สวัสดีค่ะ ปกติตั้งแต่กระทู้ไร้สาระ นี่ถึงกับต้องสมัครใหม่เพื่อตั้งกระทู้นี้ เครียดจริงๆค่ะ (ติดแท็กถูกไหมก็ไม่รู้)
เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดสินใจเรื่องงานค่ะ
ตอนนี้อายุ 25 ปีค่ะ คืองานปัจจุบันทำงานที่สายบินแห่งหนึ่งในสนามบินต่างจังหวัด เงินเดือนน้อยมากประมาณ 15-19k แล้วแต่ค่าคอมหรือโอทีในแต่ละเดือน วันหยุด 10 วันต่อเดือน ไม่รวมวันที่ขอลาได้ และเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทำงานคือดีมาก ตั้งแต่ทำงานมาใช้ชีวิตร่วมงานกับทุกคนคือมีความสุขสุดๆค่ะ ไม่มีคนไหนที่เราทำงานด้วยแล้วขัดใจเลย ทุกคนเป็นทีม ที่เรียกว่าทีมจริงๆ แม้ว่างานจะ ปสด หน่อยๆ เงินก็น้อย แต่เราติดใจเรื่องมิตรภาพที่นี่มากๆ
คราวนี้ปัญหาเกิดเมื่อ
1. คนในครอบครัวเข้า รพ (เดิมเราเป็นคน กทม ค่ะ แค่เบื่อๆเลยมาหางาน ตจว หนีความวุ่นวาย)
2. รู้สึกว่าเงินไม่พอต่อความต้องการ
3. รู้สึกว่าเราไปได้ไกลมากกว่านี้
ทำให้เราลองสมัครงานเล่นๆ ที่ กทม เป็นงานที่จะได้กลับไปอยู่ กทม กับครอบครัว และจะเจอคนในอีกระดับหนึ่งมากขึ้น รวมถึงเงินเดือน 23k + แน่นอนเยอะเกือบเท่าตัว เหมือนเป็นการอัพเกรดตัวเองไหมไม่แน่ใจ(คิดไปเองว่าจะสามารถยกระดับตัวเองได้ ทั้งเรื่องสังคมและความสามารถ)
ตอนที่สัมภาษณ์งานใหม่ทุกอย่างเป็นไปได้สวย เรามั่นใจว่าเราเข้ากับคนง่าย การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี จนเขาถามว่าสามารถเริ่มงานได้ตอนไหน เราบอกว่ายังไงก็ต้องรอ 30 วัน เพราะว่าตารางงานของเดือนหน้าออกแล้ว ถ้าเราออกกลางคันเหมือนเราจะไปรบกวนเวลาคนอื่นเขา และเหมือนเราทำให้เขาวุ่นวายไปหมดแน่ๆ รวมถึงทุกมิตรที่เรารัก เขาต้องลำบากแน่ๆเลย อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสับสนมากๆก็คือ (ขอนอกเรื่องยาวนิดหนึ่ง)
นอกเรื่อง > เราเพิ่งได้งานนี้มาประมาณ 4 เดือน ตอนสมัครแค่คิดว่าเบื่อ กทม เฉยๆไม่ได้คิดอะไร สักพัก เอ้า ได้เพื่อนดีเฉยเลย แล้วเรากลัวว่าคนจะดูว่าเราเปลี่ยนงานบ่อย ล้มเหลว ไม่อดทน ไม่เอาไหน ทิ้งภาระให้คนอื่น นี่คือความคิดในสภาพจิตใจเรานะคะ ที่ตัดเรื่องของเงินเดือนหรือผลประโยชน์ออกไป
คราวนี้... คนสัมภาษณ์เขาบอกว่า เขาอยากเลือกเรานะ แต่เริ่มงานอีกตั้งเดือนกว่าเขารอไม่ได้หรอก ไปลองๆคุยได้ไหมว่าจะมาก่อนปีใหม่นี้ น่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันมากกว่านะ (แต่ก็ยังไม่บอกผลนะว่าได้ไหม) ถ้ามาก่อนปีใหม่ได้ช่วยติดต่อกลับมาหน่อยนะ จะได้คุยกันอีกที นั่นทำให้เรารู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่ เลยลองปรึกษาพ่อดู พ่อเราบอกว่าเราทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติที่ทำงานเก่าเลย ไม่น่ารักเลยนะทำได้แปปเดียวแล้วออก เข้าใจว่างานใหม่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ แต่มันจะเหมาะสมไหมที่เราทำแบบนี้ เหมือนคนเหลอะแหละไม่เอาไหน
