ยุคฝืดเคือง ! ขโมยยันห้องน้ำ ผู้รับเหมาวอนล่าตัวคนร้าย
https://www.thaich8.com/news_detail/120572
กลางวันแสกๆ ! ยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ขโมยยันห้องน้ำ งัดเอาสังกะสีเกลี้ยง ผู้รับเหมาวอนล่าตัวคนร้ายด่วน
6 มี.ค.66 นาย
นพดล นิพรรัมย์ อายุ44ปี ชาวอ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ เจ้าของบริษัทรับเหมา ร้องผ่านสื่อว่าอยากให้เป็นตัวกลางช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และอยากจะแจ้งเตือนไปยังผู้รับเหมาทั่วไปให้ระวัง
นาย
นพดล ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่สร้างไว้ที่ ต.ลานสะแก อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นสภาพเหลือเพียงเสากับพื้นไม้อัด ส่วนสังกะสีที่ล้อมไว้เป็นแคมป์ที่อยู่อาศัยของคนงานถูกรื้อหายไปเกลี้ยงทั้งหมด ไม่เว้นสังกะสีที่ล้อมห้องน้ำ คนร้ายยังรื้อเอาไป
นาย
นพดล เล่าว่า ปกติจะรับเหมาสร้างบ้านในเขตพื้นที่ อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย จึงสร้างแคป์คนงานเอาไว้ แต่ไม่ได้อยู่ประจำ เป็นแคมป์กลางไว้สำหรับหน้างานใดไม่มีที่พัก ก็จะให้คนงานตีรถกลับมาพักที่นี่ เพราะแคมป์นี้สร้างไว้มีครบ ทั้งห้องน้ำ ปั๊มน้ำ แทงค์น้ำ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้แวะผ่านมาดูเห็นแคมป์คนงานแล้วตกใจ เพราะไม่เหลือภาพของความเป็นแคมป์เหลืออยู่ ถูกรื้อจนเกลี้ยง จึงโทรศัพท์ไปถามคนงาน ปรากฏว่าไม่มีใครรู้เรื่อง ไม่มีใครเข้าไปรื้อแต่อย่างใด จึงไปถามอดีตผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีบ้านใกล้กันกับแคป์คนงาน ได้รับคำตอบว่ามีคนมาแจ้งว่าเฒ่าแก่ให้มารื้อจึงไม่สนใจ
นาย
พดล เล่าด้วยว่า ทรัพย์สินที่หายไป นอกจากสังกะสีทั้งหมดถูกรื้อเอาไปแล้ว ยังมีปั๊มน้ำ และแทงค์น้ำหายไปด้วย เหลือเพียงกระปุกปลาร้าที่คนร้ายไม่ยอมเอาไป หลังจากนั้นได้ขอภาพวงจรปิดจากหน้าบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน แล้วไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ
อำพล ป้องชาลี รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย และอยากให้เร่งติดตามคนร้ายภายในภาพมาดำเนินคดีให้ด้วย เพราะถือว่าอุกอาจ กล้ามาขโมยเอาทรัพย์สินของคนอื่นแบบโจ่งคลึมกลางวันแสกๆ เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 45,000 บาท
ด้านนาย
อดุลย์ หินไชยศรี อายุ60ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่16 ต.ลานสะแก อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย บอกว่าวันนั้น ได้มีชายอายุประมาณ 30-40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์มาที่หน้าบ้าน แจ้งว่า”เฒ่าแก่ให้มารื้อแคมป์คนงาน”ตนได้แค่รับฟังเพราะคิดว่าเป็นคนงานของเขา จากนั้นคนร้ายได้กลับไปเอารถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ลงมือรื้อคนเดียว โดยใช้เวลาไม่นานแล้วขนไป กระทั่งมาทราบข่าวตอนเจ้าของที่แท้จริงมาถาม
เพจดังแฉโครงการพังงา ‘ทองอุไร’ ต้นละ 6 พัน โซเชียลเหน็บดอกน่าจะออกเป็นทอง
https://ch3plus.com/news/socialnews/ch3onlinenews/337568
แฉราคาต้นทองอุไร โครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงา ต้นละ 6 พันบาท ซื้อทั้งหมด 37 ต้น รวมกว่า 2 แสนบาท โซเชียลเหน็บดอกน่าจะออกเป็นทอง
วันนี้ (6 มี.ค. 2566) เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ออกมาโพสต์แฉราคาต้นไม้ในโครงการหนึ่งของจังหวัดพังงา ระบุว่า ทองอุไรต้นนี้ ราคาต้นละ 6,090.50 บาท ซื้อทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินทั้งหมด 225,348.50 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา เมื่อปี 65 พิกัดอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้แชร์และแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก อาทิ
น่าจะออกดอกมาเป็นทอง เพื่อเก็บไปขายได้กำไรหลักล้าน, แถวบ้าน 30 บาท, ซื้อร้านต้นไม้ช่วงบูมๆ ต้นไม่ถึงร้อยมาเอาบ้านผมตัดกิ่งชำให้ให้ฟรีเลย, ต้นละ 90 บาท ค่าขุดดิน 6,000 บาท, ทองจริงๆ เป็นต้น
“นพดล” เสนอรัฐบาล 6 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_511720/
“นพดล” เสนอรัฐบาล 6 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 เรียกร้องตระหนักถึงวิกฤตและแสดงศักยภาพแก้ปัญหานี้โดยเร็ว
นาย
นพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่สถานการณ์ฝุ่น P.M.2.5 มีค่าเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดหลายพื้นที่ทั่วไทย ข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้ายและกระทบต่อสุขภาพของคนทุกวัยโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งใครเป็นรัฐบาลก็ต้องมีหน้าที่โดยตรงในการประกันให้คนไทยมีอากาศสะอาด และไม่จำนนต่อสภาพที่จำทนสูดฝุ่นพิษในช่วงเวลานี้ของทุกปี โดยไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการและระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤตดังกล่าวนี้
ตนขอเป็นตัวแทนคนไทยที่เผชิญวิกฤตฝุ่นพิษดังกล่าวมาเป็นเวลานาน จึงขอสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงความทุกข์ยากของประชาชน เนื่องจากรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง มีอำนาจตามกฏหมาย มีเครื่องมือ มีงบประมาณ แต่ที่ตนว่ายังขาดคือความตั้งใจจริงและประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว การเมืองคือศิลปะแห่งความเป็นไปได้ ผมมีคำถามและข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่นพิษดังนี้
ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไร โรงงานควรรับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผาและทำลายสุขภาพของผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองตัดอ้อยสะดวกขึ้นหรือไม่, ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ได้วางมาตรการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามอย่างไร การทำงานร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนในหมู่บ้านได้มีมาตรการที่ได้ผลหรือไม่อย่างไร, เรื่องไซท์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ ได้ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะอย่างไร, ในระยะยาวรัฐบาลมีมาตรการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ให้สำเร็จอย่างยั่งยืน จะมีหลักประกันอย่างไรไม่ให้คนไทยต้องเจอปัญหานี้ซ้ำซาก ปีแล้วปีเล่า,การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนได้กระทำไปอย่างไรบ้าง
