สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 60
คำถามว่า “ต้องรู้สึกผิดไหม” ถ้าเกิดขึ้นในใจ คือ ความลึกๆน่ะ รู้สึกผิดไปแล้วค่ะ แค่ “ไม่กล้า” และ “ไม่อยาก” ที่จะยอมรับมัน
เอาเถิด … เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้แล้ว บอกเลิกไปแล้ว เสียใจไปแล้ว
ทำร้าย และ ทำลายความรัก ที่ดี กับผู้หญิงที่คุณ “เคย”รักไปแล้ว
ผลจากการกระทำทั้งหลาย ทุกคนย่อมต้องยอมรับมัน
เธอเอง ก็ผิด ที่บีบบังคับคุณ
(เพราะคิดว่า นี่คือ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ทำแบบที่เธอวาดไว้ ชีวิตคุณจะดี ชีวิตคู่ของเราจะเพอร์เฟค)
คุณเองก็ผิด ที่ตามใจเธอมาตลอด ไม่เป็นตัวของตัวเองแต่ต้น
(เพราะคิดว่า ไม่อยากทะเลาะ อะไรตามใจเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะได้ คุณยอมทำทั้งหมด โดยหวังว่าชีวิตคู่จะราบรื่น)
เห็นไหมคะ ?
นี่คือเรื่องที่ คนรักกันสองคน ต่างมุมมองกัน แต่ ไม่มีเทคนิค และ ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน เท่านั้นเอง !
__ ไม่มีเทคนิค คือ
เธอมองว่าความสุขของคุณ ต้องเกิดจากทุกสิ่ง ที่เธออนุมัติ ต้องเป๊ะ ตามที่เธอวาดหวัง
เปรียบเหมือน ขนมกรุบกรอบ หรือ อาหารขยะ รู้นะว่าไม่ดี ก็ห้ามเด็ดขาดไม่ให้กิน
แต่คำว่าของชอบ พอถูกห้ามบ่อยๆ จะมีแต่ความขัดใจ มองไม่เห็น “ความหวังดี” ที่แฝงมาแล้ว
มองเห็นแต่ ความเป็นศัตรู เมื่อบ่มเพาะเชื้อแห่งความขัดเคืองใจ มากขึ้นเรื่อยๆ
อาการหมดรัก ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
เธอน่าจะฟังคุณบ้าง มองให้รอบด้าน ตึงเกินไปก็ขาด หย่อนเกินไปก็ไม่ได้ความ
ประสบการณ์ครั้งนี้ จะสอนให้เธอรู้จักมอง ในมุมที่ “คนรักตัวเองเป็นจริงๆ” ไม่ใช่มองแต่มุมที่ “อยากจะให้คนรักตัวเองเป็น”



__ไม่ซื่อสัตย์ คือ
คุณบิดเบือน และไม่บอก “ความจริง” ให้เธอรู้แต่ต้น นี่แหละ คุณประโยชน์ของศีลข้อ 4 ค่ะ
คนในโลก คิดว่าการโกหกนิดๆหน่อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา จะทำให้ไม่เกิดปัญหา
ประสบการณ์ครั้งนี้ จะสอนให้คุณรู้ว่า “ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง” สำคัญเพียงใด
และที่สำคัญกว่านั้นชีวิตคู่ที่จะไปกันรอด มิใช่แค่ ไม่มีมือที่สาม คือ นิยามของคำว่าซื่อสัตย์แล้ว
มันจะต้องเพิ่มความ ซื่อตรง ต่อความรู้สึกของกันและกันด้วย
