สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างเกมส์สเปนพบโมร็อกโก

พลิกล็อคไปแบบเหลือเชื่อสุดๆ สำหรับทัพกระทิงดุ หลังจากเสมอในเวลา 120 นาที และแพ้จุดโทษต่อโมร็อกโกไป 3 - 0 ซิ่งที่น่าเหลือเชื่อไปกว่านั้นอีกคือ ผู้เล่นสเปน ไม่สามารถยิงจุดโทษผ่านมือ ยาสซีน โบโน ได้เลยแม้แต่คนเดียว โดยผลจากการดวลจุดโทษชนะสเปนในครั้งนี้ ทำให้พวกเขา ต้องเข้าไปพบกับทีมชาติโปรตุเกส ที่พึ่งถล่มสวิตเซอร์แลนด์ขาดลอยมา 6 - 1 ในรอบ 8 ทีมต่อไป ซึ่งหลังจากนี้ จะเป็นรายละเอียดของเกมส์ ตามมุมมองของผมครับ

1.การจัดตัวผู้เล่น
- สเปนเปลี่ยนผู้เล่น 5 ตำแหน่ง โดยหลุยส์ เอ็นริเก้ ได้เลือกผู้เล่นที่ตนเองไว้ใจที่สุด กลับมาลงสนามอีกครั้ง พร้อมยังคงระบบการเล่นเดิม คือ 4 - 3 - 3 ซึ่งผู้เล่นที่เปลี่ยนกลับมาใช้งานในเกมส์นี้ได้แก่ จอร์ดี้ อัลบา แทน อเลฆานโดร บัลเด้ , อายเมอริค ลาปอร์กต์ แทน เปา ตอร์เรส , มาร์กอส ยอเรนเต้ แทน เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า , มาร์โก อเซนซิโอ้ แทน อัลบาโร โมราต้า และ เฟร์ราน ตอเรส แทน นิโก้ วิลเลียมส์
- โมร็อกโกเปลี่ยนผู้เล่น 1 ตำแหน่ง โดยเปลี่ยน เซลิม อามัลลาห์ ลงมาแทน อับเดลฮามิด ซาบิรี ซึ่งผู้เล่นส่วนใหญ่ ยังคงเป็นผู้เล่นชุดเดิมๆ จากเกมส์ที่ชนะแคนาดา 2 - 1 และยังคงระบบเดิม คือ 4 - 3 - 3 เช่นกัน

2.ระบบการเล่น
เกมส์นี้สเปนยังคงเลือกใช้วิธีการเดิม ที่พวกเขาใช้มาตั้งแต่รอบแบ่งกลุ่ม คือ การใช้ เซร์คิโอ บุสเก็ต เป็นศุนย์กลาง ในการครอบครองบอลจากแดนกลาง จากนั้น กาบี้ และ เปดรี้ จะพยายามสอดตัวเอง เข้าไปยังพื้นที่ระหว่างแดนกลาง และ แนวรับ โดยเมื่อเพื่อนร่วมทีม สามารถหาช่องจ่ายเข้าไปยังกาบี้ และ เปดรี้ ได้แล้ว จะรีบแทงเข้าช่องระหว่างเซ็นเตอร์ หรือ ฟูลแบ็ค ส่วนจะแทงให้ใครนั้น อยู่ที่ว่าในจังหวะนั้นๆ ใครที่ได้เปรียบในการเข้าทำมากที่สุด

แต่ทางฝั่งโมร็อกโกเอง ก็รู้ทันแผนการของสเปน โดยวาลิด เรกรากี น่าจะศึกษาวิธีการเล่นของสเปนมาเป็นอย่างดี ซึ่งโมร็อกโกในเวลาขึ้นเกมส์บุก จะใช้ระบบการเล่น 4 - 3 - 3 แต่ในเวลาที่ตั้งรับ จะปรับระบบการเล่นเป็น 4 - 5 - 1 พร้อมบีบพื้นที่ระหว่างแดนกลางและแนวรับของตนเอง เพื่อลดช่องว่างที่สเปนจะใช้ในการโจมตีให้น้อยที่สุด อีกทั้งยังปัก โซเฟียน อัมราบัต ไว้ในพื้นที่ดังกล่าว เผื่อกรณีที่บอลหลุดเข้ามาถึงเปดรี้ และ กาบี้ จะได้เข้าถึงตัวมิดฟิลด์ทั้ง 2 คน ได้ทันที ซึ่งเกมส์นี้ทางอัมราบัต ถือว่าทำหน้าที่ได้ดีมากๆ ทั้งการเล่นเกมส์รับ การเชื่อมเกมส์ และการเลือกทิ้งที่ว่างให้แนวรุก สำหรับผม เจ้าตัวถือเป็นหัวใจในแดนกลางของเกมส์นี้เลย

