💚มาลาริน💚ข่าวดี อภ.ผลิตยา'โมลนูพิราเวียร์'สู้โควิดได้เองแล้ว/รพ.สังกัดกรมการแพทย์ รณรงค์ฉีดภูมิสำเร็จรูปสู้โควิด(LAAB)

อภ.แจ้งข่าวดี ผลิตยา' โมลนูพิราเวียร์' รักษาโควิด ได้เองแล้ว เริ่มกระจายยาเดือน ธ.ค.นี้


28 ธ.ค.265 – ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม(อภ.) กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา อภ. ได้วิจัยและพัฒนายาสำหรับนำมาใช้กับผู้ป่วยชาวไทยเป็นผลสำเร็จจากแนวทางการรักษาของประเทศไทยในการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ตามแนวทางการรักษาโรคโควิด 19 ล่าสุดอภ. ได้พัฒนายาต้านไวรัสโควิด-19 รายการใหม่ขึ้นสำเร็จ ภายใต้ชื่อ ยาโมโนเวียร์ หรือชื่อสามัญทางยาคือ ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ในรูปแบบแคปซูล ขนาด 200 มิลลิกรัม

ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทยล่าสุด ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ประมาณวันละ 1-2 แสนแคปซูล ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมได้จัดหาและสำรองยาอย่างเพียงพอ และขณะนี้เริ่มผลิตยาโมโนเวียร์แล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นคง และผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น
 
ทั้งนี้ องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศมาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวมีคุณภาพ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและมีผลการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบเท่ายาต้นแบบ โดยองค์การเภสัชกรรมได้เตรียมความพร้อมในการเริ่มผลิตและกระจายยาไปยังสถานพยาบาลภาครัฐ และเอกชน ปลายเดือนธันวาคมนี้ และสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและมีใบสั่งยาจากแพทย์สามารถซื้อยาได้ที่ ร้านยาขององค์การเภสัชกรรมทั้ง 8 สาขา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GPO Call Center 1648

https://www.thaipost.net/news-update/292883/

รพ.กรมแพทย์รณรงค์กลุ่มเสี่ยงฉีด LAAB เผยสกัดโควิดถึง 80% ระยะ 6 เดือน พร้อมรับมือหลังปีใหม่


เมื่อวันที่ 27 ธ.ค. ที่ รพ.ราชวิถี นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ รองอธิบดีกรมการแพทย์ เป็นประธานเปิดงานรณรงค์การฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นและภูมิคุ้มกันสำเร็จรูป Long-acting antibody (LAAB) ว่า รพ.สังกัดกรมการแพทย์ 35 แห่งทั่วประเทศได้คิกออฟการใช้ LAAB พร้อมกัน เป็นอีกทางเลือกที่รณรงค์ร่วมกับการฉีดวัคซีนโควิดเข็มกระตุ้น สำหรับการติดเชื้อโควิด-19 คาดการณ์ว่าจะมีมากขึ้นในช่วงเทศกาลปีใหม่ เพราะมีการเคลื่อนไหวของประชาชน มีการร่วมกิจกรรมมากขึ้น ซึ่งสถิติเดือน พ.ย.ที่ผ่านมา มีผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 7 วัน อยู่ที่ 3,957 ราย เฉลี่ยวันละ 565 ราย ส่วนผู้ป่วยปอดอักเสบ 432 ราย ใส่ท่อช่วยหายใจ 252 ราย เสียชีวิต 65 ราย แต่ล่าสุด 7 วันที่ผ่านมา ในเดือน ธ.ค. ผู้ป่วยรายใหม่เหลือ 2,900 ราย แต่ผู้ป่วยใส่ท่อช่วยหายใจและเสียชีวิตยังคงที่ ยังมีกลุ่มที่ต้องโฟกัสและจำเป็นต้องได้รับวัคซีนเข็มกระตุ้น และ LAAB

