"อุ๊งอิ๊ง" ได้รับความสนใจจากสื่อนอก หลังเผยนโยบาย "คิดใหญ่ ทำเป็น"
https://www.voathai.com/a/6869864.html
"อุ๊งอิ๊ง" แพทองธาร ชินวัตร กำลังเป็นที่สนใจจากสื่อต่างชาติในสัปดาห์นี้ หลังจากที่บุตรสาวคนสุดท้องของอดีตนายกรัฐมนตรี ทักษิณ ชินวัตร ได้ออกมาให้คำมั่นสัญญาในวันอังคารที่ผ่านมา ว่าจะกำจัดความยากจนให้หมดไปและสร้างความเท่าเทียมกันทางสังคมให้เกิดขึ้น หากพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้งปีหน้า
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นางสาว
แพทองธาร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวในการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 ว่าหากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันของพลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แพทองธาร หรือ
อุ๊งอิ๊ง กล่าวว่า ในอีกสี่ปีข้างหน้า หากพรรคเพื่อไทยได้บริหาร ไทยจะฟื้นกลับมาและทวงคืนศักดิ์ศรีและความภูมิใจได้อีกครั้ง เธอยังกล่าวว่าการ
“คิดใหญ่” และ
“ทำเป็น” จะช่วยแก้ปัญหาประเทศและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น
นอกจากนี้บุตรสาวคนสุดท้องของ พ.ต.ท.
ทักษิณ ชินวัตร ยังได้เปิด 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย รวมทั้งคำประกาศขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นสองเท่าตัว ขยายการให้ความคุ้มครองทางสุขภาพ และลดค่าโดยสารของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม
แพทองธาร ในวัย 36 ปี ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าพรรคเพื่อไทยจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างไร แต่กล่าวเพียงแต่ว่า ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนผู้บริหารประเทศ
เอพีระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า
ทักษิณหาทางกลับเข้ามาบนเส้นทางการเมืองอีกครั้ง จากการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ในขณะที่บทบาทของ
แพทองธารในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเธอกล่าวว่าสนิทสนมกับ
ทักษิณมากและยังพบปะกันอยู่เสมอ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าอิทธิพลของ
ทักษิณในพรรคนั้นยังมีอยู่มาก
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้รายงานเมื่อต้นสัปดาห์เช่นกันถึงแคมเปญเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ เพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตร และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยุติการครองอำนาจของรัฐบาลที่มีกองทัพอยู่เบื้องหลังให้หมดไป
บลูมเบิร์กยังรายงานว่าด้วยว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่
แพทองธารเป็นผู้เปิดเผยนั้น ยังมุ่งที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 5% และจะส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจแบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
พรรคเพื่อไทยหวังว่าจะได้คะแนนเสียงมากพอที่เอาชนะพลเอก
ประยุทธ์ จากประชาชนที่ไม่พอใจต่อภาวะค่าครองชีพสูง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกันหลังภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด คะแนนความนิยมพลเอก
ประยุทธ์ ยังตามหลัง
แพทองธารอยู่ หลังจากที่รัฐบาลของตนยังไม่สามารถจัดการกับภาวะเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ได้
แพทองธารยังได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มราคาสินค้าการเกษตรทุกชนิด โดยกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะทำได้อีก ในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่ช่วยให้พรรค และพรรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากที่สุดทุกครั้งในการเลือกตั้ง
บลูมเบิร์กมองว่า
แพทองธาร ซึ่งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีบทบาทสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในการหาเสียงให้พรรค และมีการคาดว่าเธออาจจะได้เป็นหนึ่งในสามแคนดิเดต หรือผู้ได้รับเลือกเป็นตัวแทนชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของพรรคไทย ซึ่งรายชื่อดังกล่าวมีนาย
เศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางพรรคกล่าวว่าจะเปิดเผยเมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้ง
ในรายงานระบุว่า มีการคาดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งในปีหน้า แต่ก็อาจจะต้องการการสนับสนุนจากพรรคอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะสมาชิกวุฒิสภาที่มี 250 เสียง ที่ได้รับการแต่งตั้ง จะยังคงมีสิทธิที่จะลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่
ส่วนรายงานในวันพุธ ของสื่อออนไลน์ เดอะ ดิพโพลแมท (The Diplomat) รายงานเช่นกันว่า ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่า
แพทองธารเป็นหน้าใหม่ในพรรค เพราะเธอเพิ่งได้รับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ได้ราวหนึ่งปี แต่การได้รับการยอมรับ และภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ได้ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของพรรค
นอกจากนี้ยังรายงานเช่นกันว่า นโยบายประชานิยมที่
แพทองธารเพิ่งประกาศไปนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ใช้นโยบายเหล่านี้หาเสียงมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของ
ทักษิณ
"ชวน" กำชับ ส.ส.ประชุมสภา 3 วัน ก่อนหมดปี อย่าชะล่าใจ รับ หวั่นเกิดยุบสภา
https://www.thairath.co.th/news/politic/2574440
"ชวน" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชม สภาฯชุดนี้ ขยัน-ผลงานเยอะ กำชับ สมาชิกเข้าประชุม 3 วัน ก่อนหมดปี เตือน อย่าชะล่าใจ ยอมรับ หวั่นเกิดยุบสภา ชี้ เป็นเรื่องคาดเดาได้ยาก
นาย
ชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ปี 2560 ว่า นับตั้งแต่เลือกตั้งมา ถือว่า เดินหน้าไปได้ ยังรักษากระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติไว้ได้แม้จะมีปัญหาในส่วนขององค์ประชุม แต่ยอมรับว่า สภาฯชุดปัจจุบัน มีผลงานมากเพราะอาจเกิดจากความขยันของทุกฝ่าย
ยังฝากถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคนว่า ในช่วง 3 วันสุดท้าย คือวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565 กฎหมายที่เลื่อนพิจารณามาทุกฉบับควรจะจบภายในปีนี้ ย้ำว่า ไม่ควรประมาท แม้จะเหลือเวลาอีก 2 เดือนเศษ แต่หากเกิดยุบสภา ทุกอย่างก็จบ พร้อมยอมรับว่า ตัวเองก็ไม่มั่นใจสถานการณ์ตอนนี้ว่า รัฐบาลจะยุบสภาเมื่อไร เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
ส่วนที่มีกระแสว่า สัปดาห์หน้า ส.ส.อาจทยอยลาออก จะกระทบกับองค์ประชุมหรือไม่ นาย
ชวน บอกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้โทรศัพท์ไปหา นาย
วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนาย
วิษณุ น่าจะไปแจ้งให้ พลเอก
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทราบ และจึงมีการกำชับมาทำให้การประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในช่วงเย็นๆ มีองค์ประชุมครบ
อีกทั้งตนได้แนะนำไปว่า ให้พลเอก
ประยุทธ์ เชิญหัวพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค มาหารือและขอร้อง ว่า เมื่อรัฐบาลเป็นผู้เสนอกฎหมายก็ต้องส่งองค์ประชุมมาด้วย
สำหรับวันนี้ เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2565 เมื่อ เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นาย
ชวน พร้อมด้วย นาย
พรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา และคณะผู้บริหาร สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งมีผู้แทนพรรคการเมืองต่างๆ นำพานประดับพุ่มดอกไม้ ถวายบังคมฯ ในนามพรรคการเมืองถวายบังคมทูล พระรูปต้นแบบพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฝนถล่มหนัก นราธิวาสท่วมแล้ว 3 อำเภอ คน 1.5 หมื่นกระทบหนัก น้ำขังถนนสูง 50 ซม.
https://www.matichon.co.th/region/news_3718440
ฝนถล่มหนัก นราธิวาสท่วมแล้ว 3 อำเภอ คน 1.5 หมื่นกระทบหนัก น้ำขังถนนสูง 50 ซม.