คำถามคือ เราจะทำยังไงดีคะ เราอยากได้งานใหม่เพราะอยากไปให้ไกลกว่านี้ แต่เรายังยึดติดกับมิตรภาพที่นี่และคำว่าเหมือนเด็กไม่เอาไหน ล้มเหลว
ปล. อันนี้ขอพื้นที่บ่นนะคะไม่ใช่เนื้อหาอะไรสำคัญ แค่รู้สึกว่าทำไมการเปลี่ยนงานบ่อยเราดูล้มเหลวเหรอคะ เราแค่รู้สึกว่าเราอยากตามหางานที่ตอบโจทย์เราจริงๆ ซึ่งเราอยากไปได้ไกลกว่านี้ แต่บางทีเราก็สับสนกับตัวเองว่าจริงๆแล้วเราต้องการอะไรกันแน่ เรากลัวว่าถ้าเราไปที่ใหม่เราจะไม่ได้หัวหน้าดีๆเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ร่วมงานที่ดีแบบนี้ เรากลัวจะเบื่อ กทม อีกรอบเราเคยทำที่ กทม มาก่อนจะมาที่นี่เราก็รู้สึกบั่นทอนเวลาขับรถไปทำงานแล้วรถติด หรืออยู่บนรถไฟฟ้าเบียดๆ แต่พอเรามาอยู่ ตจว แค่คิดว่าเราอยู่ ตจว เราาอัพสกิลตัวเองยากกว่าการที่อยู่ กทม ที่มีคนหลากหลายมากกว่า การแข่งขันสูงกว่า เราแค่อยากค้นหาตัวเอง แต่เหมือนตอนนี้กำลังทำให้คนอื่นเขาลำบากไปด้วย พูดวนไปมาไงไม่รู้ เหมือนความคิดเรากำลังวนไปมา เลยทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ไม่เด็ดขาดอะไรสักที อยากได้คนที่ประสบการณ์ชีวิตเยอะๆ หรือผ่านการเปลี่ยนงานบ่อยๆมาแนะนำค่ะ
ระหว่างงานที่เงินน้อย แต่ได้มิตรที่ดี กับงานใหม่ที่เงินเยอะ แต่ทิ้งภาระให้ที่ทำงานเก่า
เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะคะ ตอนนี้อยู่ในช่วงตัดสินใจเรื่องงานค่ะ
ตอนนี้อายุ 25 ปีค่ะ คืองานปัจจุบันทำงานที่สายบินแห่งหนึ่งในสนามบินต่างจังหวัด เงินเดือนน้อยมากประมาณ 15-19k แล้วแต่ค่าคอมหรือโอทีในแต่ละเดือน วันหยุด 10 วันต่อเดือน ไม่รวมวันที่ขอลาได้ และเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ทำงานคือดีมาก ตั้งแต่ทำงานมาใช้ชีวิตร่วมงานกับทุกคนคือมีความสุขสุดๆค่ะ ไม่มีคนไหนที่เราทำงานด้วยแล้วขัดใจเลย ทุกคนเป็นทีม ที่เรียกว่าทีมจริงๆ แม้ว่างานจะ ปสด หน่อยๆ เงินก็น้อย แต่เราติดใจเรื่องมิตรภาพที่นี่มากๆ
คราวนี้ปัญหาเกิดเมื่อ
1. คนในครอบครัวเข้า รพ (เดิมเราเป็นคน กทม ค่ะ แค่เบื่อๆเลยมาหางาน ตจว หนีความวุ่นวาย)
2. รู้สึกว่าเงินไม่พอต่อความต้องการ
3. รู้สึกว่าเราไปได้ไกลมากกว่านี้
ทำให้เราลองสมัครงานเล่นๆ ที่ กทม เป็นงานที่จะได้กลับไปอยู่ กทม กับครอบครัว และจะเจอคนในอีกระดับหนึ่งมากขึ้น รวมถึงเงินเดือน 23k + แน่นอนเยอะเกือบเท่าตัว เหมือนเป็นการอัพเกรดตัวเองไหมไม่แน่ใจ(คิดไปเองว่าจะสามารถยกระดับตัวเองได้ ทั้งเรื่องสังคมและความสามารถ)
ตอนที่สัมภาษณ์งานใหม่ทุกอย่างเป็นไปได้สวย เรามั่นใจว่าเราเข้ากับคนง่าย การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดี จนเขาถามว่าสามารถเริ่มงานได้ตอนไหน เราบอกว่ายังไงก็ต้องรอ 30 วัน เพราะว่าตารางงานของเดือนหน้าออกแล้ว ถ้าเราออกกลางคันเหมือนเราจะไปรบกวนเวลาคนอื่นเขา และเหมือนเราทำให้เขาวุ่นวายไปหมดแน่ๆ รวมถึงทุกมิตรที่เรารัก เขาต้องลำบากแน่ๆเลย อีกอย่างหนึ่งที่ทำให้เรารู้สึกสับสนมากๆก็คือ (ขอนอกเรื่องยาวนิดหนึ่ง)
นอกเรื่อง > เราเพิ่งได้งานนี้มาประมาณ 4 เดือน ตอนสมัครแค่คิดว่าเบื่อ กทม เฉยๆไม่ได้คิดอะไร สักพัก เอ้า ได้เพื่อนดีเฉยเลย แล้วเรากลัวว่าคนจะดูว่าเราเปลี่ยนงานบ่อย ล้มเหลว ไม่อดทน ไม่เอาไหน ทิ้งภาระให้คนอื่น นี่คือความคิดในสภาพจิตใจเรานะคะ ที่ตัดเรื่องของเงินเดือนหรือผลประโยชน์ออกไป
คราวนี้... คนสัมภาษณ์เขาบอกว่า เขาอยากเลือกเรานะ แต่เริ่มงานอีกตั้งเดือนกว่าเขารอไม่ได้หรอก ไปลองๆคุยได้ไหมว่าจะมาก่อนปีใหม่นี้ น่าจะมีโอกาสได้ร่วมงานกันมากกว่านะ (แต่ก็ยังไม่บอกผลนะว่าได้ไหม) ถ้ามาก่อนปีใหม่ได้ช่วยติดต่อกลับมาหน่อยนะ จะได้คุยกันอีกที นั่นทำให้เรารู้สึกสับสนเข้าไปใหญ่ เลยลองปรึกษาพ่อดู พ่อเราบอกว่าเราทำแบบนี้เหมือนไม่ให้เกียรติที่ทำงานเก่าเลย ไม่น่ารักเลยนะทำได้แปปเดียวแล้วออก เข้าใจว่างานใหม่เป็นโอกาสที่ดีจริงๆ แต่มันจะเหมาะสมไหมที่เราทำแบบนี้ เหมือนคนเหลอะแหละไม่เอาไหน
คำถามคือ เราจะทำยังไงดีคะ เราอยากได้งานใหม่เพราะอยากไปให้ไกลกว่านี้ แต่เรายังยึดติดกับมิตรภาพที่นี่และคำว่าเหมือนเด็กไม่เอาไหน ล้มเหลว
ปล. อันนี้ขอพื้นที่บ่นนะคะไม่ใช่เนื้อหาอะไรสำคัญ แค่รู้สึกว่าทำไมการเปลี่ยนงานบ่อยเราดูล้มเหลวเหรอคะ เราแค่รู้สึกว่าเราอยากตามหางานที่ตอบโจทย์เราจริงๆ ซึ่งเราอยากไปได้ไกลกว่านี้ แต่บางทีเราก็สับสนกับตัวเองว่าจริงๆแล้วเราต้องการอะไรกันแน่ เรากลัวว่าถ้าเราไปที่ใหม่เราจะไม่ได้หัวหน้าดีๆเพื่อนๆพี่ๆน้องๆที่ร่วมงานที่ดีแบบนี้ เรากลัวจะเบื่อ กทม อีกรอบเราเคยทำที่ กทม มาก่อนจะมาที่นี่เราก็รู้สึกบั่นทอนเวลาขับรถไปทำงานแล้วรถติด หรืออยู่บนรถไฟฟ้าเบียดๆ แต่พอเรามาอยู่ ตจว แค่คิดว่าเราอยู่ ตจว เราาอัพสกิลตัวเองยากกว่าการที่อยู่ กทม ที่มีคนหลากหลายมากกว่า การแข่งขันสูงกว่า เราแค่อยากค้นหาตัวเอง แต่เหมือนตอนนี้กำลังทำให้คนอื่นเขาลำบากไปด้วย พูดวนไปมาไงไม่รู้ เหมือนความคิดเรากำลังวนไปมา เลยทำให้ตัดสินใจอะไรไม่ได้ ไม่เด็ดขาดอะไรสักที อยากได้คนที่ประสบการณ์ชีวิตเยอะๆ หรือผ่านการเปลี่ยนงานบ่อยๆมาแนะนำค่ะ