อย่าประมาท! 'หมอธีระ' ชี้ไทยป่วยโควิดพุ่ง คาดติดเชื้อใหม่ 1.5 หมื่น คนต่อวัน
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7365529
อย่าประมาท! ‘หมอธีระ’ ชี้ไทยป่วยโควิดพุ่ง เผยยอดรักษาตัวในโรงพยาบาลสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้นต่อเนื่อง คาดติดเชื้อใหม่ 1.5 หมื่น คนต่อวัน
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.65 นพ.
ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์การติดโควิด-19 ในช่วงนี้ ระบุว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 134,206 คน ตายเพิ่ม 503 คน รวมแล้วติดไป 640,493,594 คน เสียชีวิตรวม 6,616,130 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญึ่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 86.14 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 90.45 “แม้ติดเชื้อมาก่อน ก็มีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้”
Kahn F และคณะจากสวีเดน เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อวานนี้ โดยศึกษาในกลุ่มประชากรวัยผู้ใหญ่ จำนวน 71,592 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์
พบว่าคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 ก่อนหน้าสายพันธุ์ Omicron และคนที่ติดในช่วง Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.1 มาก่อนนั้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
ในขณะที่คนที่เคยติดเชื้อในช่วงสายพันธุ์ Omicron มาก่อน หากเป็นช่วง BA.2 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 85% และคนที่ติดในช่วง BA.5 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 66% อย่างไรก็ตาม ผลในการป้องกันจะลดลงอย่างมากหลัง 5-6 เดือนนับจากที่ติดเชื้อมา
ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเคยติดเชื้อมาก่อนก็ตาม การติดเชื้อไม่จบแค่ชิลๆ ป่วย หรือตาย แต่ยังมีความเสี่ยงต่อเรื่องผลกระทบระยะยาวอย่าง Long COVID จากการติดเชื้อแต่ละครั้งอีกด้วย “กว่า 90% ของคนติดเชื้อครั้งแรกโดยสายพันธุ์ Omicron นั้นจะมีอาการ”
Doll MK และคณะจากสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv วันที่ 14 พ.ย.65 ศึกษาในกลุ่มประชากรอายุ 30-64 ปี ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน สุขภาพแข็งแรง โดยไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน จำนวน 274 คน ติดตามดูในช่วงมิ.ย.64 ถึงก.ย.65 เป็นระยะเวลา 48 สัปดาห์
คนที่ติดเชื้อในช่วง Omicron ระบาดนั้น มีถึง 93.3% ที่เป็นการติดเชื้อแบบมีอาการ ในขณะที่คนที่ติดเชื้อในช่วงเดลต้า ทุกคนก็มีอาการป่วย จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อแบบไม่มีอาการนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนัก ผลการศึกษานี้ชี้ให้เราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตัว
หากใครมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องโควิด-19 เสมอ ควรทำการตรวจ ATK และแยกตัวจากคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่ไปให้ผู้อื่น ทั้งในบ้าน ในที่ทำงาน และในชุมชน
ในขณะเดียวกัน ประชาชนในสังคมก็สามารถสังเกตคนที่เราพบปะในชีวิตประจำวัน หากมีอาการไม่สบายข้างต้น ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด ลดระยะเวลาพบปะ รักษาระยะห่างจากคนป่วย และป้องกันตัวอย่างเหมาะสม “สตรีที่มีครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้รกอักเสบ และสัมพันธ์กับทารกตายคลอด”
Schwartz DA และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงานวิชาการในวารสารทางการแพทย์สูตินรีเวช American Journal of Obstetrics and Gynecology เมื่อต.ค.ที่ผ่านมา จากการศึกษาพยาธิสภาพของรกจากสตรีที่ตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะทารกตายคลอด (Stillbirth)
ชี้ให้เห็นสมมติฐานของกลไกพยาธิสภาพที่จะเกิดขึ้นในรก โดยหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด และไปที่รก ติดเชื้อในเซลล์ Syncytiotrophoblast และทำให้เกิดกระบวนการอักเสบของรกตามมา โดยเชื่อว่ากลไกนี้จะสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาทารกตายคลอด
…สถานการณ์ในไทยตอนนี้ หลายคนทราบกันดีว่ามีการติดเชื้อรอบตัวมากขึ้นชัดเจน จากรายงานทางการเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วย ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวประเมินว่าจำนวนติดเชื้อใหม่อย่างน้อย 15,077 คนต่อวัน จึงควรใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ลดละเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง สถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องระหว่างการทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก ความใส่ใจสุขภาพ (Health consciousness) เป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของแต่ละคนแต่ละครอบครัว
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02DLV11DfYCQL2apPKVPqmFWPfRMSFWrVeyHPUeFs22FKZa8NxJefz9haGz4ZJfhA6l
ผู้นำโลกลุ้นระทึก! ใกล้ชิด ‘สมเด็จฯฮุน เซน’ ติดโควิด ก่อนร่วมประชุมเอเปคในไทย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3674123
ผู้นำโลกลุ้นระทึก! ใกล้ชิด ‘สมเด็จฯฮุน เซน’ ติดโควิด ก่อนร่วมประชุมเอเปคในไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมเด็จฯ
ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกตรวจพบว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกขณะบินไปร่วมประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้บรรดาผู้นำโลกจำนวนมากมีหนาว เนื่องจากผู้นำหลายคนเพิ่งเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่กรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ทุกฝ่ายก็ต้องลุ้นระทึกกันต่อไป เนื่องจากระหว่างการประชุมในกรุงพนมเปญ ผู้นำโลกได้จับมือ สวมกอด และพูดคุยกับสมเด็จฯฮุน เซน อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงพล.อ.
ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่มีการสวมกอดกับสมเด็จฯ
ฮุน เซน อย่างแนบแน่น รวมถึงประธานาธิบดี
โจ ไบเดน ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10-19 พฤศจิกายน มีการประชุมสำคัญเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน 3 ประชุมในประเทศสมาชิกอาเซียน เริ่มจากการประชุมผู้นำอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่กรุงพนมเปญ ในวันที่ 10-13 พฤศจิกายน หลังจากนั้นผู้นำส่วนใหญ่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลี ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน ก่อนที่จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในไทยระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ตามลำดับ
เริ่มแล้ว! ‘ราษฎรหยุดเอเปค’ ลุย 5 สถานทูต ยื่นหนังสือ ‘ส่งสารถึงผู้นำ’ ตร.- หนุ่มแจ๊กเก็ตดำ ตามติด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3674197
เริ่มแล้ว! ‘ราษฎรหยุดเอเปค’ ลุย 5 สถานทูต ยื่นหนังสือ ‘ส่งสารถึงผู้นำ’ ตร.- หนุ่มแจ๊กเก็ตดำ ตามติด – จ่อแถลงก้าวต่อไป
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เครือข่ายกลุ่มเคลื่อนไหว “ราษฎรหยุด APEC 2022” เดินทางไปยื่นหนังสือถึง 5 สถานทูต ได้แก่ สถานเอคอัครราชทูต แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อสื่อสารถึงผู้นำที่จะมาเข้าร่วมการประชุม
บรรยากาศเวลา 10.00 น. ที่อาคารอับดุลราฮิเพลส สถานทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย เขตบางรัก ตัวแทนราษฎรหยุดเอเปค 2022 เดินทางมารวมตัวพร้อมเตรียมยื่นหนังสือ ประกอบด้วย นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ และตัวแทนนักกิจกรรม อาทิ น.ส.
ธนพร วิจันทร์ หรือ
ไหม แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, น.ส.
ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ
ใบปอ และ น.ส.
เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ
หนอนบุ้ง ผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 จากการทำโพลสำรวจความเห็น นาย
ณัฐภูมิ เลิศไพจิตร หรือ เติร์ด อดีตโฆษกกลุ่ม We Volunteer เป็นต้น
จากนั้น เวลา 10.30 น. ตัวแทนนักกิจกรรม ร่วมยื่นหนังสือถึงตัวแทนสถานทูตแคนาดา
ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก อาทิ ตำรวจสันติบาล และตำรวจในพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ พร้อมสอบถามถึงการทำกิจกรรมดังกล่าว และติดตามนักกิจกรรมไปทุกสถานทูต นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ ยืนจับกลุ่มเล่นโทรศัพท์มือถือและถ่ายภาพ อีกด้วย
จากนั้น เวลาประมาณ 10.45 น. ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขึ้นรถกระบะ เดินทางต่อไปยัง สถานเอคอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. ภายหลังการยื่นหนังสือทั้ง 5 สถานทูต กลุ่มนักกิจกรรมระบุว่า จะมีการอ่านแถลงการณ์เกี่ยวกับการจัดการประชุมเอเปคและประเด็นที่ต้องการสื่อสารถึงผู้นำประเทศต่างๆ ที่มาร่วมประชุม พร้อมทั้งแถลงข่าวเรื่องกิจกรรมครั้งถัดไป
JJNY : 'หมอธีระ'ชี้ไทยป่วยโควิดพุ่ง| ‘สมเด็จฯฮุน เซน’ ติดโควิด| ‘ราษฎรหยุดเอเปค’ ลุย 5 สถานทูต| โควิดจีน ฉุดราคาน้ำมัน
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_7365529
เมื่อวันที่ 15 พ.ย.65 นพ.ธีระ วรธนารัตน์ ภาควิชาเวชศาสตร์ป้องกันและสังคม คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ส่วนตัว เกี่ยวกับสถานการณ์การติดโควิด-19 ในช่วงนี้ ระบุว่า
เมื่อวานทั่วโลกติดเพิ่ม 134,206 คน ตายเพิ่ม 503 คน รวมแล้วติดไป 640,493,594 คน เสียชีวิตรวม 6,616,130 คน
5 อันดับแรกที่ติดเชื้อสูงสุดคือ ญึ่ปุ่น เกาหลีใต้ ไต้หวัน สหรัฐอเมริกา และฝรั่งเศส เมื่อวานนี้จำนวนติดเชื้อใหม่มีประเทศจากยุโรปและเอเชียครอง 7 ใน 10 อันดับแรก และ 14 ใน 20 อันดับแรกของโลก จำนวนติดเชื้อใหม่ในแต่ละวันของทั่วโลกตอนนี้ มาจากทวีปเอเชียและยุโรป รวมกันคิดเป็นร้อยละ 86.14 ของทั้งโลก ในขณะที่จำนวนการเสียชีวิตคิดเป็นร้อยละ 90.45 “แม้ติดเชื้อมาก่อน ก็มีโอกาสติดเชื้อซ้ำได้”
Kahn F และคณะจากสวีเดน เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv เมื่อวานนี้ โดยศึกษาในกลุ่มประชากรวัยผู้ใหญ่ จำนวน 71,592 คน ส่วนใหญ่เป็นบุคลากรทางการแพทย์
พบว่าคนที่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 ก่อนหน้าสายพันธุ์ Omicron และคนที่ติดในช่วง Omicron สายพันธุ์ย่อย BA.1 มาก่อนนั้น ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อซ้ำได้
ในขณะที่คนที่เคยติดเชื้อในช่วงสายพันธุ์ Omicron มาก่อน หากเป็นช่วง BA.2 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 85% และคนที่ติดในช่วง BA.5 อาจช่วยลดโอกาสติดเชื้อซ้ำได้ราว 66% อย่างไรก็ตาม ผลในการป้องกันจะลดลงอย่างมากหลัง 5-6 เดือนนับจากที่ติดเชื้อมา
ผลการศึกษานี้ตอกย้ำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ในการใช้ชีวิตประจำวันอย่างระมัดระวัง ป้องกันตัวอย่างสม่ำเสมอ แม้จะเคยติดเชื้อมาก่อนก็ตาม การติดเชื้อไม่จบแค่ชิลๆ ป่วย หรือตาย แต่ยังมีความเสี่ยงต่อเรื่องผลกระทบระยะยาวอย่าง Long COVID จากการติดเชื้อแต่ละครั้งอีกด้วย “กว่า 90% ของคนติดเชื้อครั้งแรกโดยสายพันธุ์ Omicron นั้นจะมีอาการ”
Doll MK และคณะจากสหรัฐอเมริกา เผยแพร่ผลการศึกษาใน medRxiv วันที่ 14 พ.ย.65 ศึกษาในกลุ่มประชากรอายุ 30-64 ปี ที่ไม่เคยติดเชื้อมาก่อน สุขภาพแข็งแรง โดยไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน จำนวน 274 คน ติดตามดูในช่วงมิ.ย.64 ถึงก.ย.65 เป็นระยะเวลา 48 สัปดาห์
คนที่ติดเชื้อในช่วง Omicron ระบาดนั้น มีถึง 93.3% ที่เป็นการติดเชื้อแบบมีอาการ ในขณะที่คนที่ติดเชื้อในช่วงเดลต้า ทุกคนก็มีอาการป่วย จะเห็นได้ว่าการติดเชื้อแบบไม่มีอาการนั้นมีโอกาสเกิดขึ้นไม่มากนัก ผลการศึกษานี้ชี้ให้เราเห็นความสำคัญของการปฏิบัติตัว
หากใครมีอาการป่วย เป็นไข้ ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ จำเป็นต้องนึกถึงเรื่องโควิด-19 เสมอ ควรทำการตรวจ ATK และแยกตัวจากคนอื่น เพื่อป้องกันการแพร่ไปให้ผู้อื่น ทั้งในบ้าน ในที่ทำงาน และในชุมชน
ในขณะเดียวกัน ประชาชนในสังคมก็สามารถสังเกตคนที่เราพบปะในชีวิตประจำวัน หากมีอาการไม่สบายข้างต้น ก็ควรหลีกเลี่ยงที่จะเข้าไปคลุกคลีใกล้ชิด ลดระยะเวลาพบปะ รักษาระยะห่างจากคนป่วย และป้องกันตัวอย่างเหมาะสม “สตรีที่มีครรภ์ติดเชื้อโควิด-19 อาจทำให้รกอักเสบ และสัมพันธ์กับทารกตายคลอด”
Schwartz DA และคณะ จากประเทศสหรัฐอเมริกา เผยแพร่รายงานวิชาการในวารสารทางการแพทย์สูตินรีเวช American Journal of Obstetrics and Gynecology เมื่อต.ค.ที่ผ่านมา จากการศึกษาพยาธิสภาพของรกจากสตรีที่ตั้งครรภ์แล้วเกิดภาวะทารกตายคลอด (Stillbirth)
ชี้ให้เห็นสมมติฐานของกลไกพยาธิสภาพที่จะเกิดขึ้นในรก โดยหากเกิดการติดเชื้อโควิด-19 ไวรัสจะแพร่กระจายเข้าสู่กระแสเลือด และไปที่รก ติดเชื้อในเซลล์ Syncytiotrophoblast และทำให้เกิดกระบวนการอักเสบของรกตามมา โดยเชื่อว่ากลไกนี้จะสัมพันธ์กับการเกิดปัญหาทารกตายคลอด
…สถานการณ์ในไทยตอนนี้ หลายคนทราบกันดีว่ามีการติดเชื้อรอบตัวมากขึ้นชัดเจน จากรายงานทางการเกี่ยวกับจำนวนผู้ป่วย ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลในสัปดาห์ที่ผ่านมาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนตัวประเมินว่าจำนวนติดเชื้อใหม่อย่างน้อย 15,077 คนต่อวัน จึงควรใช้ชีวิตด้วยความไม่ประมาท ลดละเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยง สถานที่แออัด ระบายอากาศไม่ดี
การใส่หน้ากากอย่างถูกต้องระหว่างการทำงาน เรียน หรือท่องเที่ยว จะช่วยลดความเสี่ยงลงไปได้มาก ความใส่ใจสุขภาพ (Health consciousness) เป็นเรื่องสำคัญมาก และเป็นตัวกำหนดความเสี่ยงของแต่ละคนแต่ละครอบครัว
https://www.facebook.com/thiraw/posts/pfbid02DLV11DfYCQL2apPKVPqmFWPfRMSFWrVeyHPUeFs22FKZa8NxJefz9haGz4ZJfhA6l
ผู้นำโลกลุ้นระทึก! ใกล้ชิด ‘สมเด็จฯฮุน เซน’ ติดโควิด ก่อนร่วมประชุมเอเปคในไทย
https://www.matichon.co.th/foreign/news_3674123
ผู้นำโลกลุ้นระทึก! ใกล้ชิด ‘สมเด็จฯฮุน เซน’ ติดโควิด ก่อนร่วมประชุมเอเปคในไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังสมเด็จฯฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถูกตรวจพบว่ามีผลตรวจโควิด-19 เป็นบวกขณะบินไปร่วมประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลี ของอินโดนีเซีย เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ทำให้บรรดาผู้นำโลกจำนวนมากมีหนาว เนื่องจากผู้นำหลายคนเพิ่งเดินทางไปร่วมประชุมผู้นำอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่กรุงพนมเปญ ของกัมพูชา ด้วยเช่นกัน
แน่นอนว่าเรื่องดังกล่าวไม่มีใครอยากให้เกิด แต่ทุกฝ่ายก็ต้องลุ้นระทึกกันต่อไป เนื่องจากระหว่างการประชุมในกรุงพนมเปญ ผู้นำโลกได้จับมือ สวมกอด และพูดคุยกับสมเด็จฯฮุน เซน อย่างใกล้ชิด ซึ่งรวมถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย ที่มีการสวมกอดกับสมเด็จฯฮุน เซน อย่างแนบแน่น รวมถึงประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของสหรัฐ
ทั้งนี้ ระหว่างวันที่ 10-19 พฤศจิกายน มีการประชุมสำคัญเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน 3 ประชุมในประเทศสมาชิกอาเซียน เริ่มจากการประชุมผู้นำอาเซียนและการประชุมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องที่กรุงพนมเปญ ในวันที่ 10-13 พฤศจิกายน หลังจากนั้นผู้นำส่วนใหญ่เดินทางไปเข้าร่วมประชุมจี 20 ที่เกาะบาหลี ในวันที่ 15-16 พฤศจิกายน ก่อนที่จะเดินทางมาเข้าร่วมประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในไทยระหว่างวันที่ 18-19 พฤศจิกายน ตามลำดับ
เริ่มแล้ว! ‘ราษฎรหยุดเอเปค’ ลุย 5 สถานทูต ยื่นหนังสือ ‘ส่งสารถึงผู้นำ’ ตร.- หนุ่มแจ๊กเก็ตดำ ตามติด
https://www.matichon.co.th/politics/news_3674197
เริ่มแล้ว! ‘ราษฎรหยุดเอเปค’ ลุย 5 สถานทูต ยื่นหนังสือ ‘ส่งสารถึงผู้นำ’ ตร.- หนุ่มแจ๊กเก็ตดำ ตามติด – จ่อแถลงก้าวต่อไป
เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน เครือข่ายกลุ่มเคลื่อนไหว “ราษฎรหยุด APEC 2022” เดินทางไปยื่นหนังสือถึง 5 สถานทูต ได้แก่ สถานเอคอัครราชทูต แคนาดา, ออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, นิวซีแลนด์ และสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย เพื่อสื่อสารถึงผู้นำที่จะมาเข้าร่วมการประชุม
บรรยากาศเวลา 10.00 น. ที่อาคารอับดุลราฮิเพลส สถานทูตแคนาดา ประจำประเทศไทย เขตบางรัก ตัวแทนราษฎรหยุดเอเปค 2022 เดินทางมารวมตัวพร้อมเตรียมยื่นหนังสือ ประกอบด้วย นักศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ และตัวแทนนักกิจกรรม อาทิ น.ส.ธนพร วิจันทร์ หรือ ไหม แกนนำเครือข่ายแรงงานเพื่อสิทธิประชาชน, น.ส.ณัฐนิช ดวงมุสิทธิ์ หรือ ใบปอ และ น.ส.เนติพร เสน่ห์สังคม หรือ หนอนบุ้ง ผู้ต้องหาคดีอาญา มาตรา 112 จากการทำโพลสำรวจความเห็น นายณัฐภูมิ เลิศไพจิตร หรือ เติร์ด อดีตโฆษกกลุ่ม We Volunteer เป็นต้น
จากนั้น เวลา 10.30 น. ตัวแทนนักกิจกรรม ร่วมยื่นหนังสือถึงตัวแทนสถานทูตแคนาดา
ท่ามกลางเจ้าหน้าที่ตำรวจจำนวนมาก อาทิ ตำรวจสันติบาล และตำรวจในพื้นที่เฝ้าสังเกตการณ์ พร้อมสอบถามถึงการทำกิจกรรมดังกล่าว และติดตามนักกิจกรรมไปทุกสถานทูต นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบที่สวมเสื้อแจ๊กเก็ตสีดำ ยืนจับกลุ่มเล่นโทรศัพท์มือถือและถ่ายภาพ อีกด้วย
จากนั้น เวลาประมาณ 10.45 น. ราษฎรหยุดเอเปค 2022 ขึ้นรถกระบะ เดินทางต่อไปยัง สถานเอคอัครราชทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย
ทั้งนี้ เวลาประมาณ 14.00 น. ภายหลังการยื่นหนังสือทั้ง 5 สถานทูต กลุ่มนักกิจกรรมระบุว่า จะมีการอ่านแถลงการณ์เกี่ยวกับการจัดการประชุมเอเปคและประเด็นที่ต้องการสื่อสารถึงผู้นำประเทศต่างๆ ที่มาร่วมประชุม พร้อมทั้งแถลงข่าวเรื่องกิจกรรมครั้งถัดไป