เกียรตินิยมอันดับ 1 ที่ไร้ความหมาย

เราจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งม.รัฐชื่อดัง ที่ชอบจัดงานเตะฟุตบอลคู่กัน แต่ขอไม่บอกว่าฝั่งสีอะไรนะคะ
เรียนจบสายสังคมศาสตร์ เคยเป็นคนกระตือรือล้นมาก ตั้งใจสุดๆ แต่วันนี้มาทำงานแล้วรู้สึกเป็นคนโง่ตลอดเวลา
ขาดแรงใจในการทำทุกอย่างในชีวิต เราไม่เคยคิดว่าเด็กที่มีแพสชั่นสูงแบบเราวันนั้น จะโตมาเป็น Loser ในวันนี้
เราอยากให้ใครก็ตามที่ได้อ่านกระทู้นี้ ช่วยวิเคราะห์ปัญหาของเรา และวิธีแก้ทีค่ะ เราแก้ไม่ได้สักที

ขอเล่าประวัติส่วนดัว เพื่อช่วยวิเคราะห์ปัญหาค่ะ
เราเป็นเด็กต่างจังหวัด ในภาคอีสาน เกิดในครอบครัวยากจน นิสัยส่วนตัวเป็นคนอ่อนไหวมาก แต่ใจดี และก็ดื้อในความคิดอ่ะค่ะ 
แต่ไม่แสดงออกนะคะ ค่อนข้างเก็บกด มีจินตนาการสูง ใช้ชีวิตแบบเจอความลำบากมาตลอด อยากเป็นชนชั้นกลาง อยากสวย และอยากหลุดพ้นจากความยากจนค่ะ

ทางครอบครัวเกิดมาเห็นพ่อติดเหล้า ทะเลาะตบตีกับแม่ตลอด โดนเลี้ยงมาแบบห้ามออกความเห็น โดนความรุนแรงทางคำพูดตลอด ค่อนข้างฝังใจค่ะ แต่พ่อแม่ไม่ตีเลย แม่เป็นคนใจดี ยอมพ่อตลอด เลยตั้งใจว่าโตขึ้นจะไม่ขออยู่ในสภาพเดียวกันกับพ่อแม่ คือยากจน ไร้การศึกษา และเป็นที่พึ่งให้ลูกไม่ได้ 
เลยตั้งใจเรียนหนังสือเพื่อจะได้หลุดพ้น ตลอด 4 ปีก็จะตายค่ะ ยากลำบากทั้งทางใจ และการเงิน เราค่อนข้างเป็นคนวิตกกังวลง่ายค่ะ เพราะตั้งแต่เด็กเรารู้สึกว่า No one saves me despite my parents เลยอยากมีการศึกษาสูงเพื่อช่วยเหลือตัวองให้ได้

เราไม่เคยได้อะไรเลย พ่อแม่ไม่เคยซื้อของให้ ไม่เคยพาไปเที่ยว ใส่เสื้อผ้าต่อจากคนอื่นตลอด สิ่งที่เราเล่ามาและกำลังจะเล่าเราคิดว่ามันเป็น trauma ของเราอ่ะค่ะ เพียงแค่ตลอดเวลาที่ผ่านมามันยังไม่แสดงออกมา เราเลยคิดว่าเดี๋ยวตั้งใจเรียน จบออกมาคงมีเงินมีงานดีๆ ทำ คงหลุดพ้นจากวัฎจักรเลวร้ายที่เจอมาได้ เรากู้เงินกยศเรียน ทำงานพาร์ทไทม์ ลำบากขนาดแบ่งมาม่า 1 ห่อกิน 2 มื้อ เคยเรียนหนักจนเข้าดรงพยาบาลผ่าตัด ดีที่มหาลัยมีสวัสดิการนักศึกษาให้พ่อแม่ช่วยแค่ค่าหอแค่เทอมละ 5,000 ก็ไม่เคยช่วยได้นะคะ ไปยืมเงินคนอื่นมาให้อีกที ส่วนค่ากินจะโอนมาให้อาทิตย์ละ 1,000 ค่ะ 

