ท่านคิดอย่างไรกับความเห็นของเจ้าสัวธนินท์ เรื่องนโยบายให้ต่างชาติซื้อที่ดินในไทยได้

“เจ้าสัวธนินท์” ออกมาแสดงความเห็นต่อนโยบายการให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดิน โดยระบุว่าเงินจะไหลเข้ามาลงทุนและจ้างงานในไทย และเห็นว่าไม่ใช่การขายชาติ
.
ประเด็นการให้ต่างชาติซื้อที่ดินมีการแสดงความเห็นในวงกว้างช่วงที่ผ่านมา และในที่สุดกระทรวงมหาดไทยได้ถอนกฎกระทรวงที่อนุญาตให้ชาวต่างชาติซื้อที่ดินได้ 1 ไร่ จากคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเมื่อวันที่ 7 พ.ย.2565
.
นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ได้แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าว ว่า ต่างชาติจะนำเงินเข้ามาลงทุนซื้อบ้านปักหลักย่อมดีกว่าการท่องเที่ยว เพราะการท่องเที่ยวเข้ามาแล้วก็กลับ แต่การมาซื้อที่ดินจะเป็นการลงทุน มา สร้างงาน สร้างเงิน 
.
“พอจะซื้อบ้านก็โดนบอกว่าไม่ได้ ถ้าหากไม่เข้าใจ หวังดี แต่บางทีหวังดีต่อประเทศกลับทำให้ประเทศเสียหาย คุณให้เขามาชั่วคราว เขาก็มาทำธุรกิจชั่วคราว แล้วจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติได้อย่างไร หากดูที่ดินเรา 105 ล้านไร่ เฉพาะพื้นที่เพาะปลูกนะครับ แล้วขายจะได้สักกี่มากน้อย คนละไร่ แล้วจะเอากลับไปบ้านเขาก็ไม่ได้”
.
“ถ้าวันนี้ผมเป็นรัฐบาล จะกระตือรือร้นไปชักชวนชาวต่างชาติ ทั้งยุโรป ทั้งคนรัสเซีย พวกเขาอยากออกจากประเทศ คนยุโรปก็พอหน้าหนาวเปลืองค่าแก๊ส เสียเงินมาเที่ยวเมืองไทย ก็หลีกเลี่ยงความหนาว แก๊สไม่พอ อะไรไม่พอ เพราะฉะนั้นเราทำหรือยังครับ”
.
นอกจากนี้ เฉพาะในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีที่เหลือล้นแล้วและซื้อที่ดินไม่หมด ดังนั้นถ้าต่างชาตินำเงินมาให้เราแล้วเขาจะนำที่ดินไปไหนได้ทั้งบ้านทั้งที่ดิน นอกจากจะนำที่ดินไปไม่ได้ยังต้องจ้างคนมาดูแลอีกด้วย โดยต้องจ้างคนมาทำความสะอาดก็เกิดการจ้างงานอีก ดังนั้นไทยจะเสียหายที่ไหนและไม่เห็นว่าเป็นการขายชาติ
.
นอกจากนี้ นายธนินท์ ได้กล่าวถึงการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง โดยปัจจุบันบริษัทเอเชีย เอรา วัน จำกัด ที่กลุ่มซีพีถือหุ้นใหญ่ กำลังพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) รวมทั้งขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กำลังพัฒนารถไฟไทย-จีน ซึ่ง
.
นายธนินท์ กล่าวว่า ในโอกาสที่ไทยจะได้รับหลังรถไฟความเร็วสูงสร้างเสร็จ โดยเอกชนพร้อมผลักดันเต็มกำลัง เพราะสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงประเทศ โดยรถไฟความเร็วสูงไม่ใช่แค่เรื่องรถไฟความเร็วสูง แต่เชื่อมถึงลาว กัมพูชา เวียดนามและจีน ซึ่งจะทำให้ไทยเป็นจุดศูนย์กลางที่แท้จริง 
.
นอกจากนี้ ประเทศไทยมีท่าเรือน้ำลึกขนาดใหญ่ถึง 2 ท่าเรือ รวมทั้งมีสนามบินเชิงพาณิชย์ถึง 3 สนามบิน รวมทั้งในอีอีซี ซึ่งเป็นพื้นที่อุตสาหกรรมสำคัญของประเทศ และมีสัดส่วนจีดีพีถึง 70% ของจีดีพีประเทศ ซึ่งเป็นเหตุผลว่าทำไมประเทศไทยจะไม่ทำตรงนี้
.
สำหรับเส้นทางรถไฟความเร็วสูงต้องเชื่อมโยงทุกชาติข้างเคียงทั้งในอาเซียน เอเชียและเชื่อมไปจนถึงทวีปยุโรป เพื่อสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้ประเทศไทย
.
.
#กรุงเทพธุรกิจEconomic #กรุงเทพธุรกิจ #กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ 
-------------------------------

