ในกระทู้นี้เราจะบอกเล่าเรื่องราวการเห็น นิมิต เกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา มันไม่ธรรมดาอย่างไร เรารู้ได้อย่างไรว่ามันไม่ธรรมดา และเรามีวิธีแก้ไขหรือรักษาอาการป่วยแบบไม่ธรรมดานี้ของตัวเองอย่างไร เราจะบอกเล่าให้ได้รู้ในกระทู้นี้ค่ะ
เราจะพูดถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแบบธรรมดากันก่อน อาการเจ็บป่วยแบบธรรมดานี้ ก็จะเป็นโรคปกติทั่วไปที่คนทั่วไปปกติก็เป็นกันได้ทุกคน อาการไม่ได้หนักหรือรุนแรงมาก เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรม ตามสภาพภูมิอากาศ หรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไปหาหมอ กินยา รักษาหาย เช่นหวัด เป็นต้น
ส่วนอาการเจ็บป่วยแบบไม่ธรรมดาในความเข้าใจของเราคือ อาการแบบอยู่ๆก็เป็นเอง หาสาเหตุจริงๆไม่ได้ รักษาไม่หายขาด หรือไปหาหมอ กินยาก็ไม่หาย เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนยาก็แล้ว แต่ไม่ดีขึ้น เป็นแล้วกลับมาเป็นอีก เป็นซ้ำซาก มีอาการเรื้อรัง จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก
และเป็นโรคเป็นอาการที่เป็นเฉพาะบุคคล คือ ไม่ได้เป็นโรคที่คนปกติทั่วไปก็มีโอกาสเป็นได้นั่นเองค่ะ หรืออาการเจ็บป่วยแบบไม่ธรรมดานี้เรียกภาษาชาวบ้านอีกอย่างนึงก็คือ โรคเวรโรคกรรม นั่นเองค่ะ
ทีนี้เราจะบอกวิธีเช็คอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ว่ามันจะอยู่ในกลุ่มปกติหรือเป็นโรคเวรโรคกรรม
อย่างแรก ที่เราจะทำคือเราจะหาหมอ กินยา รักษาตามอาการก่อนค่ะ ซึ่งบางทีอาการเจ็บป่วยทั้งสองแบบ มันก็จะทุเลาหรือหายไปเลย เมื่อได้รับการรักษาตามอาการค่ะ แต่อย่างที่เราบอกไปข้างต้น
โรคเวรโรคกรรมนี้ถึงจะกินยารักษาตามอาการแล้วหาย มันก็จะกลับมาเป็นอีก เป็นบ่อยมาก เป็นซ้ำเป็นซากจนผิดสังเกตและจะรักษาไม่หายขาด อาการเจ็บป่วยจากโรคเวรโรคกรรมนี้ก็ค่อนข้างจะสงผลกระทบต่อชีวิตประจำวันวันค่อนข้างมาก
อย่างที่สอง เมื่อเราเห็นแล้วว่าอาการป่วยของเราเข้าเค้าอยู่ในกลุ่ม โรคเวรโรคกรรม เราก็ทำการเช็คด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจ วิธีที่เราใช้เช็คโรคนี้เราได้มาจากหนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ของหลวงพ่อจรัญนี้แหละค่ะ ถ้าท่านไหนที่เคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ ก็คงจะรู้คร่าวๆแล้วว่าเราจะเช็คยังไง
วิธีเช็คของเราก็คือ ให้ตั้งใจ ตั้งจิต อธิษฐานขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เรามีอาการปวดหรืออาการป่วยอยู่ ณ ขณะนั้นแล้วขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้เรา เมื่อท่านอโหสิกรรมให้เราแล้วก็ขอให้เราหายปวด หายป่วยค่ะ
และเราก็จะเช็คตัวเองด้วยวิธีนั้นมาตลอด ถ้าเราคิดว่าอาการเจ็บป่วยของตัวเองมาจาก โรคเวรโรคกรรม ซึ่งก็ได้ผลค่ะ คือถ้าอาการเจ็บป่วยของเราเป็น อาการเจ็บป่วยปกติธรรมดา เราก็จะไม่หาย ไม่ทุเลาลงทันทีทันใด
แต่ถ้าอาการเจ็บป่วยเกิดจากโรคเวรโรคกรรม มันก็จะหายวับไปเลย หรือ เบาขึ้นเลยทันใด แรกๆทำเอาเรางงไปเลย ว่ามันเป็นไปได้ยังไง ที่แค่อธิษฐานบอกกล่าว ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยแค่นั้น มันจะทำให้อาการดีขึ้นทันตา
แต่อย่าเพิ่งดีใจนะคะ เพราะที่เราบอกว่า อาการเจ็บป่วยหายวับไปเลย หรือดีขึ้นทันใจนั้น มันหายไปแค่ชั่วครู่เท่านั้น แล้วมันก็กลับมาเจ็บป่วย มีอาการเหมือนเก่าอีก มันไม่ได้หายไปเลยแบบถาวร เราก็ยังต้องทนทุกข์อยู่กับอาการเจ็บป่วยดังกล่าวต่อไป และทำได้แค่หาหมอ กินยา รักษาตามอาการเหมือนโรคปกติเท่านั้น
แต่การที่เราได้เช็คตัวเองเช่นนั้น อย่างน้อยเราก็ได้รู้เพิ่มมาว่า อาการเจ็บป่วยของเรามีสาเหตุมาจากกรรมของเราในอดีต เราเป็นคนที่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อเรื่องผลแห่งการกระทำ เมื่อเรารู้ว่าอาการเจ็บป่วยของเรามาจากโรคเวรโรคกรรมสิ่งนึงที่เราสามารถทำได้ควบคู่กับการกินยารักษาตามอาการแล้ว
คือการอธิษฐานจิต ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของเราที่ทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยเช่นนั้นบ่อยๆ เพื่อที่เราจะได้ชดใช้กรรมให้เขาได้เร็วขึ้น เพื่อให้เขาอโหสิกรรมให้เราไวๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยของเราตรงนั้นนานๆ
เพราะในตอนที่เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยตรงนั้น เราไม่รู้ว่าในอดีตเราไปทำกรรมอะไรไว้ กรรมหนักขนาดไหน และเมื่อไหร่จะชดใช้ให้เขาหมด เราก็ทำเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนึงที่เราคิดว่า เขาคงจะอโหสิกรรมให้เราแล้ว หรือเราคงจะชดใช้กรรมให้เขาจนพอใจแล้ว
เราก็ได้รู้ ได้เห็น นิมิต ที่เป็นการกระทำของตัวเองที่ส่งผลให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยอาการนั้นๆ ซึ่ง นิมิต ที่เราเห็นเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยจากเวรกรรมนี้จะคล้ายๆกับการเห็นกรรมของตัวเอง ของคนป่วยหรือคนที่กำลังใกล้ตาย
ที่จิตสุดท้ายจะแสดงภาพให้เห็นถึงกรรมหนักๆหรือกรรมที่พวกเขาเหล่านั้นทำเป็นปกติ เป็นกิจวัตรประจำวัน อย่างเช่น คนที่มีอาชีพต้องฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องฆ่าปลา ต้องตีหัวปลาเยอะๆ พอเวลาใกล้ตายก็จะมีอาการปวดหัว หัวสั่น สัปหงก เหมือนกับพวกปลาที่พวกเขาฆ่า (เราเอาข้อมูลมาจากในหนังสือธรรมะ)
เราจะยกตัวอย่างอาการเจ็บป่วยของเราหนักๆที่มีอาการเรื้อรังเป็นมาตลอด เป็นมานาน และรักษาไม่หายขาดสักที อาการแรกคือ ปวดหัวไมเกรน อาการที่สองคือ อาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบภายในของผู้หญิง ซึ่งอาการเจ็บป่วยอย่างหลังนี้ มาทีหลัง อาการค่อนข้างหนัก แต่หายไปก่อน
และก่อนที่อาการจะหายเราก็ได้รู้ ได้เห็น กรรม การกระทำของตัวเองที่เป็นสาเหตุของการการเจ็บป่วยข้างต้น ซึ่งตอนที่เรากำลังจะหายเราต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยนั้นเรียกได้ว่า เกือบตายได้เลยทีเดียว เพราะครั้งล่าสุดที่อาการป่วยเรากลับมากำเริบ เราไปหาหมอ กินยา รักษาก็ไม่ทุเลาขึ้นเลย
ต้องนอนซมทนทุกข์เหมือนคนที่กำลังจะตาย เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะตายไปเสียสักทีเพราะมันเจ็บปวดมันทุกข์มาก ซึ่งช่วงที่เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาการจิตหลุดเรากลับมา และเราได้ตั้งกระทู้เรื่อง มิติคู่ขนาน ของเรา
ตอนที่เรานอนป่วย นอนซมอยู่ อาการจิตหลุดของเราที่กลับมาก็เกิดบ่อยขึ้น จนกระทั่งวันนึงเรามีความคิดที่จะหนีอาการเจ็บป่วยนี้ของเรา เราก็คิดว่าถ้าเราได้ออกไปอีก เราจะไม่กลับมาเข้ามา เราจะไปแล้วไปลับ แบบตายไปเลยอะไรประมาณนี้
แต่หลังจากที่เรามีความคิดเช่นนั้น เราก็ไม่ได้ออกไปเลย เวลาที่เรารู้สึกว่าเหมือนจิตเรากำลังจะออกไปได้ มันจะมีแรงกระชาก มีแรงดึงจากร่างกายเราตลอด หรือบางทีก็มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้เราตกใจ จนไม่สามารถออกไปได้อีก
ตอนนั้นเราได้แต่คิดว่า เราคงทำกรรมไว้หนักจริงๆ คิดจะหนีก็หนีไม่ได้ ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ชดใช้กรรมกันต่อไป จนกระทั่งถึงวันที่เราได้รู้ที่มาที่ไปของอาการป่วยของตัวเอง วันที่เราคิดว่าคงจะหมดกรรมจากการชดใช้กรรมตรงนั้นแล้ว
ตอนนั้นเราเหมือนคนใกล้ตายจริงๆ แล้วเราก็เห็นภาพ การกระทำของตัวเอง ลอยมาในหัวเป็นฉากๆ ที่เป็นผลมาทำให้เราต้องทนรับกรรมในสภาพเช่นนี้ นั่นคือกรรมที่เราเคยผิดศีล ข้อกามาในอดีต