เราหลุดพ้นจากพ่อแม่ได้ เพราะเรามุ่งมั่นมากว่าจะไม่ป็นแบบเขา น้องชายเราคือคนที่ออกมาไม่ได้ค่ะ ตอนนี้น้องเสียคนไปเลย พอพ่อแม่บ่นเราก็บอกว่าก็เพราะการเลี้ยงดูของเขาไง เขาก็ไม่ยอมรับค่ะ 

เราโดดเดี่ยวมากค่ะ โตมา 20 กว่าปีรู้สึกตัวคนเดียวมากๆ เวลาเจอปัญหาก็ปรึกษาเพื่อนนะคะ แต่ลึกๆ ก็อยากมีพ่อแม่ที่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของเราค่ะ
ตลอดชีวิตไม่เคยเจ็บปวดเรื่องอะไรเลยนอกจากครอบครัว เลยคิดว่าคงเป็นเวรกรรมแหละเนอะ 

เราเหมือนใช้ชีวิตเองพ่อแม่ไม่ค่อยสอน เราเลยขาดสกิลหลายอย่างในชีวิตค่ะ เราเรียนก็เก่งแต่เรียนจริงๆนะคะ ทำอย่างอื่นไม่ค่อยเป็น ตอนเรียนจบเจอโควิดพอดีเลยว่างงานไป 1 ปีเต็มๆ พยายามสอบก.พ. มา 4 ครั้ง ตกคณิตตลอดค่ะ เลยพอก่อนกับฝั่งราชการ ก็เลยไปทำเป็นพนักงานสัญญาจ้างรายปีให้นิติบุคคลแห่งหนึ่ง ทำได้ 2 ปีไม่โต และไม่ได้ออฟฟิศสกิลอะไรเลยเพราะเป็นงานบริการ และไม่มีเงินเก็บเลย เลยออกมาสมัครเอกชนแห่งหนึ่ง เป็นบริษัทยานยนต์ชื่อดัง 

ปัญหามันอยู่ตรงนี้ค่ะ เราทำอะไรไม่ค่อยได้เลย แม้แต่ excel พื้นฐานง่ายๆ ขาดการคิดเป็นระบบ และมีความกลัวและแพนิคกับงานตลอดค่ะ เพราะทุกอย่างเร่งมาก และเราไม่ชินการทำงานกับบริษัทญี่ปุ่นที่ทำงานถวายชีวิตมาก เรารู้สึกอายค่ะบอกตรงๆ ที่ทำอะไรไม่ค่อยเป็นทั้งๆที่จบ เกียรตินิยมอันดับ1 มอชื่อดัง  รู้สึกทำให้ม.เสียชื่อเสียงจัง5555 เทียบกับคนอื่นๆ ในทีมเพื่อนๆ ที่จบม.ระดับภูมิภาค เก่งและทำงานไวมาก แต่เหมือนทุกคนจะคาดหวังว่าเราเก่งเลยค่ะ โปรไฟล์ใน Resume ค่อนข้างดี ทำกิจกรรมร่วมกับองกรณ์ตปท UN มี Toeic 800 ดูมีความมั่นใจ เข้าใจเค้าค่ะว่าประเมินความตั้งใจในอดีต แต่วันนี้เราบอกเลยเราไม่มีแรงจะทำอะไรเลย