นพ.วีรวุฒิกล่าวว่า หลังกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เปิดตัว LAAB ไปเมื่อเดือน ก.ค. จนถึงปัจจุบันฉีดกลุ่มเสี่ยงไปได้ 2.6 หมื่นคน จากที่จัดเตรียมไว้ 2.5 แสนโดส ระยะแรกเน้นกลุ่มผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง จากนั้นได้ทบทวนขยายใช้กลุ่มที่มีความเสี่ยงมากขึ้นทั้งกลุ่มที่ได้รับยารักษาที่กดภูมิคุ้มกัน เช่น ผู้ปลูกถ่ายอวัยวะ ผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วย HIV รวมถึงผู้สูงอายุ 70 ปีขึ้นไปที่ได้รับวัคซีนนานเกิน 6 เดือน กลุ่มที่ฉีดไปแล้วพบผลข้างเคียงน้อยมาก ส่วนประสิทธิผลสามารถป้องกันโควิด-19 ได้ถึง 80%

 ในระยะ 6 เดือน จึงต้องรณรงค์ให้กลุ่มเป้าหมายมารับบริการมากขึ้น ทั้งใน รพ.สังกัดกรมการแพทย์ และ รพ.สังกัดอื่นๆ ที่ผ่านมาอาจเป็นเพราะประชาชนยังไม่ค่อยทราบ จึงต้องประชาสัมพันธ์ รวมทั้งต้องอาศัยแพทย์ที่รักษาผู้ป่วยช่วยประชาสัมพันธ์ให้รับรู้ ส่วนสถานการณ์การครองเตียงของผู้ป่วยโควิด-19 ขณะนี้อยู่ที่ 12% คาดหลังปีใหม่อาจจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มในลักษณะการระบาดระลอกเล็ก กรมได้ติดตามสถานการณ์ต่อเนื่อง และเตรียมการรับมือทั้งเตียง ยา เวชภัณฑ์ รองรับเพียงพอ ย้ำให้ประชาชนยึดมาตรการ DMHTT รวมถึงหากรับวัคซีนเข็ม 2-3 มานานเกิน 4 เดือนแล้วก็ขอให้ฉีดเข็มกระตุ้น.

https://www.thairath.co.th/news/local/2589065

ติดตามข่าวโควิดกันต่อนะคะ...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12

องค์การเภสัชกรรม (GPO) ได้รับทะเบียนผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ รักษาโควิด-19 แล้ว พร้อมเริ่มกระจายยา ปลายเดือนธันวาคมนี้

ดร.ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า จากสถานการณ์โควิด 19 ที่ผ่านมา องค์การเภสัชกรรมได้วิจัยและพัฒนายาสำหรับนำมาใช้กับผู้ป่วยชาวไทยเป็นผลสำเร็จจากแนวทางการรักษาของประเทศไทยในการใช้ยาฟาวิพิราเวียร์ และไม่หยุดนิ่งในการพัฒนาวิจัยอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์ตามแนวทางการรักษาโรคโควิด 19 ล่าสุดองค์การเภสัชกรรมได้พัฒนายาต้านไวรัสโควิด-19 รายการใหม่ขึ้นสำเร็จ ภายใต้ชื่อ ยาโมโนเวียร์ หรือชื่อสามัญทางยาคือ ยาโมลนูพิราเวียร์ (Molnupiravir) ในรูปแบบแคปซูล ขนาด 200 มิลลิกรัม

ยาโมลนูพิราเวียร์ เป็นรายการยาหลักที่ใช้ในการรักษาโรคโควิด-19 ที่มีประสิทธิภาพ ตามแนวทางการรักษาของประเทศไทยล่าสุด ซึ่งเดิมต้องนำเข้าจากต่างประเทศทั้งหมด ปัจจุบันการใช้ยาโมลนูพิราเวียร์ ประมาณวันละ 1-2 แสนแคปซูล ที่ผ่านมาองค์การเภสัชกรรมได้จัดหาและสำรองยาอย่างเพียงพอ และขณะนี้เริ่มผลิตยาโมโนเวียร์แล้ว เพื่อให้เกิดความมั่นคง และผู้ป่วยเข้าถึงยาได้มากขึ้น