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8-9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ และทำให้ระดับน้ำทั้ง 3 ลุ่มน้ำหลัก ลุ่มน้ำบางนรา ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำโก-ลก มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ล่าสุดกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ได้สรุปรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธ.ค.65) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ อำเภอระแงะ เมืองนราธิวาส บาเจาะ รวม 17 ตำบล 86 หมู่บ้าน ผู้ได้รับผลกระทบ 3,586 ครัวเรือน 15,191 คน
สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสบริเวณ ซอยพณาสนธ์ได้มีน้ำท่วมขังน้ำเข้าถลัดเข้าในบ้าน และยังมีเด็กๆเล่นน้ำอยากสนักสนาม ส่วนที่ถนนทางไปศูนย์ราชการได้มีน้ำท่วมขัง ประมาณ 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และมีป้ายทะเบียนรถยนต์ชาวบ้านที่ตก
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยที่อำเภอบาเจาะ ซึ่งมีน้ำท่วมขังบ้านเรือน ขณะที่หลายหน่วยงานได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน อาทิ สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อพร่องน้ำจากปริมาณฝนที่ตกหนัก
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 151 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 สนับสนุนกำลังพลปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส สนับสนุนเรือ เสื้อชูชีพ เทศบาลตำบลตันหยงมัส จัดส่งเจ้าหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแผนเคลื่อนย้ายไปศูนย์พักพิงที่เตรียมไว้
ทางด้านลักษณะอากาศทั่วไป สำนักงานอุตุนิยมวิทยานราธิวาส ได้แจ้งพยากรณ์อากาศประจำวัน จังหวัดนราธิวาส มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร
สถานการณ์น้ำท่า ลุ่มน้ำสายบุรีและลุ่มน้ำโก-ลก อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง (สีเหลือง) ลุ่มน้ำบางนรา ล้นตลิ่ง (สีแดง) อย่างไรก็ตามยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป
JJNY : "อุ๊งอิ๊ง" ได้รับความสนใจจากสื่อนอก|"ชวน"กำชับ ส.ส.ประชุมสภา| ฝนถล่มหนัก นราธิวาสท่วมแล้ว| มะนาวขึ้นราคาอีกแล้ว
https://www.voathai.com/a/6869864.html
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า นางสาวแพทองธาร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย กล่าวในการประชุมใหญ่วิสามัญ ประจำปี 2565 ว่าหากเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากการบริหารของรัฐบาลปัจจุบันของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
แพทองธาร หรืออุ๊งอิ๊ง กล่าวว่า ในอีกสี่ปีข้างหน้า หากพรรคเพื่อไทยได้บริหาร ไทยจะฟื้นกลับมาและทวงคืนศักดิ์ศรีและความภูมิใจได้อีกครั้ง เธอยังกล่าวว่าการ “คิดใหญ่” และ “ทำเป็น” จะช่วยแก้ปัญหาประเทศและทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยดีขึ้น
นอกจากนี้บุตรสาวคนสุดท้องของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ยังได้เปิด 10 นโยบายพลิกฟื้นประเทศ เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทย รวมทั้งคำประกาศขึ้นค่าจ้างแรงงานขั้นต่ำเป็นสองเท่าตัว ขยายการให้ความคุ้มครองทางสุขภาพ และลดค่าโดยสารของระบบขนส่งสาธารณะในกรุงเทพ เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม แพทองธาร ในวัย 36 ปี ไม่ได้ให้รายละเอียดว่าพรรคเพื่อไทยจะบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้อย่างไร แต่กล่าวเพียงแต่ว่า ทุกคนต้องร่วมกันเปลี่ยนผู้บริหารประเทศ
เอพีระบุว่า ก่อนหน้านี้มีการคาดการณ์ว่า ทักษิณหาทางกลับเข้ามาบนเส้นทางการเมืองอีกครั้ง จากการเคลื่อนไหวที่มากขึ้น ในขณะที่บทบาทของแพทองธารในพรรคเพื่อไทย ซึ่งเธอกล่าวว่าสนิทสนมกับทักษิณมากและยังพบปะกันอยู่เสมอ ก็เป็นสิ่งที่บ่งบอกว่าอิทธิพลของทักษิณในพรรคนั้นยังมีอยู่มาก
ด้านสำนักข่าวบลูมเบิร์ก (Bloomberg) ได้รายงานเมื่อต้นสัปดาห์เช่นกันถึงแคมเปญเลือกตั้งของพรรคเพื่อไทยที่ประกาศว่าจะขึ้นค่าแรงขึ้นต่ำ เพิ่มราคาผลผลิตทางการเกษตร และลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงาน ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า ซึ่งเป็นความพยายามที่จะยุติการครองอำนาจของรัฐบาลที่มีกองทัพอยู่เบื้องหลังให้หมดไป
บลูมเบิร์กยังรายงานว่าด้วยว่านโยบายของพรรคเพื่อไทย ที่แพทองธารเป็นผู้เปิดเผยนั้น ยังมุ่งที่จะกระตุ้นให้เศรษฐกิจของประเทศเติบโตโดยเฉลี่ยปีละ 5% และจะส่งเสริมทักษะความคิดสร้างสรรค์ และเศรษฐกิจแบบดิจิทัลเพื่อช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มมากขึ้น