และวิกฤตินี้เป็นเรื่องฉุกเฉิน รัฐบาลมีแนวคิดการออกกฎหมายอากาศสะอาดอย่างไร
ตนเห็นว่าเราต้องไม่ปล่อยวิกฤตนี้ดำเนินไปตามยถากรรม คนไทยมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด เรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ใครเป็นรัฐบาลต้องแสดงภาวะผู้นำในการแก้ปัญหา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ก่อนเลือกตั้งนี้พรรคการเมืองที่อยากไปเป็นรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของคนไทยและมีแนวทางแก้วิกฤตนี้ให้ชัดเจน ตนขอความกรุณาสื่อมวลชนกระตุ้นสังคมให้ตระหนักถึงวิกฤตและร่วมกันหาทางออกอย่างยั่งยืนต่อไป จึงเรียกร้องมาเพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงวิกฤตและแสดงศักยภาพแก้ปัญหานี้โดยเร็ว
‘ก้าวไกล’ เปิดตัวผู้สมัคร 33 เขต กทม. ลั่นแลนด์สไลด์กรุงเทพฯ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ชิง ส.ส.จตุจักร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3858903
‘ก้าวไกล’ ปลื้มเสียงตอบรับ พิธา ลงพื้นที่หนุนนั่งนายกฯ 12 มี.ค.เปิดชิง 33 เขต กทม. ลั่นแลนด์สไลด์ทั้งกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ พรรคก้าวไกล นาย
พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนาย
ธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พร้อมด้วยนาย
รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตจตุจักร คือ นาย
ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ
แบงค์
นาย
พิจารณ์กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใด อาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีความหนักใจ ยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะในสภาหรือนอกสภา จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯจะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯได้สำเร็จ โดยวันนี้ ขอแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตในกรุงเทพฯ นั่นคือ
ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือ
แบงค์
นาย
ศุภณัฐกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า เป็นคนหนึ่งที่เห็นความเหลื่อมล้ำและความล้าหลังของประเทศ จากการบริหารที่ย่ำแย่ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะอยู่กับการเมืองแบบอดีต อยู่กับ 3 ป. หรือจะสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับตนแล้ว พรรคก้าวไกลคือคำตอบของประเทศ จึงอาสาเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อประชาชนทุกคน
“
เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกทำงานกับพรรคก้าวไกล เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์บทบาทในสภาได้อย่างเด่นชัดที่สุด ว่ากำลังต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ ทุนผูกขาด” นาย
ศุภณัฐกล่าว
ด้านนาย
รังสิมันต์กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แกนนำสำคัญของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน คือร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมากจากประชาชน พี่น้องชาวอีสานเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่า
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม โดยนอกจากการเปิดตัวแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่อย่าง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และ
พรรณิการ์ วานิช เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลแล้ว
ในพื้นที่อื่นๆ ก็มีแกนนำพรรคลงพื้นที่เช่นกัน เช่น ลงพื้นที่ภาคใต้ที่นครศรีธรรมราชและชุมพร มีประชาชนภาคใต้สะท้อนว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะที่ผ่านมาเลือกกี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม รู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองแบบอดีต ดังนั้นเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงคงไม่พัดไปที่ภาคอีสานเท่านั้น แต่ที่ภาคใต้ ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย ส่วนสัปดาห์นี้ แกนนำพรรคก้าวไกลจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ พิธาจะเดินสายลงพื้นที่ภาคใต้และเปิดตัวนโยบายสุขภาพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และภูเก็ต และในวันที่ 12 มีนาคม จะเปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ครบทั้ง 33 เขต สำหรับสถานที่และเวลาจะแจ้งให้ทราบต่อไป
JJNY : 5in1 ยุคฝืดเคือง!│แฉโครงการพังงา│“นพดล”เสนอ 6 แนวทางแก้ฝุ่น│‘ก้าวไกล’เปิดตัวผู้สมัคร│“วากเนอร์” เรียกร้องรัสเซีย
https://www.thaich8.com/news_detail/120572
กลางวันแสกๆ ! ยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง ขโมยยันห้องน้ำ งัดเอาสังกะสีเกลี้ยง ผู้รับเหมาวอนล่าตัวคนร้ายด่วน
6 มี.ค.66 นายนพดล นิพรรัมย์ อายุ44ปี ชาวอ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ เจ้าของบริษัทรับเหมา ร้องผ่านสื่อว่าอยากให้เป็นตัวกลางช่วยติดตามคนร้ายมาดำเนินคดี และอยากจะแจ้งเตือนไปยังผู้รับเหมาทั่วไปให้ระวัง
นายนพดล ได้พาผู้สื่อข่าวไปดูแคมป์คนงานก่อสร้าง ที่สร้างไว้ที่ ต.ลานสะแก อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม เป็นสภาพเหลือเพียงเสากับพื้นไม้อัด ส่วนสังกะสีที่ล้อมไว้เป็นแคมป์ที่อยู่อาศัยของคนงานถูกรื้อหายไปเกลี้ยงทั้งหมด ไม่เว้นสังกะสีที่ล้อมห้องน้ำ คนร้ายยังรื้อเอาไป
นายนพดล เล่าว่า ปกติจะรับเหมาสร้างบ้านในเขตพื้นที่ อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย จึงสร้างแคป์คนงานเอาไว้ แต่ไม่ได้อยู่ประจำ เป็นแคมป์กลางไว้สำหรับหน้างานใดไม่มีที่พัก ก็จะให้คนงานตีรถกลับมาพักที่นี่ เพราะแคมป์นี้สร้างไว้มีครบ ทั้งห้องน้ำ ปั๊มน้ำ แทงค์น้ำ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้แวะผ่านมาดูเห็นแคมป์คนงานแล้วตกใจ เพราะไม่เหลือภาพของความเป็นแคมป์เหลืออยู่ ถูกรื้อจนเกลี้ยง จึงโทรศัพท์ไปถามคนงาน ปรากฏว่าไม่มีใครรู้เรื่อง ไม่มีใครเข้าไปรื้อแต่อย่างใด จึงไปถามอดีตผู้ใหญ่บ้านซึ่งมีบ้านใกล้กันกับแคป์คนงาน ได้รับคำตอบว่ามีคนมาแจ้งว่าเฒ่าแก่ให้มารื้อจึงไม่สนใจ
นายพดล เล่าด้วยว่า ทรัพย์สินที่หายไป นอกจากสังกะสีทั้งหมดถูกรื้อเอาไปแล้ว ยังมีปั๊มน้ำ และแทงค์น้ำหายไปด้วย เหลือเพียงกระปุกปลาร้าที่คนร้ายไม่ยอมเอาไป หลังจากนั้นได้ขอภาพวงจรปิดจากหน้าบ้านอดีตผู้ใหญ่บ้าน แล้วไปแจ้งความต่อ ร.ต.อ อำพล ป้องชาลี รองสารวัตร(สอบสวน) สภ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย และอยากให้เร่งติดตามคนร้ายภายในภาพมาดำเนินคดีให้ด้วย เพราะถือว่าอุกอาจ กล้ามาขโมยเอาทรัพย์สินของคนอื่นแบบโจ่งคลึมกลางวันแสกๆ เบื้องต้นมูลค่าความเสียหายประมาณ 45,000 บาท
ด้านนายอดุลย์ หินไชยศรี อายุ60ปี อดีตผู้ใหญ่บ้าน หมู่16 ต.ลานสะแก อ.พยัคฆ์ภูมิพิสัย บอกว่าวันนั้น ได้มีชายอายุประมาณ 30-40 ปี ขี่รถจักรยานยนต์มาที่หน้าบ้าน แจ้งว่า”เฒ่าแก่ให้มารื้อแคมป์คนงาน”ตนได้แค่รับฟังเพราะคิดว่าเป็นคนงานของเขา จากนั้นคนร้ายได้กลับไปเอารถจักรยานยนต์แบบพ่วงข้าง ลงมือรื้อคนเดียว โดยใช้เวลาไม่นานแล้วขนไป กระทั่งมาทราบข่าวตอนเจ้าของที่แท้จริงมาถาม
เพจดังแฉโครงการพังงา ‘ทองอุไร’ ต้นละ 6 พัน โซเชียลเหน็บดอกน่าจะออกเป็นทอง
https://ch3plus.com/news/socialnews/ch3onlinenews/337568
แฉราคาต้นทองอุไร โครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงา ต้นละ 6 พันบาท ซื้อทั้งหมด 37 ต้น รวมกว่า 2 แสนบาท โซเชียลเหน็บดอกน่าจะออกเป็นทอง
วันนี้ (6 มี.ค. 2566) เพจปฏิบัติการหมาเฝ้าบ้าน ออกมาโพสต์แฉราคาต้นไม้ในโครงการหนึ่งของจังหวัดพังงา ระบุว่า ทองอุไรต้นนี้ ราคาต้นละ 6,090.50 บาท ซื้อทั้งหมด 37 ต้น รวมเป็นเงินทั้งหมด 225,348.50 บาท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการปรับภูมิทัศน์คลองพังงาของจังหวัดพังงา เมื่อปี 65 พิกัดอยู่ที่หน้าศาลากลางจังหวัด
หลังจากโพสต์ดังกล่าวเผยแพร่ออกไป ก็มีผู้แชร์และแสดงความคิดเห็นวิพากษ์วิจารณ์เป็นจำนวนมาก อาทิ น่าจะออกดอกมาเป็นทอง เพื่อเก็บไปขายได้กำไรหลักล้าน, แถวบ้าน 30 บาท, ซื้อร้านต้นไม้ช่วงบูมๆ ต้นไม่ถึงร้อยมาเอาบ้านผมตัดกิ่งชำให้ให้ฟรีเลย, ต้นละ 90 บาท ค่าขุดดิน 6,000 บาท, ทองจริงๆ เป็นต้น
“นพดล” เสนอรัฐบาล 6 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_511720/
“นพดล” เสนอรัฐบาล 6 แนวทางแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 เรียกร้องตระหนักถึงวิกฤตและแสดงศักยภาพแก้ปัญหานี้โดยเร็ว
นายนพดล ปัทมะ รองประธานยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย และอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ตามที่สถานการณ์ฝุ่น P.M.2.5 มีค่าเกินมาตรฐานและอยู่ในระดับที่เป็นอันตรายในพื้นที่ กทม.และต่างจังหวัดหลายพื้นที่ทั่วไทย ข้อมูลทางวิชาการชี้ว่าฝุ่นพิษนี้อาจนำไปสู่โรคร้ายและกระทบต่อสุขภาพของคนทุกวัยโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ ซึ่งใครเป็นรัฐบาลก็ต้องมีหน้าที่โดยตรงในการประกันให้คนไทยมีอากาศสะอาด และไม่จำนนต่อสภาพที่จำทนสูดฝุ่นพิษในช่วงเวลานี้ของทุกปี โดยไม่เห็นความตั้งใจจริงในการออกมาตรการและระดมสรรพกำลังเพื่อแก้วิกฤตดังกล่าวนี้
ตนขอเป็นตัวแทนคนไทยที่เผชิญวิกฤตฝุ่นพิษดังกล่าวมาเป็นเวลานาน จึงขอสะท้อนปัญหาให้รัฐบาลได้ตระหนักถึงความทุกข์ยากของประชาชน เนื่องจากรัฐบาลมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง มีอำนาจตามกฏหมาย มีเครื่องมือ มีงบประมาณ แต่ที่ตนว่ายังขาดคือความตั้งใจจริงและประสิทธิภาพในการแก้ปัญหาดังกล่าวทั้งในระยะเฉพาะหน้าและระยะยาว การเมืองคือศิลปะแห่งความเป็นไปได้ ผมมีคำถามและข้อเสนอแนะในการแก้ปัญหาวิกฤตฝุ่นพิษดังนี้
ปัญหาการเผาไร่ข้าวโพด ไร่อ้อย รัฐบาลได้ดำเนินการอย่างไร โรงงานควรรับซื้ออ้อยที่ผ่านการเผาและทำลายสุขภาพของผู้อื่นเพื่อให้ตัวเองตัดอ้อยสะดวกขึ้นหรือไม่, ปัญหาการเผาป่าหน้าแล้ง ได้วางมาตรการเพื่อป้องกันหรือปราบปรามอย่างไร การทำงานร่วมกับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ประชาชนในหมู่บ้านได้มีมาตรการที่ได้ผลหรือไม่อย่างไร, เรื่องไซท์ก่อสร้าง โรงงานอุตสาหกรรม รถควันดำ ได้ให้เจ้าหน้าที่ผู้มีหน้าที่เข้มงวดผู้ปล่อยมลภาวะอย่างไร, ในระยะยาวรัฐบาลมีมาตรการอย่างไรที่จะแก้ปัญหาฝุ่น P.M.2.5 ให้สำเร็จอย่างยั่งยืน จะมีหลักประกันอย่างไรไม่ให้คนไทยต้องเจอปัญหานี้ซ้ำซาก ปีแล้วปีเล่า,การเจรจากับประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นข้ามแดนได้กระทำไปอย่างไรบ้าง
และวิกฤตินี้เป็นเรื่องฉุกเฉิน รัฐบาลมีแนวคิดการออกกฎหมายอากาศสะอาดอย่างไร
ตนเห็นว่าเราต้องไม่ปล่อยวิกฤตนี้ดำเนินไปตามยถากรรม คนไทยมีสิทธิหายใจอากาศสะอาด เรื่องนี้ต้องเป็นวาระแห่งชาติ ใครเป็นรัฐบาลต้องแสดงภาวะผู้นำในการแก้ปัญหา อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็ก ก่อนเลือกตั้งนี้พรรคการเมืองที่อยากไปเป็นรัฐบาลต้องให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของคนไทยและมีแนวทางแก้วิกฤตนี้ให้ชัดเจน ตนขอความกรุณาสื่อมวลชนกระตุ้นสังคมให้ตระหนักถึงวิกฤตและร่วมกันหาทางออกอย่างยั่งยืนต่อไป จึงเรียกร้องมาเพื่อให้รัฐบาลตระหนักถึงวิกฤตและแสดงศักยภาพแก้ปัญหานี้โดยเร็ว
‘ก้าวไกล’ เปิดตัวผู้สมัคร 33 เขต กทม. ลั่นแลนด์สไลด์กรุงเทพฯ ‘ศุภณัฐ มีนชัยนันท์’ ชิง ส.ส.จตุจักร
https://www.matichon.co.th/politics/news_3858903
‘ก้าวไกล’ ปลื้มเสียงตอบรับ พิธา ลงพื้นที่หนุนนั่งนายกฯ 12 มี.ค.เปิดชิง 33 เขต กทม. ลั่นแลนด์สไลด์ทั้งกรุงเทพฯ
เมื่อวันที่ 6 มีนาคม ที่ พรรคก้าวไกล นายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล และนายธีรัจชัย พันธุมาศ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะผู้ดูแลการเลือกตั้งสนามกรุงเทพฯ พร้อมด้วยนายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตจตุจักร คือ นายศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือแบงค์
นายพิจารณ์กล่าวว่า ปัจจุบันคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังอยู่ในช่วงการรับฟังความเห็นของประชาชนเกี่ยวกับการแบ่งเขต ซึ่งไม่ว่าการแบ่งเขตจะออกมาในรูปแบบใด อาจสร้างความได้เปรียบเสียเปรียบแก่บางพรรคการเมือง แต่พรรคก้าวไกลไม่มีความหนักใจ ยืนยันจะสู้ในทุกสนาม เพราะเราเชื่อในการเมืองที่ไม่ได้อาศัยหัวคะแนนหรือระบบอุปถัมภ์เพื่อสร้างบุญคุณกับพี่น้องประชาชน แต่พรรคก้าวไกลยึดหลักการและผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะในสภาหรือนอกสภา จะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หรือ ส.