โดยโมร็อกโกจะโจมตีสเปน โดยการตัดบอลในแดนกลาง จากนั้นจะวางบอลไปที่ยูสเซฟ เอ็น - เนซีรี พักบอล และทิ้งที่ว่างไปยังริมเส้นทั้งสองข้างอย่าง โซฟิยาน บูฟาล และ ฮาคิม ซีเยค ซึ่งทางโมร็อกโก สามารถโจมตีทางฝั่งขวาของสเปนได้หลายครั้ง เนื่องจากมาร์กอส ยอเร็นเต้ ถือว่าทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานมากๆ โดยแทบไม่สามารถเอาชนะการดวลกับโซฟิยาน บูฟาลได้เลย ทั้งๆที่บูฟาล ไม่ได้ใช้เทคนิคการหลอกที่ซับซ้อนมากนัก อีกทั้งยังชอบดันสูงจนหลุดตำแหน่ง ทำให้เปดรี้ต้องลงมาช่วยซ้อนในหลายๆจังหวะ

เข้าครึ่งหลัง สเปนเปลี่ยนวิธีการเจาะเกมส์รับ โมร็อกโก ด้วยการพยายามดึงนักเตะโมร็อกโกเข้ามาไว้ตรงกลางสนาม จากนั้นเมื่อริมเส้นเกิดพื้นที่ว่าง จะให้กาบี้ หรือเปดรี้ ดีดบอลออกไปริมเส้นให้ฟูลแบ็ค หรือปีกทำเกมส์ต่อไป โดยเมื่อปีกหรือฟูลแบ็คได้บอล จะทำการเลี้ยงแหวกเข้าไปยังเขตโทษ หรือเปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ หรือจะ พาส แอน มูฟ กับผู้เล่นริมเส้นอีกคนหนึ่งก็ได้ ตามแต่จังหวะของเกมส์

แต่ถึงจะใช้วิธีดังกล่าว สเปนก็ยังไม่สามารถเจาะเกมส์รับของโมร็อกโกได้ เพราะทั้งมาสราอุย และ ฮาคิมี ต่างทำหน้าที่ได้แข็งแกร่งมากๆ ทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก

เมื่อแหวกริมเส้นหรือ พาส แอน มูฟ เข้าเขตโทษไม่ได้ สเปนจึงเลือกเปลี่ยนกองหน้าอย่าง โมราต้า ลงมา เพื่อหาพื้นที่จากการวางบอลเข้าเขตโทษ หรือ การฉวยโอกาสแทงช่องของสเปน ที่ครึ่งหลังถือว่าทำได้หลายจังหวะ เนื่องจากโมร็อกโก เริ่มเปิดเกมส์รุกเข้าใส่มากขึ้นในครึ่งหลัง แต่ก็ยังไม่ได้ผล โดยวิธีการสุดท้ายที่สเปนใช้คือ การส่งนิโก้ วิลเลี่ยมส์ ที่มีความเร็วลงมา จากนั้นจะวางบอลยาว แล้วให้นิโก้ วิลเลียมส์ หาช่องในการวิ่งตัดไลน์กองหลัง โดยวิธีนี้ถือว่าได้ผลอยู่พอสมควร แต่เมื่อเข้าระยะอันตรายแล้วก็ยังเจอ นาเยฟ อาเกิร์ด และ โรแม็ง ซาอิสอยู่ดี เรียกว่าสเปนทำทุกวิธีที่พวกเขาสามารถจะทำได้แล้ว แต่ก็ยังไม่สามารถน็อคโมร็อกโกลงได้

จนเมื่อครบ 120 นาที แล้วยังทำอะไรกันไม่ได้ก็ถึงเวลาต้องดวลจุดโทษ ซึ่งการเลือกนักเตะในการดวลของวาลิด เรกรากี สำหรับผมถือว่าเลือกผู้เล่นที่มาทำหน้าที่ได้ดีทีเดียว เนื่องจาก 3 จาก 4 คน ที่ลงทำหน้าที่ ต่างเล่นอยู่ในยุโรป และมีชื่อเสียง พร้อมเคยลุยเวทีใหญ่ๆในยุโรปมาแล้ว สามารถรับมือกับความกดดันได้ มีเพียง บาร์เดอ เบนอนเท่านั้น ที่อาจจะดูจะค้านสายตาสักนิดหนึ่ง เพราะไม่มีประสบการณ์ในการรับมือกับความกดดันเลย

ส่วนฝั่งสเปน ถือว่าการเลือกนักเตะลงทำหน้าที่ของเอ็นริเก้ น่าผิดหวังมากๆ ส่วนตัวผมแล้วจะไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไหร่ กับการเปลี่ยนนักเตะลงมาเพื่อดวลจุดโทษในทาทีท้ายๆ เนื่องจากยังปรับสภาพกับการเล่นไม่ทัน และยังมีเรื่องของจิตใจที่ยังปรับสภาพกับความกดดันในเกมส์ไม่ทันอีกด้วย ซึ่งนี่ก็เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่มีการเปลี่ยนนักเตะลงมาเพื่อดวลจุดโทษแล้วไม่ได้ผล อีกทั้งเมื่อคนแรกพลาดยังส่งความกดดันที่มากกว่าเดิมไปยังคนที่สอง เพราะสถานการณ์บีบ ให้ต้องยิงเข้าประตูให้ได้ แต่คนรับหน้าที่คนที่สองดันเป็น การ์ลอส โซเลร์ ทั้งที่ในทีมมีนักเตะทั่มีประสบการณ์ในเกมส์ระดับสูงมากกว่า อย่าง โมราต้า บุสเก็ตส์ และ โรดรี้ อยู่ในทีม แถมผู้รักษาประตูฝั่งโมร็อกโกอย่าง โบโน ยังอ่านทางนักเตะสเปนได้ในทุกๆจังหวะอีก ซึ่งสุดท้ายด้วยความผิดพลาดในการเลือกผู้สังหารจุดโทษและความสุดยอดของผู้รักษาประตู ก็ทำให้สเปนแพ้การดวลไปแบบราบคาบในที่สุด

3.นักเตะที่ทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน
- หลุยส์ เอ็นริเก้ ถือว่าตัดสินใจผิดพลาดสุดๆ ในการเลือกนักเตะทำหน้าที่สังหารจุดโทษ เนื่องด้วยการจิ้มนักเตะ ที่ไม่มีประสบการณ์ ในการรับมือกับความกดดันเท่าไหร่นัก ลงมาทำหน้าที่สำคัญ โดยเฉพาะสองคนแรก ที่เป็น ปาโบล ซาราเบีย กับ คาลอส โซเลร์ ทั้งที่ในทีมยังมีผู้ที่มีประสบการณ์ในการรับมือกับความกดดันทั้ง โมราต้า บุสเกตส์ โรดรี้ และต่อจากนี้ตัวเขา น่าจะต้องโดนถาโถมจากทุกทิศทุกทางแน่ๆ จากการเลือกผู้ทำหน้าที่ในการดวลจุดโทษ
- มาร์กอส ยอเรนเต้ ไม่สามารถรับมือกับผู้เล่นริมเส้นฝั่งตรงข้ามได้เลย โดยตลอดเวลาที่เจ้าตัวอยู่ในสนาม มักจะโดนผู้เล่นริมเส้น อย่างบูฟาล เผาด้วยทักษะที่สำหรับผมเบสิคมากๆ ผ่านไปได้เสมอๆ แถมชอบดันสูงก็จริง แต่ก็ยังหาพื้นที่เข้าไปสนับสนุนเกมส์รุกไม่ได้ เลยเป็นการไม่มีประโยชน์ทั้งเกมส์รับและเกมส์รุก

- เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ โดยตลอดเวลาที่เจ้าตัวได้ลงสนาม ในทัวร์นาเมนต์นี้ สำหรับผม นอกจากเกมส์ชนะคอสตาริก้า 7 - 0 แล้ว ยังไม่เคยทำผลงานได้น่าพอใจเลย และยังเป็นปัญหาเดิมๆ คือ การเคลื่อนที่รับบอล ที่ไม่ได้ช่วยเพิ่มตัวเลือกให้เพื่อนร่วมทีมได้เท่าไหร่นัก ในขณะที่โดนบีบ หรือการเลือกออกบอล ให้กับผู้เล่นที่ไม่ค่อยได้เปรียบเท่าไหร่ แถมยังคิดช้าทำช้ากว่าเพื่อนไปหนึ่งจังหวะเสมอๆ ปัญหาอาจเป็นเรื่องของสภาพร่างกายที่โรยราลงทุกวัน และน่าจะเป็นอีกคน ที่อาจจะเตรียมโบกมือลาการเล่นฟุตบอลระดับสูงในเร็วๆนี้

- ยูสเซฟ เอ็น-เนสซีรี เกมส์นี้เจ้าตัว ถูกวางให้เป็นตัวพักบอล ในขณะที่ทีมทำเกมส์โต้กลับ แต่เจ้าตัวกลับทำหน้าที่เหล่านั้นไม่ได้เลย แถมยังจมไปกับกองหลัง อย่างโรดรี้ และ ลาปอร์กต์ หลายครั้งๆเพื่อนร่วมทีม ต้องเสียจังหวะในการโต้กลับอยู่บ่อยๆ เพราะเจ้าตัวเก็บบอลในแดนหน้าไม่ได้ ซึ่งสุดท้ายก็โดนเปลี่ยนตัวออกไปในที่สุด

- วาลิด เชดดิรา หลัจากเปลี่ยนตัวลงสนามมา เจ้าตัวได้โอกาสทองแบบจังๆ 3 ครั้ง แต่เมื่อถึงหน้าปากประตู ชอบตัดสินใจช้าเสมอๆ ซึ่งสำหรับผมในจังหวะที่หลุดเข้าไปครั้งที่3 ผมไม่ลุ้นแล้วว่าจังหวะนี้จะเป็นประตูไหม เพราะมั่นใจว่าสุดท้าย ต้องไปทำหมูหกหน้าปากประตูแน่ๆ ซึ่ง 3 จังหวะนี้ ถ้าเปลี่ยนเป็นประตูได้ซักหนึ่งครั้ง อาจมีโอกาสฝังสเปนในเกมส์ได้เลย

**ถือว่าตกรอบไปแบบน่าผิดหวังสุดๆ สำหรับสเปน เนื่องจากพวกเขาถือว่าเจอคู่แข่งที่ไม่หนักหนาสาหัสแล้ว ถ้าเทียบจากชื่อชั้น แต่ทั้งที่พวกเขาได้โอกาสที่ดีมา แต่กลับไม่ใช้ให้เป็นประโยชน์ โดยจากการตกรอบครั้งนี้ ก็ได้แต่หวังว่านักเตะดาวรุ่งภายในทีม จะเติบโตขึ้น และเล่นได้แข็งแกร่งขึ้นในฟุตบอลโลกครั้งหน้า

**ฝั่งโมร็อกโกถือว่าทำได้อย่างยอดเยี่ยมสุดๆ นักเตะทุกคนตั้งใจ และจากภาษากายก็ดูมีความเชื่อว่า ทีมตนเองจะสามารถเอาชนะสเปนได้ และด้วยการเอาชนะสเปนได้ในครั้งนี้ พวกเขาจะต้องเข้าไปพบกับโปรตุเกสในรอบ 8 ทีม และนี่ถือเป็นการวัดสมาธิของพวกเขา เนื่องจากโปรตุเกสมักจะเล่นกับความอดทนของคู่แข่ง โดยคู่แข่งที่โดนโปรตุเกสเล่นงาน ส่วนมากจะเกิดจากการหมดความอดทนกับการเล่นของโปรตุเกส และเริ่มเปิดเกมส์รุกเข้าใส่ ถ้าพวกเขาอยากผ่านโปรตุเกสไปยังรอบรองชนะเลิศ พวกเขาต้องเล่นแบบมีสมาธิและอดทนให้มากที่สุด ดังเช่นเกมส์นี้ที่เอาชนะสเปนได้

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่