องค์การเภสัชกรรมได้ดำเนินการวิจัยพัฒนาและผลิตยาโมลนูพิราเวียร์ เพื่อให้ประเทศไทยสามารถพึ่งพาตนเองได้ โดยคัดเลือกแหล่งวัตถุดิบที่มีคุณภาพจากต่างประเทศมาใช้ในการพัฒนาสูตรตำรับ จนขยายขนาดการผลิตในระดับอุตสาหกรรม ยาดังกล่าวมีคุณภาพ ผ่านเกณฑ์มาตรฐานสากลและมีผลการศึกษาชีวสมมูล (Bioequivalence study) ซึ่งเป็นการศึกษาระดับยาในเลือดเทียบเท่ายาต้นแบบ โดยองค์การเภสัชกรรมได้เตรียมความพร้อมในการเริ่มผลิตและกระจายยาไปยังสถานพยาบาลภาครัฐ และเอกชน ปลายเดือนธันวาคมนี้ และสำหรับผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยและมีใบสั่งยาจากแพทย์สามารถซื้อยาได้ที่ ร้านยาขององค์การเภสัชกรรมทั้ง 8 สาขา สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ GPO Call Center 1648

รองผู้อำนวยการองค์การเภสัชกรรม กล่าวในตอนท้ายว่า “ความสำเร็จในการวิจัยพัฒนายาโมลนูพิราเวียร์ ครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจขององค์การเภสัชกรรม ที่จะส่งมอบความใส่ใจในการดูแลสุขภาพที่ดีแก่ประชาชนไทย”
https://web.facebook.com/gpoth.official/posts/pfbid02SKwzD4gXiPDBoHUpGQ6FZPKw74FjiofRBnZxgcfeo5VoUT8TFsk3Msj7J3TcqUgAl


รัฐบาลติดตามการผ่อนคลายมาตรการโควิด 19 ของจีนใกล้ชิด หน่วยงานเกี่ยวข้องรุดเตรียมความพร้อม

วันที่ 28 ธ.ค.65 น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตามที่ขณะนี้ทางการประเทศจีนได้มีการประกาศผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด19 โดยล่าสุดคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติของจีน (NHC) ได้มีแถลงว่าจีนจะยกเลิกมาตรการกักตัวผู้ที่เดินทางจากต่างประเทศ โดยมีผลในช่วงเดือนม.ค. 66 เป็นต้นไป ส่วนการอนุญาตให้ชาวจีนเดินทางออกเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศจะมีการพิจารณาในระยะต่อไปตามสถานการณ์

ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ติดตามข้อมูลและรายละเอียดและความคืบหน้าของมาตรการต่างๆ ที่คาดว่าจะมีการประกาศออกมาเป็นลำดับจากทางการจีนอย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมการในส่วนที่เกี่ยวข้องให้สามารถรองรับกับนักท่องเที่ยวได้ทันทีกรณีที่ทางการจีนประกาศเปิดประเทศและนักท่องเที่ยวชาวจีนสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้อย่างเต็มที่

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ในวันนี้ (28 ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม มีกำหนดจะเดินทางไปท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เพื่อตรวจเยี่ยมการเตรียมการรองรับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2566 ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกับผู้บริหารหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามการดำเนินการตามข้อสั่งการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เกี่ยวกับการอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้เดินทางผ่านท่าอากาศยาน ทั้งประเด็นการรอคิวตรวจหนังสือเดินทาง ความแออัดของผู้โดยสารในช่วงเวลาเร่งด่วน บริการขนส่งสาธารณะ รวมถึงการแก้ไขปัญหาการขนถ่ายกระเป๋าสัมภาระล่าช้า และในการนี้จะมีการหารือเตรียมความพร้อมกรณีสาธารณรัฐประชาชนจีนเปิดประเทศด้วย
https://web.facebook.com/NBT2HDTV/posts/pfbid0eLVVCuHGHUCz9t5E4xR4hU423EA3hesE9ifXdC7MG7i8cLuXRC3CWhi8pwBkkKzNl
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่