การกระทำผิดศีลข้อที่ 3 นี้ของเราที่ทำให้พ่อของลูกเรา ที่เราเห็นเขาจากใน นิมิต ว่าเขาเคยเป็นภรรยาเราในอดีต เขาต้องทนทุกข์ทรมานใจกับการกระทำนั้นของเรา จนต้องตรอมใจตายไปต่อหน้าต่อตาเรา และวันนั้นเราก็ได้แต่คิดว่า มันคงถึงเวลาของเราแล้วที่จะต้องตายไปเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เรากลับไม่ตาย
เห็นนิมิต เห็นอดีต เห็นอนาคต เห็นกฎแห่งกรรม ภาค 16
เราจะพูดถึงอาการเจ็บไข้ได้ป่วยแบบธรรมดากันก่อน อาการเจ็บป่วยแบบธรรมดานี้ ก็จะเป็นโรคปกติทั่วไปที่คนทั่วไปปกติก็เป็นกันได้ทุกคน อาการไม่ได้หนักหรือรุนแรงมาก เปลี่ยนแปลงตามพฤติกรรม ตามสภาพภูมิอากาศ หรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป ไปหาหมอ กินยา รักษาหาย เช่นหวัด เป็นต้น
ส่วนอาการเจ็บป่วยแบบไม่ธรรมดาในความเข้าใจของเราคือ อาการแบบอยู่ๆก็เป็นเอง หาสาเหตุจริงๆไม่ได้ รักษาไม่หายขาด หรือไปหาหมอ กินยาก็ไม่หาย เปลี่ยนหมอ เปลี่ยนยาก็แล้ว แต่ไม่ดีขึ้น เป็นแล้วกลับมาเป็นอีก เป็นซ้ำซาก มีอาการเรื้อรัง จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันค่อนข้างมาก
และเป็นโรคเป็นอาการที่เป็นเฉพาะบุคคล คือ ไม่ได้เป็นโรคที่คนปกติทั่วไปก็มีโอกาสเป็นได้นั่นเองค่ะ หรืออาการเจ็บป่วยแบบไม่ธรรมดานี้เรียกภาษาชาวบ้านอีกอย่างนึงก็คือ โรคเวรโรคกรรม นั่นเองค่ะ
ทีนี้เราจะบอกวิธีเช็คอาการเจ็บป่วยของตัวเอง ว่ามันจะอยู่ในกลุ่มปกติหรือเป็นโรคเวรโรคกรรม
อย่างแรก ที่เราจะทำคือเราจะหาหมอ กินยา รักษาตามอาการก่อนค่ะ ซึ่งบางทีอาการเจ็บป่วยทั้งสองแบบ มันก็จะทุเลาหรือหายไปเลย เมื่อได้รับการรักษาตามอาการค่ะ แต่อย่างที่เราบอกไปข้างต้น
โรคเวรโรคกรรมนี้ถึงจะกินยารักษาตามอาการแล้วหาย มันก็จะกลับมาเป็นอีก เป็นบ่อยมาก เป็นซ้ำเป็นซากจนผิดสังเกตและจะรักษาไม่หายขาด อาการเจ็บป่วยจากโรคเวรโรคกรรมนี้ก็ค่อนข้างจะสงผลกระทบต่อชีวิตประจำวันวันค่อนข้างมาก
อย่างที่สอง เมื่อเราเห็นแล้วว่าอาการป่วยของเราเข้าเค้าอยู่ในกลุ่ม โรคเวรโรคกรรม เราก็ทำการเช็คด้วยตัวเองเพื่อให้แน่ใจ วิธีที่เราใช้เช็คโรคนี้เราได้มาจากหนังสือธรรมะ หนังสือสวดมนต์ของหลวงพ่อจรัญนี้แหละค่ะ ถ้าท่านไหนที่เคยอ่านหนังสือธรรมะของหลวงพ่อ ก็คงจะรู้คร่าวๆแล้วว่าเราจะเช็คยังไง
วิธีเช็คของเราก็คือ ให้ตั้งใจ ตั้งจิต อธิษฐานขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เรามีอาการปวดหรืออาการป่วยอยู่ ณ ขณะนั้นแล้วขอให้ท่านเจ้ากรรมนายเวรอโหสิกรรมให้เรา เมื่อท่านอโหสิกรรมให้เราแล้วก็ขอให้เราหายปวด หายป่วยค่ะ
