แรกรัก 1
นิยายเรื่องนี้เริ่มขึ้นจากความทรงจำ ...
ตะนิ่นตาญี จำได้ ถนนสุขุมวิท เส้นนั้น ยาวจาก กรุงเทพ ไปจนถึง ตราด
พวกเราเคยขับรถจาก กรุงเทพ ไปเที่ยว พัทยา ...
ตั้งแต่สมัยที่ยังต้องขับรถอ้อมผ่าน บางปู สมุทรปราการ แล้วตัดเข้า ถนนสุขุมวิท
ตรงไปขึ้น สะพานบางปะกง …
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วด้านซ้ายมือจะมีแยกไป จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถ้าเราขับรถเลี้ยวซ้ายไปบนถนนซึ่งขนานไปกับลำคลอง …
จะเห็นผักบุ้งขึ้นอยู่ริมคลองไปตลอด …
ฝั่งคลองอีกด้านหนึ่งจะมีบ้านเรือนซึ่งมี “ยอ” ไว้ยกปลาเกือบทุกบ้าน
แต่หากเราขับรถไปจากกรุงเทพตรงขึ้นไปจะเป็นเมืองชลฯ …
ด้านขวามือจะเป็น นาเกลือ ขาวโพลนไปตลอดทาง …
ข้างทางจะมีชาวบ้านเดินถือ เสียม เหล็กตะขอยาว และ ถุงตาข่าย
พวกเราเคยจอดรถถามว่าเอาไปใช้ทำอะไร ...
เขาบอกเราว่าเอาไปจับปูทะเลตามนาเลนอีกฝากหนึ่งของถนน
มีเชือกกล้วยเอาไว้มัดปูเอาไปขาย ที่ ตลาดกิโลล่ะยี่สิบบาท
แต่วันนี้ยังจับไม่ได้เลย ...
*******************************************
วันนั้นเราขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางกรุงเทพ-พัทยา …
ไม่นานนักก็ถึงตัวเมืองชลบุรี ในตัวเมืองมีร้านก๋วยเตี๋ยวปลาอร่อยอยู่เจ้าหนึ่ง ...
แต่วันนั้นเราไม่ได้แวะไปละเลียด ก๋วยเตี๋ยวปลา ...
เพราะอยากกินเป็ดพะโล้แถวบางพระเสียมากกว่า ...
กว่าจะถึงร้านเป็ดพะโล้ก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว ...
ไอ้ป๊อก ตะโกนสั่ง ... พี่หมวย ขอ เป็ดพะโล้ตัวหนึ่ง กับ ไส้อ่อน อีกจาน …
เพิ่ม ขิงดอง สำหรับกินแนม … แล้วเอาเบียร์สิงห์ มาด้วยนะครับ …
ผลคือ ไอ้จ๋อ ต้องขับรถแทน …
กว่าจะไปถึง พัทยา ก็ บ่ายแก่แล้ว ... อาบน้ำ-อาบท่า กันที่บ้าน ... แล้วค่อยหาข้าวเย็นกินกัน ...
*******************************************
คืนนั้นเราไปต่อกันที่ outrigger นั่งจิบเหล้าบางบางมองไปรอบๆ
ส่วนตัวแล้ว ตะนิ่นตาญี ไม่ค่อยชอบเข้า outrigger สักเท่าไหร่หรอก
เพราะมีความรู้สึกว่าหนวกหู … ขี้เกียจตะโกนคุยกัน …
กำลังจะชวนทุกคนกลับบ้าน ยังไม่ทันเอ่ยปาก …
ไอ้ป๊อก ก็พูดขึ้นมาว่า … รอกูเดี๋ยว แล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง …
ซึ่งมีสุภาพสตรีสามท่านนั่งคุยกันอยู่ …
สักพักหนึ่งก็หันมากวักมือเรียกเราสามคน ให้ไปนั่งที่โต๊ะนั้น
ไอ้จ๋อ กวักมือเรียกบ๋อยที่ยืนอยู่ใกล้ๆควักเงินให้ไปร้อยหนึ่ง …
แล้วบอกว่าจะย้ายไปนั่งที่โต๊ะนั้น …
*******************************************
เราทั้งเจ็ดคน ใช้วิธีตะโกนคุยกัน …
ส่วนตัว ตะนิ่นตาญี ไม่สนุกด้วย เพราะเจ็บคอเหลือเกิน …
คิดอยู่ว่าจะออกตัวขอกลับบ้านอย่างไรดี …
