JJNY : เสียงชาวโคราช ยุคหมากแพง|หอการค้าไทยคาด GDP ปี 66|พท.จี้‘ตู่’เคลียร์ทุจริตนายสิบ|ส่งออกการ์เมนต์ปีหน้าติดลบหนัก

เสียงชาวโคราช ยุคหมากแพง รายได้ไม่มี เงินเก็บไม่ต้องพูดถึง ‘มาม่าแทบทุกมื้อ’
https://www.matichon.co.th/region/news_3726024
 
 
 
เสียงสะท้อนผู้มีรายได้น้อย ในยุคค่าครองชีพสูง คนขับรถตู้ต้องกินมาม่าแทบทุกมื้อ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย ขณะที่ตา-ยายเย็บผ้า แทบไม่มีลูกค้า หนี้สินท่วมแต่ต้องทนเพราะเลือกไม่ได้
  
โคราช – เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่สำรวจความคิดเห็นของผู้มีรายได้น้อย ในพื้นที่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา ภายหลังจากที่ค่าครองชีพสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ได้รับผลกระทบอย่างไรบ้าง
 
เช่น ผู้ที่มีอาชีพขับรถตู้โดยสารรับจ้าง ที่สถานีขนส่งแห่งที่ 1 นครราชสีมา ซึ่งมีคิวรถโดยสารอยู่กว่า 20 คัน พบว่าหลายคนมีความเป็นอยู่ที่ยากลำบาก เนื่องจากมีลูกค้ามาใช้บริการน้อยลง และค่าน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ต้องพากันกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือก๋วยเตี๋ยว เกือบทุกมื้อ เพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายในครอบครัว
 
โดย นายศุภชัย กุมกระโทก อายุ 61 ปี คนขับรถตู้โดยสารรับจ้างรายหนึ่ง เปิดเผยว่า ในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ จากการระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้คนนิยมมาขึ้นรถตู้โดยสารน้อยลง จากเดิมที่เคยรับผู้โดยสารได้เต็มคันทุกเที่ยว ตอนนี้ได้ครึ่งคันก็ถือว่าเก่งแล้ว ทำให้รายได้ลดลงกว่า 50% เงินที่ได้ต้องต้องแบ่งเป็นรายจ่ายออกไปแต่ละวัน 2 อย่างคือ ต้องนำไปซื้อน้ำมัน และจ่ายให้เถ้าแก่เจ้าของรถตู้
 
ซึ่งทุกวันนี้ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้แทบจะไม่เหลือเงินเก็บอะไรเลย ขณะที่รายจ่ายของครอบครัวก็มีมาก ทั้งค่าเช่าบ้าน ค่าผ่อนรถยนต์ ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่ากิน และค่าใช้จ่ายในครอบครัว หลายคนจึงต้องไปพึ่งการกู้ยืมเงินนอกระบบมาใช้
 
นอกจากนี้ปัญหาเรื่องที่กรมการขนส่งทางบก ให้เปลี่ยนรูปแบบจากรถตู้เป็นรถมินิบัส เมื่อครบกำหนดอายุรถ 10 ปีนั้น ผู้ประกอบการรถตู้โดยสารคงไม่สามารถทำได้แน่นอน เพราะราคารถมินิบัสสูงมาก ตกคันละ 3-4 ล้านบาท แหล่งเงินทุนที่จะกู้ก็เข้าไม่ถึง จึงอยากให้ขยายเวลาอายุรถออกไปให้มากกว่า 10 ปี เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนจากผลกระทบเศรษฐกิจในครั้งนี้ด้วย
 
ขณะเดียวกันผู้ที่มีอาชีพเย็บผ้า ก็ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเช่นกัน โดยผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปที่ร้านเย็บผ้าลุงสมัคร ตั้งอยู่ริมถนนอัษฎางค์ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา
 
ซึ่งมีตากับยายคู่หนึ่ง กำลังนั่งรอลูกค้าที่จะนำเสื้อผ้ามาให้ตัดแก้ทรง พบว่าบรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา ไม่มีลูกค้ามาใช้บริการแม้แต่รายเดียว
 
