สวัสดี นี่เป็นกระทู้แรกของเรา หลังจากที่อ่านกระทู้ของคนอื่นๆเป็นเวลานาน วันนี้เลยอยากจะมาเล่า/ถาม ตามหัวข้อกระทู้นี้ดู ว่าเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่คิดเห็นอย่างไรบ้าง
แม่เรามีเราตอนแม่อายุ40กว่าปี ตอนท้องแม่เล่าว่าหมอดุแม่ด้วย อายุเยอะแล้วไม่สมควรจะปล่อยให้ตัวเองท้อง มันอาจจะเกิดอันตรายต่อเด็ก แต่เราเกิดมาปกตินะ สมบูรณ์แข็งแรง ไม่เป็นออทิสติกไม่พิการแขนขา (ไม่ได้มีเจตนาในการพาดพิงความสมบูรณ์นะคะ ส่วนตัวแล้วมีเพื่อนที่เรายกตัวอย่างมาและดูแลซึ่งกันและกันเป็นอย่างดีค่ะ) เราจำเรื่องราวสักตอนอายุ1-4ขวบไม่ได้เลย รู้แค่ว่าตอน2ขวบ แม่เล่าว่าน้ำในดวงตาของเรามันไหลออกมาด้านนอก ไม่ไหลด้านในเหมือนเด็กทั่วไป เลยได้ไปผ่าตา และตอนนี้การมองเห็นก็ปกติดีค่ะ ไม่รู้ว่าพอถึงตรงนี้ทุกคนจะอ่านเข้าใจกันไหม แต่จะเข้าเรื่องหลักแล้วค่ะ
เราเป็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ ด้วยความที่แม่ให้กินข้าวต้ม ใส่แคร์รอต ผักตำลัง อะไรแบบนี้ ง่ายๆคือให้กินข้าวเยอะมากตั้งแต่กินข้าวได้เลย อนุบาลเราก็ตัวอ้วนมากกว่าเพื่อน ประถมตอนต้น-ประถมตอนปลาย เรารู้ตัวเองดีและออกกำลังกายจากการที่แม่บังคับทุกครั้งที่มีปิดภาคเรียนจะเลื่อนชั้น ซึ่งตอนนั้นเราก็โกรธว่าทำไมมาบังคับเรา ให้วิ่งเป็น10-20รอบหน้าบ้านตอนตี5 เด็กอย่างเราตอนนั้นก็อยากจะนอนตื่นสาย เล่นกับเพื่อน บลาๆๆ
จนเราขึ้นมัธยมมาเราได้มีความรู้เรื่องไขมันในร่างกายของเรามากขึ้น ว่ามันส่งผลเสียต่อระบบในร่างกายเราอย่างไร และเราพยายามมากทุกครั้ง แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จเลยสักครั้ง จากการไม่มีวินัย แต่ก็พยายามมา แม่เราจะชี้แนะ อาหารเสริมให้กินตลอด เราก็กินตาม อันไหนเรากินแล้วเวียนหัวก็ไม่กินต่อเพราะมันอันตรายเกินกว่าร่างกายจะรับไหว และเปลี่ยนมาควบคุมอาหารกับออกกำลังกาย
ทุกคนคงสงสัยว่าไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ปกติของคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูก กลัวลูกมีโรคร้ายไม่ดีตามมา เรื่องนั้นเราทราบค่ะ เราก็ศึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของร่างกายเราเหมือนกัน
แม่เราเป็นคนพูดเก่งค่ะ ขี้คุย ชอบคุยกับลูกค้า(แม่เราเปิดร้านอาหารตามสั่งหน้าบ้านนะคะ ส่วนพ่อก็เป็นลูกจ้างของบริษัทประกอบ/ทำ โต๊ะสนุกเกอร์ค่ะ)