พรรคเพื่อไทยหวังว่าจะได้คะแนนเสียงมากพอที่เอาชนะพลเอกประยุทธ์ จากประชาชนที่ไม่พอใจต่อภาวะค่าครองชีพสูง และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ไม่เท่าเทียมกันหลังภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 โดยในการสำรวจความคิดเห็นล่าสุด คะแนนความนิยมพลเอก ประยุทธ์ ยังตามหลังแพทองธารอยู่ หลังจากที่รัฐบาลของตนยังไม่สามารถจัดการกับภาวะเงินเฟ้อและปัญหาเศรษฐกิจหลังโควิด-19 ได้
แพทองธารยังได้ให้ความสำคัญกับการเพิ่มราคาสินค้าการเกษตรทุกชนิด โดยกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยเคยทำสำเร็จมาแล้วและจะทำได้อีก ในช่วง 21 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรเป็นฐานเสียงสำคัญของพรรคเพื่อไทยที่ช่วยให้พรรค และพรรคอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเพื่อไทยได้คะแนนเสียงมากที่สุดทุกครั้งในการเลือกตั้ง
บลูมเบิร์กมองว่า แพทองธาร ซึ่งดำรงตำแหน่ง หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย มีบทบาทสำคัญในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาในการหาเสียงให้พรรค และมีการคาดว่าเธออาจจะได้เป็นหนึ่งในสามแคนดิเดต หรือผู้ได้รับเลือกเป็นตัวแทนชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของพรรคไทย ซึ่งรายชื่อดังกล่าวมีนายเศรษฐา ทวีสิน นักธุรกิจเจ้าพ่ออสังหาริมทรัพย์ ซึ่งทางพรรคกล่าวว่าจะเปิดเผยเมื่อเข้าใกล้วันเลือกตั้ง
ในรายงานระบุว่า มีการคาดว่าพรรคเพื่อไทยน่าจะได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งในปีหน้า แต่ก็อาจจะต้องการการสนับสนุนจากพรรคอื่น ๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาล เพราะสมาชิกวุฒิสภาที่มี 250 เสียง ที่ได้รับการแต่งตั้ง จะยังคงมีสิทธิที่จะลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีอยู่
ส่วนรายงานในวันพุธ ของสื่อออนไลน์ เดอะ ดิพโพลแมท (The Diplomat) รายงานเช่นกันว่า ถึงแม้ว่าจะดูเหมือนว่าแพทองธารเป็นหน้าใหม่ในพรรค เพราะเธอเพิ่งได้รับตำแหน่งประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย ได้ราวหนึ่งปี แต่การได้รับการยอมรับ และภาพลักษณ์ของคนรุ่นใหม่ ได้ทำให้เธอกลายเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของพรรค
นอกจากนี้ยังรายงานเช่นกันว่า นโยบายประชานิยมที่แพทองธารเพิ่งประกาศไปนั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับพรรคเพื่อไทย ที่ใช้นโยบายเหล่านี้หาเสียงมาโดยตลอด โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือซึ่งเป็นฐานเสียงสำคัญของทักษิณ
"ชวน" กำชับ ส.ส.ประชุมสภา 3 วัน ก่อนหมดปี อย่าชะล่าใจ รับ หวั่นเกิดยุบสภา
https://www.thairath.co.th/news/politic/2574440
"ชวน" ประธานสภาผู้แทนราษฎร ชม สภาฯชุดนี้ ขยัน-ผลงานเยอะ กำชับ สมาชิกเข้าประชุม 3 วัน ก่อนหมดปี เตือน อย่าชะล่าใจ ยอมรับ หวั่นเกิดยุบสภา ชี้ เป็นเรื่องคาดเดาได้ยาก
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ ตั้งแต่ปี 2560 ว่า นับตั้งแต่เลือกตั้งมา ถือว่า เดินหน้าไปได้ ยังรักษากระบวนการของฝ่ายนิติบัญญัติไว้ได้แม้จะมีปัญหาในส่วนขององค์ประชุม แต่ยอมรับว่า สภาฯชุดปัจจุบัน มีผลงานมากเพราะอาจเกิดจากความขยันของทุกฝ่าย
ยังฝากถึงสมาชิกรัฐสภาทุกคนว่า ในช่วง 3 วันสุดท้าย คือวันที่ 14-16 ธันวาคม 2565 กฎหมายที่เลื่อนพิจารณามาทุกฉบับควรจะจบภายในปีนี้ ย้ำว่า ไม่ควรประมาท แม้จะเหลือเวลาอีก 2 เดือนเศษ แต่หากเกิดยุบสภา ทุกอย่างก็จบ พร้อมยอมรับว่า ตัวเองก็ไม่มั่นใจสถานการณ์ตอนนี้ว่า รัฐบาลจะยุบสภาเมื่อไร เป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก
ส่วนที่มีกระแสว่า สัปดาห์หน้า ส.ส.อาจทยอยลาออก จะกระทบกับองค์ประชุมหรือไม่ นายชวน บอกว่า ก่อนหน้านี้ตนได้โทรศัพท์ไปหา นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และนายวิษณุ น่าจะไปแจ้งให้ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีทราบ และจึงมีการกำชับมาทำให้การประชุมเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ในช่วงเย็นๆ มีองค์ประชุมครบ
อีกทั้งตนได้แนะนำไปว่า ให้พลเอกประยุทธ์ เชิญหัวพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค มาหารือและขอร้อง ว่า เมื่อรัฐบาลเป็นผู้เสนอกฎหมายก็ต้องส่งองค์ประชุมมาด้วย
สำหรับวันนี้ เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ 10 ธันวาคม 2565 เมื่อ เวลา 09.00 น. ที่รัฐสภา นายชวน พร้อมด้วย นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา และคณะผู้บริหาร สำนักงานเลขาธิการ สภาผู้แทนราษฎร ร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทาน ถวายพระราชกุศล แด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันรัฐธรรมนูญ แห่งราชอาณาจักรไทย รวมทั้งมีผู้แทนพรรคการเมืองต่างๆ นำพานประดับพุ่มดอกไม้ ถวายบังคมฯ ในนามพรรคการเมืองถวายบังคมทูล พระรูปต้นแบบพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว
ฝนถล่มหนัก นราธิวาสท่วมแล้ว 3 อำเภอ คน 1.5 หมื่นกระทบหนัก น้ำขังถนนสูง 50 ซม.