โดย นางมะลิ มีแก้ว อายุ 68 ปี บอกว่า ตนเองกับสามีคือนายสมัคร มีแก้ว อายุ 71 ปี ได้มาเช่าพื้นที่บริเวณนี้ตั้งร้านตัดแก้เสื้อผ้ามานานกว่า 10 ปีแล้ว ซึ่งที่ผ่านมาก็มีลูกค้ามาใช้บริการต่อเนื่อง โดยเฉพาะช่วงเปิดเทอม จะมีลูกค้ามาใช้บริการตัดแก้ชุดนักเรียนกันอย่างคึกคัก แต่หลังจากที่ไวรัสโควิด-19 ระบาด ลูกค้าก็เริ่มหายหมด ยิ่งไม่ใช่ช่วงเปิดเทอมอย่างนี้ แต่ละวันแทบจะไม่มีลูกค้ามาใช้บริการเลย
 
เช่นวันนี้ไม่มีลูกค้ามาเลยแม้แต่รายเดียว จึงไม่ได้เงินสักบาท บางวันก็ได้แค่ 100-200 บาท พอได้ค่ากับข้าวกินไปวันๆ
 
ส่วนเรื่องที่จะมีเงินเก็บนั้นแทบจะไม่ต้องคิดเลย เพราะตนเองต้องเช่าบ้านอยู่ และเช่าที่เปิดร้านอีก ถ้ารวมค่าน้ำ ค่าไฟด้วย ก็ต้องมีเงินจ่ายต่อเดือนไม่ต่ำกว่า 15,000 บาท ตอนนี้ไม่มีรายได้จึงต้องไปขอเงินลูกๆ ใช้
 
ถ้าจะไปทำอาชีพอื่น ตนเองและสามีก็อายุมากแล้ว ไม่รู้จะทำอะไร เคยคิดที่จะไปกู้เงินเพื่อหาอาชีพอื่นที่ดีกว่านี้ แต่ไปกู้เงินจากโครงการสวัสดิการแห่งรัฐ และธนาคารออมสินแล้ว เขาก็ไม่ให้ เพราะตนเองไม่มีข้าราชการหรือคนมียศตำแหน่งมาค้ำประกันให้ อีกทั้งเขาบอกว่าอายุมากแล้ว ประกอบกับไม่มีเครดิตอะไร เขาจึงไม่ให้กู้ จึงต้องทนทำงานนี้ต่อไป แม้ลำบากก็ต้องทน เพราะเลือกไม่ได้แล้ว


หอการค้าไทยคาด GDP ปี 66 โต 3.6%-ส่งออกแค่ 1.2% รายได้ท่องเที่ยว-เลือกตั้งหนุน ศก.ฟื้น
https://siamrath.co.th/n/407507

นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจเปิดเผย ประมาณการภาวะเศรษฐกิจไทยปี 2565-2566 ว่า ปัจจัยบวกที่มีผลต่อเศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปี 2565-2566 คือ การแพร่ระบาดของโควิด-19 ปรับตัวดีขึ้นและปรับเป็นโรคประจำถิ่น การกลับมาขอให้นักท่องเที่ยวต่างชาติและการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว การใช้จ่ายของภาคเอกชนมีสัญญาณการฟื้นตัวอย่างชัดเจน รายได้ของเกษตรกรยังคงขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง และการเลือกตั้งทั่วไปในปี 2566
 
สำหรับปัจจัยลบที่มีผลต่อภาวะเศรษฐกิจยังคงเป็นสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนที่ทำให้ราคาน้ำมันสินค้าโภคภัณฑ์และอัตราเงินเฟ้อผู้สูงขึ้น ธนาคารกลางประเทศต่างๆถูกกดดันให้ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย เศรษฐกิจโลกมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดภาวะถดถอย ความไม่แน่นอนในการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีน ความผันผวนของตลาดเงินและตลาดทุนโลกทำให้อัตราแลกเปลี่ยนของประเทศไทยเคลื่อนไหวผันผวน ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐและจีนทำให้การเข้าถึงสินค้าทุนลดลงส่งผลต่อการค้าโลก โดยมองว่า เศรษฐกิจประเทศไทยในปีหน้าจะได้รับการประคับประคอง คาดว่า จะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.6 จากการท่องเที่ยวที่ดี คาดว่าจะมีเม็ดเงินอยู่ที่ 1.1 ล้านล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 22 ล้านคน
  