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 9
ช่วงที่ วีระ ไปถูกทหารเขมรจับ ตอนไปขี้หลักหมุดเขตแดน
แต่คนบางกลุ่มกลับบอก   ที่เท่าแมวดิ้นตาย   ริเบอร์อรัล โลกไร้พรมแดน ฯลฯ


ตอนนั้นก็นึกโมโหอยู่ ทำไมคนไทยคิดกันแบบนี้...ไม่เข้าใจ

พอวันเวลาผ่านไป เราเห็นโลกเชื่อมสิ่งต่างๆเข้าหากันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น เศรฐกิจ การเมือง การปกครอง
หรือแม้กระทั่งกฏหมาย เราก็ต้องยอมรับว่าทุกสิ้งทุกอย่างย่อมเปลี่ยนแปลง ถ้าคนรุ่นใหม่เขามองโลกที่ไม่มีการแบ่งแยกผู้คน เชื้อชาติ ศาสนา

แถมไปศึกษาประวัติศาสตร์ดูดีๆ  เฮ้ยสมัยก่อนเขาเปิดกว้างกันมากกว่านี้อีก
เราก็เลยพยายามมองโลกในมุมที่เปลี่ยนไป




ส่วนใครจะแขวะเรื่องขายชาติ....ผมไม่คิดแบบนั้น

1. มีคนเข้ามา ก็ต้องกินต้องใช้ มีการใช้จ่าย ซื้อสินค้าและบริการต่างๆ ไปตลอดชีวิตที่เหลือ คนเหล่านี้จะช่วยเป็นแรงขับเคลื่อนเศรฐกิจได้อีกทาง
ดีกว่าปล่อยให้กลายเป็นเมืองร้างลงไปทุกวันแบบนี้


2. ถ้าดูประวัติศาสตร์  ประเทศเรา  ก็มีหลายช่วงในประวัติศาสตร์ ที่เราค่อนข้างเปิดรับชาวต่างชาติต่างๆ ทั้งสเปน อิตตาลี ญี่ปุ่น อังกฤษ ฝรั่งเศษ มอญ ฯลฯ ให้เข้ามาอาศัยทำอยู่ทำกิน เปิดกว้างทางวัฒนธรรม หรือรวมทั้งเผยแพร่ศาสนาเลยด้วยซ้ำ หลายประเทศยังไม่เปิดกว้างเท่าเราเลย


3.คนรุ่นใหม่ เขาก็ไม่ได้มีความหวงแหนอัตลักษ์ ขนบธรรมเนียมประเพณีอะไรขนาดนั้น เพราะฉะนั้น  สิ่งเหล่านี้ ถ้าไม่มีใครสืบทอด สิ่งเหล่านี้มันก็ต้องเสื่อม หรือปรับเปลี่ยนไปตามกาลเวลาอยู่ดี


4.ปรับประเทศให้มีความเป็นนานาชาติ สากลมากขึ้น  เห็นคนรุ่นใหม่หลายคนชอบเหยียดประเทศตัวเอง ซึ่งถ้ามีต่างชาติเข้ามาผสมผสานมากขึ้น มุมมอง หรือทิศทางต่างๆ อาจเปลี่ยนไปให้มีความเป็นสากลมากขึ้นก็เป็นได้...


ส่วนตัว ผมก็พยายามมองข้ามเรื่องเชื้อชาติไป มันก็คนเหมือนกัน ใครมันรักประเทศไทย อยากมาอยู่ประเทศไทย มาสร้างงาน สร้างเงิน  อนาคตอาจเป็นเมืองท่า เมืองศูนย์กลางนานาชาติ ที่ผู้คนทั่วสารทิศมาทำงาน มาใช้ชีวิต มากิน มาอยู่ ผมก็ยินดีทั้งนั้น



ดีกว่ากีดกันต่างชาติ  รอวันเป็นเมืองร้างไปแบบนี้...



อีกอย่าง....มันก็ไม่ใช่ที่เราด้วย
ที่ใคร เขาจะขายใคร ราคาเท่าไหร่ มันก็เรื่องของเขาป่ะ  จะไปเที่ยวยุ่งอะไรกับของๆเขา
ถ้าคุณจะขายบ้าน คุณก็ต้องอยากได้ราคา แล้วญาติคุณมาพูดแบบนั้นแบบนี้ คุณจะคิดยังไง

นั่นแหล่ะประเด็น....
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่