ส.เขต พรรคก้าวไกลพิสูจน์แล้วว่า แม้เป็นพรรคร่วมฝ่ายค้าน ก็ผลักดันกฎหมายหรือตรวจสอบรัฐบาลได้อย่างเข้มข้น หากเราได้มีอำนาจบริหารและเป็นรัฐบาล ก็พร้อมจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยในอีก 4 ปี ดังนั้น ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะใช้กลเม็ดใดในการแบ่งเขต เชื่อว่าพี่น้องชาวกรุงเทพฯจะไว้วางใจมอบคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกล และเชื่อว่าจะแลนด์สไลด์ในกรุงเทพฯได้สำเร็จ โดยวันนี้ ขอแนะนำว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.คนใหม่ ที่ทำให้พรรคก้าวไกลมีว่าที่ผู้สมัครครบทุกเขตในกรุงเทพฯ นั่นคือ ศุภณัฐ มีนชัยนันท์ หรือแบงค์
นายศุภณัฐกล่าวถึงเหตุผลที่ตัดสินใจร่วมงานกับพรรคก้าวไกลว่า เป็นคนหนึ่งที่เห็นความเหลื่อมล้ำและความล้าหลังของประเทศ จากการบริหารที่ย่ำแย่ของรัฐบาลยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งรอบนี้ ถือเป็นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อว่าจะอยู่กับการเมืองแบบอดีต อยู่กับ 3 ป. หรือจะสร้างการเมืองแบบใหม่ที่ดีกว่าเดิม สำหรับตนแล้ว พรรคก้าวไกลคือคำตอบของประเทศ จึงอาสาเข้ามาขับเคลื่อนนโยบายพรรคเพื่อประชาชนทุกคน
“เหตุผลว่าทำไมผมถึงเลือกทำงานกับพรรคก้าวไกล เพราะ 4 ปีที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลได้พิสูจน์บทบาทในสภาได้อย่างเด่นชัดที่สุด ว่ากำลังต่อสู้กับระบอบอุปถัมภ์ ทุนผูกขาด” นายศุภณัฐกล่าว
ด้านนายรังสิมันต์กล่าวถึงการหาเสียงของพรรคก้าวไกลในช่วงที่ผ่านมาว่า ตลอดสัปดาห์ที่แล้ว แกนนำสำคัญของพรรคก้าวไกลลงพื้นที่หาเสียงในหลายจังหวัดทางภาคอีสาน คือร้อยเอ็ด ขอนแก่น อุดรธานี ได้รับการตอบรับดีมากจากประชาชน พี่น้องชาวอีสานเชื่อว่าพรรคก้าวไกลจะสร้างความเปลี่ยนแปลงในสังคมไทยได้อย่างแท้จริง และเชื่อว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งความเปลี่ยนแปลง ที่ไม่พาประเทศไทยกลับไปสู่จุดเดิม โดยนอกจากการเปิดตัวแกนนำอดีตพรรคอนาคตใหม่อย่าง ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปิยบุตร แสงกนกกุล และพรรณิการ์ วานิช เป็นผู้ช่วยหาเสียงของพรรคก้าวไกลแล้ว
ในพื้นที่อื่นๆ ก็มีแกนนำพรรคลงพื้นที่เช่นกัน เช่น ลงพื้นที่ภาคใต้ที่นครศรีธรรมราชและชุมพร มีประชาชนภาคใต้สะท้อนว่าต้องการเห็นความเปลี่ยนแปลงเพราะที่ผ่านมาเลือกกี่ครั้งก็ได้ผลเหมือนเดิม รู้สึกเบื่อหน่ายการเมืองแบบอดีต ดังนั้นเชื่อว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ สายลมแห่งการเปลี่ยนแปลงคงไม่พัดไปที่ภาคอีสานเท่านั้น แต่ที่ภาคใต้ ก็จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ด้วย ส่วนสัปดาห์นี้ แกนนำพรรคก้าวไกลจะลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคมนี้ พิธาจะเดินสายลงพื้นที่ภาคใต้และเปิดตัวนโยบายสุขภาพ ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช กระบี่ และภูเก็ต และในวันที่ 12 มีนาคม จะเปิดตัวนโยบายและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ครบทั้ง 33 เขต สำหรับสถานที่และเวลาจะแจ้งให้ทราบต่อไป