ขณะที่สินค้าเกษตรราคาสูงขึ้นทำให้การจับจ่ายใช้สอยมีมากขึ้น ภาคบริการโดยเฉพาะธุรกิจกลางคืนกลับมาฟื้นตัวส่งผลต่อเงินเงินสะพัดในภาวะเศรษฐกิจ การเตรียมตัวเลือกตั้งทั่วไปในช่วงไตรมาสที่ 1 ทำให้มีเม็ดเงินสะพัดไปจนถึงช่วงไตรมาสที่ 2 สามารถพยุงเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี เศรษฐกิจโลกจะทยอยกลับมาฟื้นตัวได้ตั้งแต่ในช่วงปลายไตรมาสที่ 3 เนื่องจากคาดว่าราคาน้ำมันและเงินเฟ้อจะไม่สูงขึ้นแล้ว และในช่วงครึ่งปีหลังการลงทุนของภาครัฐจะมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้นโดยเฉพาะในพื้นที่EEC มีผลโดยตรงต่อเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะสามารถขยายตัวได้ร้อยละ 3.7
 
อย่างไรก็ตาม ศูนย์พยากรณ์ฯยังคาดการณ์ อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 3 ในขณะที่อัตราเงินเฟ้อปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 6.1 ในปีหน้าซึ่งมองว่าอัตราเงินเฟ้อจะเหลือร้อยละ 3 นั้นเป็นเพราะโดยส่วนใหญ่ตลาดยังคงเป็นของผู้ซื้อผู้ประกอบการไม่สามารถปรับราคาเพิ่มมากขึ้นได้ โดยเงินเฟ้อในปีนี้ที่สูงขึ้นเกิดจากสถานการณ์ราคาน้ำมันเป็นหลักซึ่งไม่สามารถควบคุมได้ และสำหรับการส่งออกนั้น คาดว่า จะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 1.2 จากภาวะเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 2.7 ขณะที่ในปี 2565 นั้นคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวอยู่ที่ร้อยละ 3.3 การส่งออกขยายตัวร้อยละ 8 และเงินเฟ้อขยายตัวร้อยละ 6.1 โดยมีเม็ดเงินจากภาคการท่องเที่ยว 5.4 แสนล้านบาท จากจำนวนนักท่องเที่ยว 11 ล้านคนเป็นต้น

 

  
พท.จี้ ‘ตู่’เคลียร์ทุจริตสอบนายสิบ แซะ บิ๊กช้าง รมต.กระทรวงกระทู้ แจงแทนทุกเรื่อง
https://www.khaosod.co.th/politics/news_7414926

เพื่อไทย จี้ บิ๊กตู่ เคลียร์ทุจริตสอบนายสิบ ซัด ตร.จับได้ทุกเรื่องแต่จับคนโกงข้อสอบไม่ได้ เหน็บ บิ๊กช้าง เป็น “รมต.กระทรวงกระทู้”  ตอบแทนนายกฯ ทุกเรื่อง
 
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 15 ธ.ค. 2565 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 2 ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณากระทู้ถามสดของนายสมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย (พท.) อภิปรายว่า กระทู้ถามสดครั้งนี้ตนถามพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม แต่อีก 4 เดือนจะครบ 4 ปีแล้ว 
 
พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมาตอบกระทู้ที่สภาเลย จะให้เกียรติหรือไม่ให้เกียรติตนไม่ทราบ แต่ขอบ่นหน่อย และรัฐมนตรีที่มาตอบแทนนายกฯ พวกผมเรียกว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงกระทู้ เนื่องจากท่านขยันมาตอบกระทู้ และตอบทุกเรื่องแทนนายกฯ การมอบหมายให้มาตอบแทนสามารถทำได้ แต่ทุกเรื่องก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าจะสง่างามเท่าไหร่” นายสมคิด กล่าว
 
นายสมคิด กล่าวว่า ตนขอถามนายกฯ เกี่ยวกับการทุจริตการสอบนายสิบตำรวจ กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 และภาค 5 ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ต้องรับผิดชอบ และต้องสอบสวนอย่างเด็ดขาดว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้อง และเสียหายเท่าไหร่
 
นายสมคิด กล่าวต่อว่า เหตุการณ์นี้เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ พล.ต.อ. แต่ระบบราชการมักจะรู้เห็นเป็นใจกัน สภาฯ จึงต้องทวงถาม เพื่อสร้างความเชื่อมั่น เพราะตำรวจทำงานใกล้ชิดกับประชาชน การเรียกรับเงินของตำรวจ ต้นเหตุมาจากการซื้อขายตำแหน่ง นายกฯ ถูกต้องที่ตอบว่าตามระเบียบไม่มีการซื้อขายตำแหน่ง แต่ตอนนี้เป็นไปตามผู้มีอำนาจ
 
จึงอยากสอบถามว่า จากนี้จะมาตราการป้องกันไม่ให้เกิดกรณีนี้อย่างไร เพื่อให้ตำรวจมีความเชื่อมั่นว่า ไม่ได้ตำแหน่งมาเพราะจ่ายเงิน ตำรวจจับได้ทุกเรื่อง แต่จับคนโกงข้อสอบไม่ได้ แบบนี้ปฏิรูปตำรวจอย่างไรก็ไปไม่รอด เพราะใช้ตำรวจฟรี ต้องเข้าเวร 8 ชั่วโมงโดยไม่ได้ค่าตอบแทน แถมต้องจ่ายค่าน้ำ และค่าน้ำมันเอง ทำให้ต้องทุจริตเป็นลูกโซ่ ท่านต้องเห็นใจผู้ปฏิบัติ และต้องตั้งงบประมาณ เพื่อแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นนี้” นายสมคิด กล่าว
 
ด้านพล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รมช.กลาโหม ได้รับมอบหมายจากนายกฯ ชี้แจงว่า เรื่องปัญหาการทุจริตการสอบตำรวจที่ผ่านมา ทั้งนักเรียนนายสิบตำรวจ และนายตำรวจชั้นประทวน ในส่วนภาค 9 และภาค 5 นั้น กรณีแรกเป็นการทุจริต ในภาค 9 เป็นการสอบในปี 2564 ที่เลื่อนมาสอบในเดือนมี.ค. 2565 โดยสมัครมา 9,800 คน แต่รับ 390 คน
 
ช่วงแรกตรวจพบมีคนพกโพยเข้าสอบ 1 ราย และจับได้ในช่วงที่มีการสอบ หลังจากนั้นจึงสอบสวนขยายผล โดยกองบัญชาการศึกษา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อสอบสวนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งบุคคลภายนอก และเจ้าหน้าที่ และได้ดำเนินคดีกับทุกคนที่เกี่ยวข้องแล้ว เมื่อตรวจสอบเอกสารครั้งสุดท้ายพบ 78 คน ที่ไม่ผ่านการคัดเลือกเข้ามาอย่างถูกต้อง
 
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงต่อว่า ส่วนกรณีที่เกิดขึ้นที่ภาค 5 หน่วยงานต้องการ 725 อัตรา แต่มีผู้สมัคร 135,000 คน จึงแบ่งสอบข้อเขียนทุกภาคทั่วประเทศ เพื่อให้ความสะดวก ต่อมาวันที่ 28 พ.ย. พบคนพกโพยเข้าสอบ ทางสตช.จึงตั้งกรรมการสอบสวนว่ามีที่มาอย่างไร
 
โดยต้องไปดูเรื่องข้อสอบ สภาพแวดล้อม และเอกสารต่างๆ เนื่องจากมีผู้ผ่านการคัดเลือก 1 พันคนเศษ และจะสอบสวนไปถึงความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตที่ภาค 9 อย่างไร ทั้งนี้ นายกฯ ได้สั่งการเร่งรัดสตช. ให้ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว และเป็นที่กระจ่าง เพื่อความยุติธรรมกับทุกคน
 
พล.อ.ชัยชาญ ชี้แจงว่า สำหรับกระบวนการออกข้อสอบ ทางคณะกรรมการออกข้อสอบต้องเข้ามาเก็บตัว ห้ามพบ และใช้เครื่องมือสื่อสาร และมีกรรมการคัดเลือกข้อสอบ ซึ่งมีขั้นตอนป้องกันไม่ให้ข้อสอบรั่วไหลสู่คนภายนอก และทุจริต อย่างไรก็ตาม กรณีที่เกิดขึ้นจะลงไปดูรายละเอียดเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก
 
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้สั่ง สตช.ไปดูรายละเอียด และเพิ่มมาตราการป้องกันทางด้านเทคโนโลยีให้เป็นไปอย่างรัดกุม ส่วนเรื่องค่าตอบแทนให้ตำรวจ นายกฯ ได้เน้นย้ำเรื่องค่าเบี้ยเลี้ยงให้คุ้มค่า โดยเฉพาะตำรวจชั้นผู้น้อย” พล.อ.ชัยชาญ กล่าว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่