เราออกมาเพราะเราอยากออกจาก Comfort Zone อยากได้สกิล แต่พอมาเจอจริงๆ เราใจไม่สู้เลยค่ะ เราไม่อยากเป็นแบบนี้นะคะ แต่มันไม่เป็นตัวเองอย่างในอดีตเลย ตอนนี้หยุดสงกรานต์เราไม่ทำอะไรเลยมา 3  วันแล้วค่ะ นอนอย่างเดียว ไม่ทำอะไรจริงๆนะคะ นอนแล้วก็กินแล้วก็กลับไปนอนต่อ อยากทำทุกอย่างให้เสร็จแต่ใจไม่มีแรงสู้ รู้สึกว่าเหนื่อยมาทั้งชีวิตแล้วยังไม่พออีกเหรอ เรากลายป็นคนไม่มีเป้าหมายชีวิตแล้วค่ะ เราไม่รู้แล้วทำแล้วได้อะไร

เรามองปัญหาตัวองขอลิสเป็นข้อๆ ไม่รู้ว่าคนที่อ่านคิดเหมือนกันไหม
1. เรากำลังเจอกับสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไม่คุ้นเคยมากๆ เลยยังปรับตัวไม่ได้ บวกกับความเหนื่อยสะสมทั้งกายใจมาหลาย 10 ปี แต่ถ้า Hold on reasponsibility ไม่ได้ก็หายนะใช่ไหมล่ะคะ เค้าไล่ออกจะเอาอะไรกิน
2. เป็นนิสัยของเราเองที่ทำในสิ่งที่ไม่เข้ากับตัวเอง อ้อที่เราย้ายมาเป็นงานออฟฟิสโรงงานน่ะคะ งานหนักมาก และต้อง Service คนเยอะ เราชอบจินตนาการ ชอบร้องเพลง แฟชั่นสวยๆ แต่ไม่ชอบในการดีลคนเยอะๆ งานเก่าตอบโจทย์นะ เพราะให้ความรู้คน แต่เงินน้อยและไม่โต ตอนอยู่ในคอมฟอร์ทโซนเบื่อก็ไม่ชอบ พออกมาก็ไม่ชอบ เราเป็นไบโพล่าหรือเปล่าคะ
3. เราเป็นคนไม่เอาไหนเอง เรารู้ค่ะทุกอย่างต้องเทรดออฟ สบายก็ไม่โตได้เงินน้อย กับลำบากยากเย็นผลตอบแทนก็มาก แต่สภาพเราตอนนี้อยากหนีทุกปัญหา เราเคยคิดว่าเราเป้นคนเก่งนะ ไม่มีใครช่วยอะไรยังพาตัวเองมาได้ขนาดนี้ แต่ทุกวันนี้แบบใครก็ได้ช่วยเหอะจะตายละ
เราทำงานมาได้ 1 เดือนค่ะ ไม่ได้ถึงขนาดอยากลาออก แต่ก็ไม่อยากสู้กับภาระงานที่มากขนาดนี้ค่ะ
4. เรากำลังมีปัญหาทางจิต ที่ต้องพบจิตแพทย์ไหมคะ ขอย้อนไปหน่อยค่ะ ตอนเราเรียนหนักเราเป็นปวดกล้ามนื้อตรงคอบ่าไหล่เรื้อรัง แล้วก็รู้สึกร่างกายไม่ไม่หมือนเดิม คือเพลียง่าย หลังจากตอนนั้นก็ไม่เป็นคนกระตือรือล้นอีกเลย เราไม่มีเงินเก็บเพราะจ่ายค่าเช่าบ้าน ค่ากิน และส่งให้ที่บ้าน และพ่อแม่ก็หาว่าไม่เอาไหนที่อายุ 25 แล้วไม่มั่นคง ไม่มีอะไรเลย พิมพ์ไปก็เศร้าค่ะ ทำไมชีวิตอาภัพจังนะ
5. ขณะเดียวกันเราไม่อยากเป็น Loser ค่ะ เรา Lose ไม่ได้ค่ะเพราะไม่มีคนช่วย และแน่นอนพ่อแม่ไม่เคยเห็นด้วย ทำยังไงถึงจะกล้าคะ กล้าไม่แคร์พ่อแม่ ไม่แคร์คนอื่น และใช้ชีวิตแบบที่ตัวเองอยากใช้ ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะเป็นแบบไหน T_T เราไม่เคยอยากตายนะคะ อยากให้ตัวเองสบายกว่านี้จังค่ะ
6. เรากลายเป็นคน Self-Esteem ต่ำค่ะ ขาดความเชื่อมั่นในตัวเอง และเติมเท่าไหร่ก็ไม่เต็ม สังเกตุพฤติกรรมการใช้เงินตัวเองว่าผิดปกติค่ะ คือเครียดหรือเศร้าแล้วจะช้อปปิ้ง หรือไม่ก็กินเยอะ คราวนี้เงินก็หมด พอเงินหมดก็เครียดอีก วนลูป และไม่มีเงินเก็บเลยทีนี้

ใครอ่านจบช่วยทีนะคะ เราไม่ไหวจริงๆค่ะ 
ภาวนาให้โลกไม่ความจริงไม่โหดร้ายก็ไม่ได้ งั้นขอให้มีจิตใจทีดีขึ้นกว่าตอนนี้เพื่อมาสู้กับปัญหาได้ไหมคะ
เราหนีความโหดร้ายในชีวิตไปในจินตนาการบ่อยๆ แต่โลกตอนเด็กไม่ยากขนาดนี้เลยเนอะ

โห คนมาตอบเยอะเลย ขอบคุณบางความเห็นที่มีค่ามากๆนะคะ จะนำไปปรับใช้และตัดสินใจจะหาจิตแพทย์ค่ะ
-เรื่องโปรแกรมพื้นฐาน เราเรียนนะคะ ซื้อครอส Excel ไว้ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนมีนาคม และเราจะตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาเรียนตอนตี 5 ก่อนไปทำงานด้วยค่ะ แต่ทำไปแปปเดียวก็เหนื่อย พองานยอะขึ้น เรียนเช้าๆไม่ไหว ก็ปรับไปตอนเย็น แต่หลังๆมันเหนื่อยอ่ะค่ะ แบบเหนื่อยใจ
-เราไม่ได้อยากหยุดพยายามค่ะ เพราะรู้ว่าต้นทุนน้อยมันต้องพยายามเท่านั้นแหละถึงจะได้ แต่ที่เรากลัวคือตอนนี้เราหมดแรงพยายามค่ะ อยากหายจากตรงนี้
-เราไม่ได้มีอีโก้ติดว่าจบมอดังเกียรตินิยม เพราะเรารู้ละว่ามันไม่ได้มีนัยสำคัญอะไรขนาดนั้นเลยต่องานเราตอนนี้ คนที่ผ่านการปฎิบัติหลายอย่างในชีวิตในโลกจริงต่างหากที่ได้เปรียบ แต่เหมือนคนอื่นจะมองเราว่าเก่งเนี้ยแหละค่ะมันเลยเหนื่อย รวมถึงเป็นจุดที่เค้าหยิบขึ้นมาว่าเราได้ง่ายด้วย 
-ใช่ค่ะ เราจัดการอารมณ์ตัวเองไม่ได้ เพราะถ้าได้กระทู้นี้จะไม่ถูกเขียนขึ้นมาแน่นอน เราไม่อยากเป็นคนใช้อารมณ์นำเหตุผลนะคะ แต่เหมือนธรรมชาติของเรามันเป็นแบบนั้น อารมณ์เด็กสายศิลป์มั้งนะคะไม่แน่ใจ แต่จะพยายามปรับให้ได้ทีละนิดนะคะ
-เราขอแก้ไขคำพูดนิดนึงค่ะ เราน่าจะไม่ได้เรียนเก่งแบบหลายคอมเม้นบอก แต่เราแค่พยายามเก่ง พยายามที่จะให้ได้เกียรตินิยมเก่ง ไม่ได้สมองดี
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่