ยุบสภาไปเลย! เพื่อไทย ท้า ประยุทธ์ ถ้ารัฐบาลคุมเสียงไม่ได้ อย่าปัดสวะให้พ้นตัว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7416449
สมคิด ตอก ‘ประยุทธ์’ เลิกปัดสวะให้พ้นตัว ยุส่งยุบสภาเลย ถ้ารัฐบาลคุมเสียงในสภาไม่ได้ แล้วจะไปสร้างความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2565 นาย
สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมสภาล่มบ่อย เป็นเรื่องของสภานั้น การพูดเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วทำให้สภาล่มบ่อยจะเป็นรัฐบาลไปทำไม
การพูดเช่นนี้เป็นการปัดสวะให้พ้นตัว ในฐานะที่พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นเสียงข้างมาก จะมาปัดสวะแบบนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ พล.อ.
ประยุทธ์ เป็นผู้บริหาร เป็นนายกฯ จะมาหนีแบบนี้ไม่ได้ อยากให้ไปถาม นาย
ชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่เคยพูดไว้ว่าเรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นการที่สภาล่มก็มาจากฝ่ายรัฐบาล แต่วันนี้พล.อ.
ประยุทธ์บอกว่าไม่เกี่ยว พล.อ.
ประยุทธ์กินยาผิดซองหรือเปล่า
นาย
สมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนที่พล.อ.
ประยุทธ์ ระบุในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าไม่ได้ไปต่อก็เสียใจ อยากบอกว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไม่เคยมีความสุขเลย อยากให้พล.อ.
ประยุทธ์เลิกฝัน ถ้าอยากลงการเมืองให้มาต่อสู้กันในสนามเลือกตั้ง อย่ากลัวการเลือกตั้ง พล.อ.
ประยุทธ์ ต้องเข้าใจการเมืองว่าประชาชนเป็นคนตัดสิน พล.อ.
ประยุทธ์อยู่มา 8 ปีแล้ว ถ้ายังไม่พอใจก็มาสู้กันในสนามเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่าจะให้พรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
การที่พูดว่าสภาล่มไม่เกี่ยวกับนายกฯ ก็อย่ามาเป็นรัฐบาลเลย ยุบสภาไปเลยดีกว่า เพราะแค่คุมเสียงในสภายังทำไม่ได้ แล้วจะไปสร้างความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร
“ฝ่ายค้าน” แถลงซัด “ปธ.กมธ.คมนาคม” ฟอกขาวประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หวั่นทุจริต-ประพฤติมิชอบ
https://siamrath.co.th/n/407833
วันที่ 16 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นาย
สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพ.ต.อ.
ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร แถลงตอบโต้นาย
โสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธาน กมธ.ฯ กรณีการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ระบุว่ากมธ.คมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่มีส่วนต่างของราคาในขั้นตอนการประกวดราคา และยังไม่พบการกีดกันการเสนอราคาการประมูลด้วยนั้น
นาย
สุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแถลงของนาย
โสภณ ไม่ใช่มติของกมธ.คมนาคม เป็นเพียงการแถลงส่วนตัว โดยหากเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเรื่องใหญ่มาก คนเป็นประธานกมธ.ฯ ควรจะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม พรรค ก.ก.จึงอาจจะนำประเด็นนี้มาอภิปรายทั่วไปโดยลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ยืนยันอีกครั้งว่าถึงแม้เรื่องจะอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายตุลาการ แต่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติยังสามารถดำเนินการตรวจสอบคู่ขนานได้ นี่คือการตรวจสอบทางการเมือง ซึ่งสามารถนำการประมูลครั้งต่างๆ มาเชื่อมโยงและเปรียบเทียบได้ ว่าเอื้อประโยชน์ให้ทุนใหญ่หรือทำเพื่อประชาชน ฝ่ายค้านจะไม่ยอมให้เกิดการฟอกขาวโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้อย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.
ทวี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในกมธ.คมนาคม และได้อยู่ประชุมจนจบวาระ อย่างแรกคือเรายังไม่มีมติตามที่นายโสภณแถลง โดยหากปล่อยให้เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม และกระทำผิดต่อไปจะทำให้เกิดส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อตนได้ตรวจสอบพบว่า งานการประมูลครั้งที่ 1 กับการประมูลครั้งที่ 2 ไม่มีอะไรแตกต่างกัน โดยส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท อาจจะเป็นเงินที่นำมาทำลายระบบการเลือกตั้งได้ โดยนำไปใช้เกี่ยวกับการหาเสียงสร้างความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ หากเกิดการกระทำความผิดทางกฎหมาย พรรคฝ่ายค้านจะเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับนายกฯ ยืนยันว่า กระบวนการต่างๆ ไม่ถูกต้องและอาจเกิดการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ
“ปดิพัทธ์”จับพิรุธกกต.เพิ่มวงเงินหาเสียงช่วยพรรครบ.
https://www.innnews.co.th/news/news_466474/
“ปดิพัทธ์” จับพิรุธ กกต. เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียง 4 เท่า เอื้อพรรครัฐบาลหรือไม่ จี้ทำงานสร้างบรรยากาศการเมืองเป็นธรรม เชื่อประชาชนรู้ทัน เลือกพรรคที่ตรงไปตรงมา
นาย
ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือถามพรรคการเมืองถึงกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง ที่เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียงเลือกตั้งสูงสุดกรณีสภาอยู่ครบวาระมากกว่า 4 เท่า ว่ากรอบวงเงินที่ กกต. ออกมามีความย้อนแย้งกับกฎการคำนวณค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 180 วัน ที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่
น่าสงสัยว่า กกต. อาจได้สัญญาณจากผู้มีอำนาจเหนือ กกต. ว่าพวกเขาอาจอยู่ครบอายุสภา โดยก่อนหน้านี้ กกต. กำหนดออกกฎ 180 วัน เจตนาเพื่อป้องปรามไม่ให้นักการเมืองใช้จ่ายเงินในการหาเสียงมาก โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเสมอภาคและความเป็นธรรม แต่การกำหนดกรอบวงเงินของ กกต. รอบใหม่ที่ออกมานี้ ย้อนแย้งกับสิ่งที่ กกต. เคยอ้างหรือไม่ เพราะการกำหนดกรอบวงเงินในการหาเสียงของ ส.ส. เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านบาท เป็น 6.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มากกว่าเงินเดือน ส.ส. 4 ปีรวมกันเสียอีก
ทั้งนี้ มองว่า กฏแบบนี้เท่ากับว่า กกต. กำลังส่งเสริมให้คนที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ต้องออกไปหาผลประโยชน์ทางอื่นนอกจากเงินเดือนใช่หรือไม่
ขณะเดียวกัน การปล่อยให้พรรคการเมืองมีกรอบวงเงินหาเสียงจากเดิมที่กำหนดพรรคละ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 152 ล้านบาท ไม่รู้หลักการนี้ลอยมาจากไหน หรือเป็นเพราะใบสั่งจากรัฐบาลที่มีอำนาจเหนือ กกต. เพราะตอนแรกยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีพรรคสังกัด จึงต้องสกัดการรณรงค์หาเสียงของนักการเมืองพรรคอื่น แต่เมื่อ พล.อ.
ประยุทธ์ มีพรรคที่สิงอยู่ชัดเจนแล้ว จึงส่งสัญญาณกลับลำให้กฎ กกต. เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เงินเต็มที่ ทุ่มงบประมาณหาเสียงในโค้งสุดท้าย ซึ่งพรรคที่จะได้ประโยชน์ คือ พรรครัฐบาล ที่มีทุนใหญ่และแหล่งผลประโยชน์หนุนหลัง ทำให้มีแต้มต่อเหนือพรรคการเมืองอื่นที่ตั้งใจทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับพวกพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นในพลังสนับสนุนของประชาชน เชื่อว่า ประชาชนเห็นว่าพรรคใดและนักการเมืองคนไหนทำงานอย่างตรงไปตรงมา ตั้งใจทำงานขับเคลื่อนนโยบายที่จะเกิดประโยชน์กับพวกเขามากกว่าเงินเพียงหลักร้อยหรือหลักพัน ที่จะได้ในช่วงเลือกตั้ง แต่ กกต. ในฐานะองค์กรอิสระก็ต้องทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่เสมอภาคและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาธิปไตยของประเทศมีความเข้มแข็ง อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนจริงๆ
JJNY : ยุบสภาไปเลย! พท.ท้าประยุทธ์ | แถลงซัด“ปธ.กมธ.คมนาคม”ฟอกขาว | “ปดิพัทธ์”จับพิรุธกกต. | 3 ส.ส. ทิ้ง พปชร.-ปชป.
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_7416449
สมคิด ตอก ‘ประยุทธ์’ เลิกปัดสวะให้พ้นตัว ยุส่งยุบสภาเลย ถ้ารัฐบาลคุมเสียงในสภาไม่ได้ แล้วจะไปสร้างความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร
เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.2565 นายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) ฐานะรองประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน กล่าวว่า การที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ออกมาให้สัมภาษณ์กรณีที่ประชุมสภาล่มบ่อย เป็นเรื่องของสภานั้น การพูดเช่นนี้ใช้ไม่ได้ ถ้าเป็นรัฐบาลแล้วทำให้สภาล่มบ่อยจะเป็นรัฐบาลไปทำไม
การพูดเช่นนี้เป็นการปัดสวะให้พ้นตัว ในฐานะที่พล.อ.ประยุทธ์ เป็นหัวหน้ารัฐบาล เป็นเสียงข้างมาก จะมาปัดสวะแบบนี้ไม่ได้ ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นผู้บริหาร เป็นนายกฯ จะมาหนีแบบนี้ไม่ได้ อยากให้ไปถาม นายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ที่เคยพูดไว้ว่าเรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องของรัฐบาล ดังนั้นการที่สภาล่มก็มาจากฝ่ายรัฐบาล แต่วันนี้พล.อ.ประยุทธ์บอกว่าไม่เกี่ยว พล.อ.ประยุทธ์กินยาผิดซองหรือเปล่า
นายสมคิด กล่าวต่อว่า ส่วนที่พล.อ.ประยุทธ์ ระบุในการเลือกตั้งครั้งหน้า ถ้าไม่ได้ไปต่อก็เสียใจ อยากบอกว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประชาชนไม่เคยมีความสุขเลย อยากให้พล.อ.ประยุทธ์เลิกฝัน ถ้าอยากลงการเมืองให้มาต่อสู้กันในสนามเลือกตั้ง อย่ากลัวการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเข้าใจการเมืองว่าประชาชนเป็นคนตัดสิน พล.อ.ประยุทธ์อยู่มา 8 ปีแล้ว ถ้ายังไม่พอใจก็มาสู้กันในสนามเลือกตั้ง ประชาชนจะเป็นคนตัดสินเองว่าจะให้พรรคไหนเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
การที่พูดว่าสภาล่มไม่เกี่ยวกับนายกฯ ก็อย่ามาเป็นรัฐบาลเลย ยุบสภาไปเลยดีกว่า เพราะแค่คุมเสียงในสภายังทำไม่ได้ แล้วจะไปสร้างความสุขให้ประชาชนได้อย่างไร
“ฝ่ายค้าน” แถลงซัด “ปธ.กมธ.คมนาคม” ฟอกขาวประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม หวั่นทุจริต-ประพฤติมิชอบ
https://siamrath.co.th/n/407833
วันที่ 16 ธ.ค. 65 ที่รัฐสภา นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล (ก.ก.) และพ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชาติ (ปช.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) คมนาคม สภาผู้แทนราษฎร แถลงตอบโต้นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในฐานะประธาน กมธ.ฯ กรณีการประมูลรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ระบุว่ากมธ.คมนาคม ได้ตรวจสอบข้อมูลแล้วพบว่าไม่มีส่วนต่างของราคาในขั้นตอนการประกวดราคา และยังไม่พบการกีดกันการเสนอราคาการประมูลด้วยนั้น
นายสุรเชษฐ์ กล่าวว่า การแถลงของนายโสภณ ไม่ใช่มติของกมธ.คมนาคม เป็นเพียงการแถลงส่วนตัว โดยหากเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นเรื่องใหญ่มาก คนเป็นประธานกมธ.ฯ ควรจะรู้ว่าอะไรควรทำอะไรไม่ควรทำ อะไรเหมาะสมและไม่เหมาะสม พรรค ก.ก.จึงอาจจะนำประเด็นนี้มาอภิปรายทั่วไปโดยลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ยืนยันอีกครั้งว่าถึงแม้เรื่องจะอยู่ในการพิจารณาของฝ่ายตุลาการ แต่อำนาจฝ่ายนิติบัญญัติยังสามารถดำเนินการตรวจสอบคู่ขนานได้ นี่คือการตรวจสอบทางการเมือง ซึ่งสามารถนำการประมูลครั้งต่างๆ มาเชื่อมโยงและเปรียบเทียบได้ ว่าเอื้อประโยชน์ให้ทุนใหญ่หรือทำเพื่อประชาชน ฝ่ายค้านจะไม่ยอมให้เกิดการฟอกขาวโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้อย่างแน่นอน
ด้าน พ.ต.อ.ทวี กล่าวว่า ตนเป็นหนึ่งในกมธ.คมนาคม และได้อยู่ประชุมจนจบวาระ อย่างแรกคือเรายังไม่มีมติตามที่นายโสภณแถลง โดยหากปล่อยให้เซ็นสัญญารถไฟฟ้าสายสีส้ม และกระทำผิดต่อไปจะทำให้เกิดส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท ทั้งนี้ เมื่อตนได้ตรวจสอบพบว่า งานการประมูลครั้งที่ 1 กับการประมูลครั้งที่ 2 ไม่มีอะไรแตกต่างกัน โดยส่วนต่าง 68,000 ล้านบาท อาจจะเป็นเงินที่นำมาทำลายระบบการเลือกตั้งได้ โดยนำไปใช้เกี่ยวกับการหาเสียงสร้างความได้เปรียบทางการเมืองหรือไม่ นอกจากนี้ หากเกิดการกระทำความผิดทางกฎหมาย พรรคฝ่ายค้านจะเตรียมข้อมูลเพื่อดำเนินคดีกับนายกฯ ยืนยันว่า กระบวนการต่างๆ ไม่ถูกต้องและอาจเกิดการทุจริตและประพฤติไม่ชอบ
“ปดิพัทธ์”จับพิรุธกกต.เพิ่มวงเงินหาเสียงช่วยพรรครบ.
