ขออนุญาตเล่าให้คุณผู้อ่านได้รับทราบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้กลับมาเขียนงานส่งช่องยูทูปอื่นอีกครั้งแล้วค่ะ เลยยังไม่มีเวลาทำคลิปของตัวเอง แล้วยังแบ่งเวลามาเขียนภูตพระนางอีก เลยเอามาให้อ่านกันก่อน ยังไม่จบตอนดีนะคะ ส่วนภูตพระนาง ด้วยความที่อยากให้ท่านที่เคยติดตามอ่านได้อ่านกันด้วย ลิคิดวิธีวางงานออก ก็เลยเอามาฝากไว้ในทู้ผจญภัย เมื่อเขียนจบก็ลบออก แบบนี้น่าจะดี อยากได้คำแนะนำจากคุณผู้อ่านเอาไปปรับปรุง งานจะได้ดียิ่งขึ้นค่ะ
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 7
ล. วิลิศมาหรา
ตอนที่พรานถมแวะเข้าไปหาลุงหมื่นแก้วพ่อของพรานเยี่ยมที่บ้าน ระหว่างเดินทางกลับ เขาเห็นผู้เฒ่ากำลังนั่งทำหน้าเศร้าอยู่หน้าบ้านของตัวเอง แกถอนหายใจแรง เมื่อพรานถมถามไถ่ถึงอาการของลูกชายแก หลังทักทายกันเสร็จ
“พอออกจากป่ามา เจ้าเยี่ยมมันก็เริ่มมีท่าทางแปลก ๆ ไม่ค่อยยอมออกจากห้อง ไม่สุงสิงกับใคร บางครั้งก็เหม่อลอย พอข้าทัก มันก็หาว่าข้าจู้จี้ทำให้มันรำคาญ แล้วก็พาลออกไปปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ที่ไร่ นาน ๆ ถึงจะมาหาข้าสักครั้ง หน้าตาเนื้อตัวมันก็อย่างที่เอ็งเห็นนั่นแหละ ผอมลง ๆ หน้าดำคล้ำเหมือนถูกทำเสน่ห์ใส่”
“ความจริงข้าพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เยี่ยม ข้ากำลังคิดหาวิธีจะพามันไปรักษากับหมอคาถาบุญสม พ่อหนานไม่ต้องคิดมาก รับรองว่าไอ้เยี่ยมจะต้องกลับมาเป็นคนเดิม แต่พ่อหนานต้องร่วมมือกับข้าด้วยนะ”
“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้เยี่ยมในป่า เอ็งเล่าให้ข้าฟังที แล้วต้องร่วมมือกับเอ็งยังไงเหรอวะ ลูกข้าถึงจะกลับมาเป็นปกติ”
ลุงหมื่นแก้วมีสีหน้าดีขึ้นทันควัน แกซักถามเพื่อนลูกเร็วปรื๋อ นึกอยู่แล้ว ต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นกับลูกชายกลางป่าเป็นแน่
“พ่อหนานได้ลูกสะใภ้แล้วน่ะสิ แต่เธอดันเป็นนางตานี ไม่ใช่มนุษย์”
“หา! ลูกข้าถูกมนตร์เสน่ห์นางตานีเข้าให้งั้นเหรอ มิน่าล่ะ หน้าตามันถึงได้ดูหมองคล้ำลงแบบนั้น”
ลุงหมื่นแก้วอุทาน จากดูอาการของลูก ทีแรกนึกว่าถูกคุณไสย ที่ไหนได้ ลูกแกไปได้นางไม้มาเป็นเมียนี่เอง
