JJNY : 5in1 ‘เพื่อไทย’อัดส.ว.│ถ้าฉลาด อย่าหนี!│‘ก้าวไกล’ยื่นสอบอดีต ผบ.ทอ.│‘สมชัย’ชี้ช่องถอดถอน‘เสรี’│กัมพูชาสั่งปิดสนข.

‘เพื่อไทย’ อัด ส.ว.ไม่เคารพ ปชช. ประกาศไม่เลือก ‘อุ๊งอิ๊ง’ สุทินเย้ย เดี๋ยวนี้โจรวางแผนออกทีวี?
https://www.matichon.co.th/politics/news_3821358
 
 
‘เพื่อไทย’ เมินความเห็น ส.ว.ไม่เอา ‘อิ๊ง’ นั่งนายกฯ บอกแค่ความเห็นบางส่วน ‘สุทิน’ เหน็บมีหน้าที่แค่ปกป้อง ‘ประยุทธ์-ประวิตร’ อุ้มเผด็จการอยู่ต่อ ตอกกลับโจรชั่วยุคนี้ประกาศแผนปล้นออกทีวี ปลุก ปชช.แลนด์สไลด์เอาชนะ
 
เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่านและหัวหน้าพรรค พท. กล่าวถึงกรณีที่ ส.ว.ออกมาระบุว่าแม้พรรค พท.ชนะเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่ ส.ว.ก็จะไม่เลือก น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เป็นนายกฯ ว่าถือเป็นการให้ความเห็นสุ่มเสี่ยง ละเมิดสิทธิเสรีภาพประชาชน ไม่เคารพประชาชน ที่ผ่านมาเราให้เกียรติ ส.ว.ที่เราบอกว่าต้องได้ 250 คน เพื่อให้ได้เสียงเสมอกับ ส.ว.นั้น เราเชื่อด้วยความบริสุทธิ์ใจว่าถ้าชนะเกิน 250 เสียง ถือเป็นอาณัติสัญญาณที่ประชาชนมอบให้เรา ดังนั้น ขอให้ ส.ว.เคารพเสียงของประชาชนด้วยที่สำคัญ และเป็นเพียงความเห็นของ ส.ว.บางคนเท่านั้น
 
ด้าน นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคามและรองหัวหน้าพรรค พท. กล่าวว่า หากพิจารณาถึงตัวตนและที่มาของ ส.ว.ก็ไม่แปลกที่เขาจะพูดแบบนี้ อ้าปากก็เห็นลิ้นไก่ ทั้งนี้ ส.ว.เข้ามาจากการแต่งตั้งเพื่อทำภารกิจช่วยเหลือ สนับสนุน และปกป้องคนที่ตั้งเขามา คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี
 
นายสุทินกล่าวว่า สิ่งที่ ส.ว.ทำคือต้องการด้อยค่าประชาธิปไตยและให้เผด็จการอยู่ต่อ เขาต้องทำทุกทางไม่ให้ฝ่ายประชาชนเข้ามามีอำนาจ หรือชนะ เขาต้องพูดบลั๊ฟ ตีปลาหน้าไซว่าเอาสองคนนี้เป็นนายกรัฐมนตรีก่อน ดังนั้น ประชาชนต้องทำหน้าที่ด้วยการเอาชนะ ส.ว.ให้ได้ ต้องเลือกฝ่ายประชาธิปไตยให้ได้มากที่สุด ขอให้เสียงเกินครึ่งสภา เชื่อว่าเราตั้งรัฐบาลได้
 
ท่าทีของ ส.ว.ทำให้เราวิเคราะห์ได้ว่าคนคิดชั่วมักคิดเงียบๆ แต่วันนี้คนคิดชั่วกลับคิดดังและประกาศด้วย โจรเวลาวางแผนจะปล้นจะต้องวางแผนเงียบๆ ในป่า แต่วันนี้โจรวางแผนออกทีวี แถมประกาศให้สังคมรู้เลย ดังนั้น เราต้องแลนด์สไลด์ให้ได้เกินครึ่งสภาถึงจะเอาชนะ ส.ว.ได้” นายสุทินกล่าว



ถ้าฉลาด อย่าหนี! ฝ่ายค้านพร้อมกระชากหน้ากากคนดี ขู่ล้มองค์ประชุม เจอนอกสภา
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7507723
 
ฝ่ายค้านโว พร้อมกระชากหน้ากากคนดีแล้ว ชลน่าน ลั่นพร้อมซักฟอกนอกสภาทันที หากองค์ประชุมล้ม สุทิน เย้ยหากฉลาดพออย่าหนีตรวจสอบ
 
