JJNY : บุกทวง‘ดวงตาพายุ’ | นปช.สกลนครไม่เลือกภูมิใจไทย| "พิชัย"มั่นใจทุกนโยบาย"พท.|‘นักท่องเที่ยว’ติดโควิดช็อกตาย

‘ไม่ยอม!’ สนั่นหน้าทำเนียบ บุกทวง ‘ดวงตาพายุ’ จี้นายกฯ ‘ตู่ห้าว’ ลาออก รับผิดชอบสลายม็อบรุนแรง
https://www.matichon.co.th/politics/news_3722647

‘ไม่ยอม’ สนั่นหน้าทำเนียบ สกน.-ขปส. บุก ‘ทวงดวงตาพายุ’ ซัด ผบ.ตร.คนใหม่หวังทำผลงาน จี้นายกฯ ‘ตู่ห้าว’ ลาออก รับผิดชอบสลายม็อบเอเปครุนแรง
 
เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม ที่หน้าสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ ก.พ.ร. เขตดุสิต กรุงเทพฯ สหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) พร้อมด้วย  ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ P-move และเครือข่ายนำโดย นายจำนงค์ หนูพันธ์ ประธาน ขปส. เดินทางมารวมตัวที่หน้า ก.พ.ร. ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล เพื่อติดตามความคืบหน้า ภายหลังมีการยื่นหนังสือถึงรัฐบาล เรียกร้องให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระ เพื่อตรวจสอบกรณีสลายการชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุดเอเปค วันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ว่าเกินกว่าเหตุหรือไม่ รวมทั้งมีการประชุมร่วมกับ สำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี (สปน.) เมื่อวันที่ 30 พฤจิกายนที่ผ่านมา เพื่อหารือแนวทางการแก้ไขปัญหาการสลายการชุมนุม แต่ไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีหน่วยงานราชการติดต่อมาเพื่อพูดคุยกับทางเครือข่ายหลังจากนั้น
  
นายจำนงค์กล่าวว่า พี่น้องที่โดนวันนั้น โดนกระทืบแบบไม่สนใจ ถามว่าเหตุเกิดที่ไหน แต่ส่งไป สน.ทุ่งสองห้อง พี่น้องบาดเจ็บก็คุยกันยาว กว่าจะได้ไปโรงพยาบาล นี่คือวิธีการของตำรวจ ภายใต้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) คนใหม่ ที่ต้องการผลงาน
 
เรามาทวงดวงตาพายุ จากนายกรัฐมนตรี” นายจำนงค์กล่าว
จากนั้น เวลา 10.00 น. สมาชิกสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และพีมูฟ ตั้งขบวนหน้าอาคาร ก.พ.ร. ก่อนเดินเท้า พร้อมชูธงของกลุ่ม รวมถึงภาพความบาดเจ็บของ “พายุ ดาวดิน” และป้ายข้อความที่เขียนถึง พายุ เนื้อหาให้กำลังใจ พร้อมประณามการสลายการชุมนุมของเจ้าหน้าที่รัฐ อาทิ “พีมูฟเรียกร้อง คฝ.และรัฐบาล พายุตาบอดด้านขวา ต้องรับผิดชอบ” “หยุดฆาตรกรในเครื่องแบบ ตั้งคณะกรรมการสอบ” “รัฐยิงประชาชน” “ดวงตาหนึ่งดวง จะสร้างดาวล้านดวง” โดยเดินขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาลเพื่อทวงถามความคืบหน้า
 
นายจำนงค์กล่าวว่า เราไม่ต้องการให้ภาพพจน์ของประเทศเสียหาย แต่คนที่ทำให้เสียหาย คือ พ.ล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
 
ยิงตาพี่น้องทำไม ยิงไปเพื่ออะไร ถ้าตัวเองโดนยิงตาบ้างจะรู้สึกอย่างไร ลูกเมียตาบอด 1 ข้าง จะรู้สึกอย่างไร น้องเราตาบอด 1 ข้าง พวกเราไม่ยอม” นายจำนงค์กล่าว
 
โดยผู้ชุมนุมร่วมส่งเสียง “ไม่ยอม” หันไปยังทำเนียบรัฐบาล
 
นายจำนงค์กล่าวต่อว่า ถ้าจะยอมได้ ก็คือ “ตู่ห้าว” จะต้องยุบสภา หรือลาออกไปเท่านั้น นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นและอยากให้พี่น้องได้รับรู้ว่า สิ่งที่เราแลกเปลี่ยนตอนช่วงที่มีการประชุมเอเปค 2022 เราแลกเปลี่ยนเรื่องความเดือดร้อน ทรัพยากรธรรมชาติให้กับคนไทยในประเทศ เพื่อตกทอดไปถึงลูกหลานในอนาคต แต่สิ่งที่เราโดนกระทำ มันเลวร้ายเกินกว่าที่จะรับได้
 
ถามหน่อยว่าคนเราอยู่ดีๆ แล้วโดนยิงตาบอดไป 1 ข้าง ชีวิตจะเป็นอย่างไร ลองนึกถึงใจเขาใจเรา มันสมควรหรือที่จะใช้มาตรการปราบพี่น้องในวันนั้น ช่วยออกมาบอกหน่อย โดยเฉพาะ ‘ตู่ห้าว’ ว่าคิดอะไร คิดจะใช้หน้าที่ปกป้องดวงตาตัวเองโดยให้เจ้าหน้าที่ยิงตาพี่น้องประชาชน ใช่หรือไม่ นี่คือการเป็นผู้นำประเทศหรือ” นายจำนงค์กล่าว


  
นปช.สกลนคร รวมตัวเรียกร้อง ปชช.ไม่เอาครูแก้ว ไม่เลือกภูมิใจไทย
https://www.matichon.co.th/politics/news_3722696

นปช.สกลนคร รวมตัวเรียกร้อง ปชช.ไม่เอาครูแก้ว ไม่เลือกภูมิใจไทย
 
จากกรณีคำปราศรัยของ นายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 โดยแกนนำ นปช.สกลนครทั้ง 18 อำเภอ เรียกร้องประชาชนขอให้ไม่เลือกผู้สมัครพรรคภูมิใจไทย

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2565 ที่บ้านโพนยางคำ ต.โนนหอม อ.เมือง จ.สกลนคร พันเอกวุฒธิ แถมจอหอ ประธานกลุ่มคนเสื้อแดง  ร.ต.สุรินทร์ พราน  เลขาฯกลุ่ม (ใส่หมวก) พร้อมพวก ซึ่งเป็นตัวแทน นปช. 18 อำเภอ ร่วมกันแถลงข่าวต่อคำปราศรัยของนายศุภชัย โพธิ์สุ หรือครูแก้ว ส.ส.นครพนม เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2565 โดยมีป้ายข้อความไม่เอาครูแก้ว ไม่เอาพรรคภูมิใจไทย โดยสรุปข้อเรียกร้องมี 4 ข้อ อาทิ 
 
1. การปราศรัยของครูแก้วเป็นการดูถูก ส.ส.สกลนคร ที่พวกเราแกนนำ นปช.สกลนคร และพี่น้องชาวสกลนครทั้ง 18 อำเภอ เลือกเข้ามาเป็นตัวแทนทั้ง 6 เขต 
 
2. การปราศรัยของครูแก้วเป็นการดูหมิ่นพี่น้องชาวสกลนครโดยรวมที่ไม่เลือกพรรคภูมิใจไทย จึงสรุปได้ว่าแนวนโยบายของพรรคภูมิใจไทยเป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยเป็นอย่างยิ่ง เพราะถ้าจังหวัดใดไม่เลือก ส.ส.จากพรรคภูมิใจไทยแล้วจะไม่ได้รับการจัดสรรงบประมาณที่เท่าเทียมจังหวัดนครพนม จังหวัดบุรีรัมย์ 
 
3. คำปราศรัยของกรูแก้วอ้างชื่อครูใหญ่เนวิน อ้างชื่อหัวหน้าอนุทิน รวมถึงอ้างชื่อรัฐมนตรีศักดิ์สยาม จึงสรุปได้ว่ารับนโยบายมาจากบุคคลเหล่านั้นที่เป็นแกนนำและผู้บริหารพรรคภูมิใจไทย
 
4. พวกเราแกนนำ นปช.สกลนครทั้ง 18 อำเภอ ขอเรียกร้องต่อพี่น้องชาวสกลนคร และพี่น้องผู้รักประชาธิปไตยทั่วประเทศ ไม่เลือกผู้สมัคร ส.ส.สังกัดพรรคภูมิใจไทย และไม่เลือกพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งทั่วไปที่จะมีขึ้นในปี 2566 ต่อต้านครูแก้ว และแกนนำพรรคภูมิใจไทย รวมถึงการเข้ามาทำกิจกรรมทางการเมืองในเขตจังหวัดสกลนคร พวกเราแกนนำ นปช.สกลนครทั้ง 18 อำเภอ จะร่วมกันรณรงค์ไม่สนับสนุนทุกรูปแบบ
 


"พิชัย" มั่นใจทุกนโยบาย" พท."ทำได้จริง หวังเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น
https://siamrath.co.th/n/406903

วันที่ 13 ธ.ค.65 ที่พรรคเพื่อไทย นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทยด้านเศรษฐกิจ กล่าวว่า ตามที่นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยได้ประกาศนโยบายของพรรคเพื่อไทยหลายด้าน โดยเฉพาะในด้านเศรษฐกิจ อยากให้ประชาชนมั่นใจได้ว่า นโยบายของพรรคเพื่อไทย สามารถทำได้จริงตามที่ได้ประกาศอย่างแน่นอน และเป็นการคิดใหญ่ ทำเป็น เพราะเคยทำสำเร็จมาแล้วทุกนโยบายในอดีต เรียกได้ว่าพรรคเพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำได้จริง ไม่เหมือนหลายพรรคที่ประกาศนโยบายแต่ทำไม่ได้ หรือทำไม่เป็น เป็นต้น  อยากตอกย้ำนโยบายที่สำคัญเช่นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศไทยหากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาลจะทำให้เศรษฐกิจขยายได้เฉลี่ยปีละ 5% ซึ่งสามารถทำได้จริง และเป็นศักยภาพที่ประเทศไทยควรจะขยายให้ได้อยู่แล้ว โดยทั้ง ธนาคารโลก ไอเอ็มเอฟ  ต่างก็บอกตรงกันว่าประเทศไทยขยายตัวต่ำกว่าเนผศักยภาพมาโดยตลอด  ดังนั้น การเร่งการขยายตัวทางเศรษฐกิจจึงเป็นความจำเป็นระดับแรก ซึ่งจะต้องมีนโยบายหลายๆด้านออกมาพร้อมๆกัน ดังนั้นการสร้างรายได้ใหม่ในหลายด้านและส่งเสริมให้มีการลงทุนจากในประเทศและจากต่างประเทศจะเป็นแนวทางที่จะเพิ่มจีดีพีให้ขยายตัวได้มากขึ้น รวมถึงการทำให้ไทยเป็นศุนย์กลางนวัตกรรมของอาเซียนให้คนฉลาดๆและคนเก่งๆมาอยู่ประเทศไทยและช่วยกันพัฒนาเศรษฐกิจไทย 
 
นายพิชัย กล่าวต่อว่า  นโยบายที่เป็นเรื่องที่ถกเถียงกันมากคือ นโยบายค่าแรงขั้นต่ำวันละ 600 บาท ในปี 2570 หรือ อีก 5 ปีข้างหน้า ซึ่งสามารถทำได้จริงถ้าประเทศไทยสามารถขยายเศรษฐกิจปีละ 5% ตามที่ได้กล่าวมาแล้ว ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงเป็นวันละ 600 บาทในอีก 5 ปีข้างหน้า จะทำให้ประเทศไทยมีการกระจายรายได้และลดความเหลื่อมล้ำ อีกทั้งจะผลักดันให้ประเทศไทยต้องปรับเปลี่ยนตัวเองให้พัฒนาสร้างงานและดึงดูดการลงทุนที่จะสามารถรับค่าแรงในระดับนั้นได้ และจะเร่งให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางเร็วขึ้น อีกนโยบายที่มีความสำคัญและเป็นการลดค่าใช้จ่ายให้กับประชาชนได้ทันทีคือ นโยบายที่จะลดราคา น้ำมัน ไฟฟ้า และ ก๊าซหุงต้ม ซึ่งสามารถทำได้ทันที พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล และส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในระดับครัวเรือน ซึ่งเป็นทิศทางของโลก โดยเฉพาะปัจจุบันที่ค่าไฟฟ้าจะขึ้นอีก ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อการแข่งขันของไทยอย่างมาก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่