https://www.innnews.co.th/news/news_466474/
“ปดิพัทธ์” จับพิรุธ กกต. เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียง 4 เท่า เอื้อพรรครัฐบาลหรือไม่ จี้ทำงานสร้างบรรยากาศการเมืองเป็นธรรม เชื่อประชาชนรู้ทัน เลือกพรรคที่ตรงไปตรงมา
นายปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ส่งหนังสือถามพรรคการเมืองถึงกรอบวงเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งของผู้สมัคร ส.ส. และพรรคการเมือง ที่เพิ่มกรอบวงเงินหาเสียงเลือกตั้งสูงสุดกรณีสภาอยู่ครบวาระมากกว่า 4 เท่า ว่ากรอบวงเงินที่ กกต. ออกมามีความย้อนแย้งกับกฎการคำนวณค่าใช้จ่ายเลือกตั้ง 180 วัน ที่ออกมาก่อนหน้านี้หรือไม่
น่าสงสัยว่า กกต. อาจได้สัญญาณจากผู้มีอำนาจเหนือ กกต. ว่าพวกเขาอาจอยู่ครบอายุสภา โดยก่อนหน้านี้ กกต. กำหนดออกกฎ 180 วัน เจตนาเพื่อป้องปรามไม่ให้นักการเมืองใช้จ่ายเงินในการหาเสียงมาก โดยอ้างเหตุผลเรื่องความเสมอภาคและความเป็นธรรม แต่การกำหนดกรอบวงเงินของ กกต. รอบใหม่ที่ออกมานี้ ย้อนแย้งกับสิ่งที่ กกต. เคยอ้างหรือไม่ เพราะการกำหนดกรอบวงเงินในการหาเสียงของ ส.ส. เพิ่มขึ้นจาก 1.5 ล้านบาท เป็น 6.5 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นมากกว่า 4 เท่า ถือเป็นค่าใช้จ่ายที่มากกว่าเงินเดือน ส.ส. 4 ปีรวมกันเสียอีก
ทั้งนี้ มองว่า กฏแบบนี้เท่ากับว่า กกต. กำลังส่งเสริมให้คนที่จะเข้ามาเป็นผู้แทนราษฎร ต้องออกไปหาผลประโยชน์ทางอื่นนอกจากเงินเดือนใช่หรือไม่
ขณะเดียวกัน การปล่อยให้พรรคการเมืองมีกรอบวงเงินหาเสียงจากเดิมที่กำหนดพรรคละ 35 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 152 ล้านบาท ไม่รู้หลักการนี้ลอยมาจากไหน หรือเป็นเพราะใบสั่งจากรัฐบาลที่มีอำนาจเหนือ กกต. เพราะตอนแรกยังไม่ชัดเจนว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี จะมีพรรคสังกัด จึงต้องสกัดการรณรงค์หาเสียงของนักการเมืองพรรคอื่น แต่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ มีพรรคที่สิงอยู่ชัดเจนแล้ว จึงส่งสัญญาณกลับลำให้กฎ กกต. เพื่อเปิดโอกาสให้ใช้เงินเต็มที่ ทุ่มงบประมาณหาเสียงในโค้งสุดท้าย ซึ่งพรรคที่จะได้ประโยชน์ คือ พรรครัฐบาล ที่มีทุนใหญ่และแหล่งผลประโยชน์หนุนหลัง ทำให้มีแต้มต่อเหนือพรรคการเมืองอื่นที่ตั้งใจทำงานการเมืองอย่างตรงไปตรงมา
สำหรับพวกพรรคก้าวไกล เชื่อมั่นในพลังสนับสนุนของประชาชน เชื่อว่า ประชาชนเห็นว่าพรรคใดและนักการเมืองคนไหนทำงานอย่างตรงไปตรงมา ตั้งใจทำงานขับเคลื่อนนโยบายที่จะเกิดประโยชน์กับพวกเขามากกว่าเงินเพียงหลักร้อยหรือหลักพัน ที่จะได้ในช่วงเลือกตั้ง แต่ กกต. ในฐานะองค์กรอิสระก็ต้องทำงานเพื่อสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่เสมอภาคและเป็นธรรม เพื่อให้ประชาธิปไตยของประเทศมีความเข้มแข็ง อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชนจริงๆ