13 มี.ค. 2566 - 16:48 น.
สลดกลางกรุง! พ่อจ่อยิงลูกชายดับ ลูกสาวโคม่า ก่อนลั่นไกจบชีวิตตัวเอง เปิดโพสต์สุดท้าย คาดปัญหาครอบครัว เคาระห์ดีภรรยาออกไปข้างนอก
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มี.ค.66 ร.ต.อ.บัญญัติ ชนะสิทธิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ภายในร้านขายข้าวสาร หน้าตลาดนัดใหม่กรุงนนท์ ถนนสวนผักปากซอย 21 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน รอง ผบก.น.7 ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุภายในร้านพบศพ นายชัยวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด บริเวณปลายเท้าพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ใกล้กันพบศพ นายจิรเมธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ลูกชาย ถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลัง กระสุนฝังใน 1 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคือ น.ส.จิรนันท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ลูกสาว และเป็นน้องสาวของ นายจิรเมธ ถูกยิงที่ศีรษะทะลุออกท้ายทอย 1 นัด มีพลเมืองดีนำร่างส่ง รพ.ศิริราช ไปก่อนหน้านี้
จากการสอบสวน นายไกรสร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ให้การว่า ตนเป็นหลานชายของ นางปราณี อายุ 48 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นภรรยาของ นายชัยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ และเป็นแม่ของ นายจิรเมธ และ น.ส.จิรนันท์ ซึ่ง นางปราณี และ นายชัยวัฒน์ มีเรื่องระหองระแหงกันมานานแล้ว สาเหตุเกิดจากฝ่ายชาย มักชอบกินดื่มสังสรรค์และไม่ดูแลครอบครัวไม่ช่วยดูแลกิจการ อีกทั้งฝ่ายชายยังมีปัญหาลงไม้ลงมือกับภรรยา ทำให้ทั้งคู่เลิกลาและห่างเหินกันไปสักระยะ กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน เชื่อว่า น่าจะมีปากเสียงหรือปัญหาบางประการที่ทำให้เกิดทะเลาะเบาะแว้งกันอีก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำให้ นายชัยวัฒน์ ถึงกับต้องยิงลูกชายและลูกสาวก่อนจบชีวิตตัวเองตาม
ขณะที่กลุ่มผู้ค้าขายของบริเวณใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่า ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทราบว่า นายชัยวัฒน์ เดินทางกลับภูมิลำเนาที่ จ.สุรินทร์ เพื่อกราบแม่ คล้ายจะเป็นการสั่งลา ส่วนช่วงเกิดเหตุมีเพียง นายจิรเมธ และ น.ส.จิรนันท์ อยู่ภายในร้านเท่านั้น ส่วน นางปราณี ออกไปทำธุระด้านนอก ซึ่งสันนิษฐานว่าก่อนที่ นายชัยวัฒน์ จะเดินทางมาที่ร้าน น่าจะมีการวางแผนเพื่อยิงภรรยาและลูกตัวเอง ก่อนฆ่าตัวตาย เพื่อจบปัญหาภายในครอบครัว แต่พอมาถึงกลับพบแค่ลูก 2 คน เมื่อถามหาแม่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เป็นเหตุให้ นายชัยวัฒน์ บันดาลโทสะลงมือก่อเหตุสลดดังกล่า
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.มนต์ชัย อรุณส่องแสงดี ผกก.สน.ตลิ่งชัน สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนติดตามไปสอบถามความคืบหน้าอาการของ น.ส.จิรนันท์ ที่ รพ.ศิริราช แล้ว พบว่าอาการยังสาหัส นางปราณี ผู้เป็นแม่ก็ เฝ้าดูอาการของลูกสาวอยู่ไม่ห่าง ซึ่งหลังจากนี้เมื่อ นางปราณี ตั้งสติได้ และพร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็จะเชิญตัวมาที่ สน.ตลิ่งชัน เพื่อสอบถามสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของ นายชัยวัฒน์ ได้โพสต์ภาพครอบครัวและภรรยากว่า 80 รูป ในเวลาใกล้คียงกับช่วงเกิดเหตุ พร้อมข้อความว่า “จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อัน โดยก่อนเกิดเหตุ 1-2 วัน นายชัยวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาใช่มั้ย” อีกทั้งโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือว่า “ถึงทุกๆคน ทุกๆหน่วยงาน ว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ ก่อนลงนามและชื่อท้ายจดหมาย”
https://www.khaosod.co.th/crime/news_7556816
สลดกลางกรุง! พ่อจ่อยิงลูกชายดับ ลูกสาวโคม่า ก่อนลั่นไกจบชีวิตตัวเอง เปิดโพสต์สุดท้าย
13 มี.ค. 2566 - 16:48 น.