เมื่อเวลา 13.10 น. วันที่ 13 ก.พ.2566 ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม ฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ ฐานะวิปฝ่ายค้าน ร่วมแถลงถึงการอภิปรายแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 ในวันที่ 15-16 ก.พ.นี้
 
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า การอภิปรายครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในสมัยประชุมนี้ รวม 32 ชั่วโมง ซึ่งทุกปีเราจะยื่นอภิปรายรัฐบาลทุกครั้งตามสิทธิที่รัฐธรรมนูญกำหนด สำหรับญัตติการอภิปรายเป็นการสอบถามข้อเท็จจริงการบริหารราชการแผ่นดินตามนโยบายที่แถลงไว้เร่งด่วน 12 ข้อต่อรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลไม่สามารถดำเนินการได้ เช่น ธุรกิจสีเทา ภัยดิจิทัล ภัยยาเสพติด การทุจริตคอร์รัปชั่น รวมทั้งจะได้เสนอแนะปัญหาภายใต้ยุทธการ “กระชากหน้ากากคนดี
นพ.ชลน่าน กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีข่าวว่ามีการปิดกั้นไม่ให้อภิปราย โดยพรรคร่วมรัฐบาล จะไม่ร่วมเป็นองค์ประชุมนั้น ตนไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้น เพราะทุกคนมีหน้าที่ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ การจงใจฝ่าฝืนไม่ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ ถือเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย เชื่อว่าจะไม่มีใครทำลายระบอบประชาธิปไตย แต่ถ้าเกิดขึ้นจริงเรามีมาตรการรองรับ โดยเราจะอภิปรายนอกสภา โดยหลังสิ้นสมัยประชุมวันที่ 28 ก.พ. เราจะกำหนดวันอภิปรายนอกสภา ซึ่งจะเป็นผลเสียต่อรัฐบาลที่ไม่ได้ชี้แจงหรือแก้ข้อกล่าวหามากกว่า
 
ทั้งนี้ การปิดกั้นถือเป็นการจงใจฝ่าฝืนรัฐธรรมนูญ ซึ่งเราจะพิจารณาข้อกฎหมายเพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป พรรคไหน หัวหน้าพรรคใดที่อาสาเป็นแคนดิเดตนายกฯ แล้วมีส่วนร่วมทำให้องค์ประชุมล่ม จะถูกบอกกล่าวกับประชาชนว่าควรอยู่ในระบอบประชาธิปไตยต่อไปหรือไม่
 
ด้านนายสุทิน กล่าวว่า เนื้อหาการอภิปรายครั้งนี้ เราจะสรุปรวบยอดเนื้อหาในรอบ 10 ปีเพื่อให้คะแนนรัฐบาล ทั้งสัญญาประชาคมและนโยบายที่ท่านประกาศไว้ต่อรัฐสภา เราจะชี้ให้เห็นว่าสิ่งไหนทำแล้วหรือยังไม่ได้ทำ โดยในนโยบายที่รัฐบาลแถลงไว้ มีเรื่องสำคัญๆ ที่รัฐบาลมักย้ำ เช่น การปราบปรามการทุจริต และรัฐธรรมนูญที่อ้างว่าปราบโกง ซึ่งเราจะชี้ให้เห็นว่ารัฐบาลนี้มีสถิติการโกงสูงที่สุด
 
ส่วนปัญหาความมั่นคงที่รัฐบาลชอบอ้างนั้น เป็นสิ่งที่รัฐบาลมักทำลายความมั่นคงเสียเอง ซึ่งในบริบทของโลก ความมั่นคงไม่ใช่การซื้ออาวุธ แต่เป็นความรู้ไม่ทันของรัฐบาล ที่สำคัญคือ เรื่องการเทิดทูนสถาบันที่คุณชอบอ้าง แต่แท้จริงแล้วคุณเป็นแนวร่วมมุมกลับ รวมถึงการตามภัยอาชญากรรมโลกไม่ทัน ซึ่งการเลือกตั้งครั้งหน้าประชาชนจะได้รู้ และถามกลับได้ว่าพูดแล้วทำได้จริงหรือไม่ พูดแล้วทำไมไม่ทำ
 
ส่วนข่าวล้มองค์ประชุม เราประเมินจิตใจรัฐบาลสูงกว่าฝ่ายค้านเสียอีก หากใครที่คิดจะขอเป็นนายกฯ อีก แต่ปฏิเสธการตรวจสอบ จะได้ข้อหาว่าหนีความผิด หนีตรวจสอบ ปิดกั้นการรับรู้ของประชาชน ปิดอย่างไรก็ไม่จบ เราวางแผนล่วงหน้าแล้วว่าถ้าทำองค์ประชุมล่ม เมื่อปิดสมัยประชุมสภาวันที่ 28 ก.พ. เราจะเปิดอภิปรายนอกสภาทันที รัฐบาลจะเสียโอกาสชี้แจง แทนที่ได้โอกาสแลกหมัด ดังนั้น ขอให้ท่านฉลาดพอ” นายสุทิน กล่าว
 
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านพร้อมมานานแล้ว โดยการอภิปรายหนึ่งวันฝ่ายค้านได้เวลา 12 ชั่วโมง รัฐบาลตอบ 3 ชั่วโมง สำหรับผู้อภิปรายรวม 35 คน โดยในการอภิปรายวันที่ 15 ก.พ.จะเปิดและเข้าญัตติโดยผู้นำฝ่ายค้านในสภา ตามด้วยหัวหน้าพรรคและผู้ใช้สิทธิหัวหน้าพรรค 5-6 คน จากนั้นจะเข้าสู่การอภิปรายจำแนกเนื้อหาทั้งด้านเศรษฐิจ ความเดือดร้อนของประชาชน ด้านสังคม เช่น ปัญหายาเสพติด ด้านสถานการณ์การเมืองที่มีกลไกบิดเบี้ยว และการทุจริตในด้านต่างๆ ส่วนวันที่ 16 ก.พ.จะอภิปรายจบในเวลา 00.00 น.



‘ก้าวไกล’ ยื่น ป.ป.ช.สอบอดีต ผบ.ทอ. นำ F16 ขึ้นบินลอยอังคารบิดาตัวเอง
https://www.isranews.org/article/isranews-short-news/116056-isranews-1000-129.html

ผู้สมัคร ส.ส.ก้าวไกล ยื่น ป.ป.ช.ตรวจสอบ อดีต ผบ.ทอ. นำเครื่องบิน F16 ไปใช้ในพิธีลอยอังคารบิดาตัวเอง ส่อทุจริต จี้ ทอ. เร่งเปิดเอกสารชี้แจงว่าไม่ใช่ภารกิจส่วนตัวของอดีต ผบ.ทอ.
 
สำนักข่าวอิศรา (www.isranews.org) รายงานว่า วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 ร.ท. ธนเดช เพ็งสุข ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตลาดพร้าว พรรคก้าวไกล ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้สอบสวน พล.อ.อ.นภาเดช ธูปะเตมีย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) กรณีนำเครื่องบินขับไล่รุ่น F-16 ของกองทัพอากาศ ร่วมพิธีลอยอังคารเถ้ากระดูกของบิดา พล.อ.อ.ประพันธ์ ธูปะเตมีย์ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศคนที่ 10 ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าเป็นการนำทรัพย์สินของทางราชการไปใช้ในเรื่องส่วนบุคคล
 
ร.ท.ธนเดช ระบุว่า จากการชี้แจงของกองทัพอากาศ โดยผู้บัญชาการกองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ (ผบ.คปอ.) และ โฆษกกองทัพอากาศ ต่อคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎร ได้มีการยืนยันจากบุคคลทั้งสอง ว่าการนำเครื่องบินขับไล่รุ่น F-16 ทั้งสองลำขึ้นบินในพิธีลอยอังคารบิดาของอดีต ผอ.ทอ. นั้น ไม่ใช่ภารกิจส่วนบุคคล พร้อมยืนยันว่าเป็นภารกิจปฏิบัติการร่วมกับเรือหลวงบางปะกง เป็นการเทิดเกียรติผู้มีคุณูปการที่นักบินทุกคนมีความภาคภูมิใจ
 
ซึ่งเป็นคำชี้แจงเดิมอย่างที่มีการออกมาแถลงก่อนหน้านี้แล้วโดยกองทัพอากาศ และไม่ได้ไขข้อสงสัยแก่สังคมเพิ่มเติมแต่อย่างใด เนื่องจากประเด็นสำคัญคือหลักฐานเอกสารนั้น ทางกองทัพอากาศยังไม่ได้นำออกมาชี้แจงต่อสังคม รวมถึงต่อ กมธ.ทหาร ในครั้งนี้ ทำให้ในการประชุมชี้แจงที่ผ่านมา กมธ.ทหาร ได้ขอเอกสารดังกล่าวจากกองทัพอากาศมาแสดงให้เป็นที่คลายข้อสงสัย
 
ร.ท.ธนเดช กล่าวต่อไปอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดที่จะคลายข้อข้องใจได้นั้น คือเอกสารหลักฐานค่าใช้จ่ายในสิ่งที่กองทัพอากาศอ้างว่าเป็น “ภารกิจ” ครั้งนี้ รวมถึงหลักฐานอื่นๆ ที่บ่งชี้ได้ว่าการออกบินของเครื่องบินขับไล่ F-16 ทั้งสองลำเป็นภารกิจของกองทัพอากาศดังที่มีการกล่าวอ้าง เพราะกองทัพอากาศอาศัยการพูดลอยๆ มาหลายครั้งแล้ว แต่ไม่ยอมเปิดเอกสารที่ยืนยันได้ว่านี่คือภารกิจจริงๆ เสียที
 
อย่างไรก็ตาม เพื่อให้มีการสอบสวนในเชิงลึกมากขึ้น ตนจึงได้มายื่นหนังสือต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ให้วินิจฉัยว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการทุจริตหรือไม่ ต่อให้มีเอกสารยืนยันได้ว่านี่คือภารกิจ แต่นั่นก็จะนำไปสู่ประเด็นคำถามต่อไป ว่าการระบุให้การบินในพิธีลอยอังคารเป็นภารกิจนั้น เป็นเรื่องที่เหมาะสมหรือไม่ และเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งโดยทุจริตหรือไม่ เพราะที่ผ่านมามีกรณีที่อาจเทียบเคียงได้ นั่นคือการนำรถราชการมาใช้ในงานส่วนตัว โดยบุคคลระดับบังคับบัญชาทั้งในหน่วยงานราชการและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ซึ่ง ป.ป.ช. เองก็เคยรับเรื่องสอบจนถึงขั้นชี้มูลความผิดมาหลายกรณีแล้ว ให้เป็นความผิดฐานทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 รวมถึงมีการประกาศแนวทางให้หน่วยงานราชการต่างๆ ได้รับทราบโดยทั่วกันโดย ป.ป.ช. มาแล้วด้วย

ขนาดแค่ ผอ. หน่วยราชการน้อยใหญ่ทั้งหลาย เอารถของหน่วยงานไปใช้ส่วนตัวยังถูกชี้มูลว่าเป็นความผิด การนำเครื่องบินขับไล่ที่มีค่าใช้จ่ายสูงกว่ามากไปใช้ในเรื่องส่วนตัวยิ่งไม่สมควร ผู้เป็นถึงระดับ ผบ. ควรต้องมีสำนึก ขีดเส้นแบ่งเรื่องส่วนตัวกับเรื่องของประเทศชาติให้ชัดเจน ทำแบบนี้ต่อให้มีการบันทึกเป็นภารกิจ ผมก็ถือว่าเป็นการ ‘หลอย’ เอาภารกิจมาอ้าง คำถามคือทำไมอดีต ผบ. ท่านอื่นถึงไม่ได้รับเกียรติในแบบเดียวกัน มีแต่อดีต ผบ. ท่านนี้ ผมจึงอยากให้ ป.ป.ช. ใช้อำนาจสอบสวนว่าการระบุเรื่องส่วนตัวเป็นภารกิจ หากมีหลักฐานว่าเป็นภารกิจจริง เป็นการใช้อำนาจโดยมิชอบหรือไม่” ร.ท.ธนเดชกล่าว
 
ร.ท.ธนเดช ยังกล่าวต่อไปว่า หลังจากนี้ ตนจะนำเรื่องนี้ไปยื่นต่อที่กระทรวงกลาโหม เพื่อขอให้มีการสอบสวนกรณีดังกล่าวต่อไป รวมถึงขอให้ระบุถึงแนวทางให้ชัด ไม่ให้ ผบ. หน่วยต่างๆ นำทรัพย์สินราชการไปใช้ในทางส่วนตัวได้อีก อย่าให้มีเพียงกองทัพเท่านั้นที่ได้รับข้อยกเว้นในเรื่องต่างๆ ที่แตกต่างไปจากหน่วยงานราชการอื่นๆ ในประเทศนี้ เพราะแค่ที่ผ่านมากองทัพก็สร้างข้อยกเว้นให้ตัวเองเหนือหน่วยงานอื่นมามากพอแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่