“นางตานีตนนี้ก็เป็นไอ้เยี่ยมนั่นแหละที่พามาด้วย ชื่อนางสา ไอ้เยี่ยมมันปลุกเสกกล้วยตานีมาทำเป็นเครื่องราง นำติดตัวมันออกมา ทำให้นางตานีสามีอิทธิฤทธิ์มากกว่านางไม้ธรรมดา ถึงขั้นอยู่กินเป็นผัวเมียกับไอ้เยี่ยมได้ ข้าเห็นกับตาเมื่อกี้นี้เอง สามันเสกใบไม้ใบหญ้าเป็นอาหารให้ไอ้เยี่ยมกินทุกวัน มันถึงได้ผอมโซแบบนั้น”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถึงว่า...ข้าขอบใจเอ็งมากที่คิดช่วยข้ากับลูก แล้วเอ็งจะให้ข้าทำยังไง บอกมาเลย ข้าเป็นห่วงลูกข้าแทบตายอยู่แล้ว”
“เราต้องหาทางให้ไอ้เยี่ยมออกจากบ้านมาหาลุงให้ได้ เพราะอิทธิฤทธิ์ของนางไม้จะลดลงถ้าออกห่างจากที่อยู่ของมัน ลุงต้องแกล้งทำเป็นป่วย ไม่งั้นนางตานีมันจะไม่ปล่อยผัวมา แล้วเราจะไปหาพ่อเลี้ยงบุญสมที่ปางไม้ด้วยกัน จากนั้นพ่อเลี้ยงจะทำพิธีล้างอาถรรพ์นางตานี้ให้ไอ้เยี่ยม ปัญหามันอยู่ที่ว่าไอ้เยี่ยมมันจะยอมมาหรือเปล่า”
“อ้อ ข้าเข้าใจละ เอ็งจะไปบอกมันเหรอว่าข้าป่วย”
“ไม่ใช่ข้าหรอก คงต้องพึ่งสร้อยให้ไปบอก เพราะถ้าข้าเป็นคนไปบอกเอง เดี๋ยวไอ้เยี่ยมมันจะไม่ยอมเชื่อ”
“ตกลง เอางั้นก็ได้”
“ข้าจะไปหาสร้อยก่อน แล้วค่อยไปที่ปางไม้ ไปปรึกษากับหมอบุญสมแกดู คิดว่าอีกสักวันสองวันคงได้ลงมือ แล้วข้าจะมาบอกพ่อหนานอีกที”
ชายชราพยักหน้าตกลง แกถอนหายใจอย่างโล่งอกที่จะมีคนมาช่วยลูก มองตามหลังพรานถมที่เดินจากไปอย่างมีความหวัง นึกขอบใจนายพรานเพื่อนของลูก ที่เป็นคนดีมีน้ำใจต่อแกมากจริง ๆ
และเมื่อพรานถมไปหาสร้อยที่บ้าน พร้อมกับเล่าทุกอย่างรวมถึงแผนการช่วยพรานเยี่ยมให้เธอฟัง สร้อยก็รีบตกปากรับคำด้วยความยินดี เธอดีใจมากที่จะมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่ตนหลงรัก พอพรานถมกลับไปแล้ว เธอก็เดินตัวปลิวไปทางไร่ของพรานเยี่ยมทันที เวลาตอนนั้นใกล้จะพลบค่ำแล้ว สร้อยร้อนใจ รีบย่ำเท้ามาตามคันนาหวังจะไปให้ถึงบ้านกลางไร่ของพรานเยี่ยม ก่อนตะวันจะตกดิน
เธอเดินผ่านหนองน้ำแห่งหนึ่งก่อนถึงบ้านพรานเยี่ยม เท้าก้าวสวบ ๆไปข้างหน้า โดยไม่ได้สังเกตว่าที่ริมหนองน้ำนั้นมีมือขาวซีดยืดยาวข้างหนึ่ง ยื่นขึ้นมาจากน้ำคว้าเท้าเธอหมับ ก่อนกระชากอย่างแรง จนตัวเธอตกลงไปในน้ำ สร้อยหวีดร้องขึ้นสุดเสียง แต่เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเธอก็ดังได้แค่ครั้งเดียว ร่างเธอถูกมือขาวซีดข้างนั้นกดหัวให้จมน้ำลงไป...
ในกลางดึกคืนนั้นเอง นางตานีสาก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่บ้านของพรานถม ซึ่งอาศัยอยู่เพียงลำพัง ขณะนั้นพรานถมกำลังนอนหลับอยู่ นางผีสาวไม่สามารถก้าวผ่านยันต์แปดทิศเข้าไปภายในบ้านได้ ใบหน้างดงามจึงบูดบึ้ง ถลึงตาจ้องมองเข้าไปภายในบ้าน
พลันเสียงหมาแถวนั้นก็โก่งคอหอนโหยหวนขึ้น ปลุกให้พรานถมสะดุ้งตื่น เขารู้ทันทีว่าขณะนี้นางตานีสากำลังมาหาตนถึงบ้านแล้ว ลุกจากที่นอน ผวาไปดูที่หน้าต่าง เพ่งมองออกไปนอกตัวบ้าน
กลางแสงจันทร์นั้นเอง เขาเห็นเป็นสาจริง ๆ ที่มายืนอยู่หน้าบ้าน ยันตร์แปดทิศได้เปล่งแสงสีฟ้ากั้นระหว่างตัวบ้านกับนางผีสาวเอาไว้ ทำให้สาไม่กล้าเข้ามา หยุดอยู่แค่ลานหน้าบ้าน
“พี่ถม พี่มายุ่งเรื่องของข้ากับพี่เยี่ยมทำไม ถอยไปนะ เรารักกัน อย่ามาแยกเราสองคนออกจากกัน”
เสียงเยียบเย็นของสาดังก้องแหวกอากาศลอยมาเข้าหู พรานถมทำสมาธิให้ตั้งมั่น ร้องตอบกลับไป
“สานั่นแหละถอยไป หยุดทำร้ายไอ้เยี่ยมเสียที ความรักของสาจะทำให้ไอ้เยี่ยมมันตายเอานะ ตอนนี้มันแทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว”
“หุบปาก!” นางตานีตวาดแว้ด แสลงใจกับคำว่าเธอทำร้ายคนที่รักจนอาจทำให้เขาถึงแก่ความตาย กลายมาเป็นความโกรธ
“ใครว่าพี่เยี่ยมจะตาย เขาแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย เราสองคนต้องการอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ ฉันรักพี่เยี่ยม จะดูแลเขาอย่างดี คนอื่นอย่ามายุ่ง”
“ก็ข้าเห็นกับตาว่าไอ้เยี่ยมมันเป็นยังไง เอ็งรักมันแบบไหนถึงมาทำให้มันต้องตาย...ตายไปแล้วมันก็ต้องไปตามทางของมัน นึกเหรอว่าเอ็งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอีก ข้าเองก็รักสาย แต่ข้าไม่ได้เห็นแก่ตัวพาสายออกจากป่ามาด้วย เพื่อมาเจอกับปัญหาและสภาพที่ไม่เหมาะสม จนเป็นอันตรายกับสาย ยอมตัดใจให้สายได้ถือศีลภาวนา จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรมจากการเป็นเสือเย็นไปเอง”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย พี่กับสายรักกันมันก็เรื่องของพี่ ฉันกับพี่เยี่ยมรักกัน มันย่อมไม่เหมือนพี่กับสายรักกันอยู่แล้ว ขอบอกอีกครั้ง อย่ามายุ่ง ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
นางตานียกมือขึ้นชี้หน้า ใบหน้าที่เคยนวลกระจ่างกลับขาวซีดลงเหมือนใบหน้าของซากศพ ดวงตาดำมืดเต็มตาจนมองไม่เห็นตาขาว ปากแยกแสยะออกเห็นฟันซี่ดำแหลมคมเต็มปาก สาขณะนี้ไม่หลงเหลือความเป็นสาวสวยเหมือนตอนเป็นนางไม้อยู่ในป่าเลย ท่าทางขู่อาฆาตของเธอดูน่ากลัวมาก จนพรานถมหนาวสันหลังเยือก
“ใครที่กล้าเข้ามาแยกข้ากับพี่เยี่ยมออกจากกัน ข้าจะไม่ไว้ชีวิตมัน จำไว้ให้ดี”
เอ่ยคำอาฆาตเอาไว้ จากนั้นร่างเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป พร้อมกับเสียงเห่าหอนของหมาเงียบสนิทลง พรานถมเป่าลมออกจากปาก ถอนหายใจใหญ่ นึกหนักใจที่จะต้องต่อกรกับนางตานี ผู้ซึ่งเคยมีบุญคุณกับตน แต่ไม่ช่วยพรานเยี่ยมก็ไม่ได้ ไม่งั้นเพื่อนของตนต้องตายอย่างแน่นอน แล้วอาจไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย ต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่าเหมือนนางตานีสาไปอีกคน ซึ่งตนยอมไม่ได้
พรานถมกลับมาล้มตัวลงนอนใหม่ เอามือก่ายหน้าผาก เขาคิดว่าปัญหาตอนนี้มันหนักหนาสาหัสมาก แต่เขาไม่รู้เลยว่าปัญหาใหญ่กว่านี้ได้เกิดขึ้นกับสร้อยไปแล้ว
ผจญภัยป่าสาละวิน ตอนที่ 7
“พอออกจากป่ามา เจ้าเยี่ยมมันก็เริ่มมีท่าทางแปลก ๆ ไม่ค่อยยอมออกจากห้อง ไม่สุงสิงกับใคร บางครั้งก็เหม่อลอย พอข้าทัก มันก็หาว่าข้าจู้จี้ทำให้มันรำคาญ แล้วก็พาลออกไปปลูกบ้านหลังเล็ก ๆ อยู่ที่ไร่ นาน ๆ ถึงจะมาหาข้าสักครั้ง หน้าตาเนื้อตัวมันก็อย่างที่เอ็งเห็นนั่นแหละ ผอมลง ๆ หน้าดำคล้ำเหมือนถูกทำเสน่ห์ใส่”
“ความจริงข้าพอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับไอ้เยี่ยม ข้ากำลังคิดหาวิธีจะพามันไปรักษากับหมอคาถาบุญสม พ่อหนานไม่ต้องคิดมาก รับรองว่าไอ้เยี่ยมจะต้องกลับมาเป็นคนเดิม แต่พ่อหนานต้องร่วมมือกับข้าด้วยนะ”
“เกิดอะไรขึ้นกับไอ้เยี่ยมในป่า เอ็งเล่าให้ข้าฟังที แล้วต้องร่วมมือกับเอ็งยังไงเหรอวะ ลูกข้าถึงจะกลับมาเป็นปกติ”
ลุงหมื่นแก้วมีสีหน้าดีขึ้นทันควัน แกซักถามเพื่อนลูกเร็วปรื๋อ นึกอยู่แล้ว ต้องมีเหตุการณ์บางอย่างที่ไม่ค่อยดีเกิดขึ้นกับลูกชายกลางป่าเป็นแน่
“พ่อหนานได้ลูกสะใภ้แล้วน่ะสิ แต่เธอดันเป็นนางตานี ไม่ใช่มนุษย์”
“หา! ลูกข้าถูกมนตร์เสน่ห์นางตานีเข้าให้งั้นเหรอ มิน่าล่ะ หน้าตามันถึงได้ดูหมองคล้ำลงแบบนั้น”
ลุงหมื่นแก้วอุทาน จากดูอาการของลูก ทีแรกนึกว่าถูกคุณไสย ที่ไหนได้ ลูกแกไปได้นางไม้มาเป็นเมียนี่เอง
“นางตานีตนนี้ก็เป็นไอ้เยี่ยมนั่นแหละที่พามาด้วย ชื่อนางสา ไอ้เยี่ยมมันปลุกเสกกล้วยตานีมาทำเป็นเครื่องราง นำติดตัวมันออกมา ทำให้นางตานีสามีอิทธิฤทธิ์มากกว่านางไม้ธรรมดา ถึงขั้นอยู่กินเป็นผัวเมียกับไอ้เยี่ยมได้ ข้าเห็นกับตาเมื่อกี้นี้เอง สามันเสกใบไม้ใบหญ้าเป็นอาหารให้ไอ้เยี่ยมกินทุกวัน มันถึงได้ผอมโซแบบนั้น”
“เรื่องมันเป็นอย่างนี้นี่เอง ถึงว่า...ข้าขอบใจเอ็งมากที่คิดช่วยข้ากับลูก แล้วเอ็งจะให้ข้าทำยังไง บอกมาเลย ข้าเป็นห่วงลูกข้าแทบตายอยู่แล้ว”
“เราต้องหาทางให้ไอ้เยี่ยมออกจากบ้านมาหาลุงให้ได้ เพราะอิทธิฤทธิ์ของนางไม้จะลดลงถ้าออกห่างจากที่อยู่ของมัน ลุงต้องแกล้งทำเป็นป่วย ไม่งั้นนางตานีมันจะไม่ปล่อยผัวมา แล้วเราจะไปหาพ่อเลี้ยงบุญสมที่ปางไม้ด้วยกัน จากนั้นพ่อเลี้ยงจะทำพิธีล้างอาถรรพ์นางตานี้ให้ไอ้เยี่ยม ปัญหามันอยู่ที่ว่าไอ้เยี่ยมมันจะยอมมาหรือเปล่า”
“อ้อ ข้าเข้าใจละ เอ็งจะไปบอกมันเหรอว่าข้าป่วย”
“ไม่ใช่ข้าหรอก คงต้องพึ่งสร้อยให้ไปบอก เพราะถ้าข้าเป็นคนไปบอกเอง เดี๋ยวไอ้เยี่ยมมันจะไม่ยอมเชื่อ”
“ตกลง เอางั้นก็ได้”
“ข้าจะไปหาสร้อยก่อน แล้วค่อยไปที่ปางไม้ ไปปรึกษากับหมอบุญสมแกดู คิดว่าอีกสักวันสองวันคงได้ลงมือ แล้วข้าจะมาบอกพ่อหนานอีกที”
ชายชราพยักหน้าตกลง แกถอนหายใจอย่างโล่งอกที่จะมีคนมาช่วยลูก มองตามหลังพรานถมที่เดินจากไปอย่างมีความหวัง นึกขอบใจนายพรานเพื่อนของลูก ที่เป็นคนดีมีน้ำใจต่อแกมากจริง ๆ
และเมื่อพรานถมไปหาสร้อยที่บ้าน พร้อมกับเล่าทุกอย่างรวมถึงแผนการช่วยพรานเยี่ยมให้เธอฟัง สร้อยก็รีบตกปากรับคำด้วยความยินดี เธอดีใจมากที่จะมีโอกาสได้ช่วยเหลือคนที่ตนหลงรัก พอพรานถมกลับไปแล้ว เธอก็เดินตัวปลิวไปทางไร่ของพรานเยี่ยมทันที เวลาตอนนั้นใกล้จะพลบค่ำแล้ว สร้อยร้อนใจ รีบย่ำเท้ามาตามคันนาหวังจะไปให้ถึงบ้านกลางไร่ของพรานเยี่ยม ก่อนตะวันจะตกดิน
เธอเดินผ่านหนองน้ำแห่งหนึ่งก่อนถึงบ้านพรานเยี่ยม เท้าก้าวสวบ ๆไปข้างหน้า โดยไม่ได้สังเกตว่าที่ริมหนองน้ำนั้นมีมือขาวซีดยืดยาวข้างหนึ่ง ยื่นขึ้นมาจากน้ำคว้าเท้าเธอหมับ ก่อนกระชากอย่างแรง จนตัวเธอตกลงไปในน้ำ สร้อยหวีดร้องขึ้นสุดเสียง แต่เสียงกรีดร้องด้วยความตกใจของเธอก็ดังได้แค่ครั้งเดียว ร่างเธอถูกมือขาวซีดข้างนั้นกดหัวให้จมน้ำลงไป...
ในกลางดึกคืนนั้นเอง นางตานีสาก็ปรากฏตัวขึ้นมาที่บ้านของพรานถม ซึ่งอาศัยอยู่เพียงลำพัง ขณะนั้นพรานถมกำลังนอนหลับอยู่ นางผีสาวไม่สามารถก้าวผ่านยันต์แปดทิศเข้าไปภายในบ้านได้ ใบหน้างดงามจึงบูดบึ้ง ถลึงตาจ้องมองเข้าไปภายในบ้าน
พลันเสียงหมาแถวนั้นก็โก่งคอหอนโหยหวนขึ้น ปลุกให้พรานถมสะดุ้งตื่น เขารู้ทันทีว่าขณะนี้นางตานีสากำลังมาหาตนถึงบ้านแล้ว ลุกจากที่นอน ผวาไปดูที่หน้าต่าง เพ่งมองออกไปนอกตัวบ้าน
กลางแสงจันทร์นั้นเอง เขาเห็นเป็นสาจริง ๆ ที่มายืนอยู่หน้าบ้าน ยันตร์แปดทิศได้เปล่งแสงสีฟ้ากั้นระหว่างตัวบ้านกับนางผีสาวเอาไว้ ทำให้สาไม่กล้าเข้ามา หยุดอยู่แค่ลานหน้าบ้าน
“พี่ถม พี่มายุ่งเรื่องของข้ากับพี่เยี่ยมทำไม ถอยไปนะ เรารักกัน อย่ามาแยกเราสองคนออกจากกัน”
เสียงเยียบเย็นของสาดังก้องแหวกอากาศลอยมาเข้าหู พรานถมทำสมาธิให้ตั้งมั่น ร้องตอบกลับไป
“สานั่นแหละถอยไป หยุดทำร้ายไอ้เยี่ยมเสียที ความรักของสาจะทำให้ไอ้เยี่ยมมันตายเอานะ ตอนนี้มันแทบจะไม่มีแรงเดินอยู่แล้ว”
“หุบปาก!” นางตานีตวาดแว้ด แสลงใจกับคำว่าเธอทำร้ายคนที่รักจนอาจทำให้เขาถึงแก่ความตาย กลายมาเป็นความโกรธ
“ใครว่าพี่เยี่ยมจะตาย เขาแข็งแรงดี ไม่ได้เจ็บป่วยอะไรเลย เราสองคนต้องการอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ ฉันรักพี่เยี่ยม จะดูแลเขาอย่างดี คนอื่นอย่ามายุ่ง”
“ก็ข้าเห็นกับตาว่าไอ้เยี่ยมมันเป็นยังไง เอ็งรักมันแบบไหนถึงมาทำให้มันต้องตาย...ตายไปแล้วมันก็ต้องไปตามทางของมัน นึกเหรอว่าเอ็งสองคนจะได้อยู่ด้วยกันอีก ข้าเองก็รักสาย แต่ข้าไม่ได้เห็นแก่ตัวพาสายออกจากป่ามาด้วย เพื่อมาเจอกับปัญหาและสภาพที่ไม่เหมาะสม จนเป็นอันตรายกับสาย ยอมตัดใจให้สายได้ถือศีลภาวนา จนกว่าจะหมดเวรหมดกรรมจากการเป็นเสือเย็นไปเอง”
“อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย พี่กับสายรักกันมันก็เรื่องของพี่ ฉันกับพี่เยี่ยมรักกัน มันย่อมไม่เหมือนพี่กับสายรักกันอยู่แล้ว ขอบอกอีกครั้ง อย่ามายุ่ง ไม่งั้นอย่าหาว่าฉันไม่เตือน”
นางตานียกมือขึ้นชี้หน้า ใบหน้าที่เคยนวลกระจ่างกลับขาวซีดลงเหมือนใบหน้าของซากศพ ดวงตาดำมืดเต็มตาจนมองไม่เห็นตาขาว ปากแยกแสยะออกเห็นฟันซี่ดำแหลมคมเต็มปาก สาขณะนี้ไม่หลงเหลือความเป็นสาวสวยเหมือนตอนเป็นนางไม้อยู่ในป่าเลย ท่าทางขู่อาฆาตของเธอดูน่ากลัวมาก จนพรานถมหนาวสันหลังเยือก
“ใครที่กล้าเข้ามาแยกข้ากับพี่เยี่ยมออกจากกัน ข้าจะไม่ไว้ชีวิตมัน จำไว้ให้ดี”
เอ่ยคำอาฆาตเอาไว้ จากนั้นร่างเธอก็ค่อย ๆ เลือนหายไป พร้อมกับเสียงเห่าหอนของหมาเงียบสนิทลง พรานถมเป่าลมออกจากปาก ถอนหายใจใหญ่ นึกหนักใจที่จะต้องต่อกรกับนางตานี ผู้ซึ่งเคยมีบุญคุณกับตน แต่ไม่ช่วยพรานเยี่ยมก็ไม่ได้ ไม่งั้นเพื่อนของตนต้องตายอย่างแน่นอน แล้วอาจไม่ได้ไปผุดไปเกิดอีกเลย ต้องกลายเป็นผีเฝ้าป่าเหมือนนางตานีสาไปอีกคน ซึ่งตนยอมไม่ได้
พรานถมกลับมาล้มตัวลงนอนใหม่ เอามือก่ายหน้าผาก เขาคิดว่าปัญหาตอนนี้มันหนักหนาสาหัสมาก แต่เขาไม่รู้เลยว่าปัญหาใหญ่กว่านี้ได้เกิดขึ้นกับสร้อยไปแล้ว