ก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งหันมาคุยด้วย แต่ไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร …
ตะนิ่นตาญี จึงขอกระดาษกับปากกามาจากบ๋อยเขียนไปว่า … เดินเล่นกันไหม …
สุภาพสตรีท่านั้น เงยหน้ามองอย่างพิจารณาก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ
จะด้วยความเคยชินหรืออย่างไรไม่รู้ …
ตะนิ่นตาญี ลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้สุภาพสตรีท่านนั้นลุกขึ้น …
เธอชายตาขึ้นมามองปราดเดียว ก่อนที่จะกล่าวคำขอบคุณ …
เราสองคนเดินออกมาข้างนอก outrigger …
ตะนิ่นตาญี บ่นเบาๆพอได้ยิน … ข้างในหนวกหูเหลือเกินคุยกันไม่ค่อยได้ยิน …
ขอโทษนะครับที่ชวนออกมาเดินเล่น …
เธอผู้นั้นยิ้มให้แล้วบอกว่า … ไม่เป็นไรค่ะ …
ด้วยความที่ไม่รู้จะคุยอะไร ตะนิ่นตาญี จึงควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ …
สุภาพสตรีท่านนั้นหัวเราะ … นี่ ชวนมาเดินเล่น หรือ ชวนมาให้ดูคนสูบบุหรี่ …
ตะนิ่นตาญี ทำหน้าแปลกๆแล้วทิ้งบุหรี่ลงพลางบอกว่า …
ทีแรกก็จะเดินเล่นแหละครับ แต่ริมหาดมันมืดมากเกรงว่าจะดูไม่ดี … แล้วไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรไหม …
สุภาพสตรีท่านนั้น … ยิ้ม … ยิ้มอย่างที่ทำให้โลกหยุดหมุน …
ยิ้มที่ทำให้กาลเวลานั้นเป็นนิรันดร์ …
ตะนิ่นตาญี ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียกริยามากน้อยแค่ไหน …
รู้แต่ว่า … มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีมือมาเขย่าแล้วถามว่า …
เป็นอะไรไปคะ … มองอย่างนี้อายนะ … ยังไม่ทันได้พูดอะไร …
ไอ้ป๊อก ก็เดินออกมา บอกเสียงดนตรีที่นี่ดังเหลือเกินคุยไม่ค่อยได้ยิน
ไปกินกันที่ นางนวล น่าจะดีกว่า บรรยากาศดี-ดนตรีไพเราะ-อาหารอร่อย …
ไม่ขัดขืนทุกคนเห็นด้วย ...
*******************************************
ที่ นางนวล จะด้วยความสามารถ ของ น้ำเปลี่ยนนิสัย หรืออย่างไรไม่รู้
พวกเราสนิทสนมกันเร็วอย่างเหลือเชื่อ พูดคุยซักถามกันถึงได้รู้ว่า
สาวเจ้ามาเลี้ยงกันวันเกิด และ หากไม่เจอพวกเราก็คงไปเต้นรำกันที่
Disco Duck ... ไอ้ตี๋ ถามต่อ … อยากไปไหม ...
ไม่หล่ะกินเหล้าอย่างนี้ดีแล้ว ... นั่นคือคำตอบของสาวสาว
ราตรีนั้นหยุดลงตอนตีสองกว่ากว่า …
และเมื่อซักถามกันว่ามีที่พักกันหรือยัง … ไม่คิดจะค้างคืน นั่นคือคำตอบ
นั่นทำให้ ไอ้จ๋อ ยื่นข้อเสนอ สุภาพบุรุษ ไม่มีคิดต่ำ …
ไปพักที่บ้าน ของ ไอ้นิ่นฯ ด้วยกันไหม ...
สุภาพสตรีทั้งสามท่านหันมองหน้ากัน … ซุบซิบกันแป๊บหนึ่ง
จากนั้นก็พยักหน้ารับข้อเสนอของ ไอ้จ๋อ …
ตะนิ่นตาญี
แรกรัก
นิยายเรื่องนี้เริ่มขึ้นจากความทรงจำ ...
ตะนิ่นตาญี จำได้ ถนนสุขุมวิท เส้นนั้น ยาวจาก กรุงเทพ ไปจนถึง ตราด
พวกเราเคยขับรถจาก กรุงเทพ ไปเที่ยว พัทยา ...
ตั้งแต่สมัยที่ยังต้องขับรถอ้อมผ่าน บางปู สมุทรปราการ แล้วตัดเข้า ถนนสุขุมวิท
ตรงไปขึ้น สะพานบางปะกง …
เมื่อลงจากสะพานมาแล้วด้านซ้ายมือจะมีแยกไป จังหวัดฉะเชิงเทรา
ถ้าเราขับรถเลี้ยวซ้ายไปบนถนนซึ่งขนานไปกับลำคลอง …
จะเห็นผักบุ้งขึ้นอยู่ริมคลองไปตลอด …
ฝั่งคลองอีกด้านหนึ่งจะมีบ้านเรือนซึ่งมี “ยอ” ไว้ยกปลาเกือบทุกบ้าน
แต่หากเราขับรถไปจากกรุงเทพตรงขึ้นไปจะเป็นเมืองชลฯ …
ด้านขวามือจะเป็น นาเกลือ ขาวโพลนไปตลอดทาง …
ข้างทางจะมีชาวบ้านเดินถือ เสียม เหล็กตะขอยาว และ ถุงตาข่าย
พวกเราเคยจอดรถถามว่าเอาไปใช้ทำอะไร ...
เขาบอกเราว่าเอาไปจับปูทะเลตามนาเลนอีกฝากหนึ่งของถนน
มีเชือกกล้วยเอาไว้มัดปูเอาไปขาย ที่ ตลาดกิโลล่ะยี่สิบบาท
แต่วันนี้ยังจับไม่ได้เลย ...
*******************************************
วันนั้นเราขับรถมุ่งหน้าเข้าสู่เส้นทางกรุงเทพ-พัทยา …
ไม่นานนักก็ถึงตัวเมืองชลบุรี ในตัวเมืองมีร้านก๋วยเตี๋ยวปลาอร่อยอยู่เจ้าหนึ่ง ...
แต่วันนั้นเราไม่ได้แวะไปละเลียด ก๋วยเตี๋ยวปลา ...
เพราะอยากกินเป็ดพะโล้แถวบางพระเสียมากกว่า ...
กว่าจะถึงร้านเป็ดพะโล้ก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว ...
ไอ้ป๊อก ตะโกนสั่ง ... พี่หมวย ขอ เป็ดพะโล้ตัวหนึ่ง กับ ไส้อ่อน อีกจาน …
เพิ่ม ขิงดอง สำหรับกินแนม … แล้วเอาเบียร์สิงห์ มาด้วยนะครับ …
ผลคือ ไอ้จ๋อ ต้องขับรถแทน …
กว่าจะไปถึง พัทยา ก็ บ่ายแก่แล้ว ... อาบน้ำ-อาบท่า กันที่บ้าน ... แล้วค่อยหาข้าวเย็นกินกัน ...
*******************************************
คืนนั้นเราไปต่อกันที่ outrigger นั่งจิบเหล้าบางบางมองไปรอบๆ
ส่วนตัวแล้ว ตะนิ่นตาญี ไม่ค่อยชอบเข้า outrigger สักเท่าไหร่หรอก
เพราะมีความรู้สึกว่าหนวกหู … ขี้เกียจตะโกนคุยกัน …
กำลังจะชวนทุกคนกลับบ้าน ยังไม่ทันเอ่ยปาก …
ไอ้ป๊อก ก็พูดขึ้นมาว่า … รอกูเดี๋ยว แล้วลุกขึ้นเดินไปยังอีกโต๊ะหนึ่ง …
ซึ่งมีสุภาพสตรีสามท่านนั่งคุยกันอยู่ …
สักพักหนึ่งก็หันมากวักมือเรียกเราสามคน ให้ไปนั่งที่โต๊ะนั้น
ไอ้จ๋อ กวักมือเรียกบ๋อยที่ยืนอยู่ใกล้ๆควักเงินให้ไปร้อยหนึ่ง …
แล้วบอกว่าจะย้ายไปนั่งที่โต๊ะนั้น …
*******************************************
เราทั้งเจ็ดคน ใช้วิธีตะโกนคุยกัน …
ส่วนตัว ตะนิ่นตาญี ไม่สนุกด้วย เพราะเจ็บคอเหลือเกิน …
คิดอยู่ว่าจะออกตัวขอกลับบ้านอย่างไรดี …
ก็มีสุภาพสตรีท่านหนึ่งหันมาคุยด้วย แต่ไม่ได้ยินว่าเธอพูดอะไร …
ตะนิ่นตาญี จึงขอกระดาษกับปากกามาจากบ๋อยเขียนไปว่า … เดินเล่นกันไหม …
สุภาพสตรีท่านั้น เงยหน้ามองอย่างพิจารณาก่อนที่จะพยักหน้าตอบรับ
จะด้วยความเคยชินหรืออย่างไรไม่รู้ …
ตะนิ่นตาญี ลุกขึ้นขยับเก้าอี้ให้สุภาพสตรีท่านนั้นลุกขึ้น …
เธอชายตาขึ้นมามองปราดเดียว ก่อนที่จะกล่าวคำขอบคุณ …
เราสองคนเดินออกมาข้างนอก outrigger …
ตะนิ่นตาญี บ่นเบาๆพอได้ยิน … ข้างในหนวกหูเหลือเกินคุยกันไม่ค่อยได้ยิน …
ขอโทษนะครับที่ชวนออกมาเดินเล่น …
เธอผู้นั้นยิ้มให้แล้วบอกว่า … ไม่เป็นไรค่ะ …
ด้วยความที่ไม่รู้จะคุยอะไร ตะนิ่นตาญี จึงควักบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ …
สุภาพสตรีท่านนั้นหัวเราะ … นี่ ชวนมาเดินเล่น หรือ ชวนมาให้ดูคนสูบบุหรี่ …
ตะนิ่นตาญี ทำหน้าแปลกๆแล้วทิ้งบุหรี่ลงพลางบอกว่า …
ทีแรกก็จะเดินเล่นแหละครับ แต่ริมหาดมันมืดมากเกรงว่าจะดูไม่ดี … แล้วไม่รู้ว่าจะมีอันตรายอะไรไหม …
สุภาพสตรีท่านนั้น … ยิ้ม … ยิ้มอย่างที่ทำให้โลกหยุดหมุน …
ยิ้มที่ทำให้กาลเวลานั้นเป็นนิรันดร์ …
ตะนิ่นตาญี ไม่รู้ตัวเลยว่าเสียกริยามากน้อยแค่ไหน …
รู้แต่ว่า … มารู้สึกตัวอีกทีก็เมื่อมีมือมาเขย่าแล้วถามว่า …
เป็นอะไรไปคะ … มองอย่างนี้อายนะ … ยังไม่ทันได้พูดอะไร …
ไอ้ป๊อก ก็เดินออกมา บอกเสียงดนตรีที่นี่ดังเหลือเกินคุยไม่ค่อยได้ยิน
ไปกินกันที่ นางนวล น่าจะดีกว่า บรรยากาศดี-ดนตรีไพเราะ-อาหารอร่อย …
ไม่ขัดขืนทุกคนเห็นด้วย ...
*******************************************
ที่ นางนวล จะด้วยความสามารถ ของ น้ำเปลี่ยนนิสัย หรืออย่างไรไม่รู้
พวกเราสนิทสนมกันเร็วอย่างเหลือเชื่อ พูดคุยซักถามกันถึงได้รู้ว่า
สาวเจ้ามาเลี้ยงกันวันเกิด และ หากไม่เจอพวกเราก็คงไปเต้นรำกันที่
Disco Duck ... ไอ้ตี๋ ถามต่อ … อยากไปไหม ...
ไม่หล่ะกินเหล้าอย่างนี้ดีแล้ว ... นั่นคือคำตอบของสาวสาว
ราตรีนั้นหยุดลงตอนตีสองกว่ากว่า …
และเมื่อซักถามกันว่ามีที่พักกันหรือยัง … ไม่คิดจะค้างคืน นั่นคือคำตอบ
นั่นทำให้ ไอ้จ๋อ ยื่นข้อเสนอ สุภาพบุรุษ ไม่มีคิดต่ำ …
ไปพักที่บ้าน ของ ไอ้นิ่นฯ ด้วยกันไหม ...
สุภาพสตรีทั้งสามท่านหันมองหน้ากัน … ซุบซิบกันแป๊บหนึ่ง
จากนั้นก็พยักหน้ารับข้อเสนอของ ไอ้จ๋อ …
ตะนิ่นตาญี