และเราก็จะเช็คตัวเองด้วยวิธีนั้นมาตลอด ถ้าเราคิดว่าอาการเจ็บป่วยของตัวเองมาจาก โรคเวรโรคกรรม ซึ่งก็ได้ผลค่ะ คือถ้าอาการเจ็บป่วยของเราเป็น อาการเจ็บป่วยปกติธรรมดา เราก็จะไม่หาย ไม่ทุเลาลงทันทีทันใด
แต่ถ้าอาการเจ็บป่วยเกิดจากโรคเวรโรคกรรม มันก็จะหายวับไปเลย หรือ เบาขึ้นเลยทันใด แรกๆทำเอาเรางงไปเลย ว่ามันเป็นไปได้ยังไง ที่แค่อธิษฐานบอกกล่าว ขออโหสิกรรมเจ้ากรรมนายเวรที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยแค่นั้น มันจะทำให้อาการดีขึ้นทันตา
แต่อย่าเพิ่งดีใจนะคะ เพราะที่เราบอกว่า อาการเจ็บป่วยหายวับไปเลย หรือดีขึ้นทันใจนั้น มันหายไปแค่ชั่วครู่เท่านั้น แล้วมันก็กลับมาเจ็บป่วย มีอาการเหมือนเก่าอีก มันไม่ได้หายไปเลยแบบถาวร เราก็ยังต้องทนทุกข์อยู่กับอาการเจ็บป่วยดังกล่าวต่อไป และทำได้แค่หาหมอ กินยา รักษาตามอาการเหมือนโรคปกติเท่านั้น
แต่การที่เราได้เช็คตัวเองเช่นนั้น อย่างน้อยเราก็ได้รู้เพิ่มมาว่า อาการเจ็บป่วยของเรามีสาเหตุมาจากกรรมของเราในอดีต เราเป็นคนที่เชื่อเรื่องกรรม เชื่อเรื่องผลแห่งการกระทำ เมื่อเรารู้ว่าอาการเจ็บป่วยของเรามาจากโรคเวรโรคกรรมสิ่งนึงที่เราสามารถทำได้ควบคู่กับการกินยารักษาตามอาการแล้ว
คือการอธิษฐานจิต ขออโหสิกรรมต่อเจ้ากรรมนายเวรของเราที่ทำให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยเช่นนั้นบ่อยๆ เพื่อที่เราจะได้ชดใช้กรรมให้เขาได้เร็วขึ้น เพื่อให้เขาอโหสิกรรมให้เราไวๆ เพื่อที่เราจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยของเราตรงนั้นนานๆ
เพราะในตอนที่เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยตรงนั้น เราไม่รู้ว่าในอดีตเราไปทำกรรมอะไรไว้ กรรมหนักขนาดไหน และเมื่อไหร่จะชดใช้ให้เขาหมด เราก็ทำเช่นนั้นมาตลอดจนกระทั่งวันนึงที่เราคิดว่า เขาคงจะอโหสิกรรมให้เราแล้ว หรือเราคงจะชดใช้กรรมให้เขาจนพอใจแล้ว
เราก็ได้รู้ ได้เห็น นิมิต ที่เป็นการกระทำของตัวเองที่ส่งผลให้เราเกิดอาการเจ็บป่วยด้วยอาการนั้นๆ ซึ่ง นิมิต ที่เราเห็นเกี่ยวกับอาการเจ็บป่วยจากเวรกรรมนี้จะคล้ายๆกับการเห็นกรรมของตัวเอง ของคนป่วยหรือคนที่กำลังใกล้ตาย
ที่จิตสุดท้ายจะแสดงภาพให้เห็นถึงกรรมหนักๆหรือกรรมที่พวกเขาเหล่านั้นทำเป็นปกติ เป็นกิจวัตรประจำวัน อย่างเช่น คนที่มีอาชีพต้องฆ่าสัตว์เพื่อเลี้ยงชีพ พ่อค้าแม่ค้าที่ต้องฆ่าปลา ต้องตีหัวปลาเยอะๆ พอเวลาใกล้ตายก็จะมีอาการปวดหัว หัวสั่น สัปหงก เหมือนกับพวกปลาที่พวกเขาฆ่า (เราเอาข้อมูลมาจากในหนังสือธรรมะ)
เราจะยกตัวอย่างอาการเจ็บป่วยของเราหนักๆที่มีอาการเรื้อรังเป็นมาตลอด เป็นมานาน และรักษาไม่หายขาดสักที อาการแรกคือ ปวดหัวไมเกรน อาการที่สองคือ อาการเจ็บป่วยเกี่ยวกับระบบภายในของผู้หญิง ซึ่งอาการเจ็บป่วยอย่างหลังนี้ มาทีหลัง อาการค่อนข้างหนัก แต่หายไปก่อน
และก่อนที่อาการจะหายเราก็ได้รู้ ได้เห็น กรรม การกระทำของตัวเองที่เป็นสาเหตุของการการเจ็บป่วยข้างต้น ซึ่งตอนที่เรากำลังจะหายเราต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการเจ็บป่วยนั้นเรียกได้ว่า เกือบตายได้เลยทีเดียว เพราะครั้งล่าสุดที่อาการป่วยเรากลับมากำเริบ เราไปหาหมอ กินยา รักษาก็ไม่ทุเลาขึ้นเลย
ต้องนอนซมทนทุกข์เหมือนคนที่กำลังจะตาย เฝ้ารอว่าเมื่อไหร่จะตายไปเสียสักทีเพราะมันเจ็บปวดมันทุกข์มาก ซึ่งช่วงที่เราต้องทนทุกข์ทรมานอยู่กับอาการเจ็บป่วยนั้นเป็นจังหวะเดียวกันกับที่อาการจิตหลุดเรากลับมา และเราได้ตั้งกระทู้เรื่อง มิติคู่ขนาน ของเรา
ตอนที่เรานอนป่วย นอนซมอยู่ อาการจิตหลุดของเราที่กลับมาก็เกิดบ่อยขึ้น จนกระทั่งวันนึงเรามีความคิดที่จะหนีอาการเจ็บป่วยนี้ของเรา เราก็คิดว่าถ้าเราได้ออกไปอีก เราจะไม่กลับมาเข้ามา เราจะไปแล้วไปลับ แบบตายไปเลยอะไรประมาณนี้
แต่หลังจากที่เรามีความคิดเช่นนั้น เราก็ไม่ได้ออกไปเลย เวลาที่เรารู้สึกว่าเหมือนจิตเรากำลังจะออกไปได้ มันจะมีแรงกระชาก มีแรงดึงจากร่างกายเราตลอด หรือบางทีก็มีเหตุการณ์อะไรมาทำให้เราตกใจ จนไม่สามารถออกไปได้อีก
ตอนนั้นเราได้แต่คิดว่า เราคงทำกรรมไว้หนักจริงๆ คิดจะหนีก็หนีไม่ได้ ยังคงต้องมีชีวิตอยู่ชดใช้กรรมกันต่อไป จนกระทั่งถึงวันที่เราได้รู้ที่มาที่ไปของอาการป่วยของตัวเอง วันที่เราคิดว่าคงจะหมดกรรมจากการชดใช้กรรมตรงนั้นแล้ว
ตอนนั้นเราเหมือนคนใกล้ตายจริงๆ แล้วเราก็เห็นภาพ การกระทำของตัวเอง ลอยมาในหัวเป็นฉากๆ ที่เป็นผลมาทำให้เราต้องทนรับกรรมในสภาพเช่นนี้ นั่นคือกรรมที่เราเคยผิดศีล ข้อกามาในอดีต
การกระทำผิดศีลข้อที่ 3 นี้ของเราที่ทำให้พ่อของลูกเรา ที่เราเห็นเขาจากใน นิมิต ว่าเขาเคยเป็นภรรยาเราในอดีต เขาต้องทนทุกข์ทรมานใจกับการกระทำนั้นของเรา จนต้องตรอมใจตายไปต่อหน้าต่อตาเรา และวันนั้นเราก็ได้แต่คิดว่า มันคงถึงเวลาของเราแล้วที่จะต้องตายไปเช่นนั้นเหมือนกัน แต่เรากลับไม่ตาย