โหมโรงศึกซักฟอกฝากแผลเรือเหล็ก
https://www.dailynews.co.th/articles/1909409/
ช่วงปลายเทอมของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินเกมรุกแบบจัดหนัก พุ่งเป้ากระทุ้งรัฐบาลเรือเหล็ก ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้
ล่าสุดเตรียมลับมีดเชือดรัฐบาล เปรียบเหมือนศึกซักฟอกย่อย ๆ กลางเวทีสภาผู้แทนราษฎร ตามยื่นญัตติการอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 ที่ยื่นไปก่อนหน้านี้ “
ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสนี้สนทนา กับ “
สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสาคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ถึงการจัดทัพชำแหละรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้าย
โดย “
สุทิน” กล่าวเปิดประเด็นถึงการเตรียมความพร้อมว่า ฝ่ายค้านเตรียมไว้นานแล้วประมาณเดือนกว่า ๆ ตอนนั้นคิดว่าได้อภิปรายก่อนปีใหม่ เมื่อปรับมาช่วงหลังปีใหม่ก็ยิ่งมีความพร้อมมากขึ้น กรอบหลักๆ ต้องมีการสรุปรวบยอด 4 ปี ของรัฐบาลที่ทำงานมา หยิบนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเป็นตัวตั้ง เพื่อมาตรวจการบ้านว่าทำไมไม่ทำ หรือทำไมทำตรงกันข้ามกับที่แถลงไว้ แล้วเวลาที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ผลักดันสำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จจะรับผิดชอบอย่างไร แถลงต่อรัฐสภามา
“แต่ละด้านที่จะพูดถึง จะมีเคสประกอบ เช่น การทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหายาเสพติด เหตุกราดยิงศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู สถานการณ์โควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ รับรองว่า รสชาติมันเพราะจะคล้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติแน่นอน และเชื่อว่ามีเคสต่างๆ ที่ทุกคนอยากฟัง รับรองว่าไม่ผิดหวัง”
@เนื้อหาอภิปรายเด็ดๆ ที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง จะดุเดือดเข้มข้นหรือไม่
มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ 4-5 เรื่อง แต่ยังบอกไม่ได้ รับรองว่าถึงตัวนายกฯ กับคนสำคัญของนายกฯ คนออกรัฐธรรมนูญนี้ บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง คนที่ชอบพูดถึงข้อกฎหมายและเป็นมือรักษากฎหมายของพรรค เพื่อให้รู้ว่าคนๆ นี้ ใส่หน้ากากมา 4 ปี เมื่อถอดหน้ากากก็รู้ว่า คนนี้ไม่ได้มาปราบโกง ดังนั้นจึงเกี่ยวข้องตัวนายกฯ โดยตรง ทั้งลูกคุณหลานคุณ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ พรรคฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่า ที่ประเทศไทยฟื้นเศรษฐกิจยาก หรือฟื้นเศรษฐกิจช้ากว่าทั่วโลกนั้น ความจริงแล้วคือคุณติดกับดักความเหลื่อมล้ำ แล้วเราจะชี้ให้เห็นอีกว่า รัฐบาลนี้เกรงใจนายทุนและเอื้อนายทุนใหญ่ จนต้องทิ้งชาวบ้านและคนตัวเล็ก รวมถึงสินค้าเกษตรมีราคาแพงด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนเนื้อหาจะรวบยอดมา 4 ปี ไม่ได้เอาเรื่องเก่ามาพูดทั้งหมด แต่เป็นเรื่องเก่าที่ยังมีปัญหาตามมา ฝ่ายค้านบอกแล้วแต่ไม่ทำ มีการรับปากไว้กับสภา แต่ไม่ทำ แล้วปัญหากลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาอีก ที่สำคัญที่สุด ฝ่ายการเมืองที่กำลังจะลงเลือกตั้ง จะได้พึงสังวรว่า หากคิดจะพูด หรือคิดจะเสนออะไร เมื่อเข้ามาแล้วทำไม่ได้ การเลือกตั้งคราวต่อไปต้องระมัดระวัง เอาเฉพาะในเรื่องที่ทำได้เท่านั้นมาพูด ไม่ต้องไปหลอกชาวบ้านไปวันๆ อีก
@คาดหวังในการอภิปรายครั้งสุดท้ายอย่างไร
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพื่อหวังให้สังคมรู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมา คือ 4 ปีที่เสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย พยายามสร้างภาพหลอกลวงว่าเป็นคนดี คนสุจริตเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ความจริงแล้วไม่ใช่ แม้ว่าจะล้มรัฐบาลไม่ได้ เพราะไม่มีการลงคะแนน แต่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าของพวกเรา ชาวบ้านจะรู้เช่นเห็นชาติว่า คนที่มาลงแข่งขันคราวนี้ เมื่อก่อนพูดอย่างนั้นทำไม่ได้ วันนี้พอมาพูดอย่างนี้ ควรจะเชื่อคุณดีหรือไม่ดี นี่จะทำให้การเลือกตั้งมีคุณภาพขึ้น ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 จะเป็นการเตือนสติฝ่ายการเมือง ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง และเตือนชาวบ้านก่อนจะเลือกตั้ง ก่อนจะเชื่อ เพื่อจะได้การเมืองที่ดี
@ฝ่ายค้านได้มีการวางตัวขุนศึกและวางกรอบเวลาอภิปรายฯ ไว้อย่างไร
พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการวางตัวผู้อภิปรายฯ ครบแล้ว เหลือเพียงมาขัดเกลาข้อมูลและซักซ้อมการอภิปรายเท่านั้น ซึ่งพรรค พท. หรือพรรคอื่นๆ เองก็ไม่วางตัวผู้อภิปรายเยอะ เอาเฉพาะคนที่มีประสบการณ์ พูดแล้วมีน้ำหนัก เดิมอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้คน 40 กว่าคน แต่ครั้งนี้ใช้เพียง 10 กว่าคนเท่านั้น นี่เฉพาะพรรค พท. เท่านั้น ส่วนเวลาในการอภิปรายฯ ต้องคุยกันในวันที่ 25 ม.ค. นี้ ว่ารัฐบาลจะให้เท่าไร แต่เวลาอย่างน้อยที่สุดคือ 25 ชั่วโมง โดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนที่มีการมองว่า รัฐบาลจะดึงเกมยื้อเวลาอภิปรายฯ ลากยาวไปกลางเดือน ก.พ. ฝ่ายค้านไม่ติดใจอะไร แต่อย่ายุบสภาหนีก็แล้วกัน เพราะโดยปกติเมื่อยื่นอภิปรายฯ จะได้อภิปรายฯ หลังจากนั้น 1 เดือน เมื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นวันที่ 28 ธ.ค. 65 กว่าจะได้อภิปรายฯ คราวนี้ก็ยาวไป 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือน ถ้าเราเป็นรัฐบาลก็ไม่อยากให้อภิปรายฯ ก่อนการเลือกตั้ง แปลว่าครั้งนี้ลากยาวไปใกล้เลือกตั้งเพราะอะไร หรือจะไม่ให้อภิปรายฯ
@ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะแก้เกมอย่างไร แล้วเนื้อหาอภิปรายฯ เด็ดๆ ที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง
เตรียมเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ 4-5 เรื่อง รับรองว่าถึงตัวนายกฯ และคนสำคัญของนายกฯ เราต้องหาวิธีนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดีย หรืออภิปรายฯ นอกสภา ยอมรับว่า แม้ไม่ได้ดุเดือดเหมือนในสภา แต่ข้างนอกสภาอาจะมีสมาธิฟังได้ดีกว่าเดิม หรือเปิดข้อมูลให้เห็นแบบชัดๆ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงนี้สภาล่มบ่อยครั้ง อาจจะเป็นเหตุให้ไม่ได้อภิปรายฯ ได้ เมื่อสภาทำงานไม่ได้ คนเป็นผู้นำประเทศก็ต้องคิด ก็มีเหตุผลปัจจัยที่จะยุบสภาได้ ขณะเดียวกันช่วงนี้ รัฐบาลกลับเร่งตีปี๊บโชว์ผลงานว่าตัวเองทำสำเร็จแล้วหลายเรื่อง เพราะมันใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อกลบเกลื่อน แต่เชื่อว่าชาวบ้านดูออก บอกได้เลย
@ ฝ่ายค้านจะเสียท่ารัฐบาลหรือไม่ เพราะไม่สามารถเปิดอภิปรายฯ เปิดแผลรัฐบาลปิดประตู “บิ๊กตู่” พาเพื่อไทยให้ไปสู่แลนด์สไลด์ได้อย่างไร
ก็ต้องชวนประชาชนพิพากษาในการเลือกตั้ง หากอยู่กับ “บิ๊กตู่” ต่ออีก 2 ปี หรือ 4 ปีข้างหน้า ชีวิตก็จะหมดความหวังและหมดรสชาติ แล้วที่ผ่านมาพรรค พท. ก็เคยแลนด์สไลด์มาแล้วเมื่อปี 48 ได้ 377 ที่นั่ง และเมื่อปี 62 เราก็ส่งแค่ 250 เขต ก็ได้มาเยอะ วันนั้นกับวันนี้ มันมีสิ่งเหมือนกันเยอะ เลือกตั้งคราวนี้คงไม่เห็นแก่หน้าใครมากกว่าชีวิตปากท้องตัวเอง ซึ่งพรรค พท. คือ ทางออก เชื่อมั่นว่า ประชาชนจะเลือกเรา ฉะนั้นคำว่าแลนด์สไลด์ จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง.
‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว กม.รถเมล์อนาคต เปลี่ยนเป็น ‘อีวี’ ใน 7 ปี มั่นใจผ่านสภา กทม.ฉลุย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3781468
‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว ‘กม.รถเมล์อนาคต’ เปลี่ยนรถเมล์ทั่วเมืองหลวงเป็น ‘อีวี’ ใน 7 ปี มั่นใจผ่านสภา กทม.ฉลุย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เตรียมแถลงเปิดตัว กฎหมาย “
รถเมล์อนาคต” ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งใน กทม.ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน โดยรายละเอียดของกฎหมายรถเมล์อนาคตจะมีการเปิดเผยในวันที่ 22 มกราคมนี้ ก่อนจะมีการยื่นต่อสภา กทม. และลงมติในวันพุธที่ 25 มกราคมนี้
กฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา พรรค ก.ก. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ทั้งนี้ ข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก.เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก.
นาย
พุทธิพัชร์เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม.ได้ เนื่องจาก ส.ก.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ
ด้าน นาย
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. เปิดเผยว่า กฎหมายรถเมล์อนาคตไม่เพียงเป็นกฎหมายที่จะยกระดับคุณภาพการให้บริการรถเมล์ให้สะอาด ปลอดฝุ่น ปลอดมลภาวะ และช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศ net zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050 ได้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าสภา กทม.สามารถมีบทบาทปกป้องดูแลคุณภาพชีวิตคนกรุง เปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนได้
“สมชัย” สวนกลับไตรรงค์ เลิกเป็นนักการเมืองยุคเก่า ไล่ กก.บห. เอาข้อ กม.ให้ศึกษาระเบียบหาเสียงใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3781801
“สมชัย” สวนกลับไตรรงค์ เลิกเป็นนักการเมืองยุคเก่า ไล่ กก.บห. เอาข้อ กม.ให้ศึกษาระเบียบหาเสียงใหม่ เขียนชัดห้ามปราศรัยหยาบคาย รุนแรง โต้จับผิดรทสช. ท้าใครมีข้อมูลพรรคอื่นทำผิดส่งมาได้ พร้อมตรวจสอบไม่มียกเว้น
เมื่อวันที่ 20 มกราคม นาย
สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่นาย
ไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาตอบโต้ภายหลังพรรค รทสช.ถูกร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม จำนวน 5 ประเด็น ว่า
นาย
ไตรรงค์เป็นนักการเมืองอาวุโส ซึ่งอาจจะคุ้นเคยกับการปราศรัยในรูปแบบที่ท่านได้พูดปราศรัยเมื่อวันจัดงานเปิดตัว พล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ท่านต้องเข้าใจว่าปัจจุบัน กกต.ออกระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 17 และข้อ 18 ระบุห้ามผู้หาเสียงกล่าวพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง ก้าวร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจ
ถ้าท่านยังประสงค์จะเป็นนักการเมืองในยุคปัจจุบัน ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนดไว้ จะอ้างว่าเป็นเด็กบ้านนอกพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตัวหลักในการหาเสียงของพรรค รทสช.จึงขอให้ทางกรรมการบริหารพรรคช่วยให้ข้อเท็จจริงเรื่องระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงกับนายไตรรงค์ด้วย จะได้กระทำการได้ถูกต้อง
เมื่อถามว่า พรรค รทสช.มองว่าจ้องจับผิดพรรค รทสช. เพียงพรรคเดียว เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ นาย
สมชัย กล่าวว่า หากใครมีหลักฐานการกระทำความผิดของทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ให้ส่งข้อมูลมาที่ตนได้เลย หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีการกระทำความผิดจริงจะยื่นร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตรวจสอบทันที โดยไม่แยกว่าเป็นฝ่ายใด แม้กระทั่งพรรคเสรีรวมไทยที่ตนเองสังกัดก็ตาม หากมีหลักฐานสามารถส่งมาได้เลย
JJNY : โหมโรงศึกซักฟอก│‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว ‘กม.รถเมล์อนาคต’│“สมชัย” สวนกลับไตรรงค์│ปีนี้ร้านทองโคราชไม่คึกคัก
https://www.dailynews.co.th/articles/1909409/
ช่วงปลายเทอมของรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พรรคร่วมฝ่ายค้านเดินเกมรุกแบบจัดหนัก พุ่งเป้ากระทุ้งรัฐบาลเรือเหล็ก ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่ในเร็วๆ นี้
ล่าสุดเตรียมลับมีดเชือดรัฐบาล เปรียบเหมือนศึกซักฟอกย่อย ๆ กลางเวทีสภาผู้แทนราษฎร ตามยื่นญัตติการอภิปรายทั่วไป ตามรัฐธรรมนูญตามมาตรา 152 ที่ยื่นไปก่อนหน้านี้ “ทีมการเมืองเดลินิวส์” จึงถือโอกาสนี้สนทนา กับ “สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสาคาม พรรคเพื่อไทย (พท.) ในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ถึงการจัดทัพชำแหละรัฐบาลในช่วงโค้งสุดท้าย
โดย “สุทิน” กล่าวเปิดประเด็นถึงการเตรียมความพร้อมว่า ฝ่ายค้านเตรียมไว้นานแล้วประมาณเดือนกว่า ๆ ตอนนั้นคิดว่าได้อภิปรายก่อนปีใหม่ เมื่อปรับมาช่วงหลังปีใหม่ก็ยิ่งมีความพร้อมมากขึ้น กรอบหลักๆ ต้องมีการสรุปรวบยอด 4 ปี ของรัฐบาลที่ทำงานมา หยิบนโยบายที่แถลงต่อรัฐสภาเป็นตัวตั้ง เพื่อมาตรวจการบ้านว่าทำไมไม่ทำ หรือทำไมทำตรงกันข้ามกับที่แถลงไว้ แล้วเวลาที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร ผลักดันสำเร็จหรือไม่ ถ้าไม่สำเร็จจะรับผิดชอบอย่างไร แถลงต่อรัฐสภามา
“แต่ละด้านที่จะพูดถึง จะมีเคสประกอบ เช่น การทุจริตคอร์รัปชั่น ปัญหายาเสพติด เหตุกราดยิงศูนย์เด็กเล็ก จ.หนองบัวลำภู สถานการณ์โควิด-19 และปัญหาเศรษฐกิจ รับรองว่า รสชาติมันเพราะจะคล้ายการอภิปรายไม่ไว้วางใจแบบลงมติแน่นอน และเชื่อว่ามีเคสต่างๆ ที่ทุกคนอยากฟัง รับรองว่าไม่ผิดหวัง”
@เนื้อหาอภิปรายเด็ดๆ ที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง จะดุเดือดเข้มข้นหรือไม่
มีเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ 4-5 เรื่อง แต่ยังบอกไม่ได้ รับรองว่าถึงตัวนายกฯ กับคนสำคัญของนายกฯ คนออกรัฐธรรมนูญนี้ บอกว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับปราบโกง คนที่ชอบพูดถึงข้อกฎหมายและเป็นมือรักษากฎหมายของพรรค เพื่อให้รู้ว่าคนๆ นี้ ใส่หน้ากากมา 4 ปี เมื่อถอดหน้ากากก็รู้ว่า คนนี้ไม่ได้มาปราบโกง ดังนั้นจึงเกี่ยวข้องตัวนายกฯ โดยตรง ทั้งลูกคุณหลานคุณ ส่วนเรื่องเศรษฐกิจ พรรคฝ่ายค้านจะชี้ให้เห็นว่า ที่ประเทศไทยฟื้นเศรษฐกิจยาก หรือฟื้นเศรษฐกิจช้ากว่าทั่วโลกนั้น ความจริงแล้วคือคุณติดกับดักความเหลื่อมล้ำ แล้วเราจะชี้ให้เห็นอีกว่า รัฐบาลนี้เกรงใจนายทุนและเอื้อนายทุนใหญ่ จนต้องทิ้งชาวบ้านและคนตัวเล็ก รวมถึงสินค้าเกษตรมีราคาแพงด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนเนื้อหาจะรวบยอดมา 4 ปี ไม่ได้เอาเรื่องเก่ามาพูดทั้งหมด แต่เป็นเรื่องเก่าที่ยังมีปัญหาตามมา ฝ่ายค้านบอกแล้วแต่ไม่ทำ มีการรับปากไว้กับสภา แต่ไม่ทำ แล้วปัญหากลับยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นมาอีก ที่สำคัญที่สุด ฝ่ายการเมืองที่กำลังจะลงเลือกตั้ง จะได้พึงสังวรว่า หากคิดจะพูด หรือคิดจะเสนออะไร เมื่อเข้ามาแล้วทำไม่ได้ การเลือกตั้งคราวต่อไปต้องระมัดระวัง เอาเฉพาะในเรื่องที่ทำได้เท่านั้นมาพูด ไม่ต้องไปหลอกชาวบ้านไปวันๆ อีก
@คาดหวังในการอภิปรายครั้งสุดท้ายอย่างไร
การอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ เพื่อหวังให้สังคมรู้ว่า 4 ปีที่ผ่านมา คือ 4 ปีที่เสียโอกาสอย่างน่าเสียดาย พยายามสร้างภาพหลอกลวงว่าเป็นคนดี คนสุจริตเข้ามาเพื่อแก้ไขปัญหาบ้านเมือง ความจริงแล้วไม่ใช่ แม้ว่าจะล้มรัฐบาลไม่ได้ เพราะไม่มีการลงคะแนน แต่จะส่งผลต่อการเลือกตั้งครั้งหน้าของพวกเรา ชาวบ้านจะรู้เช่นเห็นชาติว่า คนที่มาลงแข่งขันคราวนี้ เมื่อก่อนพูดอย่างนั้นทำไม่ได้ วันนี้พอมาพูดอย่างนี้ ควรจะเชื่อคุณดีหรือไม่ดี นี่จะทำให้การเลือกตั้งมีคุณภาพขึ้น ฉะนั้นการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.152 จะเป็นการเตือนสติฝ่ายการเมือง ก่อนเข้าสู่การเลือกตั้ง และเตือนชาวบ้านก่อนจะเลือกตั้ง ก่อนจะเชื่อ เพื่อจะได้การเมืองที่ดี
@ฝ่ายค้านได้มีการวางตัวขุนศึกและวางกรอบเวลาอภิปรายฯ ไว้อย่างไร
พรรคร่วมฝ่ายค้านได้มีการวางตัวผู้อภิปรายฯ ครบแล้ว เหลือเพียงมาขัดเกลาข้อมูลและซักซ้อมการอภิปรายเท่านั้น ซึ่งพรรค พท. หรือพรรคอื่นๆ เองก็ไม่วางตัวผู้อภิปรายเยอะ เอาเฉพาะคนที่มีประสบการณ์ พูดแล้วมีน้ำหนัก เดิมอภิปรายไม่ไว้วางใจใช้คน 40 กว่าคน แต่ครั้งนี้ใช้เพียง 10 กว่าคนเท่านั้น นี่เฉพาะพรรค พท. เท่านั้น ส่วนเวลาในการอภิปรายฯ ต้องคุยกันในวันที่ 25 ม.ค. นี้ ว่ารัฐบาลจะให้เท่าไร แต่เวลาอย่างน้อยที่สุดคือ 25 ชั่วโมง โดยเฉพาะพรรคร่วมฝ่ายค้าน
ส่วนที่มีการมองว่า รัฐบาลจะดึงเกมยื้อเวลาอภิปรายฯ ลากยาวไปกลางเดือน ก.พ. ฝ่ายค้านไม่ติดใจอะไร แต่อย่ายุบสภาหนีก็แล้วกัน เพราะโดยปกติเมื่อยื่นอภิปรายฯ จะได้อภิปรายฯ หลังจากนั้น 1 เดือน เมื่อพรรคร่วมฝ่ายค้านยื่นวันที่ 28 ธ.ค. 65 กว่าจะได้อภิปรายฯ คราวนี้ก็ยาวไป 1 เดือนครึ่งถึง 2 เดือน ถ้าเราเป็นรัฐบาลก็ไม่อยากให้อภิปรายฯ ก่อนการเลือกตั้ง แปลว่าครั้งนี้ลากยาวไปใกล้เลือกตั้งเพราะอะไร หรือจะไม่ให้อภิปรายฯ
@ พรรคร่วมฝ่ายค้านจะแก้เกมอย่างไร แล้วเนื้อหาอภิปรายฯ เด็ดๆ ที่เตรียมไว้มีอะไรบ้าง
เตรียมเรื่องทุจริตคอร์รัปชั่นอยู่ 4-5 เรื่อง รับรองว่าถึงตัวนายกฯ และคนสำคัญของนายกฯ เราต้องหาวิธีนำเสนอข้อมูลเหล่านี้ให้ได้ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง เช่น การเผยแพร่ในช่องทางโซเชียลมีเดีย หรืออภิปรายฯ นอกสภา ยอมรับว่า แม้ไม่ได้ดุเดือดเหมือนในสภา แต่ข้างนอกสภาอาจะมีสมาธิฟังได้ดีกว่าเดิม หรือเปิดข้อมูลให้เห็นแบบชัดๆ มีการตั้งข้อสังเกตว่า ช่วงนี้สภาล่มบ่อยครั้ง อาจจะเป็นเหตุให้ไม่ได้อภิปรายฯ ได้ เมื่อสภาทำงานไม่ได้ คนเป็นผู้นำประเทศก็ต้องคิด ก็มีเหตุผลปัจจัยที่จะยุบสภาได้ ขณะเดียวกันช่วงนี้ รัฐบาลกลับเร่งตีปี๊บโชว์ผลงานว่าตัวเองทำสำเร็จแล้วหลายเรื่อง เพราะมันใกล้เข้าสู่การเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่อกลบเกลื่อน แต่เชื่อว่าชาวบ้านดูออก บอกได้เลย
@ ฝ่ายค้านจะเสียท่ารัฐบาลหรือไม่ เพราะไม่สามารถเปิดอภิปรายฯ เปิดแผลรัฐบาลปิดประตู “บิ๊กตู่” พาเพื่อไทยให้ไปสู่แลนด์สไลด์ได้อย่างไร
ก็ต้องชวนประชาชนพิพากษาในการเลือกตั้ง หากอยู่กับ “บิ๊กตู่” ต่ออีก 2 ปี หรือ 4 ปีข้างหน้า ชีวิตก็จะหมดความหวังและหมดรสชาติ แล้วที่ผ่านมาพรรค พท. ก็เคยแลนด์สไลด์มาแล้วเมื่อปี 48 ได้ 377 ที่นั่ง และเมื่อปี 62 เราก็ส่งแค่ 250 เขต ก็ได้มาเยอะ วันนั้นกับวันนี้ มันมีสิ่งเหมือนกันเยอะ เลือกตั้งคราวนี้คงไม่เห็นแก่หน้าใครมากกว่าชีวิตปากท้องตัวเอง ซึ่งพรรค พท. คือ ทางออก เชื่อมั่นว่า ประชาชนจะเลือกเรา ฉะนั้นคำว่าแลนด์สไลด์ จึงมีโอกาสเกิดขึ้นได้สูง.
‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว กม.รถเมล์อนาคต เปลี่ยนเป็น ‘อีวี’ ใน 7 ปี มั่นใจผ่านสภา กทม.ฉลุย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3781468
‘ก้าวไกล’ จ่อเปิดตัว ‘กม.รถเมล์อนาคต’ เปลี่ยนรถเมล์ทั่วเมืองหลวงเป็น ‘อีวี’ ใน 7 ปี มั่นใจผ่านสภา กทม.ฉลุย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคก้าวไกล (ก.ก.) เตรียมแถลงเปิดตัว กฎหมาย “รถเมล์อนาคต” ซึ่งเป็นข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่จะกำหนดให้รถเมล์ที่วิ่งใน กทม.ต้องเป็นรถไฟฟ้า หรือ EV ทั้งหมด โดยมีระยะเวลาสำหรับการเปลี่ยนผ่าน 7 ปี เพื่อบรรลุเป้าหมายลดฝุ่นละออง PM2.5 และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงจะพัฒนาคุณภาพการให้บริการรถเมล์ ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่มีผู้ใช้งานหลักล้านคน โดยรายละเอียดของกฎหมายรถเมล์อนาคตจะมีการเปิดเผยในวันที่ 22 มกราคมนี้ ก่อนจะมีการยื่นต่อสภา กทม. และลงมติในวันพุธที่ 25 มกราคมนี้
กฎหมายรถเมล์อนาคต หรือร่างข้อบัญญัติกรุงเทพมหานคร เรื่อง รถโดยสารประจําทางพลังงานไฟฟ้าเพื่อลดมลภาวะ นำเสนอโดย นายพุทธิพัชร์ ธันยาธรรมนนท์ ส.ก.เขตยานนาวา พรรค ก.ก. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 22 ปี ที่มีการเสนอกฎหมายใหม่ทั้งฉบับโดย ส.ก. ทั้งนี้ ข้อบัญญัติฉบับล่าสุดที่เสนอโดย ส.ก.เกิดขึ้นในปี 2544 เป็นข้อบัญญัติเกี่ยวกับการแต่งตั้งผู้ช่วยปฏิบัติงาน ส.ก.
นายพุทธิพัชร์เชื่อมั่นว่าร่างกฎหมายนี้จะสามารถผ่านสภา กทม.ได้ เนื่องจาก ส.ก.ส่วนใหญ่เห็นตรงกันว่ากฎหมายนี้จะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทุกเขตทั่วกรุงเทพฯ
ด้าน นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรค ก.ก. เปิดเผยว่า กฎหมายรถเมล์อนาคตไม่เพียงเป็นกฎหมายที่จะยกระดับคุณภาพการให้บริการรถเมล์ให้สะอาด ปลอดฝุ่น ปลอดมลภาวะ และช่วยให้ไทยบรรลุเป้าหมายเป็นประเทศ net zero หรือปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ในปี 2050 ได้เท่านั้น แต่ยังถือเป็นการแสดงให้เห็นว่าสภา กทม.สามารถมีบทบาทปกป้องดูแลคุณภาพชีวิตคนกรุง เปลี่ยนกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น น่าอยู่ขึ้นสำหรับทุกคนได้
“สมชัย” สวนกลับไตรรงค์ เลิกเป็นนักการเมืองยุคเก่า ไล่ กก.บห. เอาข้อ กม.ให้ศึกษาระเบียบหาเสียงใหม่
https://www.matichon.co.th/politics/news_3781801
“สมชัย” สวนกลับไตรรงค์ เลิกเป็นนักการเมืองยุคเก่า ไล่ กก.บห. เอาข้อ กม.ให้ศึกษาระเบียบหาเสียงใหม่ เขียนชัดห้ามปราศรัยหยาบคาย รุนแรง โต้จับผิดรทสช. ท้าใครมีข้อมูลพรรคอื่นทำผิดส่งมาได้ พร้อมตรวจสอบไม่มียกเว้น
เมื่อวันที่ 20 มกราคม นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบาย พรรคเสรีรวมไทย (สร.) และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวกรณีที่นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี สมาชิกรวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ออกมาตอบโต้ภายหลังพรรค รทสช.ถูกร้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ให้ตรวจสอบงานเปิดตัวพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 9 มกราคม จำนวน 5 ประเด็น ว่า
นายไตรรงค์เป็นนักการเมืองอาวุโส ซึ่งอาจจะคุ้นเคยกับการปราศรัยในรูปแบบที่ท่านได้พูดปราศรัยเมื่อวันจัดงานเปิดตัว พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี แต่ท่านต้องเข้าใจว่าปัจจุบัน กกต.ออกระเบียบ กกต. ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 ข้อ 17 และข้อ 18 ระบุห้ามผู้หาเสียงกล่าวพาดพิงสถาบันพระมหากษัตริย์ หรือใช้ถ้อยคำหยาบคาย รุนแรง ก้าวร้าว ซึ่งเป็นสิ่งที่ท่านต้องเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจ
ถ้าท่านยังประสงค์จะเป็นนักการเมืองในยุคปัจจุบัน ต้องเข้าใจสิ่งเหล่านี้และปฏิบัติตามกติกาที่กำหนดไว้ จะอ้างว่าเป็นเด็กบ้านนอกพูดแบบนี้ไม่ได้ เพราะเป็นบุคคลซึ่งเป็นตัวหลักในการหาเสียงของพรรค รทสช.จึงขอให้ทางกรรมการบริหารพรรคช่วยให้ข้อเท็จจริงเรื่องระเบียบเกี่ยวกับการหาเสียงกับนายไตรรงค์ด้วย จะได้กระทำการได้ถูกต้อง
เมื่อถามว่า พรรค รทสช.มองว่าจ้องจับผิดพรรค รทสช. เพียงพรรคเดียว เพราะมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นสมาชิกพรรคหรือไม่ นายสมชัย กล่าวว่า หากใครมีหลักฐานการกระทำความผิดของทุกพรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ให้ส่งข้อมูลมาที่ตนได้เลย หากพิจารณาแล้วเห็นว่ามีการกระทำความผิดจริงจะยื่นร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ดำเนินการตรวจสอบทันที โดยไม่แยกว่าเป็นฝ่ายใด แม้กระทั่งพรรคเสรีรวมไทยที่ตนเองสังกัดก็ตาม หากมีหลักฐานสามารถส่งมาได้เลย