JJNY : 5in1 พท.จี้ กกต.│‘ปารีณา’ แพ้ ‘ครูใหญ่อรรถพล’│‘สมชัย’ ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.│‘กนกวรรณ’ ผิดคดีรุกป่า│ยูเอ็นถกใหญ่ครบ1ปี

พท.จี้ กกต. มีความเที่ยงธรรม อย่ารับคำร้องไร้สาระ กลั่นแกล้งยุบพรรค แนะเปิดให้แก้ข้อกล่าวหาเต็มที่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3837756
 
 
พท.จี้ กกต. มีความเที่ยงธรรม อย่ารับคำร้องไร้สาระ กลั่นแกล้งยุบพรรค แนะเปิดให้แก้ข้อกล่าวหาเต็มที่-ต้องดำเนินคดีคนร้องเท็จ
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ออกแถลงการณ์ เรื่อง การกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการยุบพรรคการเมือง โดยมีรายละเอียดว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ปรับปรุงระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้งว่าด้วยการรวบรวมข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานของนายทะเบียน
พรรคการเมือง กรณีมีเหตุปรากฏว่า พรรคการเมืองกระทำตามมาตรา 92 แห่งพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 และเป็นเหตุในการยุบพรรค ซึ่งได้มีการกำหนดระยะเวลาในการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน เพื่อเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งและพิจารณายืนยันคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญในกรอบเวลาเบื้องต้นคือ 67 วัน และคณะกรรมการการเลือกตั้งได้อ้างว่าเป็นการปฏิบัติตามพ.ร.บ.กำหนดระยะเวลาดำเนินงานในกระบวนการยุติธรรม พ.ศ.2565 ซึ่งได้มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 23 มกราคมนั้น
 
แถลงการณ์ ระบุต่อว่า พรรคพท.ขอยืนยันในหลักการว่าพรรคการเมือง ถือเป็นสถาบันทางการเมืองที่เป็นของสมาชิกและประชาชน ไม่ควรที่จะมีอำนาจใดที่จะมายุบพรรคการเมือง เว้นเสียแต่พรรคการเมืองนั้นมีการกระทำอันเป็นการล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง และควรแยกแยะการกระทำความผิดส่วนบุคคลออกจากพรรคการเมือง พร้อมทั้งขอตั้งข้อสังเกตว่าการจัดทำกำหนดขั้นตอนและระยะเวลาในการดำเนินการยุบพรรคการเมือง และประกาศให้ทราบทั่วกันในช่วงเวลาที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระยะอันใกล้นี้ เป็นสัญญาณที่ไม่ปกติ และอาจเป็นเหตุให้มีการกลั่นแกล้งโดยการร้องให้มีการยุบพรรคการเมืองในเรื่องต่างๆ ทั้งที่เป็นสาระและไม่เป็นสาระ ซึ่งทั้งหมดนี้มีผลอย่างยิ่งต่อการหาเสียงเลือกตั้งของพรรคการเมือง และต่อความเชื่อมั่นของประชาชนที่จะมาใช้สิทธิลงคะแนนเลือกพรรคการเมืองนั้นๆ และไม่เป็นผลดีต่อการเลือกตั้งในภาพรวม
 
พรรคพท.จึงขอเรียกร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ตระหนักถึงปัญหา และผลกระทบดังกล่าว และขอให้ใช้อำนาจหน้าที่อย่างเที่ยงธรรม หากมีกรณีการร้องให้มีการยุบพรรค ไม่ควรรับเรื่องเล็กๆน้อยๆ ที่ไม่เป็นสาระ โดยยื่นมาเพื่อหวังผลหรือกลั่นแกล้งทางการเมือง และคณะกรรมการการเลือกตั้งต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษกับคำร้องที่ยื่นมาในระยะเวลาที่มีการเลือกตั้ง เพราะในเวลานี้มีพรรคการเมืองบางพรรคปราศรัยทำนองว่าอย่าไปเลือกพรรคนั้นเปล่าประโยชน์ ไม่ได้เป็นรัฐบาล นอกจากนั้นต้องเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองนั้นได้ต่อสู้แก้ข้อกล่าวหา โดยมีระยะเวลาอย่างเพียงพอ มิใช่การเร่งรัดเพื่อสรุปความเห็นเพื่อยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมือง ซึ่งอาจมีผลโดยตรงต่อการเลือกตั้งดังที่เคยเกิดขึ้นในอดีต และสุดท้ายคณะกรรมการการเลือกตั้งจะต้องดำเนินคดีโดยเด็ดขาดกับผู้ร้องเท็จด้วย” แถลงการณ์ ระบุ



‘ปารีณา’ เจอคุก 16 เดือน หลังแพ้อีก คดีหมิ่นประมาท ‘ครูใหญ่อรรถพล’
https://www.matichon.co.th/politics/news_3837265

‘ปารีณา’ เจอคุก 16 เดือน หลังแพ้คดี หมิ่นประมาท ‘ครูใหญ่’ แต่ศาลให้รอลงอาญา 2 ปี     
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ทนายนรเศรษฐ์ นาหนองตูม ได้โพสต์คำพิพากษา พร้อมข้อความเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊ก เผยว่า 
 
“ผมได้เป็นทนายโจทก์ให้กับ ครูใหญ่ อรรถพล บัวพัฒน์ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดขอนแก่นพรรคก้าวไกล ฟ้องดำเนินคดีกับ คุณปารีณา ไกรคุปต์ จำเลย ซึ่งอดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ ในข้อหาหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา
 
ศาลได้มีคำพิพากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี
– ลงโทษจำคุกคุณปารีณาฯ 16 เดือน ปรับ 80,000 บาท รอลงอาญา 2 ปี
– ให้คุณปารีณาโฆษณาคำพิพากษาของศาลในหนังสือพิมพ์อย่างน้อย 2 ฉบับเป็นระยะเวลา 3 วัน ต่อเนื่องกัน
– ให้คุณปารีณาชดใช้ค่าเสียหายให้กับโจทก์เป็นเงิน 100,000 บาท



‘สมชัย’ ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.ถ้า ครม.เลื่อนเสนอ พ.ร.ก.ขยายบังคับใช้ กม.อุ้มหาย ก่อนปิดสมัยประชุม
https://www.matichon.co.th/politics/news_3837678

‘สมชัย’ ขู่ฟ้อง ป.ป.ช.ถ้า ครม.เลื่อนเสนอ พ.ร.ก.ขยายบังคับใช้ กม.อุ้มหาย ก่อนปิดสมัยประชุม ชี้งานนี้ใหญ่เกินกว่า ‘วิษณุเทพ’ ช่วยได้
 
เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กกรณีคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ มอบของขวัญวันแห่งความรักให้ประชาชน เลื่อนการบังคับใช้พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการกระทำให้บุคคลสูญหาย 4 มาตรา ออกไปถึงวันที่ 1 ตุลาคม จากเดิมที่จะประกาศใช้ในวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ว่าการยกเว้นดังกล่าวเท่ากับรัฐบาลไม่เห็นความสำคัญของสิทธิเสรีภาพของประชาชนที่ถูกจับกุม อาจต้องเจอสภาพถูกจับซ้อม ทรมาน คลุมถุงดำใส่หัว การกระทำที่โหดร้ายทารุณ หรือกระทั่งทำให้สูญหาย แสดงถึงความไม่พร้อมในการทำงานของภาครัฐที่มีเวลาเตรียมตัวมาแล้ว 4 เดือน นับแต่ พ.ร.บ.ประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2565 ถึงวันนี้ยังบอกไม่พร้อมปฏิบัติ และเมื่อออกเป็น พ.ร.ก.ก็ต้องรีบเสนอเข้าสภาโดยไม่ชักช้า ก่อนปิดสมัยประชุมวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ยังเหลืออีกหลายวัน หรือแม้ปิดสมัยประชุมก็สามารถขอให้มีการประชุมสมัยวิสามัญได้ หากไม่รีบยุบสภาหนี
 
นายสมชัยระบุว่า จะรอถึงวันศุกร์ที่ 24 กุมภาพันธ์ หากยังไม่มีวี่แววว่าจะส่ง พ.ร.ก.มาสภาเพื่อให้พิจารณา เท่ากับ ครม.ชุดนี้จงใจปฏิบัติขัดรัฐธรรมนูญ และในวันพุธที่ 1 มีนาคม ประชาชนจะให้ของขวัญกลับ เป็นการยื่นให้ ป.ป.ช.ถอดถอน ครม.ทั้งคณะ หากศาลฎีกาเห็นว่าผิดตัดสิทธิการเมือง 10 ปี ต่อให้พระศิวะใหญ่กว่าวิษณุเทพ ก็ยากช่วยเหลือแล้ว
 

  
ด่วน! ศาลฎีกาชี้ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศธ. ผิดคดีรุกป่าเขาใหญ่ เพิกถอนสิทธิการเมืองตลอดชีวิต
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7524522

ด่วน! ศาลฎีกาชี้ ‘กนกวรรณ’ รมช.ศธ. ผิดคดีรุกป่าเขาใหญ่ เพิกถอนสิทธิการเมืองตลอดชีวิต หลังตัดสินฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 
เมื่อวันที่ 22ก.พ.66 ที่ศาลฎีกา สนามหลวง ศาลนัดฟังคำพิพากษา คดีหมายเลขดำที่ คมจ.2/2565 ระหว่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือป.ป.ช. ผู้ร้อง นางกนกวรรณ วิลาวัลย์ อดีตรมช.ศึกษาธิการ ผู้คัดค้าน เรื่องการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
 
คดีนี้ ป.ป.ช.ผู้ร้องยื่นคำร้องสรุปว่า เมื่อวันที่ 14 ก.พ.2545 ผู้คัดค้านดำเนินการขอออกโฉนดที่ดินในพื้นที่หมู่ที่ 15 ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี เนื้อที่ 30-2-80.5 ไร่ โดยอ้างว่าซื้อที่ดินแปลงดังกล่าวมาจาก นายทิว มะลิซ้อน เมื่อปี 2533 แต่นายทิวไม่มีตัวตน ทั้งไม่เคยมีการเข้าทำประโยชน์ในที่ดินที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ และแนวเขตป่าไม้ถาวรป่าเขาใหญ่ ทำให้รัฐสูญเสียที่ดินในเขตอุทยานแห่งชาติให้แก่ผู้คัดค้าน การออกโฉนดที่ดินเลขที่ 41158 ต.เนินหอม อ.เมืองปราจีนบุรี จึงมิชอบด้วยกฎหมาย และเป็นความเสียหายร้ายแรง ผู้คัดค้านยังคงยึดถือครอบครองที่ดินต่อเนื่องตลอดมาจนกระทั่งเข้าดำรงตำแหน่งรมช.ศึกษาธิการ
 
ป.ป.ช.ผู้ร้องจึงขอให้ศาลฎีกา มีคำพิพากษาหรือคำสั่งว่า ผู้คัดค้านฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่นับแต่วันที่ศาลฎีการับคำร้องจนกว่าจะมีคำพิพากษา ให้ผู้คัดค้านพ้นจากตำแหน่งนับแต่วันหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้คัดค้าน และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกำหนดเวลาไม่เกินสิบปี ตาม รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 235 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 87 และมาตรฐานทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ และผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ รวมทั้งผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน และหัวหน้าหน่วยงานธุรการของศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ พ.ศ. 2561 ข้อ 8 และข้อ 11, 17 ประกอบข้อ 27
 
โดยเมื่อวันที่ 26 ส.ค.65 ศาลฎีกามีคำสั่งให้รับคำร้องของผู้ร้องไว้พิจารณาวินิจฉัย และมีคำสั่งให้ นางกนกวรรณ ผู้คัดค้านหยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำพิพากษา ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 81 ประกอบมาตรา 87 วรรคสาม และระเบียบที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกาว่าด้วยการพิจารณาพิพากษาคดีเกี่ยวกับการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง พ.ศ. 2561 ข้อ 12 วรรคสอง และมีการพิจารณาคดีครั้งแรกไปเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 65 และมีการพิจารณาคดีเรื่อยมาจนเสร็จสิ้นกระบวนการ

วันนี้ทางป.ป.ช.ผู้ร้อง เเละนางกนกวรรณ ไม่ได้เดินทางมาศาล
 
ศาลฎีกาพิพากษาว่า นางกนกวรรณฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง ให้พ้นจากตำเเหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษา 26 ส.ค.65 ให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งตลอดไป รวมถึงไม่มีสิทธิดำรงตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 235 วรรคสี่ และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 10 ปี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่