สลดกลางกรุง! พ่อจ่อยิงลูกชายดับ ลูกสาวโคม่า ก่อนลั่นไกจบชีวิตตัวเอง เปิดโพสต์สุดท้าย คาดปัญหาครอบครัว เคาระห์ดีภรรยาออกไปข้างนอก
เมื่อเวลา 13.30 น.วันที่ 13 มี.ค.66 ร.ต.อ.บัญญัติ ชนะสิทธิ์ รองสารวัตร (สอบสวน) สน.ตลิ่งชัน รับแจ้งเหตุยิงกันตาย ภายในร้านขายข้าวสาร หน้าตลาดนัดใหม่กรุงนนท์ ถนนสวนผักปากซอย 21 แขวงตลิ่งชัน เขตตลิ่งชัน กทม. จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.กุลเชษฐ์ บางพราน รอง ผบก.น.7 ตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์นิติเวช รพ.ศิริราช และหน่วยกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุภายในร้านพบศพ นายชัยวัฒน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 52 ปี มีบาดแผลถูกยิงด้วยอาวุธปืนขนาด .38 เข้าที่ขมับขวาทะลุซ้าย 1 นัด บริเวณปลายเท้าพบอาวุธปืนขนาด .38 ตกอยู่ 1 กระบอก ใกล้กันพบศพ นายจิรเมธ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ลูกชาย ถูกยิงเข้าที่ศีรษะด้านหลัง กระสุนฝังใน 1 นัด นอกจากนี้ยังมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทราบชื่อคือ น.ส.จิรนันท์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 22 ปี ลูกสาว และเป็นน้องสาวของ นายจิรเมธ ถูกยิงที่ศีรษะทะลุออกท้ายทอย 1 นัด มีพลเมืองดีนำร่างส่ง รพ.ศิริราช ไปก่อนหน้านี้
จากการสอบสวน นายไกรสร (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี ญาติของผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ให้การว่า ตนเป็นหลานชายของ นางปราณี อายุ 48 ปี เจ้าของร้าน ซึ่งเป็นภรรยาของ นายชัยวัฒน์ ผู้ก่อเหตุ และเป็นแม่ของ นายจิรเมธ และ น.ส.จิรนันท์ ซึ่ง นางปราณี และ นายชัยวัฒน์ มีเรื่องระหองระแหงกันมานานแล้ว สาเหตุเกิดจากฝ่ายชาย มักชอบกินดื่มสังสรรค์และไม่ดูแลครอบครัวไม่ช่วยดูแลกิจการ อีกทั้งฝ่ายชายยังมีปัญหาลงไม้ลงมือกับภรรยา ทำให้ทั้งคู่เลิกลาและห่างเหินกันไปสักระยะ กระทั่งเมื่อไม่นานมานี้ทั้งคู่กลับมาคืนดีกัน เชื่อว่า น่าจะมีปากเสียงหรือปัญหาบางประการที่ทำให้เกิดทะเลาะเบาะแว้งกันอีก แต่ตนก็ไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด ทำให้ นายชัยวัฒน์ ถึงกับต้องยิงลูกชายและลูกสาวก่อนจบชีวิตตัวเองตาม
ขณะที่กลุ่มผู้ค้าขายของบริเวณใกล้เคียง ให้ข้อมูลว่า ในช่วงต้นเดือนที่ผ่านมาทราบว่า นายชัยวัฒน์ เดินทางกลับภูมิลำเนาที่ จ.สุรินทร์ เพื่อกราบแม่ คล้ายจะเป็นการสั่งลา ส่วนช่วงเกิดเหตุมีเพียง นายจิรเมธ และ น.ส.จิรนันท์ อยู่ภายในร้านเท่านั้น ส่วน นางปราณี ออกไปทำธุระด้านนอก ซึ่งสันนิษฐานว่าก่อนที่ นายชัยวัฒน์ จะเดินทางมาที่ร้าน น่าจะมีการวางแผนเพื่อยิงภรรยาและลูกตัวเอง ก่อนฆ่าตัวตาย เพื่อจบปัญหาภายในครอบครัว แต่พอมาถึงกลับพบแค่ลูก 2 คน เมื่อถามหาแม่ก็ไม่ได้รับคำตอบ เป็นเหตุให้ นายชัยวัฒน์ บันดาลโทสะลงมือก่อเหตุสลดดังกล่า
อย่างไรก็ตาม พ.ต.อ.มนต์ชัย อรุณส่องแสงดี ผกก.สน.ตลิ่งชัน สั่งการให้ฝ่ายสืบสวนติดตามไปสอบถามความคืบหน้าอาการของ น.ส.จิรนันท์ ที่ รพ.ศิริราช แล้ว พบว่าอาการยังสาหัส นางปราณี ผู้เป็นแม่ก็ เฝ้าดูอาการของลูกสาวอยู่ไม่ห่าง ซึ่งหลังจากนี้เมื่อ นางปราณี ตั้งสติได้ และพร้อมให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว ก็จะเชิญตัวมาที่ สน.ตลิ่งชัน เพื่อสอบถามสาเหตุที่แท้จริงของเรื่องที่เกิดขึ้นต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจสอบเฟซบุ๊กของ นายชัยวัฒน์ ได้โพสต์ภาพครอบครัวและภรรยากว่า 80 รูป ในเวลาใกล้คียงกับช่วงเกิดเหตุ พร้อมข้อความว่า “จะจดจำไว้ตลอดกาล ว่าเคยมีเธออยู่ข้างๆ” พร้อมอีโมจิ ร้องไห้ 3 อัน โดยก่อนเกิดเหตุ 1-2 วัน นายชัยวัฒน์ ได้โพสต์ข้อความว่า “ไม่เห็นโลงศพไม่หลังน้ำตาใช่มั้ย” อีกทั้งโพสต์ภาพจดหมาย ที่เขียนด้วยลายมือว่า “ถึงทุกๆคน ทุกๆหน่วยงาน ว่า ผมขอมอบอำนาจแบบไม่ติดสแตมป์ ผมมีสติดี หากร่างของข้าพเจ้าได้รับความเสียหายเกิน 60% ข้าพเจ้ายินดีขอมอบร่างกายทุกส่วน มอบหรือบริจาคให้องค์กร หรือหน่วยงานใดก็ตามที่เกี่ยวข้อง เพื่อช่วยเหลือผู้อื่น ข้าพเจ้าขออุทิศร่างกายนี้ เพื่อสังคมต่อไป ด้วยความเคารพ ก่อนลงนามและชื่อท้ายจดหมาย”
https://www.khaosod.co.th/crime/news_7556816