ช่วงปิดเทอม มีนาคม-พฤษภาคม เวลา 2 เดือนกว่านี้
ที่โรงเรียนมีสอนเสริมพิเศษ พวกคณิต ไทย อังกฤษต่างๆ
แบ่งเป็น เดือนมีนาคม 15 วัน เดือนเมษายน 15 วัน
ผมคุยกับภรรยาดู ก็เห็นด้วยว่า น้องยังอ่านไม่ค่อยได้ ให้ลองไปเรียนดู ดีกว่าอยู่บ้านกับคุณยาย
วันๆดูแต่การ์ตูน เล่นเกมในมือถือ เคยลองตั้งกฎว่า ช่วงกลางวันที่พ่อกับแม่ไปทำงาน จะดูก็ดูไป เพราะคุณยายก็สอนไม่ค่อยเป็นครับ
แต่พอกลางคืน พ่อกับแม่ขอเวลา 1 ชั่วโมง มาอ่านหนังสือกัน ผลที่ได้คือ จำได้แค่แป๊บเดียวก็ลืม เช่น สอนบรรทัดแรกได้ ก็ไปบรรทัดที่สอง
แล้วลองย้อนกลับมาให้อ่านบรรทัดแรกใหม่ ก็ลืมครับ
คือน้องจำพยัญชนะไทยอังกฤษได้ครบนะครับ อ่านถูกต้อง ไม่ว่าจะอ่านเรียง A-Z หรือ ก-ฮ
หรือไม่ต้องอ่านเรียง คือผมสุ่มเขียนขึ้นมาถาม น้องก็ตอบได้
แต่น้องยังด้อยเรื่องพวกสระ ยังจำผิดอยู่มาก เช่น ยังจำสลับ สระอุ สระอู ไม้ม้วนกับไม้มลาย
และด้อยการอ่านเรียงเป็นประโยค
คือน้องอ่านเป็นคำๆ อ่านได้บ้าง แต่พอมาเรียงเป็นประโยค เช่น ให้อ่านนิทาน น้องไปแทบไม่เป็นเลยครับ
ในขณะที่เพื่อนส่วนใหญ่ในห้อง ให้อ่านนิทาน อ่านคล่องกว่าน้องอีกครับ อย่างแย่สุดคือ นั่งสะกดทีละตัว คืออ่านช้าหน่อย แต่ก็ยังไปได้
เราเลยมาคิดกับตัวเองว่า เราใส่ใจกับเรื่องเรียนลูกน้อยไปรึป่าว
คือไม่เคยให้น้องเรียนเสริมอะไรเลยครับ มีแต่กลับมาสอนการบ้านกันตอนเย็น
เพราะคิดว่าน้องยังเล็ก การเรียนเสริม มันหนักไปรึป่าวสำหรับเด็กอายุแค่นี้
แต่พอมาทบทวนก่อนสอบเทอมนี้ รู้สึกได้ว่าน้องไม่ต่างอะไรก่อนเปิดเทอมตอนจะขึ้นป.1
มีแต่ความกล้าแสดงออก กล้าคิดกล้าพูด ที่ได้มาจากการเรียน แต่เรื่องการอ่าน เรียกว่า พัฒนาขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
เพราะผมกับภรรยา ไม่ได้คิดและตัดสินใจคนเดียว มีไปถามความเห็นลูกก่อนด้วย
และลูกตอบว่า ไม่อยากเรียน เพราะเหตุผล 2 ข้อครับ
1.เพื่อนสนิท ที่นั่งเรียนด้วยกัน เขาไม่ลงเรียน
2.เพื่อนที่ชอบแกล้ง ชอบมาหยิก มายืมของแล้วไม่คืน เขาลงเรียนด้วย
เราก็ไม่รู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงของลูกคืออะไร
เราจะเอาอย่างไรดี
ลูกสาวอายุย่าง 7 ขวบ กำลังจะขึ้น ป.2 ชอบแต่ด้านกิจกรรม ร้องรำทำเพลงต่างๆ ทำได้ดี ส่วนด้านวิชาการไม่ได้เลย จึงคิดว่า..
ที่โรงเรียนมีสอนเสริมพิเศษ พวกคณิต ไทย อังกฤษต่างๆ
แบ่งเป็น เดือนมีนาคม 15 วัน เดือนเมษายน 15 วัน
ผมคุยกับภรรยาดู ก็เห็นด้วยว่า น้องยังอ่านไม่ค่อยได้ ให้ลองไปเรียนดู ดีกว่าอยู่บ้านกับคุณยาย
วันๆดูแต่การ์ตูน เล่นเกมในมือถือ เคยลองตั้งกฎว่า ช่วงกลางวันที่พ่อกับแม่ไปทำงาน จะดูก็ดูไป เพราะคุณยายก็สอนไม่ค่อยเป็นครับ
แต่พอกลางคืน พ่อกับแม่ขอเวลา 1 ชั่วโมง มาอ่านหนังสือกัน ผลที่ได้คือ จำได้แค่แป๊บเดียวก็ลืม เช่น สอนบรรทัดแรกได้ ก็ไปบรรทัดที่สอง
แล้วลองย้อนกลับมาให้อ่านบรรทัดแรกใหม่ ก็ลืมครับ
คือน้องจำพยัญชนะไทยอังกฤษได้ครบนะครับ อ่านถูกต้อง ไม่ว่าจะอ่านเรียง A-Z หรือ ก-ฮ
หรือไม่ต้องอ่านเรียง คือผมสุ่มเขียนขึ้นมาถาม น้องก็ตอบได้
แต่น้องยังด้อยเรื่องพวกสระ ยังจำผิดอยู่มาก เช่น ยังจำสลับ สระอุ สระอู ไม้ม้วนกับไม้มลาย
และด้อยการอ่านเรียงเป็นประโยค
คือน้องอ่านเป็นคำๆ อ่านได้บ้าง แต่พอมาเรียงเป็นประโยค เช่น ให้อ่านนิทาน น้องไปแทบไม่เป็นเลยครับ
ในขณะที่เพื่อนส่วนใหญ่ในห้อง ให้อ่านนิทาน อ่านคล่องกว่าน้องอีกครับ อย่างแย่สุดคือ นั่งสะกดทีละตัว คืออ่านช้าหน่อย แต่ก็ยังไปได้
เราเลยมาคิดกับตัวเองว่า เราใส่ใจกับเรื่องเรียนลูกน้อยไปรึป่าว
คือไม่เคยให้น้องเรียนเสริมอะไรเลยครับ มีแต่กลับมาสอนการบ้านกันตอนเย็น
เพราะคิดว่าน้องยังเล็ก การเรียนเสริม มันหนักไปรึป่าวสำหรับเด็กอายุแค่นี้
แต่พอมาทบทวนก่อนสอบเทอมนี้ รู้สึกได้ว่าน้องไม่ต่างอะไรก่อนเปิดเทอมตอนจะขึ้นป.1
มีแต่ความกล้าแสดงออก กล้าคิดกล้าพูด ที่ได้มาจากการเรียน แต่เรื่องการอ่าน เรียกว่า พัฒนาขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น
ถ้าเป็นคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่น คิดเห็นอย่างไรบ้างครับ
เพราะผมกับภรรยา ไม่ได้คิดและตัดสินใจคนเดียว มีไปถามความเห็นลูกก่อนด้วย
และลูกตอบว่า ไม่อยากเรียน เพราะเหตุผล 2 ข้อครับ
1.เพื่อนสนิท ที่นั่งเรียนด้วยกัน เขาไม่ลงเรียน
2.เพื่อนที่ชอบแกล้ง ชอบมาหยิก มายืมของแล้วไม่คืน เขาลงเรียนด้วย
เราก็ไม่รู้ว่า เหตุผลที่แท้จริงของลูกคืออะไร
เราจะเอาอย่างไรดี