มีลูกค้าประจำและสนิทกับพี่ๆลูกค้าหลายคน แม่จะชอบเอาเราไปพูดค่ะ เรื่องน้ำหนักตัว ว่าอายุเท่านี้น้ำหนักร้อยโลเลย เราอายมากเลยค่ะ เราไม่ชอบที่แม่ทำแบบนี้ เคยทะเลาะกับแม่เพราะเรื่องแบบนี้หลายครั้ง แต่นานๆไปเขาก็มีพูดอยู่ ครั้งนึงเราลืมกินอาหารเสริมที่แม่ซื้อมาให้กิน แม่ว่าเราเลยค่ะ แม่ว่า ว่า“กูเสียเงินตั้งหลายบาทซื้อมาให้กิน ก็ไม่กิน ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ตัวอ้วนเป็นควายแล้ว จะออกประตูบ้านไม่ได้แล้ว คงต้องกลิ้งไปโรงเรียนแทนเดินไปแล้วแหละ” ค่ะ แม้ว่าในร้านจะมีลูกค้าประจำ พี่ๆพนักงานแถวบ้านอยู่ แม่ก็ไม่เกรงใจอะไรทั้งนั้น ต่อว่าเราแบบนั้น เราเข้าใจในความเป็นห่วงของแม่นะคะ แต่บางครั้งก็เจ็บปวดในเหมือนกัน เรามีน้ำตาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องน้ำหนักตัว เราเสียความมั่นใจจากคำพูดของแม่ แต่เราก็มีเพื่อนที่ยังคอยสร้างกำลังใจ/ความมั่นใจให้เราอยู่เสมอเลย
“อย่าเข้าใกล้กูนะ เกลียดคนอ้วน , อย่าเขยิบมานะ ทับกูลงกระทะนะ , เดินให้มันเบาๆหน่อย พื้นสะเทือนหมดแล้ว” คำพูดแบบนี้เราได้ยินมาตลอด ตั้งแต่ประถมปลายเลยค่ะ จนตอนนี้ก็มีมาบ้าง ช่วงที่แม่เราโกรธ เราโดนด่า โดนว่า โดนดูถูก โดนเอาไปคุยกับป้าๆในซอยบ้างทั้งที่บางเรื่องนั้น เรายังไม่เคยพูดด้วยซ้ำเลย
เลยไม่รู้ว่าแบบนี้แม่เรารักเราจริงๆใช่ไหมคะ แม่เป็นห่วงสุขภาพร่างกายเราใช่ไหมคะ เราทุกข์ใจกับคำพูดของแม่เยอะแยะเลยค่ะ แต่นี่เป็นแค่เรื่องส่วนนึงในชีวิตที่เจอมา เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ช่วยให้คำแนะนำหน่อยนะคะ ช่วยบอกให้เราตาสว่างหน่อยว่าท่านเป็นห่วงเราในแบบของท่านจริงๆ เราหมดกำลังใจมากเลยค่ะ หมดความมั่นใจ แต่จะไม่หมดลมหายใจในการใช้ชีวิตนะคะ ยังอยากเป็นข้าราชการให้พ่อได้ภูมิใจอยู่ค่ะ ^^
แม่(ไม่)รักเราจริงหรือเปล่า ?
เราเป็นเด็กที่มีน้ำหนักตัวมากตั้งแต่อนุบาลเลยค่ะ ด้วยความที่แม่ให้กินข้าวต้ม ใส่แคร์รอต ผักตำลัง อะไรแบบนี้ ง่ายๆคือให้กินข้าวเยอะมากตั้งแต่กินข้าวได้เลย อนุบาลเราก็ตัวอ้วนมากกว่าเพื่อน ประถมตอนต้น-ประถมตอนปลาย เรารู้ตัวเองดีและออกกำลังกายจากการที่แม่บังคับทุกครั้งที่มีปิดภาคเรียนจะเลื่อนชั้น ซึ่งตอนนั้นเราก็โกรธว่าทำไมมาบังคับเรา ให้วิ่งเป็น10-20รอบหน้าบ้านตอนตี5 เด็กอย่างเราตอนนั้นก็อยากจะนอนตื่นสาย เล่นกับเพื่อน บลาๆๆ
จนเราขึ้นมัธยมมาเราได้มีความรู้เรื่องไขมันในร่างกายของเรามากขึ้น ว่ามันส่งผลเสียต่อระบบในร่างกายเราอย่างไร และเราพยายามมากทุกครั้ง แม้จะไม่ประสบผลสำเร็จเลยสักครั้ง จากการไม่มีวินัย แต่ก็พยายามมา แม่เราจะชี้แนะ อาหารเสริมให้กินตลอด เราก็กินตาม อันไหนเรากินแล้วเวียนหัวก็ไม่กินต่อเพราะมันอันตรายเกินกว่าร่างกายจะรับไหว และเปลี่ยนมาควบคุมอาหารกับออกกำลังกาย
ทุกคนคงสงสัยว่าไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ปกติของคนเป็นแม่ที่เป็นห่วงลูก กลัวลูกมีโรคร้ายไม่ดีตามมา เรื่องนั้นเราทราบค่ะ เราก็ศึกษาเรื่องโรคภัยไข้เจ็บของร่างกายเราเหมือนกัน
แม่เราเป็นคนพูดเก่งค่ะ ขี้คุย ชอบคุยกับลูกค้า(แม่เราเปิดร้านอาหารตามสั่งหน้าบ้านนะคะ ส่วนพ่อก็เป็นลูกจ้างของบริษัทประกอบ/ทำ โต๊ะสนุกเกอร์ค่ะ)
มีลูกค้าประจำและสนิทกับพี่ๆลูกค้าหลายคน แม่จะชอบเอาเราไปพูดค่ะ เรื่องน้ำหนักตัว ว่าอายุเท่านี้น้ำหนักร้อยโลเลย เราอายมากเลยค่ะ เราไม่ชอบที่แม่ทำแบบนี้ เคยทะเลาะกับแม่เพราะเรื่องแบบนี้หลายครั้ง แต่นานๆไปเขาก็มีพูดอยู่ ครั้งนึงเราลืมกินอาหารเสริมที่แม่ซื้อมาให้กิน แม่ว่าเราเลยค่ะ แม่ว่า ว่า“กูเสียเงินตั้งหลายบาทซื้อมาให้กิน ก็ไม่กิน ให้ทำอะไรก็ไม่ทำ ตัวอ้วนเป็นควายแล้ว จะออกประตูบ้านไม่ได้แล้ว คงต้องกลิ้งไปโรงเรียนแทนเดินไปแล้วแหละ” ค่ะ แม้ว่าในร้านจะมีลูกค้าประจำ พี่ๆพนักงานแถวบ้านอยู่ แม่ก็ไม่เกรงใจอะไรทั้งนั้น ต่อว่าเราแบบนั้น เราเข้าใจในความเป็นห่วงของแม่นะคะ แต่บางครั้งก็เจ็บปวดในเหมือนกัน เรามีน้ำตาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องน้ำหนักตัว เราเสียความมั่นใจจากคำพูดของแม่ แต่เราก็มีเพื่อนที่ยังคอยสร้างกำลังใจ/ความมั่นใจให้เราอยู่เสมอเลย
“อย่าเข้าใกล้กูนะ เกลียดคนอ้วน , อย่าเขยิบมานะ ทับกูลงกระทะนะ , เดินให้มันเบาๆหน่อย พื้นสะเทือนหมดแล้ว” คำพูดแบบนี้เราได้ยินมาตลอด ตั้งแต่ประถมปลายเลยค่ะ จนตอนนี้ก็มีมาบ้าง ช่วงที่แม่เราโกรธ เราโดนด่า โดนว่า โดนดูถูก โดนเอาไปคุยกับป้าๆในซอยบ้างทั้งที่บางเรื่องนั้น เรายังไม่เคยพูดด้วยซ้ำเลย
เลยไม่รู้ว่าแบบนี้แม่เรารักเราจริงๆใช่ไหมคะ แม่เป็นห่วงสุขภาพร่างกายเราใช่ไหมคะ เราทุกข์ใจกับคำพูดของแม่เยอะแยะเลยค่ะ แต่นี่เป็นแค่เรื่องส่วนนึงในชีวิตที่เจอมา เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ผู้หลักผู้ใหญ่คนไหนผ่านมาเห็นกระทู้นี้ ช่วยให้คำแนะนำหน่อยนะคะ ช่วยบอกให้เราตาสว่างหน่อยว่าท่านเป็นห่วงเราในแบบของท่านจริงๆ เราหมดกำลังใจมากเลยค่ะ หมดความมั่นใจ แต่จะไม่หมดลมหายใจในการใช้ชีวิตนะคะ ยังอยากเป็นข้าราชการให้พ่อได้ภูมิใจอยู่ค่ะ ^^