https://www.matichon.co.th/region/news_3718440
ฝนถล่มหนัก นราธิวาสท่วมแล้ว 3 อำเภอ คน 1.5 หมื่นกระทบหนัก น้ำขังถนนสูง 50 ซม.
เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม ตามที่ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง เมื่อวันที่ 8-9 ธันวาคม ที่ผ่านมา ทำให้เกิดน้ำท่วมขังในพื้นที่ลุ่มต่ำ และทำให้ระดับน้ำทั้ง 3 ลุ่มน้ำหลัก ลุ่มน้ำบางนรา ลุ่มน้ำสายบุรี ลุ่มน้ำโก-ลก มีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ล่าสุดกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส ได้สรุปรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ (ข้อมูล ณ วันที่ 9 ธ.ค.65) มีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ อำเภอระแงะ เมืองนราธิวาส บาเจาะ รวม 17 ตำบล 86 หมู่บ้าน ผู้ได้รับผลกระทบ 3,586 ครัวเรือน 15,191 คน
สำหรับในเขตเทศบาลเมืองนราธิวาสบริเวณ ซอยพณาสนธ์ได้มีน้ำท่วมขังน้ำเข้าถลัดเข้าในบ้าน และยังมีเด็กๆเล่นน้ำอยากสนักสนาม ส่วนที่ถนนทางไปศูนย์ราชการได้มีน้ำท่วมขัง ประมาณ 50 เซนติเมตร รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ และมีป้ายทะเบียนรถยนต์ชาวบ้านที่ตก
ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจผู้ประสบอุทกภัยที่อำเภอบาเจาะ ซึ่งมีน้ำท่วมขังบ้านเรือน ขณะที่หลายหน่วยงานได้เร่งให้ความช่วยเหลือประชาชน อาทิ สำนักงานชลประทานที่ 17 ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เพื่อพร่องน้ำจากปริมาณฝนที่ตกหนัก
ศูนย์บรรเทาสาธารณภัย กรมทหารราบที่ 151 และหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 สนับสนุนกำลังพลปฏิบัติภารกิจช่วยเหลือ สำนักงาน ปภ.จังหวัดนราธิวาส สนับสนุนเรือ เสื้อชูชีพ เทศบาลตำบลตันหยงมัส จัดส่งเจ้าหน้าที่ดูแลกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง ผู้สูงอายุ อย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแผนเคลื่อนย้ายไปศูนย์พักพิงที่เตรียมไว้
ทางด้านลักษณะอากาศทั่วไป สำนักงานอุตุนิยมวิทยานราธิวาส ได้แจ้งพยากรณ์อากาศประจำวัน จังหวัดนราธิวาส มีเมฆมากกับมีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 70 ของพื้นที่ และมีฝนหนักถึงหนักมากบางแห่ง ลมตะวันออกเฉียงเหนือความเร็ว 20-35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูง 2-3 เมตร
สถานการณ์น้ำท่า ลุ่มน้ำสายบุรีและลุ่มน้ำโก-ลก อยู่ในเกณฑ์เฝ้าระวังน้ำล้นตลิ่ง (สีเหลือง) ลุ่มน้ำบางนรา ล้นตลิ่ง (สีแดง) อย่างไรก็ตามยังคงมีฝนตกต่อเนื่องในพื้นที่ ขอให้ประชาชนเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป