนมีปัญหาผมก็ไม่ต้องรู้สึกสงสารเปลืองแรงไปช่วย ตัวใครตัวมัน ผมไม่ได้ซีเรียสบ้าความอาวุโสว่าใคร เด็กกว่าอายุน้อยกว่าต้องมาไหว้เคารพผมตามมารยาทนะ ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณก็รู้นิสัยสมัยวัยว้าวุ่นของผมไปแล้ว ผมเพิ่งจะมาเปลี่ยนนิสัยตอนอายุ 23 เองครับ เพราะเรื่องงานและการเข้าสังคมในองค์กรมันจำเป็น ไม่งั้นก็ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เป็นตัวปัญหาเป็นแกะดำ
น้องผู้หญิงคนนี้ไม่เคยปริปากพูดกับผมเลยสักคำ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ทำกับผมคือ การแอบมอง ทุกครั้งที่ผมอยู่ใยระยะสายตาของน้อง จะต้องหันมองมา 1 ครั้ง ประมาณ 3 วินาทีแล้วก็หันกลับไป แน่นอนครับ ผมไม่สบตาเขาเพราะเป็นมารยาทของผมกับคนที่ไม่สนิท แต่หางตาผมเห็นนะว่ามองอยู่ ตอนผมเดินสวนน้องออกไปนอกบ้าน น้องก็แอบหันหัวตามมามองตามหลังผม หางตาผมเห็นจังหวะที่ผมกำลังจะเดินพ้นตัวน้องไปพอดีแล้วน้องก็ค่อยๆหันหัวตามหลังผมมาตอนนั้น นั้นคือสัปดาห์แรกนะครับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
หนึ่งเดือนผ่านไปน้องก็ยังแอบมองผมเหมือนเดิม มีอยู่ครั้งนึง น้องล้างจานอยู่ และมีกระจกแขวนอยู่ด้านหน้าน้อง ผมก็เดินผ่านน้องไปที่ตู้เย็นจะเอาของกินออกมาจากในตู้เย็น ตู้เย็นของบ้านผมเป็นแบบกระจกใส ถ้าแสงหรือมุมพอดีก็พอสะท้อนเป็นกระจกแบบเห็นลางๆได้อยู่ สิ่งที่ผมเห็นในกระจกตู้เย็นคือน้องหันหัวตามมามองผมถึงตู้เย็น พอผมหยิบของเสร็จปิดตู้เย็นเดินกลับ ผมใช้หางตาดูว่าน้องยังมองอยู่มั้ย ก็ไม่ ผมเลยมองไปที่กระจกที่อยู่หน้าน้อง สิ่งที่ผมเห็นคือ สายตาน้องจ้องดูผมจากในกระจก
คือผมเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดๆแล้ว อะไรของมันนักหนา มันต้องการอะไร มองแบบแอบชอบก็ไม่น่าจะใช่ ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นเลย มันมองมาแบบหน้านิ่งๆปกติ
ผมเคยมีผู้หญิงแอบชอบแอบมองผมอยู่ 5 คนสมัยเรียน ม.ปลาย ต้องบอกก่อนเลยว่าช่วงนั้นผมขี้อายมากเวลาโดนผู้หญิงจู่โจมผมไปไม่ถูกเลย เหมือนมันสลับผมให้เป็นผู้หญิง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นผู้ชาย
คนที่ 1.ห้องเรียนอยู่ถัดจากผมถึงสามห้องพอพักเที่ยงก็มานั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าห้องผมทุกวันมานั่งยิ้มๆอยู่คนเดียว พอผมเผลอก็แอบมอง บางวันก็พาเพื่อนมานั่งเล่นด้วยหัวเราะคิกคักเหมือนเรียกร้องความสนใจ แล้วก็แอบมองผม
คนที่ 2.เป็นรุ่นพี่เป็นคนนำสวดมนต์หลังเคารพธงชาติ เวลาสวดมนต์เขาสวดบนอาคารชั้น 1 ส่วนนักเรียนคนอื่นๆก็ยืนตากแดดอยู่บนสนาม ทุกครั้งที่พี่เขาออกมาสวนมนต์จะต้องจ้องมองมาที่ผมคนเดียว ตอนนั้นผมสูง 177ซม.ตัวสูงก็อยู่แถวหลังๆ มันไม่ใช่เรื่องบัญเอิญแน่ๆ เขาสวดมนต์ไปยิ้มไปให้ผม ยิ้มแบบไม่ได้ใช้ปาก แต่ยิ้มด้วยสายตา
คนที่ 3.ไม่ค่อยแอบมอง แต่ส่งจิ๊กโก๋ประจำห้องตัวเองมาลากผมไปหาเฉยเลย ตอนโดนก็ตกใจ ไม่เคยมีปัญหากับมัน อยู่ๆก็ดึงแขนแล้วบอกมานี่หน่อย พาผมมาหาหญิงคนที่ 3 พอได้มาเจอกันใกล้ๆเขาก็หัวเราะแบบเขินๆ หลบหน้าผม ส่วนผมก็ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงพูดยังไง ผมก็เขินมากแบบอยู่ภายใน แต่ภายนอกผมพยายามเก็บอาการ แล้วมีเพื่อนมันอยู่ในห้องอีก 10 คน ผมก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก แล้วเดินออกแล้วกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อตั้งสติ
ส่วนคนที่ 4 กับ 5 นี่ เป็นรุ่นพี่ ไม่ค่อยมีโอกาศได้เจอกัน แต่ก็เดินสวนกันบ้าง ก็มองมากันตรงๆพร้อมรอยยิ้มและรอยยิ้มจากสายตา
ผู้หญิงทั้งหมด 5 คนที่กล่าวมานี่ ผมไม่ได้คบคบหาออกเดทสักคนเลยนะครับ เพราะผมตอนนั้นผมขี้อายกับเรื่องแบบนี้มากแบบเก็บอาการสุดขีด จนพวกเขาท้อเห็นผมนิ่งๆคงคิดว่าผมไม่รู้สึกอะไร คงคิดว่าผมไม่ได้ชอบด้วย พวกเขาก็ค่อยๆเลิกสนใจผมไปในที่สุด ทุกวันนี้ผมยังเจ็บใจรู้สึกเสียดายอยู่เลยที่ปล่อยโอกาศให้ผ่านไป ถ้าเป็นผมในตอนนี้ผู้หญิงให้ท่าให้สัญญาณอย่างชัดเจนขนาดนั้นผมคงไม่ลังเล
กลับมาเรื่องน้องผู้หญิงที่เป็นประเด็น กับคนทั่วไปการถูกแอบมองถี่ๆแบบนี้ผมไม่รู้ว่าคนทั่วไปจะคิดยังไง หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลย อยากมองก็มองไป แต่สำหรับคนที่ "กลัวการถูกมอง" แบบผมนี่ถือเป็นการท้าทายผมอย่างแรง ตั้งใจกวนTeen หาเรื่อง ตั้งใจเป็นศัตรู นินทาอยู่ในใจ หรือ มองเป็นตัวประหลาด ถ้าเป็นบางคนอาจหลอนจะหวาดระแวงไปเลยว่าอีนี่มันคิดอะไรอยู่ คิดเรื่องไม่ดีกับเรารึป่าว น้องมองผมไม่ได้รู้สึกถึงความชอบเลย น้องมองมานิ่งๆ ประมาณว่าหน้าผมเหมือนพ่-งน้องเหรอถึงได้มองจัง พูดโต้ตอบกับแม่ผมที่เป็นผู้จ้างวานนะ แต่ไม่เคยปริปากคุยกับผมและพ่อผมเลยนะ พอเข้าใจได้นะว่าเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ไม่อยากยุ่งกับใคร ถ้าไม่ใช่เจ้านายที่ให้เงิน แต่ถ้าไม่อยากสุงสิงกับผมแล้วแอบมองหน้าหาพ่-ง ผ่านไป 2 เดือนก็ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ ความอดทนที่ผมมีก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ การเก็บกดของผมกับอีน้องนี่ก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้าเดือนที่ 3 ในปัจจุบัน ล่าสุด น้องมันยืนอยู่ใกล้บันไดทางขึ้นชั้น 2 ตอนผมเดินมาน้องมันก็ทำเป็นไม่ได้มองผม พอผมหันหน้าเข้าหาบันไดเท่านั้นแหละ มันก็หันมามองผมแล้วมอง Teen ผมที่กำลังถอดรองเท้าวางตรงบันได ผมใช้หางตาแอบมองกลับอยู่ตลอด หลังจากนั้นผมก็หมดความอดทน ผมเริ่มไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายได้มีเลือดติดปากมันไปเรียบร้อยแล้ว ผมเริ่มโต้ตอบกลับด้วยสายตา มาร ที่พ่อผมให้มา มองด้วยความรู้สึกรังเกียจ ล่าสุดเมื่อวานผมแกล้งทำเป็นนั่งเหม่อลอยตามองตรงแบบคิดอะไรเพลินๆ แต่จริงๆผมจะสังเกตุพฤติกรรมการแอบมองอีนี่โดยใช้หางตาแบบทุกที มันยังแอบมองผมเหมือนเดิม แต่รอบนี้เหมือนมันรู้ตัวแล้ว เพราะสังเกตุแววตาผมดูดุขึ้นกว่าปกติ มันเลยทำเดินมาใกล้ๆผมทำเป็นหยิบผ้าเช็ดโต๊ะ แล้วทำเป็นหันหัวหันตัวกลับไปแบบค่อยๆช้าๆพร้อมกับจ้องตาผมแล้วทำตาโตจ้องเขม็ง แล้วฮัมเพลง ฮื้อ...ฮือ... ชัดเจนแล้วว่า มันมองผมโดยที่คิดอะไรไม่ดีอยู่ในหัวมัน คงจะตั้งใจกวนTeenผม อาจจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคิดจะทำอะไรก็ได้ จะหาเรื่องผู้ชายยังไงก็ได้ แค่เป็นบอกว่าเป็นเพศแม่ ต่อให้ผู้ชายไม่ผิดถ้าอ้างเพศแม่ ผู้ชายจะดูเลวไปในทันที ก่อนหน้านี้มันอาจจะยังไม่รู้ว่าผมรู้ตัวนานแล้วว่ามันแอบมอง ผมไม่ค่อยมองคนตรงๆผมมักจะมองคนด้วยหางตา ผมเลยใช้หางตาได้ดีมาก ถ้าผมมองคนตรงๆมีอยู่ 3 กรณี
1.มีเรื่องอยากจะพูดด้วย หรือตั้งใจฟังคู่สนทนาของผมแล้วมองตาเพื่อเป็นการแสดงมารยาทว่าผมตั้งใจฟังคุณนะ
2.มีคนมองผมตามถนนทางเดินสถานที่ต่างๆ ผมเลยมองกลับเพื่อดูให้ชัดๆว่าเป็นคนรู้จักรึป่าว
3.มองด้วยสายตามาร รังเกียจ หมั่นไส้ เป็นการส่งสัญญาณท้าทายคนที่ผมมองว่า พร้อมจะแลกหมัดนะ จะเอามั้ย ถ้าจะเอาให้เดินเข้ามาเลย ไม่เอาก็หลบสายตาไป
หลังจากนั้นผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทำเป็นนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิมนะ แต่คราวนี้ผมเอาหัวพิงพนักเก้าอีก ทำเป็นเหม่อมองเพดาน เพื่อให้ระยะการใช้หางตามองของผมกว้างขึ้น ผมเห็นอีนี่กำลังยืนคุยกับแม่ผมอยู่โดยหน้าแม่ผมหันออกไปข้างนอก ส่วนหน้าอีนี่มันมาทางผม ผมรู้ว่าเดี๋ยวมันต้องหันมามองผมแน่นอน ผมเลยดักกะจังหวะหันหน้าไปพร้อมกับที่มันกำลังหันหน้ามาหาผมแบบพอดีเป๊ะด้วยสายตามารแบบเกียจชัง สะใจมาก มันถึงกับสะดุ้ง คอกระตุกแล้วหันหน้ากลับ
ผมเบื่อเล่นสงครามประสาทแบบนี้เต็มทีแล้ว อยากรู้ว่าอีนี่มันเป็นบ้าอะไรของมัน ต้องการอะไร ทำไปทำไม ทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะทำความรู้จักกัน ไม่เคยพูดโต้ตอบกับเลยสักคำ มาใช้สายตาเพื่ออะไร ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะ เจือก จะกวนTeen มีคำแนะให้ผมมั้ยครับว่าควรทพยังไง ควรเข้าไปถามอีนี่ตรงๆเลยดีมั้ยครับ เครียกันให้ค้างคาไปเลยว่ามีปัญญาหาอะไรกับผมมั้ย
ปล.นี่คือรูปผมถ่ายด้วยกล้องเว็บแคมตอนอายุ 18 นะครับ ที่เห็นในรูปนี่คือแววตาปกติของผม ยังไม่ได้โกรธใครมา
มีผู้หญิงคนนึงชอบมาแอบมองหน้าผม และผมก็รำคาญที่ทำแบบนี้มากๆ ผมควรทำยังไงดี
เข้าเรื่องครับ ปัจจุบันอายุผมปีนี้จะเข้า 27 แล้ว แล้วผู้หญิงที่ว่านี่อายุ 16 เป็นลูกจ้างของแม่ผมที่ถูกจ้างมาให้ช่วยงานในร้านได้ 2-3 เดือนแล้วครับ หน้าตาเขาก็ใช้ได้ ถ้าโตมากกว่านี้ต้องสวยมากกว่านี้แน่ๆ หุ่นดีตัวสูง 170 เลยแหละครับ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจอะไรเขา เพราะผมไม่เคยมีเพื่อนเป็นผู้หญิงเลยสักคน ผมเลยไม่ชิน ไม่เข้าใจ ไม่รู้นิสัยผู้หญิง เลยไม่อยากยุ่งด้วย เพราะเห็นว่ายังเด็กอยู่ แล้วผมก็ไม่ค่อยชอบเด็กอายุประมาณนี้ เพราะสมัยผมอายุเท่านั้น ผมแสบหัวรั้นชอบต่อต้านขวางโลกไม่เคารพผู้ใหญ่เถียงคำไม่ตกฟากคิดแต่จะเอาชนะบบถ้าแถไม่ได้ก็หน้าด้านมันไปเลยเป็นเอามาก รุ่นผมก็ว่ามีแบบผมเยอะมากแล้วนะ รุ่นนี้เยอะกว่าและแรงกว่าตามความทันสมัยของเทคโนโลยี ผมนึกย้อนไปวัยนั้นผมเกลียดตัวเองมาก ไม่รู้ทำไปได้ยังไงให้ แต่ผมก็ชอบผู้หญิงนะ เวลามีอารมณ์ผมก็ปลดปล่อยกับผู้หญิง ผมเคยมีแฟน 2-3 คน แต่ก็เลิกกัน เพราะต่างกันสุดขั้ว ผมเป็นคนอยู่ติดบ้านไม่ชอบเที่ยวกลางคืน ไม่ชอบที่คนเยอะๆ ถ้าไปเที่ยวก็ ทะเล น้ำตก แต่ผู้หญิงที่ผมเคยผ่านมาในชีวิต เจอแต่แบบเดียวกันหมด คือชอบเที่ยวกลางคืน บางคนผมเคยขุดประวัติเจอเสพยา บางคนก็แอบมีคุยกับคนอื่นๆ ผมรู้ได้ทันทีเลยว่าพวกนี้หวังมาหาผลประโยชน์จากผมแน่ๆ เพราะภายนอกผมดูเหมือนคนอ่อนต่อโลก แต่ถ้าเป็นคนรู้จักผมจริงๆจะรู้ดีว่าลึกๆผมเป็นพวกบ้าสุดโต่งมาก สิ่งที่ผู้หญิงพวกนั้นทำผมก็เคยทำ ช่วงที่เคยทำนั้นผมอายุ 17-18 ทำไปเพราะแค่อยากรู้อยากลอง พอได้รู้ได้ลองแล้วผมก็ไม่ทำอีก ที่ลองทำไม่ได้ชอบเลย แค่ทำเพิ่มประสบการ์ณให้ตัวเอง ผมเลยรู้ทันพวกนี้ ผมยังไม่เคยได้คบผู้หญิงดีๆแบบปกติทั่วไป ยิ่งนานวันก็ยิ่งทำให้ผมเป็นคนเย็นชามากขึ้น เริ่มเฉยๆและปล่อยวางไม่สรรหาแล้ว ไม่อยากเอาเรื่องผู้หญิงมาทำให้ปวดหัว ตามคำคมที่ว่า "ยิ่งอายุเรามากขึ้น เราจะยิ่งรักใครยากขึ้น"
เข้าประเด็นหลักเลยนะครับ
หลังจากลูกจ้างคนเก่าของแม่ผมได้ลาออกไป แม่ผมก็ได้ลูกจ้างคนใหม่ เด็กผู้หญิงอายุ 16 ปีคนนี้ มาวันแรกเธอก็ไม่ทักไม่ทาย ไม่แนะนำตัวอะไรกับผมเลย แม้แต่ชื่อก็ไม่บอกผม ผมก็เฉยๆไม่อะไรนะ ถ้าคิดว่าแค่มาทำงานไม่ได้สนใจจะสร้างมิตรไมตรีอะไรกับผมก็ดี เวลาเดือดร้อนมีปัญหาผมก็ไม่ต้องรู้สึกสงสารเปลืองแรงไปช่วย ตัวใครตัวมัน ผมไม่ได้ซีเรียสบ้าความอาวุโสว่าใคร เด็กกว่าอายุน้อยกว่าต้องมาไหว้เคารพผมตามมารยาทนะ ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ คุณก็รู้นิสัยสมัยวัยว้าวุ่นของผมไปแล้ว ผมเพิ่งจะมาเปลี่ยนนิสัยตอนอายุ 23 เองครับ เพราะเรื่องงานและการเข้าสังคมในองค์กรมันจำเป็น ไม่งั้นก็ทำงานร่วมกับใครไม่ได้ เป็นตัวปัญหาเป็นแกะดำ
น้องผู้หญิงคนนี้ไม่เคยปริปากพูดกับผมเลยสักคำ แต่มีอยู่สิ่งเดียวที่ทำกับผมคือ การแอบมอง ทุกครั้งที่ผมอยู่ใยระยะสายตาของน้อง จะต้องหันมองมา 1 ครั้ง ประมาณ 3 วินาทีแล้วก็หันกลับไป แน่นอนครับ ผมไม่สบตาเขาเพราะเป็นมารยาทของผมกับคนที่ไม่สนิท แต่หางตาผมเห็นนะว่ามองอยู่ ตอนผมเดินสวนน้องออกไปนอกบ้าน น้องก็แอบหันหัวตามมามองตามหลังผม หางตาผมเห็นจังหวะที่ผมกำลังจะเดินพ้นตัวน้องไปพอดีแล้วน้องก็ค่อยๆหันหัวตามหลังผมมาตอนนั้น นั้นคือสัปดาห์แรกนะครับ ผมก็ไม่ได้คิดอะไร
หนึ่งเดือนผ่านไปน้องก็ยังแอบมองผมเหมือนเดิม มีอยู่ครั้งนึง น้องล้างจานอยู่ และมีกระจกแขวนอยู่ด้านหน้าน้อง ผมก็เดินผ่านน้องไปที่ตู้เย็นจะเอาของกินออกมาจากในตู้เย็น ตู้เย็นของบ้านผมเป็นแบบกระจกใส ถ้าแสงหรือมุมพอดีก็พอสะท้อนเป็นกระจกแบบเห็นลางๆได้อยู่ สิ่งที่ผมเห็นในกระจกตู้เย็นคือน้องหันหัวตามมามองผมถึงตู้เย็น พอผมหยิบของเสร็จปิดตู้เย็นเดินกลับ ผมใช้หางตาดูว่าน้องยังมองอยู่มั้ย ก็ไม่ ผมเลยมองไปที่กระจกที่อยู่หน้าน้อง สิ่งที่ผมเห็นคือ สายตาน้องจ้องดูผมจากในกระจก
คือผมเริ่มรู้สึกรำคาญขึ้นมานิดๆแล้ว อะไรของมันนักหนา มันต้องการอะไร มองแบบแอบชอบก็ไม่น่าจะใช่ ไม่ได้รับรู้ถึงความรู้สึกนั้นเลย มันมองมาแบบหน้านิ่งๆปกติ
ผมเคยมีผู้หญิงแอบชอบแอบมองผมอยู่ 5 คนสมัยเรียน ม.ปลาย ต้องบอกก่อนเลยว่าช่วงนั้นผมขี้อายมากเวลาโดนผู้หญิงจู่โจมผมไปไม่ถูกเลย เหมือนมันสลับผมให้เป็นผู้หญิง แล้วผู้หญิงคนนั้นก็เป็นผู้ชาย
คนที่ 1.ห้องเรียนอยู่ถัดจากผมถึงสามห้องพอพักเที่ยงก็มานั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าห้องผมทุกวันมานั่งยิ้มๆอยู่คนเดียว พอผมเผลอก็แอบมอง บางวันก็พาเพื่อนมานั่งเล่นด้วยหัวเราะคิกคักเหมือนเรียกร้องความสนใจ แล้วก็แอบมองผม
คนที่ 2.เป็นรุ่นพี่เป็นคนนำสวดมนต์หลังเคารพธงชาติ เวลาสวดมนต์เขาสวดบนอาคารชั้น 1 ส่วนนักเรียนคนอื่นๆก็ยืนตากแดดอยู่บนสนาม ทุกครั้งที่พี่เขาออกมาสวนมนต์จะต้องจ้องมองมาที่ผมคนเดียว ตอนนั้นผมสูง 177ซม.ตัวสูงก็อยู่แถวหลังๆ มันไม่ใช่เรื่องบัญเอิญแน่ๆ เขาสวดมนต์ไปยิ้มไปให้ผม ยิ้มแบบไม่ได้ใช้ปาก แต่ยิ้มด้วยสายตา
คนที่ 3.ไม่ค่อยแอบมอง แต่ส่งจิ๊กโก๋ประจำห้องตัวเองมาลากผมไปหาเฉยเลย ตอนโดนก็ตกใจ ไม่เคยมีปัญหากับมัน อยู่ๆก็ดึงแขนแล้วบอกมานี่หน่อย พาผมมาหาหญิงคนที่ 3 พอได้มาเจอกันใกล้ๆเขาก็หัวเราะแบบเขินๆ หลบหน้าผม ส่วนผมก็ยืนนิ่ง ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงพูดยังไง ผมก็เขินมากแบบอยู่ภายใน แต่ภายนอกผมพยายามเก็บอาการ แล้วมีเพื่อนมันอยู่ในห้องอีก 10 คน ผมก็ยิ่งทำอะไรไม่ถูก แล้วเดินออกแล้วกลับเข้าห้องตัวเองเพื่อตั้งสติ
ส่วนคนที่ 4 กับ 5 นี่ เป็นรุ่นพี่ ไม่ค่อยมีโอกาศได้เจอกัน แต่ก็เดินสวนกันบ้าง ก็มองมากันตรงๆพร้อมรอยยิ้มและรอยยิ้มจากสายตา
ผู้หญิงทั้งหมด 5 คนที่กล่าวมานี่ ผมไม่ได้คบคบหาออกเดทสักคนเลยนะครับ เพราะผมตอนนั้นผมขี้อายกับเรื่องแบบนี้มากแบบเก็บอาการสุดขีด จนพวกเขาท้อเห็นผมนิ่งๆคงคิดว่าผมไม่รู้สึกอะไร คงคิดว่าผมไม่ได้ชอบด้วย พวกเขาก็ค่อยๆเลิกสนใจผมไปในที่สุด ทุกวันนี้ผมยังเจ็บใจรู้สึกเสียดายอยู่เลยที่ปล่อยโอกาศให้ผ่านไป ถ้าเป็นผมในตอนนี้ผู้หญิงให้ท่าให้สัญญาณอย่างชัดเจนขนาดนั้นผมคงไม่ลังเล
กลับมาเรื่องน้องผู้หญิงที่เป็นประเด็น กับคนทั่วไปการถูกแอบมองถี่ๆแบบนี้ผมไม่รู้ว่าคนทั่วไปจะคิดยังไง หรืออาจจะไม่คิดอะไรเลย อยากมองก็มองไป แต่สำหรับคนที่ "กลัวการถูกมอง" แบบผมนี่ถือเป็นการท้าทายผมอย่างแรง ตั้งใจกวนTeen หาเรื่อง ตั้งใจเป็นศัตรู นินทาอยู่ในใจ หรือ มองเป็นตัวประหลาด ถ้าเป็นบางคนอาจหลอนจะหวาดระแวงไปเลยว่าอีนี่มันคิดอะไรอยู่ คิดเรื่องไม่ดีกับเรารึป่าว น้องมองผมไม่ได้รู้สึกถึงความชอบเลย น้องมองมานิ่งๆ ประมาณว่าหน้าผมเหมือนพ่-งน้องเหรอถึงได้มองจัง พูดโต้ตอบกับแม่ผมที่เป็นผู้จ้างวานนะ แต่ไม่เคยปริปากคุยกับผมและพ่อผมเลยนะ พอเข้าใจได้นะว่าเป็นคนเงียบๆไม่สุงสิงกับใคร ไม่อยากยุ่งกับใคร ถ้าไม่ใช่เจ้านายที่ให้เงิน แต่ถ้าไม่อยากสุงสิงกับผมแล้วแอบมองหน้าหาพ่-ง ผ่านไป 2 เดือนก็ยังคงเป็นแบบเดิมอยู่ ความอดทนที่ผมมีก็เริ่มน้อยลงเรื่อยๆ การเก็บกดของผมกับอีน้องนี่ก็ได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เข้าเดือนที่ 3 ในปัจจุบัน ล่าสุด น้องมันยืนอยู่ใกล้บันไดทางขึ้นชั้น 2 ตอนผมเดินมาน้องมันก็ทำเป็นไม่ได้มองผม พอผมหันหน้าเข้าหาบันไดเท่านั้นแหละ มันก็หันมามองผมแล้วมอง Teen ผมที่กำลังถอดรองเท้าวางตรงบันได ผมใช้หางตาแอบมองกลับอยู่ตลอด หลังจากนั้นผมก็หมดความอดทน ผมเริ่มไม่ไหวแล้ว ถ้าเป็นผู้ชายได้มีเลือดติดปากมันไปเรียบร้อยแล้ว ผมเริ่มโต้ตอบกลับด้วยสายตา มาร ที่พ่อผมให้มา มองด้วยความรู้สึกรังเกียจ ล่าสุดเมื่อวานผมแกล้งทำเป็นนั่งเหม่อลอยตามองตรงแบบคิดอะไรเพลินๆ แต่จริงๆผมจะสังเกตุพฤติกรรมการแอบมองอีนี่โดยใช้หางตาแบบทุกที มันยังแอบมองผมเหมือนเดิม แต่รอบนี้เหมือนมันรู้ตัวแล้ว เพราะสังเกตุแววตาผมดูดุขึ้นกว่าปกติ มันเลยทำเดินมาใกล้ๆผมทำเป็นหยิบผ้าเช็ดโต๊ะ แล้วทำเป็นหันหัวหันตัวกลับไปแบบค่อยๆช้าๆพร้อมกับจ้องตาผมแล้วทำตาโตจ้องเขม็ง แล้วฮัมเพลง ฮื้อ...ฮือ... ชัดเจนแล้วว่า มันมองผมโดยที่คิดอะไรไม่ดีอยู่ในหัวมัน คงจะตั้งใจกวนTeenผม อาจจะคิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงคิดจะทำอะไรก็ได้ จะหาเรื่องผู้ชายยังไงก็ได้ แค่เป็นบอกว่าเป็นเพศแม่ ต่อให้ผู้ชายไม่ผิดถ้าอ้างเพศแม่ ผู้ชายจะดูเลวไปในทันที ก่อนหน้านี้มันอาจจะยังไม่รู้ว่าผมรู้ตัวนานแล้วว่ามันแอบมอง ผมไม่ค่อยมองคนตรงๆผมมักจะมองคนด้วยหางตา ผมเลยใช้หางตาได้ดีมาก ถ้าผมมองคนตรงๆมีอยู่ 3 กรณี
1.มีเรื่องอยากจะพูดด้วย หรือตั้งใจฟังคู่สนทนาของผมแล้วมองตาเพื่อเป็นการแสดงมารยาทว่าผมตั้งใจฟังคุณนะ
2.มีคนมองผมตามถนนทางเดินสถานที่ต่างๆ ผมเลยมองกลับเพื่อดูให้ชัดๆว่าเป็นคนรู้จักรึป่าว
3.มองด้วยสายตามาร รังเกียจ หมั่นไส้ เป็นการส่งสัญญาณท้าทายคนที่ผมมองว่า พร้อมจะแลกหมัดนะ จะเอามั้ย ถ้าจะเอาให้เดินเข้ามาเลย ไม่เอาก็หลบสายตาไป
หลังจากนั้นผมก็ยังนั่งอยู่ที่เดิม ทำเป็นนั่งเหม่ออยู่เหมือนเดิมนะ แต่คราวนี้ผมเอาหัวพิงพนักเก้าอีก ทำเป็นเหม่อมองเพดาน เพื่อให้ระยะการใช้หางตามองของผมกว้างขึ้น ผมเห็นอีนี่กำลังยืนคุยกับแม่ผมอยู่โดยหน้าแม่ผมหันออกไปข้างนอก ส่วนหน้าอีนี่มันมาทางผม ผมรู้ว่าเดี๋ยวมันต้องหันมามองผมแน่นอน ผมเลยดักกะจังหวะหันหน้าไปพร้อมกับที่มันกำลังหันหน้ามาหาผมแบบพอดีเป๊ะด้วยสายตามารแบบเกียจชัง สะใจมาก มันถึงกับสะดุ้ง คอกระตุกแล้วหันหน้ากลับ
ผมเบื่อเล่นสงครามประสาทแบบนี้เต็มทีแล้ว อยากรู้ว่าอีนี่มันเป็นบ้าอะไรของมัน ต้องการอะไร ทำไปทำไม ทั้งๆที่ไม่เคยคิดจะทำความรู้จักกัน ไม่เคยพูดโต้ตอบกับเลยสักคำ มาใช้สายตาเพื่ออะไร ถ้าไม่ได้ตั้งใจจะ เจือก จะกวนTeen มีคำแนะให้ผมมั้ยครับว่าควรทพยังไง ควรเข้าไปถามอีนี่ตรงๆเลยดีมั้ยครับ เครียกันให้ค้างคาไปเลยว่ามีปัญญาหาอะไรกับผมมั้ย
ปล.นี่คือรูปผมถ่ายด้วยกล้องเว็บแคมตอนอายุ 18 นะครับ ที่เห็นในรูปนี่คือแววตาปกติของผม ยังไม่ได้โกรธใครมา