ฉายาสื่อช่อง ว้อยและมติชน ปี 2565 คือ “ ปลิ้นปล้อน “

กระทู้ข่าว
เพราะเสนอข้อมูลบิดเบือนเป็นส่วนมากนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น
โอ๊ค ชินวัตรเคยบอก Voice TV ไม่ใช่สื่อเพื่อการเมือง ?
ตอบ เห็นชัดว่าโกหกสังคม ส่วนใหญ่เสนอแต่ข่าวการเมืองโจมตีฝ่ายตรงข้าม

และถามว่า ทำไม"จึงรุ่งเรืองกิจ"ซื้อมติชน??

ตอบ เพื่อประโยชน์ส่วนตน

ผลประกอบการของบริษัทมติชนและบริษัทในเครือในไตรมาสแรกปี2556 ปรากฏว่ามีกำไรขั้นต้น136.06 ล้านบาท

แต่บริษัทมีต้นทุนการใช้จ่ายในการขายและค่าใช้จ่ายในการบริหารมากทำให้บริษัทขาดทุนก่อนหักภาษีถึง47.8 ล้านบาท

นั่นแสดงว่าเงินเดือนผู้บริหารและค่าโสหุ้ยต่างๆอยู่ในเกณฑ์สูงมาก

แสดงถึงประสิทธิภาพในการบริหารจัดการของบริษัทที่ด้อยเอามากๆทั้งๆที่บริษัทมีรายได้จากโฆษณาและการขายสูงมากถึง507 ล้านบาทในเวลาเพียง3 เดือนด้วยความอุดหนุนจากหน่วยงานของรัฐทุกประเภท

แต่เงินดังกล่าวกลับไม่ตกถึงมือผู้ถือหุ้น

มิหนำซ้ำบริษัทยังมีรายได้จากธุรกิจอบรมวิชาชีพที่มีทุกสัปดาห์ถึง12.6 ล้านบาทในไตรมาสแรก

แต่มติชนก็ยังขาดทุน

ไม่แปลกหาก“อากู๋”ไพบูลย์ดำรงชัยธรรมแห่งแกรมมี่จะขายหุ้นทิ้งทั้งหมด

ทั้งนี้ในการซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่2 พ.ค.ที่ผ่านมา

พบว่ามีรายการซื้อขายหุ้นล็อตใหญ่ของบมจ.มติชน(MATI) จำนวน42,388,000 หุ้นราคาเฉลี่ยหุ้นละ11.09 บาทรวมแล้วมูลค่า469.94 ล้านบาท

บมจ.มติชน(MATI)ได้แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าว่าการขายหุ้นจำนวนดังกล่าวออกไปนั้นไม่ได้เกิดจากตัวนายขรรค์ชัยบุนปานผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทฯแต่อย่างใด

ดังนั้นจึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างในการบริหารงานของบริษัทโดยทางบมจ.จีเอ็มเอ็มมีเดียเป็นผู้ขายหุ้น22.12 %

โดยนางสมพรจึงรุ่งเรืองกิจประธานกรรมการกลุ่มบริษัทไทยซัมมิทออโตพาร์ทอินดัสตรี(ไทยซัมมิท)ได้เข้าซื้อหุ้นดังกล่าว

หลังจากที่เคยซื้อและขายหุ้นเนชั่นมาแล้ว

ตอกย้ำข่าวลือว่ามติชนเป็นบริษัทในมือของทักษิณชินวัตรและพรรคพวกเป็นจริง

ทั้งนี้ในส่วนของนายขรรค์ชัยยังคงถือหุ้นเท่าเดิมที่34.93% ขณะที่บริษัทจีเอ็มเอ็มมีเดียจำกัด(มหาชน) จากเดิมถือหุ้น41 ล้านหุ้นหรือ22.12% หลังรายการบิ๊กล็อตไม่มีหุ้นคงเหลือส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่รายอื่นก็ยังคงถือหุ้นเท่าเดิม

คงจำกันได้ดีว่าก่อนหน้านี้เคยเป็นข่าวใหญ่เพราะมีการต่อต้านจากกองบรรณาธิการนสพ.มติชนและเครือข่ายศิษย์เก่ามติชนคัดค้านการเข้าซื้อหุ้นของแกรมมี่

จนขยายเป็น“Friends of Matichon”

แต่ท้ายที่สุดผู้บริหารมติชนก็เปิดประตูต้อนรับ“อากู๋”ด้วยหุ้นถึง22.12%

 โดยเมื่อ8 ปีก่อน(ก.ย.2548) "อากู๋" ได้เขย่าวงการสื่อสิ่งพิมพ์ด้วยการเทกโอเวอร์แบบไม่เป็นมิตรบมจ.มติชนหลังกวาดหุ้นได้32.23% และเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมด(เทนเดอร์ออฟเฟอร์) อีกไม่เกิน42.78% ที่ราคา11.10 บาทต่อหุ้นแต่สุดท้ายก็ยอมลดสัดส่วนการถือลงเหลือประมาณ20 % นอกจากนี้ยังได้ซื้อหุ้นบมจ.โพสต์พับลิชชิ่ง23.60%

หลังจากนั้นมติชนก็แปลงสภาพไปเป็น“มติชิน” 
อ่านต่อที่ https://mgronline.com/daily/detail/9560000062546

"โอ๊ค"เปิดตัวVoice TV ยันไม่ใช่สื่อเพื่อการเมืองท้าดูเนื้อหาก่อนวิจารณ์ https://www.ryt9.com/s/iq02/754473
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่