ก่อนอื่นเราจะบอกว่าเคยจะถูกฟ้องมาครั้งหนึ่งแต่เพราะอีกฝ่ายไม่เอาเรื่องเลยรอดตัว แต่หลังจากนั้นก็กังวลใจอยู่ตลอด แบบมีชนักติดหลัง ซึ่งย้อนกลับไปดูเรื่องราวแล้วเราก็แค่พูดเรื่องจริง ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายดูแย่ แต่ฝ่ายนั้นบอกว่าตัวเองเสียใจมาก จากนั้นก็บอกว่าจะฟ้องและแขวนเราไว้ที่หน้าโซเชียล เรื่องนั้นเราก็ไปอ่านกฎหมายหมิ่นประมาทมาแล้วเข้าใจว่าต่อให้พูดเรื่องจริงหรือทำให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีก็ผิดแล้ว
ต่อมาอีกกรณีนึงคือเราก็โพสต์ในที่ส่วนตัวของเราเกี่ยวกับประเด็นของดาราท่านหนึ่ง ไม่ได้ด่า ไม่ได้เอ่ยถึงให้เสียหาย จากนั้นก็มีแฟนคลับคนหนึ่งมาถามเราว่าคิดยังไงกับดาราชายท่านนั้น เราก็ตอบตามจริงไป ไม่ได้แสดงความเกลียดชังด่าทอ แต่แฟนคลับดูไม่พอใจและโต้ตอบเราเป็นเชิงว่าตัวเขาไม่ได้ถามเรา ทีนี้เราก็หงุดหงิดนิดหน่อยเลยถามเขาว่า"หลอนหรือเปล่า หรือไม่มีสติ เธอเพิ่งถามฉันไปเองนะ"แล้วก็ให้ดูหลักฐานว่าเขาถาม เจ้าตัวก็ตีเนียนมาขอบคุณ
จากนั้นเราก็บ่นเรื่องนี้ลงโพสต์อีกรอบเพราะรู้สึกว่ากำลังโดนคุกคามและยั่วยุในพื้นที่ของตัวเรา เจ้าตัวคงยังไม่เห็นแต่คนอื่นๆก็มาไลค์โพสต์เราไปแล้ว
จากนั้นความทรงจำในเคสแรกก็กลับมาทำให้เรากังวลอีกรอบว่าฝ่ายนั้นจะฟ้องเราหรือเปล่า
และถ้าเอาตามกฎหมาย ถ้าถูกฟ้องจริงๆเราจะแพ้คดีมั้ย ในเมื่อเราก็พูดเชิงคำถามเพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าเขามีสติจริงมั้ยถึงมาระรานเรา หรือตอบกลับมาแบบนั้น และถ้าเป็นเรื่องเล็กแบบนี้ศาลจะรับฟ้องมั้ย เพราะคิดว่า คำถามว่าหลอนหรือไม่มีสติหรือเปล่าเป็นคำถามเป็นเจตนาเรา แต่ดูเสียดสีจริงๆ
และก็อยากรู้ว่านอกจากคำหยาบและคำกล่าวหามีคำแบบไหนที่ถือว่าหมิ่นหรือเข้าข่ายหมิ่นอีกจะได้ระวังมากขึ้น
ทีนี้ก็ขอระบายตรงที่มันอัดอั้นใจมานาน และคำขู่ว่าจะฟ้องก็ทำให้เรารู้สึกระแวงตลอด เราคิดว่ากฎหมายนี้มีเอาไว้ใช้ประโยชน์กับคนที่มีเจตนายั่วยุจะฟ้องเพื่อเอาเงินชัดเจนมาก ถึงจะบอกว่าเอาไว้ปกป้องไม่ให้คนด่าหรือใส่ความกัน
แต่การที่เราถูกยั่วโมโหกลับทำได้แค่ยอมรับไม่ตอบโต้อะไร เรารู้สึกว่าไม่แฟร์ในเมื่อเคสของเราก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกัน ไม่เคยแค้นต่อกัน เราอยู่ในส่วนของเราจนอีกฝ่ายเข้ามายุ่งมายั่ว
ในต่างประเทศ ถ้าไม่ได้เป็นการทำให้เสียชื่อเสียงหรือกล่าวหาผิดๆ ทุกคนก็มีอิสระจะพูดคุยกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นคำด่าหรือไม่ ทุกอย่างจะจบเมื่อแต่ละคนต่อว่ากันเสร็จในตรงนั้นด้วยซ้ำ ไม่มีการมาแคปฟ้องย้อนหลังแบบนี้เลย ทำให้เราเริ่มคิดว่าการมีอิสระเสรีภาพจริงๆคืออะไร พูดความจริงก็ยังผิดเลย แบบนี้คนที่โดนรุกรานก่อนจะต้องอดทนอยู่ฝ่ายเดียวจริงๆเหรอ แบบนี้เราก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเลยงั้นเหรอ
ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายฟ้องเราจริงๆ เราก็คงทำได้แค่ยอมรับใช่มั้ย เพราะเวลาและทุนทรัพย์ทำให้ไม่อยากสู้คดีเลย ไม่ใช่ว่าตอนพิมพ์ไม่คิดนะ แต่ในเวลานั้นเราคิดว่าก็แค่อยากจะปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่อยากให้ถูกมองว่าเสร่อไปตอบทั้งที่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่ได้ถาม (ทั้งที่อีกฝ่ายถามเองแต่น่าจะลืมหรือยั่วโมโหเรา)
สงสัยกับกฎหมายหมิ่นประมาท คำแบบไหนจะเข้าข่ายบ้าง?
ต่อมาอีกกรณีนึงคือเราก็โพสต์ในที่ส่วนตัวของเราเกี่ยวกับประเด็นของดาราท่านหนึ่ง ไม่ได้ด่า ไม่ได้เอ่ยถึงให้เสียหาย จากนั้นก็มีแฟนคลับคนหนึ่งมาถามเราว่าคิดยังไงกับดาราชายท่านนั้น เราก็ตอบตามจริงไป ไม่ได้แสดงความเกลียดชังด่าทอ แต่แฟนคลับดูไม่พอใจและโต้ตอบเราเป็นเชิงว่าตัวเขาไม่ได้ถามเรา ทีนี้เราก็หงุดหงิดนิดหน่อยเลยถามเขาว่า"หลอนหรือเปล่า หรือไม่มีสติ เธอเพิ่งถามฉันไปเองนะ"แล้วก็ให้ดูหลักฐานว่าเขาถาม เจ้าตัวก็ตีเนียนมาขอบคุณ
จากนั้นเราก็บ่นเรื่องนี้ลงโพสต์อีกรอบเพราะรู้สึกว่ากำลังโดนคุกคามและยั่วยุในพื้นที่ของตัวเรา เจ้าตัวคงยังไม่เห็นแต่คนอื่นๆก็มาไลค์โพสต์เราไปแล้ว
จากนั้นความทรงจำในเคสแรกก็กลับมาทำให้เรากังวลอีกรอบว่าฝ่ายนั้นจะฟ้องเราหรือเปล่า
และถ้าเอาตามกฎหมาย ถ้าถูกฟ้องจริงๆเราจะแพ้คดีมั้ย ในเมื่อเราก็พูดเชิงคำถามเพราะไม่แน่ใจจริงๆว่าเขามีสติจริงมั้ยถึงมาระรานเรา หรือตอบกลับมาแบบนั้น และถ้าเป็นเรื่องเล็กแบบนี้ศาลจะรับฟ้องมั้ย เพราะคิดว่า คำถามว่าหลอนหรือไม่มีสติหรือเปล่าเป็นคำถามเป็นเจตนาเรา แต่ดูเสียดสีจริงๆ
และก็อยากรู้ว่านอกจากคำหยาบและคำกล่าวหามีคำแบบไหนที่ถือว่าหมิ่นหรือเข้าข่ายหมิ่นอีกจะได้ระวังมากขึ้น
ทีนี้ก็ขอระบายตรงที่มันอัดอั้นใจมานาน และคำขู่ว่าจะฟ้องก็ทำให้เรารู้สึกระแวงตลอด เราคิดว่ากฎหมายนี้มีเอาไว้ใช้ประโยชน์กับคนที่มีเจตนายั่วยุจะฟ้องเพื่อเอาเงินชัดเจนมาก ถึงจะบอกว่าเอาไว้ปกป้องไม่ให้คนด่าหรือใส่ความกัน
แต่การที่เราถูกยั่วโมโหกลับทำได้แค่ยอมรับไม่ตอบโต้อะไร เรารู้สึกว่าไม่แฟร์ในเมื่อเคสของเราก็ไม่ได้รู้จักมักจี่อะไรกัน ไม่เคยแค้นต่อกัน เราอยู่ในส่วนของเราจนอีกฝ่ายเข้ามายุ่งมายั่ว
ในต่างประเทศ ถ้าไม่ได้เป็นการทำให้เสียชื่อเสียงหรือกล่าวหาผิดๆ ทุกคนก็มีอิสระจะพูดคุยกัน ถึงแม้ว่าจะเป็นคำด่าหรือไม่ ทุกอย่างจะจบเมื่อแต่ละคนต่อว่ากันเสร็จในตรงนั้นด้วยซ้ำ ไม่มีการมาแคปฟ้องย้อนหลังแบบนี้เลย ทำให้เราเริ่มคิดว่าการมีอิสระเสรีภาพจริงๆคืออะไร พูดความจริงก็ยังผิดเลย แบบนี้คนที่โดนรุกรานก่อนจะต้องอดทนอยู่ฝ่ายเดียวจริงๆเหรอ แบบนี้เราก็ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้อย่างอิสระเลยงั้นเหรอ
ถ้าเกิดว่าอีกฝ่ายฟ้องเราจริงๆ เราก็คงทำได้แค่ยอมรับใช่มั้ย เพราะเวลาและทุนทรัพย์ทำให้ไม่อยากสู้คดีเลย ไม่ใช่ว่าตอนพิมพ์ไม่คิดนะ แต่ในเวลานั้นเราคิดว่าก็แค่อยากจะปกป้องตัวเองเท่านั้น ไม่อยากให้ถูกมองว่าเสร่อไปตอบทั้งที่อีกฝ่ายอ้างว่าไม่ได้ถาม (ทั้งที่อีกฝ่ายถามเองแต่น่าจะลืมหรือยั่วโมโหเรา)