เมื่อไม่มีความสุข หากบอกไปแต่แรก โดยไม่ยอมปล่อยผ่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะ
หากยอมที่จะทะเลาะ(บ้าง) ติเพื่อก่อ(บ้าง)
มันคือ ศิลปะแห่งการปรับตัวเข้าหากัน เป็นการทำความเข้าใจกัน
ค้นดูลึกๆในใจให้เห็น ความเห็นแก่ตัวในการกระทำของคุณ
__ความตามใจ จนทำให้อีกฝ่ายเหลิง จากนั้น ก็ทำลาย จนอีกฝ่ายแตกสลาย__



สรุป เรื่องมาถึงจนป่านนี้แล้ว ไม่ต้องสืบหา ว่าใครผิดหรือถูก
แต่ต้องวิเคราะห์ตัวเองให้แม่นยำ เก็บเกี่ยวบทเรียนให้มากที่สุด ให้สมค่า ที่เอาความรักดีๆสามปี ไปแลกมา
เอาเถิด … เรื่องมันก็เลยเถิดมาจนถึงป่านนี้แล้ว บอกเลิกไปแล้ว เสียใจไปแล้ว
ทำร้าย และ ทำลายความรัก ที่ดี กับผู้หญิงที่คุณ “เคย”รักไปแล้ว
ผลจากการกระทำทั้งหลาย ทุกคนย่อมต้องยอมรับมัน
เธอเอง ก็ผิด ที่บีบบังคับคุณ
(เพราะคิดว่า นี่คือ สิ่งที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ทำแบบที่เธอวาดไว้ ชีวิตคุณจะดี ชีวิตคู่ของเราจะเพอร์เฟค)
คุณเองก็ผิด ที่ตามใจเธอมาตลอด ไม่เป็นตัวของตัวเองแต่ต้น
(เพราะคิดว่า ไม่อยากทะเลาะ อะไรตามใจเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะได้ คุณยอมทำทั้งหมด โดยหวังว่าชีวิตคู่จะราบรื่น)
เห็นไหมคะ ?
นี่คือเรื่องที่ คนรักกันสองคน ต่างมุมมองกัน แต่ ไม่มีเทคนิค และ ไม่ซื่อสัตย์ต่อกัน เท่านั้นเอง !
__ ไม่มีเทคนิค คือ
เธอมองว่าความสุขของคุณ ต้องเกิดจากทุกสิ่ง ที่เธออนุมัติ ต้องเป๊ะ ตามที่เธอวาดหวัง
เปรียบเหมือน ขนมกรุบกรอบ หรือ อาหารขยะ รู้นะว่าไม่ดี ก็ห้ามเด็ดขาดไม่ให้กิน
แต่คำว่าของชอบ พอถูกห้ามบ่อยๆ จะมีแต่ความขัดใจ มองไม่เห็น “ความหวังดี” ที่แฝงมาแล้ว
มองเห็นแต่ ความเป็นศัตรู เมื่อบ่มเพาะเชื้อแห่งความขัดเคืองใจ มากขึ้นเรื่อยๆ
อาการหมดรัก ย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย
เธอน่าจะฟังคุณบ้าง มองให้รอบด้าน ตึงเกินไปก็ขาด หย่อนเกินไปก็ไม่ได้ความ
ประสบการณ์ครั้งนี้ จะสอนให้เธอรู้จักมอง ในมุมที่ “คนรักตัวเองเป็นจริงๆ” ไม่ใช่มองแต่มุมที่ “อยากจะให้คนรักตัวเองเป็น”



__ไม่ซื่อสัตย์ คือ
คุณบิดเบือน และไม่บอก “ความจริง” ให้เธอรู้แต่ต้น นี่แหละ คุณประโยชน์ของศีลข้อ 4 ค่ะ
คนในโลก คิดว่าการโกหกนิดๆหน่อยๆ เพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหา จะทำให้ไม่เกิดปัญหา
ประสบการณ์ครั้งนี้ จะสอนให้คุณรู้ว่า “ความซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกตัวเอง” สำคัญเพียงใด
และที่สำคัญกว่านั้นชีวิตคู่ที่จะไปกันรอด มิใช่แค่ ไม่มีมือที่สาม คือ นิยามของคำว่าซื่อสัตย์แล้ว
มันจะต้องเพิ่มความ ซื่อตรง ต่อความรู้สึกของกันและกันด้วย
เมื่อไม่มีความสุข หากบอกไปแต่แรก โดยไม่ยอมปล่อยผ่าน เพื่อหลีกเลี่ยงการทะเลาะ
หากยอมที่จะทะเลาะ(บ้าง) ติเพื่อก่อ(บ้าง)
มันคือ ศิลปะแห่งการปรับตัวเข้าหากัน เป็นการทำความเข้าใจกัน
ค้นดูลึกๆในใจให้เห็น ความเห็นแก่ตัวในการกระทำของคุณ
__ความตามใจ จนทำให้อีกฝ่ายเหลิง จากนั้น ก็ทำลาย จนอีกฝ่ายแตกสลาย__



สรุป เรื่องมาถึงจนป่านนี้แล้ว ไม่ต้องสืบหา ว่าใครผิดหรือถูก
แต่ต้องวิเคราะห์ตัวเองให้แม่นยำ เก็บเกี่ยวบทเรียนให้มากที่สุด ให้สมค่า ที่เอาความรักดีๆสามปี ไปแลกมา

ความคิดเห็นที่ 6
สำหรับเราคิดว่า การที่คนหนึ่งทำตัวยอมอีกฝ่ายมาตลอด ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม แล้วปล่อยเวลาให้ล่วงเลย แล้วสุดท้ายทนไม่ไหว ระเบิดตัวเอง มาพรั่งพรูว่าโดนบังคับ อึดอัดอย่างนั้นนี่ โหดร้ายไปหน่อย
การคบกันต้องมีการปรับจูน ต้องแข็งในความชอบของเราถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรืออ่อนผ่อนตามถ้าไม่ฝืนใจมากไป
ถ้าเค้าจะโกรธก็ปล่อยให้โกรธ เพื่อยืนยันว่าเราเป็นคนแบบนี้ในเรื่องนี้ แต่อีกเรื่องเรายอมเธอได้นะ รับได้ไหม
แต่ถ้าทำตัวยอมตลอด แต่ฝืน อีกฝ่ายก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็คิดว่าโอเครับได้ แล้ววันหนึ่งมาบอกว่าอึดอัด หมดรักแล้ว ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะงง เหมือนคนไปเจอมือที่ 3 แล้วมาบอกคนแรกว่าทนเธอมาตลอดเลยนะ
การคบกันต้องมีการปรับจูน ต้องแข็งในความชอบของเราถ้าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน หรืออ่อนผ่อนตามถ้าไม่ฝืนใจมากไป
ถ้าเค้าจะโกรธก็ปล่อยให้โกรธ เพื่อยืนยันว่าเราเป็นคนแบบนี้ในเรื่องนี้ แต่อีกเรื่องเรายอมเธอได้นะ รับได้ไหม
แต่ถ้าทำตัวยอมตลอด แต่ฝืน อีกฝ่ายก็ไม่รู้เรื่องรู้ราว ก็คิดว่าโอเครับได้ แล้ววันหนึ่งมาบอกว่าอึดอัด หมดรักแล้ว ก็ไม่แปลกที่อีกฝ่ายจะงง เหมือนคนไปเจอมือที่ 3 แล้วมาบอกคนแรกว่าทนเธอมาตลอดเลยนะ
แสดงความคิดเห็น
บอกเลิกแฟนที่คบกันมาอย่างดี ผมควรรู้สึกผิดไหมครับ คนแรกด้วย?
ผมไม่ได้รู้สึกเสียใจหรอกน้ะ ผมร้องไห้ไม่เป็นตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว ผมแค่สงสารที่เธอก็ดูแลผมมาอย่างดี เราต่างรักกันดีๆมาจนตอนนี้มันจบลงไป (เราเคบคุยกันแล้วเรื่องการบังคับแต่เธอไม่ยอมเข้าใจและยังคิดว่าเธอไม่ผิดเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่ทำดีกับเรามาตลอดเธอมีสิทธิได้รับ) ขอบคุณที่ฟังผมระบายน้ะครับเรื่องนี้ผมไม่ได้ปรึกษาเพื่อนคนไหนเลย ผมคิดว่ามันไม่ได้ต้องเศร้าขนาดจัดการตัวเองไม่ได้ แต่แค่สงสัยในมุมมองคนอื่นว่าผมต้องรู้สึกผิดรึป่าวครับ ขอบคุณทุกความคิดเห็นครับ...พี่ๆ
ขออนุญาตเพิ่มเติมและแก้ไขน้ะครับ เนื่องจากเพื่อนๆได้พูดถึงเรื่องการที่เราไม่คุยกันเลยหรือเราไม่ได้สื่อสารกัน ค่อนข้างเยอะ
ผมเคยพูดกับเธอแล้วครับเกือบนับร้อยย้ำว่าเกือบนับร้อย 3 ปีก็ลองเฉลี่ยดูว่าปีละกี่ครั้ง พูดว่าอยากทำแบบนี้ เหตุผลเพราะแบบนี้ พอเธฮไม่ยอมผมก็เคยพูดหลายรอบแล้วว่ามันอึดอัด บางครั้งผมถึงกับแสดงท่าทีทุรนทุรายด้วยซ้ำว่ามันไม่เป็นตัวเอง แต่... ทุก! ทุก! ครั้ง! เธอก็จะเอาแต่ทำหน้าหงอย พอสู้ด้วยเหตุผลไม่ได้ ก็หันหลังไม่คุย แล้วก็เงียบแล้วก็มีเรื่องดราม่าเกิดขึ้นทันที เป็นแบบนี้วนไปวนมา แล้วจะให้ผมทำยังไง ผมก็ต้องพูดตรงกันข้ามมาตลอดเพื่อให้ปัญหานี้จบลง และบรรยกาศจะได้กลับมาปกติ พอพูดเหมือนจะเลิกก็เอาแต่ร้องไห้และสาธยายพูดถึงเรื่องในอดีต พูดถึงคุณงามความดีตัวเอง ผมก็ไปต่อไม่ได้ แล้วเรื่องราวนี้มันกผ้มีเบื้องหลังที่เธอเคยทำในสมัยแรกๆ เรื่องการโกหกนอกใจถึงหลายครั้ง ย้ำว่าหลายครั้ง แต่... ผมไม่เอาเรื่องในอดีตที่ผ่านมาแล้วและเธอก็ได้พิสูจตวเองแล้ว มาคิด มาเป็นเหตุผลให้เลิกน้ะ เหตุผลผมมีเพียงข้อเดียวคือมันทนต่อไปไม่ไหวที่จะต้องถูกบังคับ เหตุการณ์ที่ทุกคนอยากให้ผมคุย ผมทำวนไปวนมาอยู่อย่างนั้น ทนรับปัญหาในชีวิตอยู่แบบนั้นมาเป็นร้อยแล้วครับ แต่ผมยังยืนยันว่า ผ.ญ คนนี้เป็นคนที่ดีมากๆครับ แค่เราไปต่อกันไม่ได้เพราะผมไม่ไหว และไม่อยากยื้อไว้อีก ผมเป็นนคนที่ซื่อสัตย์น้ะมากๆด้วยแต่ถ้าใครสักคนเข้ามาในเวลาที่ใจผมไม่เหลือผมไม่อยากจะทำร้ายใคร เลยต้องรีบตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อไม่ให้ตอนจบมันแย่กว่านี้ ขอบคุณครับ
ประโยคนึงที่ผมจะพูดให้เธอฟังเบาๆแต่ก็ได้ยินหลังทะเลาะเสร็จทุกครั้งก็จะประมาณว่า " คำตอบผมชัดเจนอยู่แล้ว แต่เมื่อไรจะยอมรับมันได้ " และบรรยกาศผมก็เครียกลับมาปกติด้วยเทคนิคการพูดของผม